“ต้าจู้ นายเอาการ์ดนี่ไปนะ อยากซื้ออะไรก็ไปซื้อฉันจะพาอวี้เอ๋อร์ไปเดินเล่นสักหน่อย” กัวไฮว่โยนแบล็คการ์ดให้เซวียนต้าจู้ใบหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ
“พี่ไฮว่ ผมมีเงิน ผมชนะการพนันแข่งวิชาการครั้งก่อนมาสิบล้าน เหอะๆ” เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ
“บอกให้เอาก็เอาไปสิ ไปเดินเล่นคนเดียวนะ ไปซื้อของให้เสิ่นปี้โหรวแล้วสุดสัปดาห์ค่อยไปหาเธอที่โรงเรียน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ยังจะสอนคนอื่นจีบสาวอีก ไป เราไปเดินเล่นในนั้นกัน” อวี้เอ๋อร์พูดพลางจูงมือกัวไฮว่เดินเข้าไปในศูนย์การค้า
“อวี้เอ๋อร์ ชุดชั้นในนี่ไม่เลวเลย ซื้อสักตัวสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พลางมองไปยังชุดชั้นในหลากสีที่แขวนอยู่ภายในศูนย์การค้าสายตาไม่ห่างออกไปจากส่วนสูงเนินของอวี้เอ๋อร์แม้แต่แวบเดียว
“โรคจิต ไม่รู้หรือว่าทำไมถึงถูกไล่มาแดนมนุษย์น่ะน่าจะพาไปภพเดรัจฉานจริงๆ ฉันเองก็หูหนวกตาบอด ทำไมฟังที่ท่านพี่พูดแล้วต้องลงมาหาพี่ที่แดนมนุษย์ด้วยก็ไม่รู้” อวี้เอ๋อร์ส่งกระแสจิตไปบอก
“แค่จะซื้อเสื้อผ้าให้เธอจะมาโรคจิตอะไรกัน เสื้อตัวนี้อีก เธอดูสิแสนจะประหยัด แสนจะรักษ์โลก เธอซื้อครั้งเดียวหลายๆ ตัวได้เลย สลับๆ กันใส่” กัวไฮว่พูดพร้อมกับชี้ไปยังกางเกงในจีสตริง
“ตาบ้า ไอ้โรคจิต” อวี้เอ๋อร์พูดเสียงดังั้แ่แปดโมงครึ่งจนถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง เป็เวลาสามชั่วโมงบนตัวของกัวไฮว่ก็เต็มไปด้วยกล่องหลากหลายชนิดอวี้เอ๋อร์เองก็ไม่ได้มีท่าทีจะหยุดพักแค่รู้สึกถูกใจก็ดิ่งไปรูดบัตรแล้วแขวนไว้บนตัวของกัวไฮว่ ง่ายแค่นี้เอง
“พี่ไฮว่ พี่ซื้ออะไรให้พวกน้องเวยเวยหน่อยสิปลายเดือนนี้ไปหาพวกเธอจะไปมือเปล่าไม่ได้นะถ้าไปมือเปล่าใครมันจะยอมบำเพ็ญเพียรคู่กับพี่ล่ะ” อวี้เอ๋อร์มองยังกัวไฮว่ที่แขวนเสื้อผ้าอยู่เต็มแล้วส่งกระแสจิตไปหาด้วยใบหน้ายิ้มร้าย
“อะแฮ่มๆๆ อวี้เอ๋อร์ เกินไปแล้วนะ” กัวไฮว่ะโเสียงดังลั่นทำเอาสายตาผู้คนโดยรอบตกมาอยู่ที่ร่างของกัวไฮว่
“เฮ้อ ผู้ชายทำแบบนี้ น่าขายหน้าชะมัดเลย” คนผ่านทางคนแรกพูดขึ้นเบาๆ
“น่าจะเป็ตัวสำรองแหละ ไม่งั้นไม่เป็แบบนี้หรอก ทำเกียรติผู้ชายป่นปี้หมด” คนผ่านทางคนที่สองพูดพลางพยักหน้า “ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็แฟนฉันนะอย่าว่างั้นงี้เลย ฉันยอมตายก็ได้ พวกแกจะไปเข้าใจอะไร” คนผ่านทางคนที่สามมองอวี้เอ๋อร์น้ำลายไหลย้อยพลางพูด
“เพี๊ยะๆๆ มองอะไร อยากตายหรือไง เมียทำให้แกพอใจไม่ได้เหรอ” หญิงสาวสูงร้อยหกสิบหนักแปดสิบ ท่าทางไม่น่าหาเื่ด้วยที่อยู่ข้างๆตบคนผ่านทางคนที่สี่
“แค่กๆๆ เมียจ๋า ผมผิด ผมผิดไปแล้ว” เสียงโอดครวญของคนผ่านทางคนที่สี่ดังไปทั้งชั้นสองของศูนย์การค้า
“พี่ไฮว่ ขอโทษด้วยนะ ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเลย พี่อย่าโกรธสิไม่งั้นเดี๋ยวคืนนี้ฉันทำให้พี่พอใจเอง เดี๋ยวฉันซื้อชุดชั้นในเซ็กซี่ๆหลายๆตัวเลย” แน่นอนว่าอวี้เอ๋อร์ได้ยินที่คนรอบๆ พูดเธอจึงมองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ
“แค่นี้ก็แข็งแล้ว พอดีเลย แขวนกระเป๋าถือไว้ตรงนี้ได้” อวี้เอ๋อร์พูดพลางยื่นมือไปแขวนกระเป๋าที่เพิ่งจะซื้อมาใหม่ที่น้องชายของกัวไฮว่
“พรวด” กัวไฮว่ล้มไปกองกับพื้น ดูถูกดูถูกกันเกินไปแล้ว
“ฮ่าๆ สบาย วันนี้สบายดีจริงๆ” อวี้เอ๋อร์หัวเราะแจ่มใสราวกับดอกไม้ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดัง
“น้องสี่ พี่ไฮว่ พี่ที่รัก คุณไฮว่ ตอนนี้แกอยู่ไหนฉันจะไปหาแกฉันมีเื่ด่วนน่ะ” เจี่ยหยวนะโพูดเสียงโหดอยู่ปลายสายโทรศัพท์
“อยู่ชั้นสองศูนย์การค้าอู่เฉิง มาซื้อชุดชั้นในอยู่ที่นี่พี่หาคนส่งรถลากคันเล็กๆ มาลากของที่ผมซื้อไปหน่อยสิ มีอะไรค่อยว่ากัน” กัวไฮว่พูดขึ้นเสียงดังกับโทรศัพท์ไม่ว่าเจี่ยหยวนจะได้ยินชัดเจนหรือไม่เขาก็วางสายไปแล้ว
“ใช่ อยู่ที่ชั้นสองศูนย์การค้าของพวกเธอ กัวไฮว่คนนี้นี่เธอรู้จักเธอรีบไปหาเขาเลยนะ เขาอยากได้อะไรก็ทำตามเขาเขาอยากทำประตูห้องลองเสื้อผ้าเธอก็ไปทำ ทำทุกอย่างที่เขา้า” เจี่ยหยวนโทรศัพท์หาผู้หญิงคนหนึ่งแล้วพูดกับโทรศัพท์ด้วยเสียงดัง
“พี่หยวน พี่มันแย่จริงๆ” หญิงสาวพูดออดอ้อนแต่สุดท้ายก็ถูกเจี่ยหยวนก่นด่าไปฉาดหนึ่ง ไม่นานเธอก็ไปหาความสำคัญของกัวไฮว่
“เ้าสี่นะเ้าสี่ แกมีความลับมากมายแค่ไหนกันแน่ถึงว่าแกถึงได้ให้ฉันจัดการทรัพย์สินแสนล้านของตระกูลฉินสำหรับแกแล้วเงินก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย” เจี่ยหยวนมองไปที่แขนของตนเองอย่าว่าแต่รอยฟันที่กัวไฮว่ทำไว้ครั้งนั้น ขนาดรอยแผลเป็เล็กๆที่ตนเองเป็คนทำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“พี่สอง พี่ติดต่อเ้าสี่ได้แล้วหรือยัง พี่ดูแขนพี่สิ มันโคตรเจ๋งเลยเ้าสี่มันมีความลับอะไรกันแน่” หวังเซิงพูดขึ้นเสียงดังกับปลายสายโทรศัพท์
“ฉันโทรหาเ้าสี่แล้ว มันเดินเล่นอยู่ในห้างอู่เฉิงเดี๋ยวเราไปคุกเข่าหน้าบ้านมันกันเถอะ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “พี่เย่าพูดถูก เ้าสี่ไม่ใช่เ้าสี่คนเดิมอีกแล้วล่ะ”
“พี่ไฮว่ พี่หยวนให้ฉันมาหาพี่น่ะ พี่้าอะไรก็มาบอกฉันได้เลยนะ” หญิงสาวหน้าตาอ้อนแอ้นคนนั้นใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็หากัวไฮว่เจอก่อนจะพูดยิ้มๆ กับกัวไฮว่ ชุดเดรสที่เดิมอยู่ต่ำอยู่แล้วถูกเธอดึงลงต่ำอีกหน่อย เผยให้เห็นกระต่ายขาวคู่หนึ่งสู่สายตา
“ผู้ชาย หาผู้ชายมาให้ฉันสองสามคน ฉัน้าชายฉกรรจ์” กัวไฮว่มองไปยังหญิงสาวอ้อนแอ้นคนนั้นแล้วพูดขึ้นเสียงดัง
“พี่ไฮว่ เื่บางเื่ ชายฉกรรจ์ใช้งานได้ไม่ดีนะไม่งั้นเราลองเข้าไปดูกันก่อนไหม” หญิงสาวจูงมือกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น
“เจี่ยหยวน พี่เอาผู้หญิงคนนี้ไปเลยนะ ผม้าคนมาถือของพี่หาผู้หญิงแบบนี้มาให้ผมทำไม” กัวไฮว่โทรศัพท์หาเจี่ยหยวนอีกรอบก่อนจะตะคอกเสียงดังลั่น
“คะ...คุณไฮว่ แกจะถืออะไรแกก็บอกผู้หญิงคนนั้นไป ตอนนี้ฉันกับเ้าสามอยู่หน้าบ้านแกแกรีบกลับมาเถอะ ฉันจัดการเื่ใบอนุญาตให้แกเรียบร้อยแล้วสถานที่ที่แกบอกฉันก็จัดการให้แกแล้ว แกรีบกลับบ้านเร็วพวกเราเตรียมกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“น่าโมโหชะมัด เขาหัวโตแต่มีสมอง ส่วนเธอหัวโตไม่มีนม” กัวไฮว่มองหญิงสาวผู้อ้อนแอ้นคนนั้นแล้วพูดขึ้นเสียงดัง
“อวี้เอ๋อร์ ไป เรากลับบ้านกัน ของนี่ให้พวกเขาส่งไปให้เราที่บ้าน” กัวไฮว่พูดพลางจูงมืออวี้เอ๋อร์เดินออกไปจากศูนย์การค้าท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดที่ของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา
“ข้างๆ มีคนสวยขนาดนี้ ทำไมยังให้เจี่ยหยวนโทรมาหาฉันอีกแถมยังอยากได้ชายฉกรรจ์อะไรอีก แล้วยังมาว่าฉันอีก ฉันอกใหญ่แล้วมันทำไม” หญิงสาวผู้อ้อนแอ้นพูดเสียงดังด้วยความเศร้าสร้อย
“มองอะไรกัน เรียกพวกนั้นมาให้หมดเลยนะเก็บของบนพื้นนี่ให้เรียบร้อยแล้วส่งไปให้ตาบ้านั่นที่บ้าน” หญิงสาวคนสวยะโเสียงดังกับพนักงานในร้านที่มองตนเองโวยวายอยู่ไม่ว่าเธอจะโกรธสักแค่ไหนก็ไม่อาจเอาผิดกับเจี่ยหยวนได้ ถ้าเอาผิดกับเจี่ยหยวนก็ไม่ต้องอยู่ที่อู่เฉิงกันพอดี แล้วก็ไม่ต้องอยู่ที่หัวซย่ากันพอดี
“ตาบ้า นาย้าชายฉกรรจ์ไม่ใช่เหรอ ลากฉันมาทำไมเนี่ย” อวี้เอ๋อร์นึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นในห้างเมื่อสักครู่แล้วพูดยิ้มๆกับกัวไฮว่
“ชายฉกรรจ์ยังไงก็สู้อวี้เอ๋อร์คนดีของฉันไม่ได้หรอก ถึงพวกเขาจะอกใหญ่กล้ามแน่นแต่จะไปแกร่งสู้เธอได้ยังไงล่ะ” กัวไฮว่พูดพลางยื่นมือไปยังส่วนสูงเนินของอวี้เอ๋อร์
“ตาบ้า ไอ้ตาบ้า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้