ในห้องครัว นานแล้วที่ทุกคนไม่ได้ถูกเรียกให้ไปพบท่านอ๋อง แววตาดูถูกจึงยิ่งแรงกล้ามากขึ้น บางคนถึงขั้นกล่าววาจาเหน็บแนมออกมา
“ข้าคิดอยู่เชียว เพียงคุณหนูที่ตกอับ คิดว่าตัวเองจะทำอาหารที่รสชาติอร่อยเลิศออกมาได้จริงๆ หรืออย่างไร”
“แต่ท่าทางนางตอนหันผักตุ๋นน้ำแกงเมื่อสักครู่ ดูทำเป็อยู่นะ”
“เฮอะ คงเรียนมาจากบิดานางในสนามรบกระมัง”
“ฮ่าๆ”
หนิงมู่ฉือหาได้สนใจคำเหน็บแนมของทุกคนไม่ นางนั่งอยู่บนบันไดหินหยกขาวหน้าประตู สองมือกอดเข่าเหม่อมองท้องฟ้านิ่ง จะสำเร็จหรือล้มเหลวล้วนขึ้นอยู่กับน้ำแกงปลากุ้ยอวี๋ถ้วยนั้น นางที่แบกรับความแค้นของสกุลเอาไว้ ถ้าอยากจะทวงความยุติธรรมให้สกุลหนิง นางจำต้องมีที่ยืนในตำหนักอ๋องแห่งนี้ให้ได้ มีตำหนักอ๋องแห่งนี้คอยปกป้อง นางถึงจะมีโอกาสทวงคืนความยุติธรรมให้สกุลหนิง
บรรดาคนที่พูดจาเหน็บแนมต่างค่อยๆ แยกย้ายกันไปจนไม่เหลือ ยามอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าถูกย้อมเป็สีแดง เมื่ออาบไล้ลงมาที่ตัวนาง ทำให้นางราวกับถูกพันด้วยทองหนึ่งชั้น เกิดเป็เงาที่นั่งอย่างอ้างว้าง
นางถอนหายใจ ใบหน้าฉายแววผิดหวัง ดูเหมือนทั้งหมดจะเป็เพียงเื่ที่นางเพ้อฝันไปเอง บางทีคืนนั้นนางคงจะถูกไฟลวกจนเลอะเลือน สุดยอดแม่ครัวมีที่ใดกัน เป็นางที่กุขึ้นมาเอง
นางลุกขึ้นยืน ปัดเศษดินตามตัว นางตัดสินใจว่าจะไปเก็บของเตรียมเอาไว้ก่อน อีกประเดี๋ยวถ้าถูกไล่ออกจากตำหนักจะได้ไม่ขายหน้าเกินไปนัก
เพิ่งจะลุกขึ้นยืน หนิงมู่ฉือเห็นเด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาทางนางเสียก่อน เขามาถ่ายทอดคำพูดเมื่อตอนต้นนั่นเอง เห็นเด็กรับใช้วิ่งมาทางนาง ในใจพลันเกิดความหวังขึ้นมาจึงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “พี่ชาย ท่านอ๋องมีคำสั่งอันใดใช่หรือไม่”
เด็กรับใช้ยังคงหอบหายใจด้วยความเหนื่อย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเกรงใจ เขายิ้มพลางเอ่ย “แม่นางหนิง หลังจากท่านอ๋องและท่านอ๋องน้อยทานน้ำแกงของเ้าก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก จึงให้ข้ามาพาตัวเ้าให้ไปพบ ข้าว่าวันที่เ้าจะได้ดีคงมาถึงแล้ว”
นางถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ได้เอาก้อนหินที่อยู่ในใจออกเสียที นางรีบเดินตามเด็กรับใช้ไปที่เรือนทางทิศตะวันออก
เท้ายังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปในเรือน หนิงมู่ฉือได้ยินเสียงทะเลาะกันดังมาจากข้างใน เหมือนในนั้นจะมีชื่อของนางอยู่ด้วย นางใยิ่งนักจึงรีบเข้าไปด้านในทันที
ภายในเรือน ท่านอ๋องและท่านอ๋องน้อยกำลังทะเลาะกันจนหน้าแดง ทำให้นางเกิดความสงสัยว่า หรือทั้งสองคนจะถูกพิษเพราะทานน้ำแกงของนางเข้าไป?
ทั้งสองเห็นหนิงมู่ฉือพลันชะงักและหยุดทะเลาะโดยพลัน กิริยาเปลี่ยนกลับมาสำรวมอย่างที่ควรจะเป็
หนิงมู่ฉือคำนับทั้งสองคน ก่อนจะยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้าง
พ่อลูกสกุลจ้าวมองดรุณีน้อยตรงหน้าอย่างพิจารณา แววตามีแววประหลาดใจขณะเอ่ยถาม “เ้าคือเด็กกำพร้าสกุลหนิง หนิงมู่ฉือหรือ”
หนิงมู่ฉือก้มหน้าตอบ “เ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอหันไปสบตากับท่านอ๋อง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เ้าคือแม่ครัวที่ทำน้ำแกงปลากุ้ยอวี๋นี้หรือ” ท่านอ๋องถามต่อ
“เ้าค่ะ” ใจหนิงมู่ฉือเต้นแรง หรือเป็เพราะฐานะของนาง จึงทำให้ถูกขับออกจากตำหนักอ๋อง?
ท่านอ๋องเงียบอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เ้าคือคนที่มีความผิดติดตัวจึงต้องมาเป็แม่ครัวตัวเล็กๆ ในตำหนักของข้า ความจริงถือว่าฮ่องเต้ทรงมีพระเมตตามากแล้ว ถึงอย่างไรเ้าก็เป็สายเืเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ของสกุลหนิง เพียงแต่ข้าไม่คิดว่าฝีมือการทำอาหารของเ้าจะดีถึงเพียงนี้ ทำให้ข้ามองเห็นถึงโอกาสที่จะทำให้เ้าได้กลับคืนสู่ฐานะเดิม เ้าอยากจะฟังหรือไม่”
“ท่านพ่อ…” จ้าวซีเหอ้าจะพูดบางอย่าง หากแต่ถูกท่านอ๋องตัดบทเสียก่อน
หนิงมู่ฉือเงยหน้า ครั้นเห็นว่าแววตาของท่านอ๋องยังคงจ้องมองมาที่นาง นางจึงเอ่ยตอบ “อยากเ้าค่ะ”
ท่านอ๋องพยักหน้าช้าๆ พลางเอ่ย “เ้ามีฝีมือการทำอาหารดีถึงเพียงนี้ ไม่เป็รองพ่อครัวในวังเลยแม้แต่น้อย ข้าจึงอยากจะส่งเ้าเข้าวังไปรับใช้ฮ่องเต้ เ้ายินยอมหรือไม่”
“ท่านพ่อ! ท่านส่งนางเข้าวังไม่ได้นะ!” ไม่ทันที่หนิงมู่ฉือจะได้ตอบ จ้าวซีเหอที่อยู่ด้านข้างเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนเสียก่อน
หนิงมู่ฉือเงยหน้ามองซื่อจื่อที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยนางออกมาจากทะเลเพลิงเมื่อคืน
ใบหน้าหล่อเหลายังคงซีดขาว แผลถูกไฟไหม้ที่แขนถูกพันด้วยผ้าพันแผลเรียบร้อยแล้ว แววตาดอกท้อเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาจ้องเขม็งมาที่นาง ประหนึ่งถ้านางกล้าพูดว่ายินดี เขาจะฆ่านางเสียตรงนี้ประเดี๋ยวนี้
“ท่านอ๋อง บ่าว…”
“ถ้าเ้ากล้าพูดว่ายินดี ข้าจะฆ่าเ้าเสียเดี๋ยวนี้!” จ้าวซีเหอยังคงจ้องหนิงมู่ฉือเขม็ง พร้อมกับขู่
ท่านอ๋องเอ่ยทันควัน “ถ้าเ้าขู่นางอีกครา พ่อจะฆ่าเ้าก่อน!”
จ้าวซีเหอทำปากขมุบขมิบ ไม่พอใจที่บิดาไม่ไว้หน้าตัวเองต่อหน้าผู้อื่น
“ท่านอ๋อง ท่านไม่อยากให้ฉือเอ๋อร์อยู่ที่นี่หรือเ้าคะ”
นิสัยท่านอ๋องเป็อย่างไร หนิงมู่ฉือรู้ดี สมัยที่สกุลหนิงยังรุ่งเรือง ท่านพ่อมักจะเอ่ยถึงท่านอ๋องอยู่บ่อยครั้ง เื่ที่พูดถึงมากที่สุดคือกล่าวว่า ท่านอ๋องเป็นักกิน ส่วนนิสัยเป็คนซื่อตรงและตรงไปตรงมา สิ่งที่หาได้ยากที่สุดคือเป็คนใจอ่อน
ยามเกิดหิมะถล่มที่มณฑลอวิ๋นหยาง ท่านอ๋องไม่สนใจการศึกกับซีเป่ย นำเงินเดือนและเสบียงของทหารไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย เหตุการณ์นี้ไม่เพียงมิได้ทำให้ท่านอ๋องเกิดปัญหากับราชสำนัก กลับทำให้ท่านอ๋องได้ใจทหาร สู้รบจนซีเป่ยจนสงบลงได้ในที่สุด ยังมีอีกครา การรุกล้ำดินแดนทางแถบเหอซี[1] ท่านอ๋องกลัวประชาชนผู้บริสุทธิ์จะได้รับอันตราย จึงขโมยตาพยัคฆ์ของแม่ทัพไปนั่งบัญชาการอยู่ที่ชายแดน ปราบปรามชนเผ่าทางเหนือที่เข้ามาลุกล้ำจนสิ้นซาก
ทั้งหมดนี้ทำให้หนิงมู่ฉือรู้ว่าท่านอ๋องเป็คนดี ทั้งยังทราบอีกว่า ถ้านางได้พบกับท่านอ๋อง นางจะมีโอกาสได้ทวงคืนความยุติธรรมให้แก่สกุลหนิง
ทว่าที่นางคาดไม่ถึงคือทันทีที่ท่านอ๋องได้พบนางครั้งแรกก็เอ่ยปากจะส่งนางเข้าวัง รู้กันดีว่าในวังหลวงไม่เหมือนกับตำหนักอ๋อง ในวังตัดขาดจากโลกภายนอก ฆ่าแกงกันได้ง่ายดาย เมื่อใดที่นางเหยียบย่างเข้าไปในนั้น สกุลหนิงทั้งร้อยชีวิตของนางก็จะไม่มีวันได้รับความเป็ธรรม
“เห็นหรือไม่ เห็นหรือไม่”
ก่อนหน้านี้ที่จ้าวซีเหอสลบเนื่องจากสูดควันมากเกินไป เมื่อฟื้นขึ้นมาได้ทานน้ำแกงปลากุ้ยอวี๋ของหนิงมู่ฉือ ร่างกายจึงหายดีไม่ต่างจากก่อนเข้าไปในกองเพลิง มีเรี่ยวแรงเต็มเปี่ยม สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ด้วยความที่อยากจะให้หนิงมู่ฉืออยู่ในตำหนักต่อ ดวงตาสองข้างหมุนไปมาเร็วรี่อย่างใช้ความคิด
“ทำนางร่ำไห้แล้ว ท่านพ่อ ท่านต้องคิดหาวิธีปลอบนาง เห็นได้ชัดว่าเป็เพราะท่านกล่าวว่าจะส่งนางเข้าวัง นางจึงร้องไห้ เช่นนั้นข้าว่าท่านอย่าส่งนางเข้าวังเลย ให้นางอยู่ที่นี่ต่อ ทำหน้าที่อุ่นเตียงให้ข้าก็ได้มิใช่หรือ!”
จ้าวซีเหอยันตัวนั่งบนเตียง ชันขาขึ้นมาแล้วเอาสองแขนกอดเอาไว้ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ราวกับอันธพาลก็ไม่ปาน
“เ้าเด็กไม่ได้เื่ พ่อแค่อยากทำเพื่อสกุลหนิงเท่านั้น ถึงอย่างไร…”
ท่านอ๋องคิดจะกล่าวว่า อย่างไรเขาก็เคยทำเื่ที่ไม่ถูกต้องมาแล้วมากมาย ทว่าปัจจุบันอายุมากแล้ว และยังอยากจะเป็บิดาที่เข้มงวดต่อบุตร ดังนั้นหลังจากเขาประเคนฝ่ามือไปที่ศีรษะของจ้าวซีเหอ จึงไม่คิดกล่าวต่อ บุตรชายที่ไม่เคยทำให้เขาสบายใจเลยสักครั้งจะยังเอ่ยวาจาออกมาอีก
“เฮ้อ ท่านพ่อจะพูดให้มากความไปเพื่อเหตุใด”
นับั้แ่ได้ลิ้มรสน้ำแกงปลากุ้ยอวี๋ฝีมือหนิงมู่ฉือ จ้าวซีเหอรู้ทันทีเลยว่า จากนี้ไปเขาขาดรสชาตินี้อีกไม่ได้แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงกลัวว่าบิดาจะส่งนางเข้าวัง
เช่นนั้นเขาจะไม่เปิดโอกาสให้บิดาได้เอ่ยจบ เอามือตบที่ขาฉาดใหญ่พร้อมกับเอ่ยว่า “ไพ่นกกระจอก ไผจิ่ว[2] น้ำเต้าปูปลา ขอเพียงท่านเอาชนะข้าได้สักอย่าง นางถึงจะสามารถเข้าวังไปได้”
[1] แถบเหอซี แถบตะวันตกของแม่น้ำหวง
[2] ไผจิ่ว เกมไพ่โดมิโน่ของจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้