“พี่ใหญ่พี่รองดูโน้น มีคนบินบนโน้นด้วย”
ทั้งสองคนมองตามนิ้วมือน้องเล็กที่ชี้ไป ก็เห็นสองร่างขี่กระบี่ลอยอยู่ในอากาศ และเหมือนว่าสองคนกำลังมุ่งมาทางที่พวกนางอยู่ ทั้งสองคนลงจากกระบี่ และเดินเข้ามาหาพวกสามพี่น้อง
“เดี๋ยวก่อนแม่นางน้อยพวกเ้าจะไปไหนกัน ที่นี่อันตรายมากมีทั้งหมอกพิษและสัตว์และพืชพิษเต็มไปหมด หรือว่าพวกเ้าหลงทาง “
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อสวมชุดสีขาวมีรูป ก้อนเมฆสีแดงติดอยู่ที่หน้าอก เราอายุประมาณสิบหกถามพวกนางขึ้นด้วยความเป็ห่วง ส่วนอีกคนหน้าตาหล่อเหลาอย่างมาก โดยเฉพาะดวงตาคมวาวและดุดันในตัวเหมือนพยัคฆ์ร้าย สวมชุดสีขาวแต่ดาวที่ติดหน้าอกเป็สีทอง เขามองนางเหมือนคนเคยรู้จักแต่คิดไม่ออกว่าเป็ที่ไหน
“ข้าไม่แน่ใจว่าหลงทางหรือไม่ ข้าและน้อง้าเดินทางไปที่นกกระเรียนหุบเขาสายหมอก เพื่อไปหาอาจารย์ที่ เขานกกระเรียนท่านพอรู้จักหรือไม่ ถ้ารู้จักรบกวนชี้ทางบอกแก่พวกข้าด้วย”
“เขานกกระเรียนไปอีกไม่ไกล อยู่ข้างหน้าพวกเ้าหนี้เอง ถ้าข้าไม่มีภารกิจด่วนมาก ข้าคงจะไปส่งพวกเ้าเองเพราะทางค่อนข้างอันตราย”ชายหนุ่มที่ปักเมฆสีทองพูดขึ้น เขาคุ้นหน้านางและอยากไปส่งนางจริงๆ แต่เพราะภารกิจเร่งด่วนทำให้เขาปลีกตัวไม่ได้
“แม่นางข้าบอกตามตรงว่าข้าคุ้นหน้าเ้ามากแต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน”
“เ้าเรียกข้าว่าพี่ิจือ ส่วนสหายข้าหลินเจียง แล้วพวกเ้ามีนามว่ากระไรกันบ้าง”
ซีซีมองหน้าพวกเขาทั้งสองคนคิดในใจ คนแปลกหน้าเจอกลางป่า หุบเขาป่าหมอกแล้วมาถามชื่อแซ่กันจะไว้ใจได้ไหม แต่สัญชาตญาณของนางกลับบอกว่าชายคนนี้ไว้ใจได้ จึงแจ้งจะนามให้ทั้งสองคนรับรู้ นางกำลังจะพูดแต่
หลิวหยางที่มองบุรุษทั้งสองคน ที่มองพี่สาวของเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ “ไม่ได้สองคนนี้วันข้างหน้าอาจแย่งพี่สาวไปจากข้าก็ได้ ไม่ได้การละต้องข้ามน้องชาย ยังข้าไปก่อน”
“ข้ามีนามว่าหลิวหยาง พี่ใหญ่ซีซี น้องเล็กหลิวชิง”
หลินเจียงมองหน้าเด็กชายห่วงพี่สาวั้แ่เด็กนามจริงก็ไม่แจ้ง ส่วนสหายนั้นไม่รู้ไปถูกชะตาอะไรกะเด็กยังไม่โต หน้าตาก็ไม่ได้สวยจนร่มเมืองสักหน่อย สาวๆ ที่สำนักก็หน้าตาดีๆทั้งนั้นไม่คิดสนใจ และไม่ยอมพูดคุยกับพวกนางเลย แต่ทีกับเด็กไม่โตนี่ “หรือเพื่อนเรามีรส รสแปลกนิยม ”เขาคิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“แม่นางซีซีข้าทั้งสองต้องรีบไปแล้ว ข้ามีของจะมอบให้นี่คือกริช ข้าให้เ้าไว้ป้องกันตัวเพราะหุบเขาแห่งนี้อันตรายมากไว้โอกาสหน้าค่อยเจอกันใหม่ ข้าขอลาพวกเ้าก่อน”พูดแล้วเขาก็ยื่นกริชสีทองมีลวดลายเหมือนกิ่งไม้เลื้อยตรงที่ด้ามจับดูสวยงามและมีมนต์ขลัง นางมองหน้าเขายังไม่กล้ารับกริชจากมือชายหนุ่ม ยังไงก็คนแปลกหน้า
ชายหนุ่มท่าทางร้อนรน รีบยัดกริชใส่มือนางแล้วเร่งเดินทางออกไปทันที สหายทำหน้างง “เพื่อนเราเป็ไปได้หรือว่าโดนอะไรกระแทกหัวมา” แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเร่งตามสหายออกเดินทางทันที
“พี่ใหญ่จะไม่เป็อะไรใช่หรือ ที่ท่านรับของจากคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน”
“ไว้เจอกันอีกทีหนึ่งพี่ใหญ่จะคืนให้เขาเอง แต่ตอนนี้เก็บไว้ก่อนเผื่อทางข้างมีอันตราย ตามที่เขาบอกมันอาจจะช่วยเราได้ก็ได้ เอาตามนี้แหละ”
ทั้งสามคนช่วยกันอย่างรู้หน้าที่ คนหนึ่งไปหาฟืนอีกคนหนึ่งเตรียมพื้นที่วางอักขระ อีกคนหนึ่งเตรียมหาก้อนหินกลมสี่ก้อน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วทั้งสามคนก็นั่งพักผ่อนที่เหนื่อยมาทั้งวัน ดีที่มีผลไม้ที่ช่วยบำรุงพลังปราณทำให้ฟื้นตัวเร็ว
ซีซีรับหน้าที่อยู่ยามเฝ้าน้อง นางอ้างว่าจะนั่งบำเพ็ญไปด้วยเฝ้ายามไปด้วยได้ทั้งสองอย่าง ส่วนน้องเห็นว่าดีก็เลยไม่คัดค้านพากันนอนหลับพักผ่อนโดยไม่ได้ห่วงกังวลอะไรมาก ยังไงพวกเขายังเป็เด็กเล็ก ถ้าเป็ยุคปัจจุบันน้องเล็กสี่ขวบอยู่แค่อนุบาลสองน้องรองน่าอยู่ประถมหนึ่ง ไม่ใช่ต้องมาเดินทางระหกระเหินเสี่ยงตายแบบนี้
หลิวซีนั่งเดินโคจรลมปราณอยู่ใกล้ๆน้องทั้งสองคน พลังลมปราณแถวนี้หนาแน่นมากนางนั่งแบบนั้นอยู่ทั้งคืนจน รุ่งเช้า พบว่าร่างกายของเบาขึ้นสายตามองได้ชัดขึ้นและได้ยินเสียงไกล ๆ ชัดเจนนางดีใจเป็อย่างมาก
“ครืนน!”
หลิวซีดีใจได้ครู่เดียวนางต้องตื่นเต้นใ เพราะว่านางได้ยินเสียงเหมือนสัตว์ใหญ่น้ำหนักเยอะ กำลังวิ่งมาทางนี้ นางรีบปลุกน้องเราสองคนหาที่ซ่อนทันที
ไม่นานเ้าของฝีเท้าที่นางได้ยินแต่ไกลก็ปรากฏตัวขึ้น มันคือหมูป่าสัตว์อสูรระดับสองตัวใหญ่มาก ดีที่นางและน้องหลบอยู่ในถ้ำ ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เถาวัลย์ ไม่งั้นพวกนางแย่แน่ อสูรระดับนี้พวกนางไม่มีทางสู้ได้เด็ดขาด
“ข้าเป็อะไรกับหมูั้แ่ทะลุมิติมา เจอแต่หมูธรรมดายันหมูอสูร”
ทันใดนั้น! สัตว์ นานาชนิดวิ่งตามอสูรหมูเช่นกวางกระต่ายไก่และอื่นๆ เหมือนพวกมันกำลังหนีอะไรสักหย่างหนึ่ง เสียงกิ่งไม้หัก ต้นไม้หักล้มดังมาแต่ไกล นางกอดน้องทั้งสองคนเอาไว้แน่น
ถํ้าที่พวกนางอยู่เล็กแต่เหมือนมันเจาะลึกเข้าไปข้างใน เพราะมืดตอนที่วิ่งเข้ามาก็ไม่ทันได้สังเกต ข้างนอกเสียงยังดัง อึกทึกเสียงฝีเท้าสัตว์วิ่งเสียงร้องของสัตว์ดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่า
“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมโกลาหลไปหมด” นางแอบดูรู้จากผนังถ้ำ เพราะความที่มองเห็นระยะไกลได้ชัดเจนขึ้นนางเห็นงูขนาดใหญ่เป็สัตว์อสูรระดับห้า ที่สำคัญมันไม่ได้มีหัวเดียวมันมีถึงสองหัว มันกำลังวิ่งไล่จับสัตว์อสูรตัวเล็กตัวน้อยเป็อาหารโยนเข้าปาก โดยไม่ต้องเคี้ยวดูน่าสยดสยองแล้วน่ากลัวมาก
นางรอไม่ไหวแล้ว พาน้องทั้งสองคนเข้าไปข้างใน โดยใช้ไฟจากนิ้วมือน้องรอง ส่องทางเป็ระยะแต่มาได้สักพักเจอผนังถ้ำเป็ทางตัน เหมือนมีคนทำไว้ นางเคาะผนังถ้ำเบา ๆ มีฝุ่นร่วงลงมา มีกระแสลมพัดเข้ามาแบบเบาบาง นางจึงเอา กริชที่ชายหนุ่มให้มาแทงลงไปตรงผนัง มันทะลุเหมือนที่นางคิดไว้ไม่มีผิด มันเป็ผนังที่สร้างด้วยฝีมืุ์ ไม่ได้เกิดเองโดยธรรมชาติ นางจึงเจาะให้เป็ทางเพื่อให้คนลอดเข้าไปได้ มีแสงสีทองส่งออกมาระหว่างที่นางเจาะผนังอยู่นั่น
“ทันใด” นั้นทั้งสามคนอ้าปากค้างเพราะว่าสิ่งที่พวกนางเห็นมันคือกองสมบัติขนาดใหญ่ที่ส่งแสงสีทองนั้นคือทองคำและอัญมณีที่ส่งประกายวูบวาบระยิบระยับจนแสบตา “ หรือที่นี่จะเป็ที่เก็บสมบัติของเ้าเมืองหรือว่าของโจร”
“โอ้! ข้าอยากได้แหวนมิติมาเก็บสมบัติพวกนี้จัง คิดแล้วเศร้าเห็นแต่เอาไปไม่ได้” นางบ่นกับตัวเอง
“พี่ใหญ่สมบัตินี้มีเ้าของไหมเ้าค่ะ ถ้าไม่มีพวกเราเอาไปได้ไหม ข้าเห็นสร้อยเส้นนั้นสวยจังเลย”
“แต่ก่อนอาจจะมี แต่ตอนนี้น่าจะไม่มีแล้วเพราะว่าดูจากถ้ำและผนังน่าจะไม่มีใครเข้ามานี้หลายร้อยปีแล้ว อยากได้ก็เอาไปแต่อย่าลืมว่าเราต้องเดินทางอีกไกล”
นางมองรอบๆ ที่นี่น่าจะปลอดภัยกว่าด้านนอก อย่างน้อยพวกสัตว์อาจจะเข้ามาไม่ได้ ถ้างั้นพวกนางก็รออยู่ตรงนี้ไปก่อนจนกว่าข้างนอกจะสงบ แล้วค่อยออกไป
“พี่ใหญ่ดูนั่นเหมือนกับเพชรสีดำที่พี่ใหญ่ต้องหาการ และหาอยู่เลย”
เสียงน้องรองพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น พลางชี้นิ้วตรงไปยังวัตถุสีดำที่มีประกายเหมือนเพชรอยู่ข้างผนัง ซีซีรีบเดินไปยังจุดนั้นทันที พร้อมหยิบขึ้นมาดูพลางยิ้มอย่างดีใจ นี่คือสิ่งที่นาง้ามากที่สุดในตอนนี้
“ถ้าข้าทำได้สำเร็จ ข้าจะรวยเป็เศรษฐีก็งานนี่แหละ”
มันคือเพชรนิลที่นาง้าเอามาลงอักขระทำมิติพื้นที่ “เ้าทั้งสองให้อยู่กันอย่างเงียบ ห้ามส่งเสียงดังหากหิวก็ให้กินผลไม้แห้ง ไปก่อนไม่ต้องรอพี่ใหญ่ต้องใช้สมาธิอย่างมากในการลงอักขระถึงจะไม่เก่งก็ต้องลอง ”เวลาพ่านประมาณสองชั่วยาม
ซีซีตอนใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่สีหน้าและแววตาของนางดูตื่นเต้น
นางทำสำเร็จแล้ว มิติสำหรับเก็บสิ่งของ ขนาดไม่ใหญ่นักถ้าเป็โลกปัจจุบันที่นางจากมาก็ประมาณ 1เมตรx1เมตร ก็ถือว่าว่าดีสุดแล้วสำหรับมือใหม่อย่างนาง
“เ้าทั้งสองมาดูนี่ข้าทำสำเร็จแล้ว”
น้องทั้งสองรีบมาอย่างเร็วด้วยความสนใจ และอยากเห็นสิ่งที่พี่ใหญ่สร้างขึ้นเป็ชิ้นแรก
ถึงรูปร่างมันจะไม่สวยก็เถอะมันเหมือนกับก้อนสีดำ บิดเบี้ยวเหมือนโดนอะไรทับมา แต่พวกเขาทั้งสองก็ดีใจ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเพราะที่อาจารย์ใช้จะเป็ถุงเก็บสิ่งของ
“พี่ใหญ่มันใช้ได้จริงใช่มั้ยขอรับ ถ้าใช้ได้จริงข้าจะขนจำพวกนี้ไปให้หมดเลย ข้าจะไปสร้างตระกูลใหม่ ที่ต่างเมือง”
"เ้าลองใช้ไปก่อนถ้าวันข้างหน้าข้าเก่งขึ้นข้าจะปรับรูปแบบให้สวยงาม และมีพื้นที่กว้างกว่านี้ พวกเ้าเข้าใจหรือไม่ ก่อนอื่นให้หยดเืของพวกเ้าลงไปอาวเวทมิติ มันจะได้จำพวกเ้าได้หากหายมันจะกลับขึ้นสู่เ้าของ ใครเขาแย่งไปไม่ได้"
นางใช้ปลายกริชที่ชายหนุ่มให้มาสะกิดที่ปลายนิ้ว แล้วหยดเืใส่ก้อนมิติทันทีหลังจากที่เืซึมหายแล้ว นางสามารถเห็น พื้นที่ข้างในอย่างชัดเจน
“พี่ใหญ่ข้าไม่เห็นอะไรเลยเ้าค่ะ”
น้องเล็กที่ใช้ปลายแหลมของสิ่งที่ติดมากับสร้อย เจาะมือจนเืหยดลงมาใส่หินมิติ นางลืมได้ยังไงน้องเล็กพลังยังไม่ตื่นนางจะใช้อุปกรณ์นี้ได้ยังไง
“น้องเล็กพี่ใหญ่ขอโทษเ้าพี่ลืมไปได้ยังไงว่าพลังน้องเล็กยังไม่ตื่นยังไม่สามารถทำพันธสัญญากับสิ่งใดได้เดี๋ยวพี่ใหญ่จะทำให้ใหม่เ้าแค่ระวังอย่าให้มันหายเท่านั้นเอง”
น้องเล็กพยักหน้าด้วยความเข้าใจ แต่แววตาดูไม่มีความสุข นางอยากมีพลังเหมือนพวกพี่ เวลานี้อยากโตไว ๆ นางจะเก็บสิ่งของสวยงามนี้ไปให้หมด นางจะเอาไว้เป็สินเดิมเวลาพี่ใหญ่แต่งงาน หากซีซีรู้ความคิดของน้องสาวตนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีน้องเล็กเพิ่งจะอายุสี่หนาวเอง แต่คิดถึงเื่แต่งงานเผื่อผู้อื่นแล้ว
หลังจากซีซีแก้ไขปรับเปลี่ยนอีกสักเล็กน้อย มิติของน้องเล็กก็ใช้ได้แล้วนางมัวแต่ก้มหน้าก้มตาแก้ไขมิติให้น้องเล็ก หันกลับมาอีกทีหนึ่งสมบัติครึ่งหนึ่ง หายไปน้องรองเก็บเรียบร้อยแล้วที่เหลือคงเป็ของนางและน้องเล็กจะต้องช่วยกันเก็บให้หมด
สามพี่น้องเก็บสมบัติทั้งหมดเข้ามิติไม่มีเหลือ นางคิดเล่นๆ “คนอื่นเขาหนีเสือปะจระเข้พวกนางหนีสัตว์อสูรเจอสมบัติ มันไม่แย่เสียทีเดียว แต่กลับออกไปจะเจออะไรนี้ซิ” ข้างนอกเสียงเงียบลงแล้ว นางจึงชวนน้อง ค่อยเดินเลาะผนังถ้ำออกมา แต่ก็ยังไม่กล้าออกจากถ้ำ
ทั้งสามคนเดินออกจากถ้ำมาแบบเงียบๆ แทบกลั้นหายใจกลัวจะมีสัตว์อสูรที่ยังอยู่แถวนั้นได้ยิน สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือป่าราบเป็หน้ากลอง ดินบางแห่งยุบลงเศษเนื้อและเืติดตามดินและเศษหญ้า กลิ่นคาวเืกระจายอยู่ในอากาศทั่วบริเวณน่าสยดสยอง และหดหู่ยิ่งนักที่เห็นพวกสัตว์มาไล่ฆ่ากันเองแบบนี้
“ อันตรายเกินไปแล้ว ต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ เราอาจจะไม่โชคดีทุกครั้ง”
ทั้งสามคนใช้วิชาก้าวเท้าดาราที่อาจารย์สอนมาวิ่งไวเป็พิเศษโดย วิ่งไปทางฝั่งตรงข้ามที่กับพวกอสูรวิ่งหนีมา โดยวิ่งอยู่รอบนอก เพราะบางแห่งมีสัตว์ถูกต้นไม้ทับหรือถูกเหยียบตาย ก็ยังมีสัตว์กินเนื้อบางประเภทมากัดกินเนื้อ พวกมันไม่ได้สนใจพวกเด็กเพราะมันมีอาหารอยู่ตรงหน้าแล้ว
“นี่เด็กอย่างพวกเ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่” เสียงดังมาจากบนท้องฟ้า มีผู้าุโผมขาวหนวดขาว และตามด้วยสหายอีกสองคน พวกของเหาะลงมาตรงหน้าพวกเด็กๆ
“เรียนครูาุโข้าและน้องจะเดินทางไปที่เขานกกระเรียนเ้าค่ะ พอดีเมื่อวานตอนเย็นพวกเราเจอสัตว์อสูรคลุ้มคลั่งไล่ฆ่ากันอย่างโกลาหล ข้าและน้องจึงหลบเข้าไปอยู่ในถ้ำ วันนี้เห็นข้างนอกสงบแล้วจึงคิดจะเดินทางต่อเ้าค่ะ”
“พวกเ้านับว่าโชคดีที่มีชีวิตรอดกลับมาได้ ขนาดสัตว์ตัวโตยังโดนฆ่าตายกันไปเยอะ มันเกิดจากอสูรงูั์เลื่อนขั้นไม่สำเร็จจึงเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา ไล่ฆ่าและกัดกินสัตว์อื่น แต่มันก็โชคร้ายเพราะความที่มันวิ่งไม่ดูอะไรทำให้มันตกลงไปในเหวลึกไม่รู้ว่าเป็หรือตาย ไม่งั้นคงไม่มีใครกำราบมันได้”
ความจริงไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้อสูรงูคลุ้มคลั่ง และออกมาอาละวาดแบบนั้นสาเหตุจริงมาจากอะไร กันแน่
หนึ่งในสามผู้าุโอาสาจะพาเด็กทั้งสามคนไปส่งที่เขานกกะเรียน พวกเขาเป็สหายกับเ้าสำนักเขานกกะเรียน จึงเรียกพรมขนาดไม่ใหญ่สีแดงนั่งได้ประมาณหกคนเป็อาวุธเวท ที่สามารถเหาะได้ออกมาแล้วให้เด็กเข้าไปนั่ง ทุกคนตื่นเต้นมาก
“มีแบบนี้ก็สะดวกสบายยิ่งนัก จะเดินทางไปไหนมาไหน ก็ไม่ลำบากสักวันหนึ่งข้าต้องทำให้ได้” ซีซีได้แต่คิดในใจ
นางมองย้อนกลับไปในป่า เห็นหมอกปกคลุมไปทั่ว “สมกับเป็ป่าหมอกเสียจริงพรมพื้นนี้ ติดตั้งอักขระป้องกัน ผู้นั่งตกและแรงปะทะ ”ข้อสังเกตที่พวกนางนั่งมาไม่มีแรงปะทะจากลมเลย ทั้งที่ไม่มีที่ให้เกาะพวกนางก็นั่งกันอย่างสบายโดยไม่ต้องกลัวว่าจะหล่นจาก
หมอกหนาแน่น เริ่มเบาบางและมองเห็นยอดเขานกกะเรียน “ ถ้าพวกเราเดินทางกันมาเองต้องใช้เวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสิบห้าวันเป็แน่ มีของพิเศษให้ช่างดีจริงๆ”
ยอดเขาสูงของเขานกกะเรียน มีพื้นที่ติดต่อเป็ูเาสามลูกลักษณะคล้ายนกบินแต่พี่พวกนางจะต้องไปคือ เขาตรงกลาง ผู้าุโผู้เป็ผู้อธิบายให้พวกเด็กๆ ฟัง และตอบข้อซักถามของน้องเล็กน้องรองโดย มีรอยยิ้มประดับใบหน้าเหมือนผู้สูงอายุใจดีทั่วไป พวกนางจึงเพลิดเพลิน กับการกับชมยอดเขา
