เมื่อหยวนอวี่ได้ยินก็รีบตอบคำ “มิได้เพคะ หลังจากที่พระชายาช่วยตรวจรักษาให้หม่อมฉัน หม่อมฉันก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วเพคะ เพียงแต่เมื่อได้เห็นอาหารที่หน้าตาดูประณีตชวนลิ้มลองเช่นนี้ หม่อมฉันก็รู้สึกไม่กล้ากินเล็กน้อยก็เท่านั้น” หยวนอวี่เกรงว่า หากตนพูดออกไปว่าไม่ถูกปาก อวิ๋นซีอาจจะถือโอกาสนี้เพื่อบอกให้นางรีบกลับไปพักผ่อน หากเป็เช่นนั้นก็คงไม่ดีแน่
เื่ที่คืนนี้ตั้งใจจะทำก็ยังไม่ได้ทำสักอย่าง ดังนั้น จะให้จากไปง่ายๆ ได้อย่างไร
“อย่างนั้นหรือ สิ่งเหล่านี้ก็แค่อาหารเท่านั้น ไม่ว่าพวกมันจะถูกทำขึ้นอย่างดีเพียงใด สุดท้ายก็จะต้องถูกพวกเรากินลงท้องอยู่ดี” อวิ๋นซีอมยิ้มส่ายหน้าน้อยๆ “หากเ้าคิดว่าน่ามอง เช่นนั้นในวันหน้าข้าจะให้คนเตรียมไว้ให้เ้ามากขึ้นอีกหน่อย”
หยวนอวี่แสร้งยิ้มพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณ ต่อให้ยามนี้นางจะไม่อยากอาหาร แต่เมื่อได้ยินอวิ๋นซีพูดเช่นนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรตัวนางก็ต้องกินสักหน่อย
ทางด้านชิวิ ั้แ่ที่หยวนอวี่มาถึง สายตาคนก็หยุดนิ่งอยู่ที่นาง “ดูเหมือนว่าเสี้ยนจู่จะผอมลงกว่าตอนที่อยู่ในเมืองหลวงไม่น้อย”
“ก็นั่นน่ะสิ” เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็ถอนหายใจเบาๆ “สภาพอากาศทางแถบตะวันตกเฉียงเหนือกับทางเจียงหนานนั้นไม่เหมือนกันเลย คนมากมายที่ได้มาเยือนที่แห่งนี้ก็มักมีอาการไม่ถูกกับดินฟ้าอากาศ และที่สาหัสกว่านั้น บางคนยังถึงกับต้องมาทิ้งชีวิตไว้ที่ดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี่”
“ร้ายแรงเพียงนั้นเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ? ” ชิวิมองไปทางหยวนอวี่ทีหนึ่งด้วยท่าทีเป็กังวล มือที่ถือตะเกียบอยู่ของเขาจับแน่นขึ้นน้อยๆ
หยวนอวี่กวาดสายตาไปทางอวิ๋นซี “ตอนแรกเริ่มก็เป็เช่นนั้นจริง แต่ว่ายามนี้มีพระชายาอยู่นี่แล้ว พระนางเป็ถึงหมอหญิง ข้าจึงเชื่อมั่นว่าพระชายาจักต้องไม่ยอมให้เกิดเื่ร้ายต่อข้าเป็แน่” ขณะนั้นนางคิดในใจเพียงว่า นังชั้นต่ำ หากเ้าคิดจะขุดหลุมฝังข้า ข้าก็จะลากเ้าลงมาก่อน
เมื่อองค์ชายสี่ได้ยินว่าคนเป็ถึงหมอหญิงก็อดแปลกใจไม่ได้ “พี่สะใภ้รอง ท่านเป็หมอหญิงหรือ? ” สิ่งหนึ่งที่ควรต้องรู้ก่อน ในแคว้นหนานเย่านั้น ถึงแม้สถานะของสตรีจะถูกวางไว้สูงส่ง แต่ว่า ไม่ว่าอย่างไรสตรีก็คือสตรี ดังนั้น สตรีที่ได้กลายเป็หมอนั้นจึงยิ่งน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย หรือต่อให้จะมี พวกนางก็มักถูกผู้คนดูถูกดูแคลน
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินแล้วก็ยิ้มๆ ก่อนจะกล่าวตอบ “อืม เป็เช่นนั้นจริงๆ เพคะ แท้จริงแล้วบิดาข้านั้นเป็หมอผู้หนึ่งในนครหานโจวนี้ ส่วนตัวข้าก็ได้ติดตามอยู่ข้างกายบิดามาแต่ยังเล็ก จึงอาจเรียกได้ว่าเป็บุตรสาวที่สืบทอดกิจการของบิดา ถึงกระนั้นข้าก็มิได้เก่งกาจดังที่หยวนอวี่เสี้ยนจู่พูด อย่างไรเสียอาการไม่ถูกกับดินฟ้าอากาศนี่ก็มิใช่โรค และเป็เพียงอาการที่เกิดจากร่างกายมิอาจแบกรับความแตกต่างของสภาพภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่ได้ เนื่องด้วยดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี้ตั้งอยู่บนที่ราบสูง หากมิใช่คนที่คุ้นเคยกับสภาพอากาศทางแถบนี้ก็ย่อมเป็เื่ธรรมดา หากจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากการอยู่บนที่สูง อาการเหล่านี้ ต่อให้จะเป็คนที่มีวิชาแพทย์สูงส่งเพียงใดก็ย่อมไร้หนทาง”
“อา ผลกระทบจากการอยู่บนที่สูงรุนแรงเพียงนี้เชียวหรือ แต่เหตุใดตัวข้าจึงไม่รู้สึกเช่นนั้นเลยเล่า? ” องค์ชายสี่มองดูตนเอง และมองไปทางหยวนอวี่ที่กำลังป่วยอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความแตกต่างที่ค่อนข้างมากอยู่ทีเดียว
อวิ๋นซีหัวเราะพรืดออกมา “ตัวท่านคงเป็ผู้ฝึกยุทธ์เป็แน่ ใช่หรือไม่ เพราะคนที่ร่างกายแข็งแกร่งบึกบึนเยี่ยงท่าน โดยปกติแล้วมักไม่ค่อยมีผลข้างเคียงจากการอยู่บนที่สูง ส่วนเหตุที่หยวนอวี่เสี้ยนจู่เป็เช่นนี้ก็เพราะร่างกายของนางอ่อนแอบอบบาง จึงไม่เหมาะที่จะอยู่ในสภาพอากาศที่ดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี้ หากให้พูดตามจริง ต่อให้ข้าจะช่วยฝังเข็มให้นางทุกวันก็คงทำได้แค่คงสภาพร่างกายนางไม่ให้ย่ำแย่ไปกว่านี้ก็เท่านั้น แต่ หากปล่อยให้เป็เช่นนี้นานวันเข้า ตัวข้าก็ไม่อาจรับปากได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
คำบางคำ ให้นางได้พูดแค่นี้ก็นับว่าพอแล้ว ส่วนที่เหลือก็ปล่อยไว้ให้คนมีใจเ่าั้ลองเก็บไปพินิจพิจารณา และทายดูเอง
หลังมื้ออาหารค่ำ พวกเขาร่วมกันร่ำสุราพลางพูดคุยกันที่ริมแม่น้ำ ในตอนนี้องค์ชายสี่ดูจะสนใจเื่ราวต่างๆ ในดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือมาก เขาฟังพี่รองของตนบอกเล่าเื่ในเขตแดนนี้อย่างใจจดใจจ่อเป็อย่างยิ่ง
ส่วนหยวนอวี่นั้นเป็เพราะร่างกายที่แบกรับไม่ไหว จึงได้ขอตัวกลับไปยังเรือนฉิ่นเยว่ก่อน และเมื่อนางจากไปได้ไม่นาน ชิวิเองก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเช่นกัน
อวิ๋นซีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มมองตามเงาหลังของเขา นางยกสุราจอกหนึ่งขึ้นจิบ จากนั้นก็หันไปถามองค์ชายสี่ “ข้าได้ยินพี่รองของท่านบอกว่า ท่านหนีงานแต่งงานมาที่ดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี้ จริงหรือเพคะ แล้วท่านไม่กลัวหรือไร? หากฝ่าาส่งคนมาจับตัวท่านถึงที่นี่”
องค์ชายสี่ที่กำลังเอนกายด้วยท่าทีสบายๆ อยู่ด้านหนึ่งโบกมือไหวๆ ก่อนจะยิ้มน้อยๆ แล้วตอบ “มาถึงแล้วค่อยว่ากันเถอะ แต่หากไม่มาก็นับว่าโชคดี ตัวข้าจะได้อยู่เสียที่นี่ไปเลย เพราะข้าชอบที่นี่นะ ไม่ชอบเมืองหลวง”
อวิ๋นซีมองอีกฝ่ายตอบพลางคิดไปว่า กว่าสองปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน คนก็ยังคงไม่โตขึ้นเหมือนเดิม “ได้ยินมาว่าตระกูลอวิ๋นมีบุตรชายหล่อเหลาบุตรสาวงดงาม ส่วนสตรีที่ฮ่องเต้พระราชทานให้สมรสกับท่านก็เป็ถึงคุณหนูใหญ่สายตรงตระกูลอวิ๋นเชียว แล้วท่านยังจะมีสิ่งใดไม่พอใจอีกเล่า? ”
เมื่อองค์ชายสี่ได้ฟังก็แค่นเสียงเ็า “หากบอกว่าเป็หญิงงาม เื่นั้นข้าก็คิดว่า คำเล่าลือนั้นไม่ผิดแผกไปจากความจริงเลยสักนิด อวิ๋นเซ่าหลันผู้นั้นมีหน้าตาที่ไม่เลวจริงๆ แต่ว่า พี่สะใภ้รองยังมีบางสิ่งที่ท่านไม่รู้ สำหรับข้า นอกจากร่างกายของนางที่คล้ายสตรีแล้ว สิ่งอื่นใดก็ล้วนไม่เหมือนเลยสักนิด คงไม่ต้องพูดถึงเื่ที่นางรำดาบเล่นทวนได้ อย่างไรเสียสตรีส่วนใหญ่ในเมืองหลวงก็มีความสามารถด้านนี้ โดยเฉพาะบุตรสาวในตระกูลขุนศึก ทว่า เื่การอบรมสอนสั่งที่นางได้รับมา ข้านั้นไม่กล้าเยินยอเลยจริงๆ ”
อวิ๋นซีเห็นท่าทางเช่นนั้นของเขาก็อดหัวเราะแล้วถามต่อไม่ได้ “ท่านจะกล่าวว่าการอบรมสอนสั่งของผู้อื่นมีปัญหา? หรือว่านางจะพลาดพลั้งทำอันใดต่อท่าน? ”
“ท่านรู้ได้อย่างไร? ” องค์ชายสี่เบิกตาโตถาม แต่เมื่อพลั้งปากถามออกไปกลับเพิ่งนึกเสียใจในภายหลัง เื่เช่นนี้ตัวเขาจะบอกให้คนอื่นล่วงรู้ได้อย่างไร?
อวิ๋นซีและจวินเหยียนหาได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะอายหรือไม่ จึงได้ถามยิ้มๆ “เกิดเื่อันใดขึ้นหรือ? รีบเล่าให้พี่รองของเ้าฟังสิ”
“นั่นสิ รีบเล่าเถิด” อวิ๋นซีเองก็ยิ้มแย้มหยอกล้อไปกับเขาด้วย เพราะนางคงไม่กล้าคิดต่อเองจริงๆ ว่า อวิ๋นเซ่าหลันผู้นั้นได้ทำเื่ร้ายกาจใดลงไป คนถึงกับทำให้ผู้ที่เป็ถึงองค์ชายของแผ่นดินเป็ต้องหวั่นเกรงในตัวนางเพียงนี้?
องค์ชายสี่มองพี่ชายและพี่สะใภ้ตรงหน้าด้วยความลำบากใจเล็กน้อย เขาอึกอึกอยู่เป็นานก็ไม่กล้าพูดออกไป เมื่ออวิ๋นซีเห็นท่าทีนั้นก็ทำทีหันไปพูดกับสาวใช้ข้างกาย “ไปแจ้งแก่ห้องเครื่องทีว่า ท่านสี่อิ่มแล้ว ไม่ต้องตระเตรียมสำรับใดอีก”
เมื่อโอวหยางเทียนหลานได้ยินก็รีบพูดขึ้น “ไม่นะพี่สะใภ้รอง ท่านจะแล้งน้ำใจต่อข้าเช่นนี้ไม่ได้นะ ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว ข้าจะบอกพวกท่าน พอใจหรือไม่...”
“เมื่อสามเดือนก่อน ตอนที่ข้ากลับจากกองพระคลังไปยังจวนนั้น โชคไม่ดีที่บังเอิญเจอเข้ากับนักฆ่าชุดดำ ซึ่งคนคนนั้นก็ได้ะโเข้าไปในเรือนตระกูลอวิ๋น ตอนนั้นข้าเอาแต่สนใจไล่ตามนักฆ่า จึงไม่ได้คิดอันใดมาก แต่ใครเล่าจะไปคิดว่าเ้านักฆ่าคนนั้นจะทำเกินไป คนถึงกับกล้าหนีเข้าไปในห้องของอวิ๋นเซ่าหลัน และในตอนนั้นนางก็กำลังอาบน้ำอยู่ ข้า ข้าจึงได้เห็นร่างนางไปทั่วทั้งตัว...”
อวิ๋นซีและจวินเหยียนสบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะฮ่าฮ่าแล้วจึงพูดขึ้น “เ้าสี่ นี่เป็ปัญหาเื่การอบรมสั่งสอนของตัวเ้าแท้ๆ เลย เหตุใดจึงไปว่ากล่าวคุณหนูอวิ๋นแทนเสียได้”
“แน่นอน ด้วยเื่นี้ ข้ารู้ว่าข้าไม่ดีเอง ในตอนนั้นจึงได้เข้าไปขออภัย ทั้งยังยอมให้นางตีข้าไปอีกยกหนึ่ง เดิมทีข้าคิดว่าเื่นี้จะมีแค่พวกเราที่รู้ หากยอมให้นางตีสักยกก็คงทำให้คนหายโกรธได้แล้ว ทว่า ใครจะไปรู้ คืนหนึ่งในยามที่ข้าอาบน้ำอยู่ จู่ๆ สตรีนางนี้ก็ปรากฏกายออกมากะทันหัน ซ้ำร้ายคนยังจัดการอาภรณ์ข้าจนไม่เหลือชิ้นดี ถึงกระนั้นตัวข้าก็นับว่าอดทน และให้อภัยต่อนางแล้ว แต่ใครจะคิดว่า คนเยี่ยงนางได้คืบจะเอาศอก ถึงได้ฉวยโอกาสยามที่ข้าอาบน้ำอยู่แอบเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมออกไปโดยง่ายอีกด้วย และเพราะการกระทำของนาง ทำให้ข้าใจนไม่กล้าอาบน้ำแล้ว ทว่า เื่นี้ก็ไม่รู้ว่าไปเข้าพระกรรณเสด็จพ่อได้อย่างไร พระองค์จึงต้องพระราชทานสมรสให้พวกเรา”
โอวหยางเทียนหลานยังคงพูดต่ออย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หากมิใช่เพราะนางเอาแต่มาปรากฏตัวอยู่ที่จวนอ๋อง ป่านนี้ก็คงไม่มีใครล่วงรู้เื่ที่ข้าเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของนางในวันนั้น ทว่า ตอนนี้เป็อย่างไรเล่า คนทั้งเมืองหลวงพากันคิดไปว่า ตัวข้าชมชอบสตรีบ้านางนั้น ส่วนเสด็จพ่อก็หาได้สนใจในผลจริงเท็จ พระองค์ยัดเหยียดคนมาเป็ชายาข้า ข้าน่ะ ข้าน่ะรู้สึกอัดอั้นตันใจจริงๆ ”
อวิ๋นซีหัวเราะหัวไห้จนยืดตัวไม่ขึ้น ขณะที่สาวใช้ที่ยืนอยู่เื้ัก็ยังอดยิ้มตามไม่ได้ ส่วนจวินเหยียนนั้นก็หัวเราะไปพลางชี้หน้าโอวหยางเทียนหลานไปพลางแล้วกล่าวต่อ “เ้าสี่ คิดไม่ถึงว่าตัวเ้าจะเป็คนที่หน้าไม่อายเพียงนี้ รู้อยู่แก่ใจตนว่าได้ล่วงเกินสตรีผู้หนึ่งแล้ว แต่กลับยังไม่ยอมไปทาบทามสู่ขอ เ้าว่าในวันหน้าหากเื่นี้แพร่งพรายออกไป เ้าจักให้คุณหนูใหญ่อวิ๋นทำตัวอย่างไร”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้