ภายนอกหุบเขาเต็มไปด้วยั์ตาปีศาจ ทั้งยังมีม่านหมอกปกคลุมรอบบริเวณ และด้านในเปลวเพลิงแสนวุ่นวายก็มีเสียงิญญาชั่วร้ายหัวเราะผะแ่ ราวกับพวกมันกำลังคุยกันว่าจะกลืนกินคนเหล่านี้อย่างไร
เหล่าศิษย์จากทุกสำนักต่างตื่นตระหนก พวกเขารู้สึกได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีแต่สิ่งเลวร้าย ทว่าพวกเขาก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
เสียงดังตึงก่อนหน้านี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในพื้นที่นั้น พวกเขาจ้องมองเปลวเพลิงในตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณบนฝาโลงศพไม้สีดำเริ่มเปลี่ยนสีเป็ตาเดียวกัน
ดวงตาน่าพิศวงและน่าสะพรึงกลัวเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ กระแสอารมณ์ต่างๆ เอ่อล้นออกมาทางแววตาและรอยยิ้มของปีศาจจนทำให้หนังศีรษะของผู้คนด้านชา
“นะ...น่ากลัวเกินไปแล้ว ข้าอยากออกไปจากสถานที่บ้าๆ แห่งนี้!” ศิษย์ซิงซิวคนหนึ่งทนความทรมานในใจไม่ไหวจึงคิดที่จะหลบหนี
“สงบใจลงก่อน สถานการณ์นอกหุบเขาในยามนี้ค่อนข้างประหลาด แม้จะออกไปได้ก็ไม่อาจหลบหนีได้พ้น ถึงโลงศพนี้จะน่ากลัว แต่มันก็สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตในหมอกแห่งความโกลาหลเ่าั้หวาดกลัวได้ ซึ่งนับเป็การป้องกันไม่ให้พวกมันโจมตีเรา”
“หากเปรียบเทียบดูแล้ว ตอนนี้ที่นี่ค่อนข้างปลอดภัย”
ศิษย์หยวนซิวและซิงซิวกว่าร้อยคนที่เข้ามาในบ่อน้ำก่อนนี้เหลือเพียงสิบสี่คนเท่านั้น และศิษย์จื๋อซิวจากแปดสำนักก็เหลืออยู่สิบเจ็ดคน เมื่อนับหนิงเทียน ซิ่งอวี่เจวียน ซูอวิ๋น ชิวซานอวิ๋น และหลิวจินอวิ๋นเพิ่มเข้าไป ภายในสถานที่แห่งนี้ก็มีผู้รอดชีวิตทั้งหมดสามสิบหกคน
บรรดาผู้อยู่เหนือขั้นแปดล้วนตื่นตระหนกกับสถานการณ์ตรงหน้า และมีเพียงไม่กี่คนที่มุ่งความสนใจไปยังตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณ
ทันใดนั้นโลงศพไม้สีดำก็สั่นะเื พร้อมด้วยความถี่ของเสียงเคาะและเสียงดังตึงภายในโลงที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณจะรับรู้บางอย่าง สีของเปลวเพลิงจึงเปลี่ยนแปลงโดยพลัน และดวงตาภายในนั้นก็แตกต่างจากที่ผ่านมา แม้จะดูน่ากลัว แต่ก็ซ่อนเร้นความลึกลับเอาไว้ด้วย
หนิงเทียนถูกั์ตาในเปลวเพลิงดึงดูดความสนใจ ขณะเดียวกันกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็กำลังสั่นสะท้าน และคัมภีร์หลิงฮวงก็ลอยขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกางออกทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ คนอื่นๆ จึงหยิบม้วนภาพ กระดานหมากรุก และตัวหมากออกมาทีละชิ้นโดยคิดว่าตนจะเข้าใจปริศนาต่างๆ ได้ด้วยความช่วยเหลือของกุญแจเหล่านี้ ทว่าพวกเขาพยายามอยู่นานก็ยังไม่ได้คำตอบใด
ซูอวิ๋นลอบกัดฟันพร้อมนึกโกรธแค้นอยู่ในใจ เ้าบ้าหนิงเทียน คัมภีร์บนหัวเขาคืออะไร? แล้วมันมีผลอย่างไรกันแน่?
ยุทธศาสตร์ครอง์ในร่างของหนิงเทียนกำลังเคลื่อนไหว แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณหลักทั้งห้าต่างกระตือรือร้นขึ้นมาโดยพร้อมเพรียง ทั้งยังถูกดึงดูดเข้าหาตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณ
เมื่อคัมภีร์หลิงฮวงเปิดออก เนื้อหาทั้งเก้าบทก็ปรากฏขึ้นในใจของหนิงเทียน เมื่อรวมกับคำแนะนำจากกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิต เขาก็เข้าใจทันทีว่าดวงตาในเปลวเพลิงนั้นกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
หลายคนคิดว่าดวงตาเ่าั้น่าสยดสยองและเปลี่ยนแปลงอย่างไร้รูปแบบ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าลูกตาทุกลูกมีทักษะดวงเนตรแสนลึกลับ ทั้งยังเกี่ยวข้องกับสีสันของเปลวเพลิงอีกด้วย
เปลวเพลิงเก้าสีและทักษะเก้าชนิดแปนเปลี่ยนวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สิ่งนี้ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง จึงเป็เื่ยากที่จะเข้าใจด้วยการคิดแบบปกติเพียงอย่างเดียว และจำเป็ต้องใช้วิธีการพิเศษ
แผนที่จิติญญาในร่างของหนิงเทียนฟื้นขึ้นมาพร้อมจำลองการเปลี่ยนแปลงของดวงตาในเปลวเพลิง วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสีและทักษะ จากนั้นก็ผสานรวมเป็หนึ่งเดียวได้สำเร็จ
เมื่อนำมาประกอบกับคำแนะนำของกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิต หนิงเทียนก็สามารถทำตามเงื่อนไขบางประการและเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้เร็วกว่าคนอื่น อย่างน้อยยามนี้เขาก็พบหนทางแล้ว
แต่เมื่อไตร่ตรองเพิ่มเติมก็พบว่า เพียงคำแนะนำของกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิต การตื่นตัวของแผนที่จิติญญา และระดับการบำเพ็ญของเขาในปัจจุบันนั้นยังไม่สามารถเข้าใจความลึกลับได้ทั้งหมด เขาสามารถเข้าใจได้ประมาณเก้าส่วน ซึ่งนั่นก็สุดความสามารถของเขาแล้ว
เช่นนี้เขาจะถอดรหัสและตีความให้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบได้อย่างไร?
ในเวลานี้เลขเก้าหลักได้กลายมาเป็กุญแจสำคัญ การคาดเดาวิธีการมายานั้นสอดคล้องกับเส้นทางหลักแห่งฟ้าดิน ซึ่งประกอบด้วยความจริงของโลกจากการตกผลึกภูมิปัญญามนุษย์
เหตุใดอาจารย์หลายท่านมักพูดถึงพร์ยามเลือกศิษย์?
เพราะหากไม่มีพร์ที่สูงพอ แม้จะได้รับทรัพยากรหรือทักษะอันทรงพลังมากมายเพียงใดก็จะไม่สามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้อย่างถ่องแท้ รวมถึงความสำเร็จขั้นสุดท้ายก็จะไม่สูงนัก
พร์มักเป็บททดสอบความสามารถ ทักษะ และความเข้าใจ แม้จะไม่ต้องครอบคลุมสิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ส่วนใดส่วนหนึ่งแย่จนเกินไป
แล้วเหตุใดคัมภีร์หลิงฮวงจึงเปิดขึ้น? นั่นก็เพราะเนื้อหาเก้าบทในคัมภีร์ััถึงการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนของดวงตาในเปลวเพลิงได้ จึงก่อให้เกิดการเหนี่ยวนำตามธรรมชาติ
ภายใต้การแนะนำของกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิต หนิงเทียนจึงเริ่มศึกษาการเปลี่ยนแปลงของตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณโดยใช้ตัวเลขเก้าหลักเป็เกณฑ์มาตรฐานร่วมกับการจำลองของแผนที่จิติญญา
เปลวเพลิงเก้าชนิดและทักษะดวงเนตรเก้ารูปแบบนั้นสอดคล้องกันทั้งหมด แต่กลับไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดที่แน่ชัด เช่นนั้นจุดเริ่มต้นอยู่ที่ใด?
จุดนี้สำคัญมาก และหนิงเทียนก็พยายามคิดหาคำตอบของสิ่งนี้
ด้านนอกหุบเขา หมอกแห่งความโกลาหลเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนกำลังจะบุกเข้ามาด้านใน
พลันโลงศพไม้สีดำสั่นะเืแรงขึ้น ตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณซึ่งแต่เดิมไม่มีการเคลื่อนไหวก็เริ่มก่อคลื่นผันผวนเล็กน้อยเช่นกัน และสิ่งนี้ก็สร้างความตื่นตระหนกให้ศิษย์ทุกสำนัก
“มีบางสิ่งที่ทรงพลังและชั่วร้าย้าจะเข้าไปหรือ?”
“เหตุใดข้าถึงคิดว่าหมอกนอกหุบเขานั่นเกิดจากสิ่งที่อยู่ในโลงศพ?”
ศิษย์หลายคนทั้งกระวนกระวายและวิตกกังวล ส่วนซิ่งอวี่เจวียนก็ยืนอยู่ข้างหนิงเทียนพร้อมถือธนูจันทรามรกตไว้ในมือ เตรียมยิงใครก็ตามที่กล้าเข้ามาใกล้
ยามนี้กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณ
การเปลี่ยนแปลงของสีเปลวเพลิงและลูกตาล้วนดึงดูดความสนใจของทุกคน ทว่าขณะนี้มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับตะเกียง ยันต์แผ่นหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมส่องแสงระยิบระยับราวแสงดาวบนฟากฟ้า และทำให้ศิษย์ซิงซิวหลุดอุทานออกมา
ทางด้านตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณนี้ก็เริ่มเคลื่อนไหวและเปล่งลำแสงเจิดจ้า จุดที่กันล้วนส่องประกายราวกับดวงดาว และปลดปล่อยพลังอันน่าเกรงขามซึ่งทำให้โลงศพไม้สีดำที่สั่นะเืสงบลง
ดวงตาของศิษย์หลักจากสำนักดาราทมิฬและตำหนักดาวเหนือต่างเป็ประกายสดใส พวกเขาใช้วิธีการบำเพ็ญดวงดาวพยายามเข้าไปัักับตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณเพื่อแย่งชิงสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้
ร่างกายของหนิงเทียนเปล่งประกายด้วยแสงสีทองและเข้าสู่สภาวะไร้ตัวตน ดวงตาของเขามีอักขระกำลังรวมตัวกัน และเลขเก้าหลักที่สะท้อนอยู่ในใจก็ช่วยให้เขาหยั่งรู้ทุกสิ่ง ทั้งยังมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตแกว่งไกวภายในตันเถียนของหนิงเทียนท่ามกลางแสงแห่งความโกลาหล เส้นพลังิญญาคล้ายด้ายเพลิงพัวพันและกันในเส้นลมปราณที่หก ก่อนจะกลายเป็เปลวเพลิงซึ่งมีดวงตาปรากฏอยู่ภายใน พร้อมมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกด้วย
นี่คือกระบวนการควบแน่นแผนที่จิติญญาที่หก เมื่อมันประสบความสำเร็จ หนิงเทียนจะสามารถเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นหกได้
การพัฒนาขอบเขตเป็เื่ยากมากสำหรับหนิงเทียน แม้เขาจะดูดซับพลังิญญาจนร่างกายแทบปริแตก แต่หากไม่สามารถรวมแผนที่จิติญญาไว้ในเส้นลมปราณได้สำเร็จ เขาก็ไม่สามารถเลื่อนขั้นได้
ทันใดนั้นก็เกิดเปลวเพลิงวูบไหวและคลื่นกระแทกที่แผ่ขยาย จนทำให้ทุกคนในหุบเขาสั่นสะท้าน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ดูนั่น! มีแสงดาวส่องอยู่ตรงฐานของตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณ!”
หลายคนรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้แม้จะมีแสงแวววาวบนผิวของตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณ แต่แสงนั้นกลับไม่มั่นคงและเป็เพียงภาพมายาเท่านั้น
ทว่ายามนี้ตะเกียงฟื้นพลังเต็มที่แล้ว จึงมีดาวดวงหนึ่งที่สุกสว่างและเปล่งประกายราวกับถูกจุดด้วยพลังแห่งเปลวเพลิง จนส่องแสงเจิดจ้าอยู่ตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน คนอื่นๆ ก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณ เปลวเพลิงเก้าสีและลูกตาทั้งเก้ากลายเป็เปลวเพลิงแปดสีและลูกตาทั้งแปด
“ลูกตาอีกข้างหายไปไหน?”
“ดาวนั่นคือลูกตาหรือ?”
หลายคนที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ก็เริ่มใและประหลาดใจ
ทว่าคำตอบนั้นกลับตาลปัตรอย่างยิ่ง
การเปลี่ยนแปลงของตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณเกี่ยวข้องกับหนิงเทียนโดยตรง ลูกตาที่หายไปนั้นกำลังได้รับการจัดระเบียบใหม่และควบแน่นอยู่ในเส้นลมปราณที่หกของเขา ซึ่งมันประกอบด้วยอักขระและตราประทับศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วน ส่วนดวงดาวที่จู่ๆ ก็สว่างขึ้นบนตะเกียง นั่นเป็เพราะก่อนหน้านี้มันถูกพลังของลูกตายับยั้งเอาไว้
เมื่อหนิงเทียนรับรู้ถึงความลึกลับของลูกตา เขาก็สลายพลังมันออกจากเปลวเพลิง หลังจากการควบรวมเส้นลมปราณเสร็จสิ้น ดวงดาวบนฐานตะเกียงก็พ้นจากการกดขี่และส่องแสงสว่างไสว ซึ่งสิ่งเหล่านี้บุคคลภายนอกไม่มีทางล่วงรู้ได้ และพวกเขาก็ทำได้เพียงคาดเดากันไปต่างๆ นานา
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะน่าสยดสยองก็ดังขึ้นราวกับคมมีดที่ทิ่มแทงกระดูก เป็เสียงที่ค่อนข้างน่าขนลุกราวกับมีปีศาจคำรามอยู่ในโลงศพไม้สีดำ
สิ่งนี้สะท้อนถึงข้อมูลบางอย่าง แต่หลายคนกลับไม่เข้าใจ
ดวงตาของหนิงเทียนเป็ประกาย เงามายาข้างกายเริ่มเคลื่อนไหว ร่างของเขาล้อมรอบด้วยบงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว หญ้าต้นน้อย เถาวัลย์เขียว และลำธารวงแหวน โดยความเร็วในการดูดกลืนพลังิญญานั้นราวกับอ่างน้ำวนซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก
ร่องรอยของความชั่วร้ายแวบขึ้นในดวงตาของหลิวจินอวิ๋น ทว่าทันทีที่ก้าวไปข้างหน้า เขาก็ถูกหยุดไว้ด้วยธนูจันทรามรกตที่ซิ่งอวี่เจวียนถืออยู่
“ถอยไป!” ซิ่งอวี่เจวียนะโลั่น
หลิวจินอวิ๋นกล่าวอย่างเหยียดหยาม “เ้ากล้าดีอย่างไรมาทำโอหังต่อหน้าข้า?”
หลี่ตู้อีจากสำนักั์พฤกษาเยาะเย้ย “ทั้งที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวแต่เ้ายังบ้าได้ถึงเพียงนี้ คิดว่าพวกเราจื๋อซิวไม่สามารถทำอะไรเ้าได้หรือ?”
ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ในที่แห่งนี้ล้วนเป็จื๋อซิว เมื่อนับหนิงเทียนและซิ่งอวี่เจวียนด้วยก็รวมเป็สิบเก้าคน
นอกจากซิ่งอวี่เจวียน หนิงเทียน และตี๋เยี่ยนจวินจากสำนักทะยานเวหา คนอื่นๆ ก็ล้วนอยู่ในขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้า
หลิวจินอวิ๋นเริ่มหงุดหงิด ทว่าซูอวิ๋นก็เกลี้ยกล่อมให้เขาสงบลง
ยามนี้หากพวกเขาต่อสู้กับจื๋อซิวแบบเผชิญหน้า อย่างไรก็เสียเปรียบในด้านจำนวนคน
เสียงเคาะค่อยๆ รุนแรงขึ้นจนโลงศพไม้สีดำสั่นะเืด้วยความถี่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสร้างความวิตกกังวลให้ทุกคนโดยรอบ
เปลวเพลิงแปดสีของตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณประกอบด้วยลูกตาแปดลูกและการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นานลูกตาอีกลูกก็หายไปและดาวดวงที่สองบนฐานตะเกียงก็สว่างขึ้น
“มันกำลังฟื้นคืนชีพ ทั้งยังค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นแล้ว!”
หลายคนร้องะโอย่างตื่นเต้น และไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นสตรีชุดม่วงสวมผ้าคลุมหน้าที่กำลังจ้องมองตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณโดยมีเปลวเพลิงสองสีปรากฏขึ้นในดวงตา ซึ่งนี่เป็การควบแน่นยันต์ที่ปรากฏขึ้น
หนิงเทียนเข้าใจทักษะในดวงตาของนางและวิเคราะห์ว่าสตรีนางนี้น่าจะได้รับสิ่งอื่น นางสร้างการเชื่อมโยงบางอย่างกับตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณ และััได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของหนิงเทียน
คำแนะนำของกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตเป็กุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจปริศนาอันยอดเยี่ยม ความกระตือรือร้นของแผนที่จิติญญาเป็แรงผลักดันที่ทำให้กระบวนการนี้เสร็จสมบูรณ์ และเลขเก้าหลักก็เป็แนวทางพื้นฐานที่ทำให้ขั้นตอนต่างๆ สมบูรณ์แบบ
เปลวเพลิงในเส้นลมปราณที่หกของหนิงเทียนเปลี่ยนจากสองสีเป็สามสี ภายในนั้นมีดวงตาสามดวงซึ่งอยู่ในกระบวนการรวมเข้าด้วยกัน
การเปลี่ยนแปลงของหนิงเทียนสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณ เมื่อดาวดวงที่สามบนฐานตะเกียงสว่างขึ้น เปลวเพลิงก็กลายเป็หกสี
เมื่อเห็นเช่นนี้ ศิษย์ทุกคนก็ตระหนักได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายของตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณกำลังจะมาถึงแล้ว
กระบวนการนี้ใช้เวลานานถึงเก้าชั่วยามเต็ม สุดท้ายเปลวเพลิงเก้าสีบนตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณก็กลายเป็เปลวเพลิงบริสุทธิ์ และลูกตาข้างในก็หายไปจนหมด
ผนึกดวงดาวเก้าดวงเปล่งแสงเจิดจ้าบนตะเกียงราวกับมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวฝังอยู่ภายใน
เหล่าศิษย์ซิงซิว จื๋อซิว และหยวนซิวต่างรีบพุ่งเข้าหาโลงศพไม้สีดำ ดวงตาของพวกเขาลุกโชนด้วยความหลงใหล ทุกคนต่าง้าแย่งชิงตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณซึ่งพวกเขามั่นใจว่ามันคือสมบัติล้ำค่า
ทันใดนั้นเปลวเพลิงในตะเกียงสัมฤทธิ์โบราณก็สั่นไหว แล้วะเิออกมาด้วยพลังที่น่าพรั่นพรึงราวกับสายฟ้าฟาด ก่อนจะมีประตูบานหนึ่งโผล่ออกมาจากเปลวเพลิงราวกับตั้งอยู่เหนือ์ ส่วนด้านหลังประตูก็คือมิติที่ยุ่งเหยิงและไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าจะทะลุเข้าไป ณ ที่แห่งใด
