“เอาล่ะ ข้าจะอธิบายผลกระทบพิเศษจากมีดสั้นทั้งสองเล่มแต่เ้า เ้าต้องทำความเข้าใจและจดจำให้ดี เมื่อใช้ต่อสู้ในภายหน้าจะได้ทราบว่าต้องทำอย่างไร”
ไป๋หยุนเฟยอธิบายผลกระทบของมีดสั้นทั้งสองเล่มอย่างละเอียดให้แก่หลี่เฉิงเฟิง หลังจากมั่นใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจและจดจำขึ้นใจแล้วจึงเก็บมีดสั้นในมือแล้วเปลี่ยนเป็มีดสั้นธรรมดาระดับ +8 แทน “มาทดลองผลกระทบของมีดเหล่านี้กัน ยังมีบางอย่างที่ข้ายังไม่กระจ่าง จำต้องศึกษาอย่างละเอียดอีก...”
“โอ แล้วเราจะทดสอบอย่างไร?” หลี่เฉิงเฟิงพยักหน้าติดๆกันและเอ่ยปากถามอย่างคาดหวัง
“นี่ไม่จำเป็ต้องต่อสู้กัน พวกเราเพียงค้นคว้าผลกระทบของมีด ข้าจะใช้มีดนี้ป้องกันและเ้าจู่โจมเข้ามาด้วยมีดสั้นในมือ เพียงกระทำอย่างเชื่องช้า เ้าสมควรเข้าใจอยู่แล้วกระมัง? จำได้ว่าคราก่อนที่ทดสอบก้อนอิฐเ้าทุบตีข้าอย่างสนุกสนานนัก...”
“ฮ่า ฮ่า ข้าทราบแล้วว่าต้องทำอย่างไร เริ่มกันเลยเถอะ” หลี่เฉิงเฟิงกล่าวหลังจากหัวเราะอย่างกระดาก
“ตกลง เริ่มกันเถอะ”
หลี่เฉิงเฟิงยกมีดสั้นขึ้นและวาดลงใส่ไป๋หยุนเฟยอย่างเชื่องช้า ไป๋หยุนเฟยก็ยกมีดสั้นในมือขึ้นตั้งรับ‘การจู่โจม’จากอีกฝ่าย
“อืม ใช้แรงให้น้อยลงบ้าง ลงมือต่อเถอะ” ไป๋หยุนเฟยมองดูรอยบิ่นที่ปรากฏบนใบมีดจากการปะทะแล้วจึงกล่าวเตือน
มีดสั้นทั้งสองเล่มจึงปะทะกันเช่นนี้อีกสิบกว่าครั้ง มีดสั้นในมือไป๋หยุนเฟยก็เต็มไปด้วยรอยบิ่น หลังจากทดสอบดู มีดสั้นในมือหลี่เฉิงเฟิงนับว่าเหนือชั้นกว่ามากมายในด้านพลังโจมตี
ได้ยินเสียงมีดสั้นปะทะกันดังมาแ่เบา ไป๋หยุนเฟยหมายจะกล่าวตามความเคยชินว่า “ยังไม่สำเร็จ ลงมือต่อ” แต่เพียงอ้าปากไม่ทันเอ่ยคำ ทุกอย่างในคลองจักษุพลันแปรเปลี่ยนเป็มืดดำไม่อาจมองเห็นอันใดอีก
“ตาบอด!” หลังจากนิ่งงันชั่วครู่ ไป๋หยุนเฟยจึงมีปฏิกิริยาฉับพลันะโว่า “หยุดมือ!”
ที่จริงหลี่เฉิงเฟิงก็สังเกตเห็นทันทีที่ผลกระทบเริ่มทำงาน เนื่องเพราะอยู่ๆกระแสพลังิญญาในร่างก็ไหลเข้าสู่มีดสั้นโดยไม่อาจควบคุม
ไป๋หยุนเฟยไม่ได้โคจรพลังิญญาเพื่อต่อต้าน ตรงกันข้ามกลับััประสบการณ์ของ‘การตาบอด’อย่างละเอียด เวลาสามวินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แสงสว่างปรากฏขึ้นอีกคราแล้วโลกเบื้องหน้าก็กลับเป็ปกติ
“เป็อย่างไรบ้างหยุนเฟย? เมื่อครู่เป็ผลกระทบตาบอดกระมัง?” เห็นมีดสั้นในมือไป๋หยุนเฟยยังคงเป็เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หลี่เฉิงเฟิงจึงทราบว่าที่ถูกกระตุ้นเกิดขึ้นสมควรเป็ผลกระทบ‘ตาบอด’
“มิผิด เ้าคาดเดาถูกแล้ว เป็ผลกระทบตาบอดจริงๆ ทั้งโลกพลันกลับกลายเป็มืดสนิทไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้ แต่ประสาทััอื่นยังคงเป็ปกติไม่สูญเสียประสิทธิภาพไป” ไป๋หยุนเฟยทบทวนความรู้สึกเมื่อครู่อย่างละเอียด “ผลกระทบนี้นับว่าเป็ประโยชน์อย่างยิ่ง หากเหตุการณ์เช่นนี้บังเกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้แล้ว...”
“ทดสอบกันต่อเถอะ ครานี้พวกเราจะทดสอบผลกระทบ‘ตัดแยก’กัน” ไป๋หยุนเฟยกล่าวหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่
หลังจากปะทะกันอีกสิบกว่าครั้ง ยามที่มีดสั้นสองเล่มปะทะกันอีกหลี่เฉิงเฟิงก็แสดงสีหน้ายินดีกล่าวว่า “สำเร็จแล้ว!”
แทบจะเวลาเดียวกับหลี่เฉิงเฟิงกล่าวจบ ไป๋หยุนเฟยก็รู้สึกมือเบาโหวง ยามที่มีดสั้นทั้งสองเล่มััถูกกันกลับไม่ปรากฏเสียงปะทะกันแม้แต่น้อย มีดสั้นหลี่เฉิงเฟิงตัดผ่านมีดที่ไป๋หยุนเฟยใช้ป้องกันอย่างหมดจดในมีดเดียวราวตัดผ่านก้อนเต้าหู้
หลี่เฉิงเฟิงมองดูมีดสั้นในมือสลับกับใบมีดครึ่งเล่มบนพื้นด้วยท่าทีเซื่องซึมพลางกล่าวพึมพำ “นี่...คือผลกระทบ‘การตัดแยก’? มันกลับตัดอาวุธคู่ต่อสู้ขาดได้?!”
ไป๋หยุนเฟยมองดูมีดสั้นครึ่งเล่มในมือ รอยตัดบนมีดกลับเรียบลื่น เห็นได้ชัดว่ามีดสั้นของหลี่เฉิงเฟิงตัดผ่านโดยปราศจากการต้านทานใด
“ผลกระทบพิเศษระดับ +12 ช่างน่ากลัวนัก การตัดแยก... แม้ยากจะเกิดขึ้นเมื่อศัตรูใช้อาวุธระดับสูง แต่ก็มีเพียงระดับสมบัติตกทอดขึ้นไปเท่านั้นที่จะป้องกันได้อย่างสมบูรณ์”
“หรืออีกนัยหนึ่ง มีดนี้สามารถ‘ตัดแยก’วัตถุิญญาระดับเดียวกับหนามธารน้ำแข็งได้ทั้งหมด!”
… … … …
ต่อมา ทั้งคู่จึงเริ่มทดสอบผลกระทบจากมีดสั้น +12 อีกเล่ม
ระหว่างการทดสอบ เมื่อหลี่เฉิงเฟิงแทงมีดสั้นออกและกระตุ้นให้เกิด‘ภาพมายา’ขึ้น ไป๋หยุนเฟยเห็นอย่างชัดเจนว่ามีดนี้แทงมายังหัวใจ แต่เมื่อบรรลุถึงตัวกลับกลายเป็แทงหน้าท้อง
ผลกระทบภาพมายานี้ทำให้คู่ต่อสู้มองเห็นภาพการจู่โจมลวงตาที่เหมือนจริง สร้างความสับสนต่อการมองเห็นของคู่ต่อสู้ เปิดโอกาสให้สามารถจู่โจมจุดอื่นได้อย่างกะทันหัน
สำหรับผลกระทบสุดท้ายที่ระบุว่า‘เมื่อปักมีดลงจะสร้างความเสียหายเป็สองเท่า’ กลับชัดเจนในตัวจึงไม่จำเป็ต้องค้นคว้าอันใดอีก
ทั้งคู่ทดสอบผลกระทบทั้งหลายครั้งแล้วครั้งเล่าที่ลานนอกหมู่บ้านตลอด่เช้า กระทั่งเข้าใจอย่างกระจ่างแล้วจึงหยุดยั้งการทดสอบลง
“ข้าตัดสินใจแล้ว! ข้าจะเรียกมีดทั้งสองเล่มนี้ว่าตัดแยกและภาพมายา!” หลี่เฉิงเฟิงที่นั่งกับพื้นมองมีดสั้นทั้งคู่ในมือพลันเอ่ยปากขึ้นอย่างกะทันหัน
“ฮ่า ฮ่า นี่เป็มีดของเ้าย่อมต้องเป็เ้าขนานนามให้ เ้าเลือกนามของมีดทั้งสองเล่มจากผลกระทบของมันกระมัง? ดี เป็ชื่อที่ดี” ไป๋หยุนเฟยที่ด้านข้างกล่าวกลั้วหัวเราะพลางพยักหน้า
“หยุนเฟย เ้าช่างร้ายกาจนัก เ้าทำได้อย่างไร? แม้แต่ความคมกล้าของมีดทั้งคู่ก็เพิ่มขึ้นจากเดิมมากมายจนไม่อาจคาดเดา อย่าว่าแต่ผลกระทบอันน่าอัศจรรย์อีก” หลี่เฉิงเฟิงที่ลูบคลำมีดสั้นทั้งสองเล่มในมืออย่างชื่นชม อดไม่ได้ต้องทอดถอนใจด้วยอารมณ์ความรู้สึก
“มิผิด มีดสั้นทั้งสองเล่มนี้สร้างความเสียหายได้เกือบเทียบเท่าหนามธารน้ำแข็งที่ยังไม่ได้ยกระดับ นั่นหมายความว่าพวกมันบรรลุถึงขอบเขตของวัตถุิญญาแล้ว กระนั้นข้ายังไม่แน่ใจว่าจะนับพวกมันเป็วัตถุิญญาได้หรือไม่ จนถึงยามนี้ข้ายังทราบเกี่ยวกับวัตถุิญญาทั้งหลายเพียงน้อยนิดเท่านั้น”
กล่าวถึงตรงนี้ ราวกับนึกบางอย่างออกไป๋หยุนเฟยหยิบแหวนช่องมิติออกมาส่งให้แก่หลี่เฉิงเฟิงและกล่าวว่า “รับแหวนช่องมิติเ้าคืนไป ข้ายกระดับให้เช่นกัน แต่ข้าไม่ได้ยกระดับจนถึงขั้นมีผลกระทบเพิ่มเติมเนื่องเพราะหากข้าผิดพลาดแหวนเ้าจะถูกทำลายไม่เหลืออะไรอีก”
หลี่เฉิงเฟิงรับแหวนมาพลางกล่าวอย่างงุนงง “แหวนนี้ก็สามารถยกระดับได้?”
“ลองสวมแล้วรับรู้ด้วยตนเองเถอะ” ไป๋หยุนเฟยหัวเราะพลางแนะนำให้หลี่เฉิงเฟิงรับรู้จากประสบการณ์ด้วยตนเอง
ยามที่หลี่เฉิงเฟิงสวมแหวนลงบนนิ้ว ก็พลันนิ่งงันไป จากนั้นจึงก้มมองร่างกายตนเองและแหวนบนนิ้วด้วยท่าทีสับสนอยู่บ้าง จากนั้นจึงหันไปกล่าวกับไป๋หยุนเฟยอย่างไม่แน่ใจ “หยุนเฟย ไฉนข้ารู้สึกว่า...”
“เ้ารู้สึกร่างกายน้ำหนักเบาลงและคล่องแคล่วกว่าเดิมกระมัง?” ไป๋หยุนเฟยยิ้มพลางกล่าวว่า “ความรู้สึกเ้าไม่ผิดพลาด แหวนที่ข้าอัพเกรดขึ้นจะไม่เพิ่มพลังโจมตีหรือพลังป้องกัน แต่จะเพิ่ม‘คุณลักษณะ’แก่ร่างกาย วงที่ข้าสวมนี้เพิ่ม‘ความแข็งแกร่ง’ ส่วนของเ้าเพิ่ม‘ความว่องไว’”
หลังจากไป๋หยุนเฟยอัพเกรดแหวนช่องมิติของหลี่เฉิงเฟิงวงนี้ถึงระดับ +8 ก็มีคุณลักษณะเสริมขึ้นคือเพิ่มความว่องไวอีกสิบแปดหน่วย
“แม้จะเพิ่มคุณลักษณะขึ้นไม่มากนัก แต่บางอย่างมีน้อยยังดีกว่าไม่มี น่าเสียดายที่ข้ามีเวลาไม่พอ ไม่เช่นนั้นจะทดลองคุณลักษณะของเครื่องประดับหลากหลายที่ยกระดับสูงขึ้น...” ไป๋หยุนเฟยกล่าวด้วยความเสียดายอยู่บ้าง
เมื่อหลี่เฉิงเฟิงได้ยินคำพูดไป๋หยุนเฟยก็มีสีหน้าหม่นหมองลง กล่าวว่า “เ้าเตรียมจะจากไปแล้วหรือ? เ้าจะไปเมื่อใด?”
ไป๋หยุนเฟยครุ่นคิดชั่วขณะจึงกล่าว “วันพรุ่งนี้ ข้าจะพักผ่อนฟื้นกำลังคืนนี้ก่อนและค่อยออกเดินทางยามเช้าวันพรุ่งนี้”
“เ้าจะบอกกล่าวอะไรกับผู้คนในหมู่บ้านหรือไม่?”
“ไม่ ไม่ต้อง ไม่จำเป็ต้องรบกวนพวกเขา ข้าไม่ชอบฉากลาจากที่มีผู้คนมากมาย” ไป๋หยุนเฟยสั่นศีรษะ “หลังจากข้าออกเดินทาง เ้าต้องกำชับผู้คนในหมู่บ้านว่าหากมีบริวารตระกูลจางมาสอบถาม จะต้องไม่เผยจุดอ่อนและต้องแสร้งทำเป็ไม่รู้จักข้า”
“เข้าใจแล้ว อย่าได้กังวล ทุกคนในหมู่บ้านมีประสบการณ์ถูกสอบสวนมาก่อนจึงรู้ว่าต้องทำอย่างไร ไม่น่ามีปัญหาอันใด”
