บนหอคอยตระกูลเสิ่น เสิ่นเสวียนหายใจหอบหนัก ยิ้มด้วยสีหน้าปลื้มปีติ
ได้เห็นกระบี่ใหญ่ตรงหน้า แม้จะใช้พลังทั้งหมดที่มีก็คุ้มค่า
เสิ่นเสวียนฝืนลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเบื้องหน้ากระบี่เล่มนั้น ยื่นมือออกไปคว้าด้ามกระบี่ไว้ ในพริบตาที่เขาจับด้ามกระบี่ พลังที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกใหม่แห่งนี้พลันไหลหลั่งเข้าสู่ใจกลางฝ่ามือของเขา
พลังอันแรงกล้าเ่าั้ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่ได้รับมานานแล้ว
“ศาสตราิญญา ไม่ได้เจอกันนานเลย”
เสิ่นเสวียนจับด้ามกระบี่เอาไว้พลางกล่าวพึมพำ
ก่อนหน้านี้ที่เขายังไม่ได้เข้าฝ่าด่านเคราะห์ เขารวบรวมศาสตราิญญาระดับสูงไว้มากกว่าร้อยชิ้น เตรียมพร้อมต่อสู้กับด่านเคราะห์อสนี คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายมันจะกลายเป็จุณไปทั้งหมดเพราะด่านเคราะห์อสนี ไม่มีเหลือเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ร่างของเขาแหลกสลายกลายเป็เซียนพเนจร โชคดีที่บังเอิญคว้าศาสตราเซียนที่พังไปแล้วมาได้ชิ้นหนึ่ง ทำให้เขาข้ามผ่านขอบเขตการใช้ศาสตราิญญาไปทันที
ตอนนี้ได้ศาสตราิญญาอีกครั้ง และยังอยู่ในขั้นแก่นทองคำอีกด้วย ความรู้สึกถึงพลังที่ปะทุออกมายังคงส่งผลกระทบต่อเขามาก
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เสิ่นเสวียนระมัดระวังอยู่ตลอดขณะกำลังสร้างศาสตราวุธ เขารู้ดีว่าเขาในตอนนี้ยังมิอาจสร้างศาสตราวุธที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาได้ เพราะตรงที่ฝังอัญมณียังเหลือที่ว่างอยู่อีก ภายหน้าหากมีจิติญญาอาวุธที่เหมาะสมยิ่งกว่า ก็สามารถที่จะจับมาแทนที่ได้เพื่ออานุภาพที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
หรือกล่าวได้อีกอย่างคือ กระบี่เล่มนี้สำเร็จเพียงครึ่งเดียว เมื่อพลังของเสิ่นเสวียนแข็งแกร่งขึ้น อานุภาพของกระบี่เล่มนี้จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หรือกระทั่งกลายเป็ศาสตราเซียนได้
ศาสตราิญญามีจิติญญาอาวุธ แต่กระบี่ัคำรามในตอนนี้ยังอ่อนแอมาก การสะกดิญญาเพิ่งสำเร็จลง หากอยากทำให้มันกลายเป็จิติญญาอาวุธที่มีสติปัญญา เสิ่นเสวียนต้องฝ่าด่านเคราะห์เป็เซียนให้สำเร็จ ได้รับการชำระล้างจากไอพลังเซียนเสียก่อน มิเช่นนั้นก็ต้องบ่มเพาะมันไปอีกหลายร้อยหรือหลายพันปี เพื่อให้มันได้ดูดซับพลังจากฟ้าดิน
แน่นอนว่ามันยังมีข้อยกเว้นบางอย่าง เช่นการได้รับไอพลังหลิงชี่จำนวนมหาศาลอย่างกะทันหันเพื่อหล่อเลี้ยงจิติญญา แต่นั่นเป็ไปได้ยากมาก
วิ้งงง!!!
เสิ่นเสวียนถือกระบี่ัคำรามไว้ แต่กระบี่เหมือนจะไม่ยอมรับการควบคุมของเสิ่นเสวียน ทำให้มันสั่นไหวไม่หยุด
สวบ!
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น กระบี่พุ่งทะลวงผ่านมิติซ่อนเร้นของเขาออกไปบนท้องฟ้าในทันที
“เฮอะ! แค่ศาสตราิญญาชิ้นเล็กๆ ยังคิดหนี”
เสิ่นเสวียนกระตุกยิ้มมุมปาก ขณะเดียวกันเขาก็ถีบพื้นพุ่งตัวตามออกไปทันทีราวกับลูกธนูหลุดจากสาย
และในขณะเดียวกัน เคล็ดวิชาเร้นกายที่ปกคลุมหอคอยอยู่พลันหายไป พลังน่ากลัวแผ่กระจายรุนแรง ทำให้เสิ่นล่างที่อยู่ด้านล่างตื่นใจนเกือบจะเหาะตามออกไปอยู่แล้ว
พลังแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วตระกูลเสิ่น ราวกับเป็สายฝนช่วยชโลมความชุ่มชื้นให้แก่ต้นไม้ใบหญ้า
ผู้ฝึกตนขั้นแม่ทัพในเมืองอวี่ฮว่ามองไปบนท้องฟ้าเหนือตระกูลเสิ่นด้วยความใ
อย่างแรกคือมีแสงสีแดงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ตามมาด้วยร่างเงามนุษย์ พวกเขาจับจ้องอยู่เพียงไม่กี่ลมหายใจ อีกฝ่ายกลับพุ่งสูงไปอยู่ในระดับที่พวกเขามิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแล้ว
“ท่านผู้นำ! เหาะออกไปแล้ว!”
เสิ่นล่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวด้วยความใ ความสูงระดับนี้แม้แต่เขายังทำไม่ได้เลย
เมื่อเหาะไปถึงความสูงประมาณหกลี้ พลังบ้าคลั่งของกระบี่ัคำรามลดลงไปมากแล้ว เสิ่นเสวียนยื่นมือออกไปคว้ากระบี่ัคำรามเอาไว้
“ลำพังแค่เ้ายังคิดหนีไปจากมือของข้าอีกหรือ จะดูถูกข้าเกินไปแล้วหรือไม่”
เสิ่นเสวียนจับกระบี่ัคำรามเอาไว้พลางหัวเราะเสียงดัง ของล้ำค่าขั้นศาสตราิญญาจะมีความคิดเป็ของตนเอง ไม่ยอมกลายเป็สิ่งของของใคร มันจึงหนีออกมา
“แย่ล่ะ! สูงเกินไป!”
เสิ่นเสวียนเพิ่งคว้ากระบี่ัคำรามได้ แล้วพบว่าตนเองเหาะขึ้นมาสูงกว่าหกลี้ พลังภายในตันเถียนเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงพุ่งดิ่งลงไปทันที ้าลงไปให้ถึงด้านล่างก่อนที่พลังจะหมดลง เพราะตนเองจะตายอย่างน่าขายหน้ามากเกินไป
ผู้ฝึกตนต่ำกว่าขั้นราชันทะยานขึ้นไปถึงความสูงสองลี้ได้ก็นับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว ความสูงหกลี้ ไม่ว่าจะเป็พลังมิติหรือสภาพแวดล้อมอื่นๆ ต่างเกินกว่าที่พลังยุทธ์ของเขาจะรับมือไหว
เสิ่นเสวียนพุ่งลงไปด้านล่างได้เพียงหนึ่งลี้ พลังภายในร่างพลันหมดลง อากาศเริ่มเบาบางจนเกือบหมดสติ
เขากำลัง ‘ร่วงหล่น’ ลงจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ตอนขึ้นขึ้นได้เร็วมากเท่าไร ตอนลงก็ลงได้รวดเร็วมากเท่านั้น
เสิ่นล่างและผู้แข็งแกร่งมากมายในเมืองอวี่ฮว่าต่างเงยหน้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า ขณะนั้นเอง พวกเขามองเห็นมนุษย์ผู้หนึ่งที่จับกระบี่เอาไว้แน่นกำลังพุ่งดิ่งลงมา
ความเร็วขนาดนั้นเรียกได้ว่ามหัศจรรย์มาก
เสิ่นล่างเห็นคนส่วนใหญ่ต่างตื่นใกับความเร็วระดับนั้น ทว่ามองไปมองมาเสิ่นล่างก็พบเจอสิ่งผิดปกติ
“ท่านผู้นำ นี่มัน...”
แบบนี้เรียกว่าพุ่งลงมาที่ไหนกัน เรียกว่าร่วงหล่นลงมาจะถูกกว่า
ขณะที่มองเห็นว่ากำลังร่วงหล่นลงมาจนเหลือความสูงอีกเพียงสองลี้ แรงโน้มถ่วงยิ่งทำให้ร่างของเสิ่นเสวียนร่วงหล่นลงมารวดเร็วยิ่งกว่าเดิม เหลือเวลาให้เสิ่นล่างไม่มากแล้ว เสิ่นล่างจึงโคจรพลังภายในร่างพุ่งทะยานขึ้นไปหาเสิ่นเสวียนด้วยความเร็วสูงสุดของตน
ตอนนี้เสิ่นล่างคือผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในเมืองอวี่ฮว่า มีเพียงเขาที่สามารถรับร่างของเสิ่นเสวียนไว้ได้
สวบ!
ขณะที่เสิ่นเสวียนกำลังจะพุ่งถึงพื้นในอีกไม่ถึงครึ่งลี้ เสิ่นล่างกระโจนเข้าไปถึงตัวแล้วโอบร่างของเสิ่นเสวียนเอาไว้แน่น
เสิ่นล่างกอดเสิ่นเสวียนเอาไว้แน่น แล้วเสิ่นล่างก็ตื่นใกับกระบี่ัคำรามที่สั่นไหวไม่หยุดในมือของเสิ่นเสวียน
“นี่คือศาสตราวิเศษขั้นปฐีอย่างนั้นหรือ”
หากเสิ่นล่างเคยรู้สึกตื่นใกับทักษะต่อสู้ขั้นปฐีของเสิ่นเสวียนก่อนหน้านี้ เขาก็คงไม่อยากเชื่อเกี่ยวกับกระบี่ัคำรามในมือของเสิ่นเสวียนเช่นกัน ไม่ว่าศาสตราวิเศษขั้นปฐีชิ้นใดปรากฏขึ้นต่างก็ทำให้สั่นะเืไปทั่วทั้งทวีป ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดพลังของกระบี่เล่มนี้จึงไม่แผ่กระจายออกมา เหมือนถูกใครบางคนควบคุมพลังเอาไว้
ไม่เช่นนั้น หากพลังแผ่กระจายออกไป เมืองอวี่ฮว่าจะต้องลุกเป็ไฟ
เสิ่นล่างไม่ได้คิดอะไรมากนัก แหวนมิติของเขาเปล่งประกายแสงสว่างวาบเก็บกระบี่ัคำรามเล่มนั้นเข้าไปทันที ขณะเดียวกันก็ใช้พลังควบคุมไว้ให้มันสงบนิ่งลง
เสิ่นสวียนที่ถูกเสิ่นล่างกอดเอาไว้พลังค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ภายในตันเถียนขณะที่หมดสติไป ทำให้ทะเลจิตสำนึกมีพลังชีวิตเพิ่มขึ้น แล้วเขาก็ฟื้นคืนสติ
“ผู้เฒ่าล่าง ได้ท่านช่วยไว้อีกแล้ว”
เสิ่นเสวียนมองเสิ่นล่างแล้วกล่าวพร้อมกับยิ้มแห้งๆ
“อย่าเพิ่งกล่าวอะไร กลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เสิ่นล่างสีหน้าเคร่งเครียดมาก เขาประคองร่างเสิ่นเสวียนลงไปที่พื้น แล้วมุ่งหน้ากลับไปยังเรือนเล็กของเสิ่นเสวียนทันที
ณ เรือนไม้ในลานหลังเขาของตระกูลเสิ่น
เสิ่นเสวียนนั่งอยู่บนเตียง สภาพจิตใจสงบนิ่งลงเล็กน้อย
ภายในเรือนมีเพียงเขาและเสิ่นล่างสองคนเท่านั้น
“ผู้เฒ่าล่าง ข้าทำให้ท่านเป็ห่วงอีกแล้ว”
เสิ่นเสวียนก้มหัวให้พลางกล่าวขอโทษ หากกล่าวถึงอายุ ตนเองอายุน้อยกว่าอีกฝ่ายไม่รู้เท่าไร เสิ่นเสวียนรู้สึกเหมือนตนเองเป็เด็กคนหนึ่ง
“หลังจากนี้จะทำอะไรอย่าวู่วามเช่นนี้อีก หากศาสตราวิเศษขั้นปฐีถูกเปิดเผยออกไป ไม่รู้จะต้องมีคนตายไปอีกเท่าไร”
เสิ่นล่างมองเสิ่นเสวียนด้วยความรู้สึกที่ยังคงหวาดกลัว
“อืม ข้ารู้แล้วผู้เฒ่าล่าง”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า เขาเองก็ไม่อยากให้เกิดเื่แบบนี้ขึ้น แต่เ้านั่นดันพุ่งออกไป เขาจะไม่ตามไปก็ไม่ได้
“ยังดีที่ครั้งนี้ยังไม่ถูกเปิดเผยออกไป เ้าเป็คนควบคุมพลังนั่นไว้หรือ”
“อืม ข้าควบคุมเอาไว้เอง คิดไม่ถึงว่าเ้านั่นจะพุ่งไปสูงขนาดนั้น”
“นี่คือสิ่งที่เ้าสร้างขึ้นอย่างนั้นหรือ”
เสิ่นล่างถามด้วยความสงสัย กระบี่ัคำราม เขารู้สึกเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
“ใช่แล้ว ครั้งก่อนตอนที่สู้กับหานหนานเทียนทำให้กระบี่เพลิงของเผ่าอนธการถูกทำลายไป ข้าจึงเอามันมาทำเป็กระบี่เล่มนี้แทน”
เสิ่นเสวียนกล่าวด้วยท่าทางปกติ
เพียงแต่คำกล่าวด้วยท่าทางปกติของเสิ่นเสวียน กลับเหมือนเป็คลื่นั์ถาโถมเข้าใส่หูของเสิ่นล่าง
“เ้า! เป็คนสร้าง? เ้ายังเป็นักสร้างศาสตราวุธด้วยหรือ”
เสิ่นล่างมุมปากกระตุกไม่หยุด ไม่รู้ว่าต้องแสดงท่าทางอย่างไร