ลึกเข้าไปในป่ามีพื้นที่โล่งรัศมีสิบกว่าหมี่ กิ่งไม้หลากพันธุ์ถูกหักกระจุยกระจายอยู่ทั่วบริเวณ กลิ่นปัสสาวะยังคงลอยอบอวลอยู่ในอากาศ ยังมีขนสีเทาติดอยู่ตามโคนต้นไม้
ขนเหล่านี้ยาวประมาณสองชุ่น*
เห็นขนพวกนี้ เนี่ยหลีก็จำได้ว่ามันคือหมีจิ้งจอกนั่นเอง!
“นั่นใคร?” ทันใดนั้น เสียงร้องเตือนดังขึ้น
เนี่ยหลีมองไปยังทิศทางต้นเสียงและเห็นเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากหลังต้นไม้ เมื่อได้เห็นอีกฝ่าย เนี่ยหลีออกจะแปลกใจเล็กน้อย ที่แท้ก็คือเฉินหลินเจี้ยน อีกครู่ต่อมา เงาร่างคนอีกสองสามคนก็พลันปรากฏตามมาด้านหลังเฉินหลินเจี้ยน สองคนเป็ลูกน้องของเฉินหลินเจี้ยน และอีกคนหนึ่งกลับเป็เสิ่นเยวี่ย
“เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” เฉินหลินเจี้ยนมองมาทางเนี่ยหลีและเอ่ยถาม
“ขณะที่ข้ากำลังฝึกยุทธ์ ข้าได้กลิ่นแปลกๆ ตามอากาศที่ลอยมา จึงตามรอยมาถึงที่นี่!” เนี่ยหลีตอบ สายตากวาดมองเฉินหลินเจี้ยนและเสิ่นเยวี่ย เฉินหลินเจี้ยนและเสิ่นเยวี่ยคงรู้จักกันอยู่แต่มิใช่พวกเดียวกัน มิเช่นนั้นเฉินหลินเจี้ยนคงไม่สังหารคนในตระกูลเสินเซิ่งไปมากมายในชาติที่แล้ว
เสิ่นเยวี่ยชำเลืองมองเนี่ยหลีเ็า สายตาเคร่งขรึมคู่นั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
กลิ่นแปลกๆ อย่างนั้นรึ? เหตุใดเมื่อครู่พวกข้าถึงไม่ได้กลิ่นเลยเล่า?
“ขณะที่ลูกน้องสองคนของข้ากำลังสำรวจป่า พวกมันพบที่แห่งนี้ เสิ่นเยวี่ยจึงตามข้ามาดูด้วยกัน!” เฉินหลินเจี้ยนพูดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเสิ่นเยวี่ยในเวลานี้ยังนับว่าไม่เลว ทั้งคู่ต่างเป็สายเืตรงของตระกูลหลัก ดังนั้นฉากหน้าทั้งคู่จึงรักษาท่าทีอันดีต่อกัน
เสิ่นเยวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เ็า “ดึกดื่นเที่ยงคืนมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ตามลำพัง ไม่แน่ว่าอาจจะแอบมาทำเื่เลวร้ายอะไรก็ได้” เสิ่นเยวี่ยทนรอที่จะสาดโคลนใส่เนี่ยหลีไม่ไหว
เนี่ยหลีคร้านเกินกว่าที่จะปฏิเสธ คำพูดไม่มีหลักฐานเช่นนี้ หากเฉินหลินเจี้ยนเชื่อก็แปลกแล้ว
เฉินหลินเจี้ยนมองๆ เสิ่นเยวี่ย จากนั้นก็หันไปมองๆ เนี่ยหลีอีกครั้งหนึ่ง เขาเคยได้ยินข้อขัดแย้งระหว่างเสิ่นเยวี่ยกับเนี่ยหลีมาก่อน คนที่มีฐานะค่อนข้างต่ำต้อยกลับกล้าตอแยตระกูลเสินเซิ่ง เนี่ยหลีมีความเชื่อมั่นในตนเองหรือว่าไม่รู้กันแน่?
“รังของสัตว์อสูรแห่งนี้น่าจะถูกทิ้งร้างมานานแล้ว” เสิ่นเยวี่ยชำเลืองมองรอบด้าน หลังจากที่เนี่ยหลีมา เขาก็คร้านเกินกว่าที่จะอยู่ตรงนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปเมืองโบราณกู่หลันครั้งนี้ เขาจะมีโอกาสมากมายจัดการกับเนี่ยหลี ไม่จำเป็ต้องเสียเวลาคุยไร้สาระกับเนี่ยหลีอีก
“รังสัตว์อสูรรังนี้ถูกทิ้งร้างมานานแล้วจริงๆ!” เฉินหลินเจี้ยนมองๆ มองกิ่งไม้ที่หักอยู่รอบๆ และพยักหน้า ทันใดนั้นเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปทางเนี่ยหลีและเอ่ยถาม “เ้าเห็นว่าเป็อย่างไร?”
“โคนต้นไม้ตรงนี้มีขนบางส่วนติดอยู่ และยังมีลักษณะที่รังกองซ้อนๆ กัน ตามความคิดของข้าน่าจะเป็รังของสัตว์อสูรที่มีชื่อว่าหมีจิ้งจอก หมีจิ้งจอกมีขนาดไม่ใหญ่ ตัวเต็มวัยสูงราวหนึ่งหมี่ หากมีขนาดสักสองหมี่ก็นับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว รังนี้มีขนาดใหญ่นัก น่าจะเคยเป็รังของหมีจิ้งจอกกลุ่มใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่นี่” เนี่ยหลีวิเคราะห์และตัดสินตามที่เห็น
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี ไม่ว่าจะเป็เฉินหลินเจี้ยนหรือลูกน้องสองคนด้านหลังต่างมองดูเนี่ยหลีอย่างประหลาดใจ แค่รายละเอียดเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็สามารถวิเคราะห์แยกแยะว่าเป็สัตว์อสูรชนิดใด น่าใเกินไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้ไม่มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่ในเทือกเขาเซิ่งจู่ถึงสิบหมื่นชนิด แต่ก็ยังมีอยู่หลายหมื่นชนิด
ดูเหมือนการตัดสินใจพาเนี่ยหลีมาด้วยจะเป็การตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เฉินหลินเจี้ยนอดคิดขึ้นมาไม่ได้
“ข้อมูลน้อยนิดแค่นี้เ้าก็สามารถสรุปได้ว่ารังนี้เป็ของสัตว์อสูรหมีจิ้งจอก ไม่มีเหตุมีผลเกินไปหน่อยหรือ?” เสิ่นเยวี่ยที่อยู่ด้านข้างแย้งขึ้นมา ตราบใดที่เป็คำพูดของเนี่ยหลี เขาเป็ต้องคัดค้านเสมอ
“เ้าพูดต่อไป” เฉินหลินเจี้ยนไม่ได้สนใจเสิ่นเยวี่ย เมองพียงเนี่ยหลีและพูดกับเนี่ยหลี
เสิ่นเยวี่ยไม่ค่อยพอใจนัก ทำท่าอ้าปากค้างแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แม้เขากับเฉินหลินเจี้ยนต่างเป็คนจากตระกูลชนชั้นสูง แต่เด็กชายรุ่นเดียวกันในตระกูลเสินเซิ่งรวมเขาด้วยมีถึงเจ็ดคน เขาเป็ลูกที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไหร่นัก หากได้แต่งกับเยวี่ยจื่ออวิ๋น ฐานะในบ้านของเขาจึงจะสูงขึ้น กลายเป็ตัวเลือกหนึ่งสำหรับตำแหน่งประมุขคนต่อไปได้ ส่วนเฉินหลินเจี้ยนแตกต่างจากเขา นับแต่เกิดมาก็ถูกกำหนดให้เป็ประมุขคนต่อไปของตระกูลแล้ว พร์ก็โดดเด่นยิ่ง ดังนั้นเสิ่นเยวี่ยจึงไม่กล้าทำให้ความสัมพันธ์ของตนกับเฉินหลินเจี้ยนต้องมีปัญหา
เนี่ยหลีทำราวกับว่าเสิ่นเยวี่ยเป็เพียงอากาศที่ลอยอยู่ เขาพูดต่อว่า “ปกติแล้วหมีจิ้งจอกโตเต็มวัยเป็สัตว์อสูรระดับเงิน ตามวงจรชีวิตของหมีจิ้งจอก หมีจิ้งจอกใช้เวลาสามในห้าของปีจำศีลอยู่ในถ้ำ จนผ่าน่เวลาที่หนาวที่สุดในเทือกเขาเซิ่งจู่ไป ล่วงเข้าต้นฤดูร้อนพวกมันจึงจะออกจากถ้ำและอพยพเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์”
“แสดงว่าเวลานี้เป็เวลานั้นของปีรึ?” เฉินหลินเจี้ยนเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“ไม่ผิด” เนี่ยหลีพยักหน้าแรงๆ และพูดต่ออีกว่า “อากาศแถวนี้มีกลิ่นปัสสาวะของมัน หากเป็ปัสสาวะจากปีก่อน ผ่านลมผ่านฝนนานเช่นนี้กลิ่นก็คงจางหายไปหมดแล้ว หมีจิ้งจอกมีนิสัยที่ตื่นตัวอย่างยิ่ง พวกมันมักจะทำเครื่องหมายอาณาเขตด้วยปัสสาวะของมัน ข้าเดาว่าพวกมันจะโผล่ออกมาในเร็วๆ นี้!”
ความคิดของเนี่ยหลีละเอียดยิ่งนัก เพียงการสังเกตอย่างระมัดระวังก็ได้ข้อมูลมากมายแล้ว ทำให้เฉินหลินเจี้ยนยอมรับในตัวของเนี่ยหลีมากขึ้นไปอีก เขามองเนี่ยหลีด้วยมุมมองใหม่ เนี่ยหลีราวกับเป็หนังสือสารานุกรมสัตว์อสูรเดินได้ก็ไม่ปาน!
“เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรดี?” เฉินหลินเจี้ยนเอ่ยถาม เขาเริ่มขอความคิดเห็นจากเนี่ยหลี
“ออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็ได้ เดินทางตลอดคืน จมูกของหมีจิ้งจอกไวต่อกลิ่นมาก หากหมีจิ้งจอกพบว่ามีคนบุกรุกอาณาเขตของมัน ข้าเกรงว่าพวกมันจะทุ่มตัวเข้าสู้กับพวกเรา แม้พวกเราจะสามารถฆ่าหมีจิ้งจอกกลุ่มนี้ได้ด้วยกำลังที่เรามีอยู่ ทว่าก็คงจะมีแต่ความเสียหายเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป้าหมายของพวกเราคือซากเมืองโบราณกู่หลัน!” เนี่ยหลีหวนคิดขึ้นมา จำได้ว่าในชีวิตหนก่อน เยี่ยจื่ออวิ๋นเคยเล่าว่าขณะที่พวกนางเดินทางไปยังซากเมืองโบราณกู่หลันเคยถูกหมีจิ้งจอกโจมตี าเ็ล้มตายไปหลายคน ดังนั้นเนี่ยหลียิ่งมั่นใจว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายนัก
เฉินหลินเจี้ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “ได้ พวกเรารีบออกเดินทางตลอดคืนนี้!”
“คุณชายเฉิน อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของมัน สถานที่นี้ว่างเปล่าเช่นนี้ เป็ไปไม่ได้ที่จะมีหมีจิ้งจอกอย่างที่มันว่า พวกเราเดินทางในเวลากลางคืนเช่นนี้จะยิ่งมีอันตราย ค่อยเดินทางในเวลากลางวันจะไม่ดีกว่าหรือ!” เสิ่นเยวี่ยรีบคัดค้านทันที
เนี่ยหลีแบสองมือ จะอยู่หรือไม่ก็แล้วแต่เฉินหลินเจี้ยนจะตัดสินใจ ไม่ว่าจะอยู่หรือไป ล้วนไม่เป็อันตรายกับเขา
“ไป!” เฉินหลินเจี้ยนตัดสินใจเด็ดขาด ปราศจากความลังเล เขายิ่งเชื่อมั่นในข้อตัดสินของเนี่ยหลี
เฉินหลินเจี้ยนเป็คนฉลาด รู้ว่าผู้ใดควรเชื่อผู้ใดไม่ควรเชื่อ
กลับไปถึงค่ายพัก เฉินหลินเจี้ยนสั่งปลุกทุกคนที่กำลังอยู่กลางฝันทันที
“คุณชายเฉิน เกิดอะไรขึ้นรึ?”
“นั่นสิ เหตุใดพวกเราต้องรีบออกเดินทางกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้ด้วย?”
ทุกคนล้วนสงสัย
“ไม่ต้องกังวล ทำตามคำสั่งข้าก็แล้วกัน!” เฉินหลินเจี้ยนตัดสินใจเด็ดขาด ไม่สนใจคำชักชวนของผู้อื่น พาทุกคนเรียงแถวเดินออกจากป่าผืนนั้นไปทันที
เนี่ยหลีและเยี่ยจื่ออวิ๋นเดินไปด้วยกัน แม้เยี่ยจื่ออวิ๋นค่อนข้างสงสัยอยู่บ้าง แต่นางไม่เอ่ยถามให้มากความ
คณะเพิ่งจะเดินออกจากผืนป่า พลันรู้สึกได้ถึงแรงสั่นะเืราวแผ่นดินไหว ยังได้ยินเสียงคำรามของหมีดังมาจากป่าลึกเื้ั พริบตานั้นทุกคนก็เข้าใจเื่ราวทั้งหมด
“คุณชายเฉินฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก!”
“โชคดีที่คุณชายเฉินพาพวกเราออกมาได้ทัน ไม่เช่นนั้นคงจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ครั้งใหญ่กับหมีจิ้งจอกพวกนั้นมิได้!”
ทุกคนชื่นชมเฉินหลินเจี้ยน อย่างไรก็ตาม เฉินหลินเจี้ยนรู้ดีว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็ผลงานของเนี่ยหลี หากมิใช่เพราะฟังคำพูดของเนี่ยหลี พวกเขาคงต้องถูกหมีจิ้งจอกโจมตีอย่างแน่นอน แม้พวกเขาสามารถเอาชนะหมีจิ้งจอกพวกนั้นได้ ก็คงหลีกเลี่ยงการาเ็ไม่พ้น!
เวลานี้ในใจของเฉินหลินเจี้ยนสัทธาในตัวเนี่ยหลีจนแทบจะก้มกราบแล้ว แต่เล็กจนใหญ่ เขาเป็ผู้นำที่โดดเด่นในหมู่เพื่อนวัยเดียวกันเสมอ นี่เป็ครั้งแรกที่เขายอมรับว่าความรู้ของเนี่ยหลีห่างชั้นกว่าเขามากมายนัก อีกทั้งเนี่ยหลีอายุยังน้อยกว่าเขาหลายปี!
เวลานี้ไม่ต้องพูดถึงว่าเสิ่นเยวี่ยจะรู้สึกหดหู่เพียงใด ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเนี่ยหลีจะพูดถูกถึงเพียงนี้ ที่นั่นมีหมีจิ้งจอกโผล่ออกมาจริงๆ ขัดแย้งกับเนี่ยหลีมาหลายครั้ง ทุกครั้งล้วนตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ
โชคดี ท่านผู้ดูแลจัดส่งนักสู้ระดับเงินตามพวกเขามาสามคน สายตาของเสิ่นเยวี่ยเคร่งขรึมยิ่ง หากเนี่ยหลีแยกตัวออกจากกลุ่มเมื่อใด เขาจะหาโอกาสฆ่าเนี่ยหลีทิ้งเสีย!
เนี่ยหลีเดินรั้งท้ายอย่างเงียบๆ ไปกับเยี่ยจื่ออวิ๋น เขาชำเลืองมองไปทางด้านหลัง มุมปากยิ้มด้วยความเย้ยหยันอย่างเ็า เขารู้แล้วว่ามีคนกำลังลอบตามรอยคณะเดินทางมา เห็นสีหน้าเหม่อลอยของเสิ่นเยวี่ย เนี่ยหลีก็เดาได้แล้วว่าพวกที่ลอบตามมาคงเป็คนของตระกูลเสินเซิ่งอย่างแน่นอน
พวกมันคงกำลังรอจังหวะเหมาะๆ ลงมือกับเนี่ยหลีเป็แน่!
เยี่ยจื่ออวิ๋นและคนอื่นๆ ต่างไม่รู้ว่าพวกตนถูกติดตาม อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ไม่อาจรอดพ้นไปจากประสาทััอันเฉียบไวของเนี่ยหลีได้ หากถูกนักสู้ระดับเงินหลายคนติดตามและยังไม่รู้ตัว ชีวิตของเขาจะไม่สูญเปล่าแล้วหรือ
“หนึ่ง สอง สาม... เป็นักสู้ระดับเงินสามคน!” เนี่ยหลีเดินไปอย่างเงียบๆ
ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว เฉินหลินเจี้ยนเดินช้าลงมาข้างๆ เนี่ยหลี มองๆ เนี่ยหลีและพูดว่า “ขอบใจน้องเนี่ยหลีมากที่มองการณ์ไกล ไม่เช่นนั้นพวกเราคงต้องถูกหมีจิ้งจอกกลุ่มนั้นโจมตีไปแล้ว แม้คงไม่ถูกทำลายทั้งหมด แต่ก็คงหลีกเลี่ยงการาเ็ล้มตายมิได้ ข้าเฉินหลินเจี้ยนติดค้างเ้าแล้ว” หากมีการาเ็ล้มตายั้แ่วันแรกที่ออกเดินทาง คงต้องส่งผลต่อจิตใจของชาวคณะอย่างใหญ่หลวง
ได้ยินคำพูดของเฉินหลินเจี้ยน เยี่ยจื่ออวิ๋นหันไปมองเนี่ยหลีอย่างแปลกใจ นางคิดไม่ถึงว่าที่แท้เป็เนี่ยหลีที่ค้นพบหมีจิ้งจอกได้แต่เนิ่นๆ
“คุณชายเฉินเกรงใจเกินไปแล้ว” เนี่ยหลีตอบ ปราศจากท่าทางภาคภูมิใจ
เฉินหลินเจี้ยนพยักหน้าเล็กน้อย ั้แ่ได้รู้จักกับเนี่ยหลี เขาพบว่าเนี่ยหลีเป็คนมีความสามารถไม่น้อย เห็นท่าทางสงบของเนี่ยหลีขณะถูกชม เขายิ่งยอมรับเนี่ยหลีมากขึ้น
เนี่ยหลีเบาเสียงลงแล้วพูดว่า “คุณชายเฉิน พวกเราถูกตาม”
ได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี เฉินหลินเจี้ยนก็แปลกใจ เขาหันไปมองผืนป่าด้านหลัง
“อย่ามอง มีนักสู้ระดับเงินสามคน ข้าไม่รู้ว่าผู้ใดส่งพวกมันมา” เนี่ยหลีรีบพูดขึ้น
เฉินหลินเจี้ยนค่อยๆ ละสายตา แสร้งทำตัวตามสบายพูด “พวกมันมีจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่?” เฉินหลินเจี้ยนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยล่วงเกินผู้ใดในเมืองกวงฮุยเลยแม้แต่ผู้เดียว!
“พวกมันอาจจะเป็คนของสมาคมมืด!” เนี่ยหลีพูดขึ้น แม้เขาสามารถวิเคราะห์ได้ว่าพวกมันทั้งสามมาจากตระกูลเสินเซิ่ง เนี่ยหลียังคงบอกว่านักสู้ระดับเงินสามคนนั้นมาจากสมาคมมืด
ได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี ดวงตาของเฉินหลินเจี้ยนทอประกายเย็นะเื สมาคมมืดมีชื่อเสียงเลวร้ายในเมืองกวงฮุย พวกมันเป็องค์กรลับที่ก่อตั้งโดยพวกอาชญากร ปกติแล้วสมาคมมืดไม่กล้าเปิดเผยตัวในเวลากลางวัน พวกมันลอบฆ่าคนในที่มืด กระทำเื่ชั่วร้ายทุกอย่าง ถือเป็ศัตรูโดยรวมของทุกครอบครัวในเมืองกวงฮุย!
“ปล่อยเื่นี้ให้เป็หน้าที่ของข้าเอง!” เฉินหลินเจี้ยนตบบ่าของเนี่ยหลีและเดินตรงไปด้านหน้า
-------------------------------------
*ชุ่น ความยาวประมาณหนึ่งนิ้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้