ลานจัตุรัสตำหนักหยั่งรู้กระบี่!
มู่หรงลวี่กวงหน้าดำคล้ำเขียว มันอยากะเิโทสะใส่หวังเค่อ แต่สุดท้ายโดนหวังเค่อเล่นงานด้วยคำพูดดักคอจนส่งเสียงไม่ได้สักแอะ
ใช่ ข้าพูดเอง ข้าเบื่อที่เ้าพูดจาเลอะเทอะมากความ ข้าเลยบอกว่าต่อให้กระบี่หัก เ้าก็ไม่ต้องรับผิดชอบ เื่นี้ข้าผิดเอง แต่ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายขนาดนี้! นี่เ้าล้อข้าเล่นใช่มั้ย?
กระบี่ไอธรรมะหักครึ่ง ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ทุกคนล้วนแต่สติแตกตามไปด้วย พวกมันอยากหาเื่หวังเค่อ แต่ศิษย์พี่ใหญ่ก็เพิ่งขุดหลุมฝังตัวเองไป กระบี่หักแล้วจะทำยังไง?
ขนาดเฉินเทียนหยวนยังคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเื่พิสดารปานนี้
“ขอข้าดูกระบี่ไอธรรมะหน่อยได้ไหม?” เฉินเทียนหยวนในที่สุดก็ออกหน้า
“ขอรับ!” หวังเค่อมอบกระบี่ครึ่งหนึ่งให้อย่างนอบน้อม
มู่หรงลวี่กวงมองหวังเค่อด้วยตาแดงก่ำเส้นเืปูด จากนั้นมอบกระบี่อีกครึ่งให้เฉินเทียนหยวน
“ท่านประมุข ตอนนี้ข้าควรทำอย่างไร?” มู่หรงลวี่กวงรู้สึกเหมือนเืพุ่งกระฉูดจากหัวใจ
กระบี่ไอธรรมะเล่มนี้ มู่หรงลวี่กวงยึดถือเป็สมบัติส่วนตนตั้งนานแล้ว วันนี้สมบัติล้ำค่าของตนถูกหวังเค่อเผาจนหัก ในใจมู่หรงลวี่กวงอัดแน่นด้วยความเคียดแค้นพยาบาทหมื่นชาติภพ ทำไมข้าถึงได้ส่งกระบี่ให้หวังเค่อกันนะ?
“ท่านอาจารย์ กระบี่เล่มนี้ใช่ของปลอมย้อมแมวขายหรือไม่? ข้าแค่ชักแล้วเก็บใส่ฝักก็ไฟลุกเสียแล้ว?” หวังเค่อถาม
มู่หรงลวี่กวง “...!”
เ้าสิของปลอมย้อมแมว แม่งเอ๊ย ข้าใช้งานก็ปกติดีทุกอย่าง พอถึงมือเ้าค่อยมีปัญหา แสดงว่าเป็เพราะเ้าไง ถูกไหม!
เฉินเทียนหยวนปั้นหน้าพิกล หลังตรวจสอบกระบี่สักพักค่อยส่ายหน้า “ถูกเผาจนแยกออกเป็สองอย่างสมบูรณ์!”
มู่หรงลวี่กวงหน้าดำดุจก้นหม้อ จบสิ้นแล้ว ไม่เหลือความหวังแล้ว?
“งั้นท่านจะปล่อยไปไม่ได้!” หวังเค่อขมวดคิ้ว
“หือ?”
ทุกคนมองหวังเค่ออย่างไม่เข้าใจ เ้าหมายความว่ายังไง คนทำพังก็เ้าไม่ใช่เรอะ? ปล่อยไปไม่ได้หมายความว่ายังไง?
“กระบี่เล่มนี้ซื้อมาจากที่ไหน? แค่ถูกไฟไหม้ก็พังหักครึ่ง แสดงว่ามีปัญหาที่คุณภาพของ ท่านมีหลักฐานยืนยันการซื้อหรือไม่? เราเอาของไปคืนคนขายกัน!” หวังเค่อบอกวิธีแก้ปัญหา
“หา?” ศีรษะทุกคนกระตุกเล็กน้อย
ไม่ใช่เ้าเป็คนทำพังหรือไง? เ้าจะให้เอาของไปคืนคนขาย? นี่ นี่มีแต่ต้องโทษตัวเองว่าโชคร้าย? ใครที่ไหนเค้าจะยอมให้เ้าเอาของไปคืน?
เฉินเทียนหยวนมองหวังเค่อด้วยสีหน้าพิลึก “ทำไม่ได้!”
เ้าลูกศิษย์คนนี้ดูแล้วหนังหนาหน้าด้านดีแท้ ถ้าข้าทำกระบี่หัก ก็เอาไปคืนคนขายเรียกเงินชดเชย? หากทำเช่นนั้น ไม่ใช่ต้องกลายเป็ที่ขบขันของผู้คนทั่วหล้า?
“ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้แค่พูด หากท่านละอายจะไปด้วยตัวเองก็ให้ข้าไปแทนได้! กระบี่ไอธรรมะเล่มนี้ เห็นท่านให้ความสำคัญ แสดงว่าต้องมีค่ามาก อ๊า เสียหายไปโง่ๆ แบบนี้ยอมรับไม่ได้นะขอรับ!” หวังเค่อกล่าวต่อทันที
ทุกคน “...!”
ท่าทีของหวังเค่อจะประหลาดเกินไปแล้ว
มีเพียงจางเจิ้งเต้าที่เข้าใจหวังเค่อ มันทราบว่าหวังเค่อไม่อยากทำใจเสียเงินก้อนใหญ่ ดังนั้นจึงคิดอ้างชื่อพรรคเทพหมาป่า์เพื่อดูว่าจะรีดเงินคืนจากคนขายมาได้สักกี่มากน้อย
“เอาเถอะ เ้าไม่ต้องกังวล พอดีข้ารู้จักกับยอดนักหลอมศาสตราท่านหนึ่ง ข้าขอไปสองวันก็ซ่อมเสร็จแล้ว!” เฉินเทียนหยวนส่ายหน้าปฏิเสธข้อเสนอของหวังเค่อ
เ้าหน้าด้าน แต่ข้ายังมียางอายอยู่! เื่แบบนี้ทำต่อหน้าทุกคนได้เสียที่ไหน!
“ขอรับ!” หวังเค่อได้แต่พยักหน้ารับ
“ขอบคุณท่านประมุข!” มู่หรงลวี่กวงซาบซึ้งใจ
“ส่วนเื่ตำแหน่งเ้าตำหนักหมาป่าบูรพา?” เฉินเทียนหยวนมองหวังเค่อสลับกับมู่หรงลวี่กวง
ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์แบ่งเป็ฝ่ายละครึ่ง ครึ่งหนึ่งสนับสนุนหวังเค่อ อีกครึ่งสนับสนุนมู่หรงลวี่กวง
เฉินเทียนหยวนสูดหายใจลึกก่อนเอ่ย “ถึงศิษย์พรรคส่วนใหญ่ตอนนี้จะออกไปข้างนอก แต่ต่อให้พวกมันกลับมา พวกมันก็คงมีความเห็นคล้ายกัน หวังเค่อกับมู่หรงลวี่กวงล้วนบรรลุเงื่อนไขสองในสาม เหลือเพียงเงื่อนไขแรกคือบรรลุทารกแกนิญญา! เมื่อเป็เช่นนี้ ใครก็ตามที่บรรลุเงื่อนไขทั้งสามครบก่อน ก็จะได้เป็เ้าตำหนักหมาป่าบูรพา!”
“ทราบ!” มู่หรงลวี่กวงตาเป็ประกาย ขานรับอย่างนอบน้อม
“ท่านประมุข นี่ไม่ยุติธรรม หวังเค่อกับศิษย์พี่ใหญ่ ใครเป็ทารกแกนิญญาก่อนจะได้เป็เ้าตำหนักหมาป่าบูรพา เห็นได้ชัดว่าศิษย์น้องหวังเค่อเสียเปรียบ มันยังเป็แค่เซียนเทียนอยู่เลย! ศิษย์พี่ใหญ่บรรลุถึงดวงธาตุทองคำขั้นสูงสุด เหลือเพียงก้าวเดียวก็จะเป็ทารกแกนิญญา! นี่ไม่ยุติธรรม!” เถี่ยหลิวหยุนเอ่ยอย่างกังวล
“เื่นี้ไม่เกี่ยวกับยุติธรรม แต่เป็กฎของพรรคเทพหมาป่า์ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง!” เฉินเทียนหยวนเอ่ยเสียงเข้ม
“ทราบ!” ทุกคนทำได้เพียงขานรับ
“ท่านประมุข แล้วเื่ดูแลตำหนักหมาป่าบูรพาจะทำเช่นไร?” มู่หรงลวี่กวงขมวดคิ้ว
“เอาอย่างนี้ ตำหนักหมาป่าบูรพาให้แต่งตั้ง ‘รองเ้าตำหนัก’ ขึ้นมาชั่วคราวก่อน! รองเ้าตำหนักดำรงตำแหน่งแทนเ้าตำหนัก ดูแลชี้นำศิษย์ตำหนักหมาป่าบูรพา หลังจากยืนยันตัวเ้าตำหนักคนใหม่ได้แล้ว ค่อยถอดถอนตำแหน่งรองเ้าตำหนัก!” เฉินเทียนหยวนว่า
“ทราบ!” ทุกคนขานรับ
“เช่นนั้น ผู้ใดจะเป็รองเ้าตำหนักหมาป่าบูรพา? หวังเค่อหรือมู่หรงลวี่กวง?” เถี่ยหลิวหยุนถามอย่างสงสัย
“กระบี่ไอธรรมะถูกแบ่งเป็สอง ทำให้ข้าเกิดความคิดพอดี ตำแหน่งรองเ้าตำหนักเองก็สามารถมีสองคนได้ ในเมื่อหวังเค่อกับมู่หรงลวี่กวงล้วนแต่ได้รับการชื่นชมจากทุกคน เช่นนั้นก็ให้พวกมันเป็รองเ้าตำหนักพร้อมกัน!” เฉินเทียนหยวนตอบ
ทุกคน “...!”
พรรคเทพหมาป่า์ไม่เคยมีเื่แบบนี้มาก่อน หนึ่งตำหนักสองเ้าตำหนัก? หรือรองเ้าตำหนักนะ?
“ขอรับ ขอบคุณท่านประมุข!” หวังเค่อขานรับ
หวังเค่อตอบรับทันที เพราะมันมองออกว่าท่านอาจารย์คิดปกป้องตนเอง ตอนนี้มันเป็รองเ้าตำหนักหมาป่าบูรพาแล้ว ยังจะมีศิษย์ตำหนักหมาป่าบูรพาคนไหนกล้ามาหาเื่ข้าอีก? ไม่ใช่หาเื่ใส่ตัว?
“ขอรับ ขอบคุณท่านประมุข!” มู่หรงลวี่กวงขานรับด้วยหน้าเขียวคล้ำ
ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันแหม่งๆ?
“ท่านประมุขปราดเปรื่อง!” ทุกคนต่างโค้งคำนับ
ผลลัพธ์เป็เช่นนี้ แม้การมีรองเ้าตำหนักสองคนจะรู้สึกประหลาดไปบ้าง แต่สุดท้ายทุกคนก็ยินดีทำใจยอมรับได้
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ หวังเค่อก็เป็ผู้บริสุทธิ์ กลับไปทำหน้าที่ต่อ!” เฉินเทียนหยวนกล่าวเสียงเข้ม
“ทราบ!” ศิษย์ทั้งหลายพยักหน้ารับ
“เฮ้ รอประเดี๋ยว ท่านที่ยังไม่ได้ลงอักษรโปรดทำให้เสร็จตรงนู้นก่อน!” หวังเค่อเอ่ย
“จางเจิ้งเต้า เ้ารับแขก!” หวังเค่อะโใส่จางเจิ้งเต้า
“ได้ ได้ ทุกท่าน เชิญทางนี้!” จางเจิ้งเต้าอุทานอย่างตื่นเต้น
อย่างไรเสีย ข้าก็ต้องพึ่งพาบริษัทเสินหวังเพื่อทำเงิน กระดาษลงอักษรพวกนี้ก็เงินทั้งนั้น
คนที่มู่หรงลวี่กวงพามาด้วยพากันหน้าดำหม่น ส่วนมู่หรงลวี่กวงรีบเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว
“เอาละ พวกเ้าเองก็กลับไปได้แล้ว ต้องขอบคุณทุกคนสำหรับเื่ในวันนี้มาก ขอบคุณ!” เถี่ยหลิวหยุนกล่าวกับคนที่ติดตามมันมา
“ศิษย์พี่รอง เกรงใจเกินไปแล้ว!” ทุกคนต่างส่งยิ้มก่อนกระจายตัวไป
เหลือแค่ไป๋จินจากตำหนักหมาป่าประจิม
“ศิษย์น้องหวังเค่อ ไม่สิ รองเ้าตำหนักหวัง!” ไป๋จินยิ้มเจื่อน
“ศิษย์พี่ไป๋? ท่านเป็อะไรหรือไม่?” หวังเค่อขมวดคิ้ว
วันนี้เป็ไอ้ทารกนี่ไปฟ้องมู่หรงลวี่กวงให้มาหาเื่ตน แม้สุดท้ายจะได้กำไรค่างวดมาไม่น้อย แต่ทั้งหมดเป็ผลประโยชน์ของข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับเ้าหนูนี่
“คือก่อนหน้านี้ ข้าถูกเ้ามารร้ายถงอันอันหลอกจนล่วงเกินรองเ้าตำหนักหวังไป แต่ทั้งหมดนี้ข้าเพียงทำตามหน้าที่ ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย!” ไป๋จินกล่าวอย่างจริงจัง
“ไม่ถือ ไม่ถือ!” หวังเค่อตอบด้วยรอยยิ้ม
ส่วนในใจมันถือโทษโกรธเคืองไหมนั้น ไม่จำเป็ต้องถาม
“คืออย่างนี้ ถงอันอันสาดโคลนใส่ความรองเ้าตำหนักหวัง ดังนั้น ข้าจึงกลัวว่าข้อมูลที่มันให้มาทั้งหมดจะไม่มีค่าเท่าใดนัก แถมมันยังพูดเหลวไหลมากมาย ถ้าหากรองเ้าตำหนักหวังมีเวลาว่าง ขอเชิญท่านมาที่ตำหนักหมาป่าประจิมได้หรือไม่? ให้ท่านไปสืบสวนถงอันอันด้วยตัวเอง ถ้าหากยังไม่ได้ข้อมูลมีค่าอีก พวกเราก็จะได้กำจัดมัน!” ไป๋จินเอ่ยด้วยท่าทีสุภาพ
“อ้อ? จะให้ข้าไปสอบสวนด้วย?” หวังเค่อชะงักไป
“ใช่แล้ว มันแหกปากร้องขออยากเจอท่าน จะไปเสียหน่อยก็คงไม่เสียหายใช่หรือไม่? ถ้าหากท่านสอบสวนแล้วรู้สึกว่าไม่ได้ข้อมูลอะไร พวกเราจะได้ลงทัณฑ์มารตนนี้เสีย!” ไป๋จินเอ่ยเสียงเข้ม
“เ้าถงอันอันนี่ใส่ความศิษย์น้องหวัง ต้องให้ศิษย์น้องหวังเป็คนลงมือด้วยตัวเอง!” เถี่ยหลิวหยุนพลันส่งเสียงขึ้น
เถี่ยหลิวหยุนถูกถงอันอันจับขังมานานปี มันหวังอยากเป็คนลงมือสังหารถงอันอันด้วยตัวเอง แต่พอคิดถึงกุศลที่จะได้จากการสังหารถงอันอันแล้ว มันก็ออกปากช่วยให้หวังเค่อได้รับสิทธิ์ไป
หวังเค่อเองก็ไม่ใช่คนโง่ มันตอบกลับทันที “ทำไมศิษย์พี่รองถึงไม่มากับข้าด้วยเล่า หากรีดข้อมูลอะไรมาไม่ได้แล้ว ค่อยให้ศิษย์พี่รองลงมือเป็อย่างไร?”
“ศิษย์น้องหวัง นี่มัน…!” เถี่ยหลิวหยุนเอ่ยอย่างแปลกใจ
“ศิษย์พี่รอง วันนี้ต้องขอบคุณท่าน ดังนั้นเื่ถงอันอัน ข้ารบกวนให้ท่านช่วยสะสาง!” หวังเค่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หวังเค่อเองก็พร้อมตอบแทนน้ำใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี ดี ข้าจะไปกับศิษย์น้องหวังด้วย!” เถี่ยหลิวหยุนรับคำอย่างยินดี
มีโอกาสได้สังหารศัตรูคู่แค้น เถี่ยหลิวหยุนย่อมต้องเบิกบานสำราญใจ
ถึงไป๋จินจะไม่ค่อยเต็มใจ แต่สุดท้ายมันก็พยักหน้าไม่โต้แย้ง “ได้เลย เช่นนั้นข้าจะรอพวกท่านมา!”
กล่าวจบ ไป๋จินก็บอกลาก่อนจากไป
“ศิษย์พี่รอง ท่านอาจารย์อาจมีเื่อยากสั่งสอนข้า เช่นนั้นพวกเราค่อยไปตำหนักหมาป่าประจิมกันพรุ่งนี้เช้าเป็อย่างไร?” หวังเค่อมองเถี่ยหลิวหยุน
“ได้เลย งั้นข้าไปก่อนล่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าข้าจะมาหา!” เถี่ยหลิวหยุนรับคำด้วยรอยยิ้มทันที
จางเจิ้งเต้านำลูกน้องหวังเค่อวิ่งวุ่นไล่เก็บกระดาษลงอักษร เหลือเพียงคู่ศิษย์อาจารย์หวังเค่อแล้ว
“หวังเค่อ กระดาษลงอักษรของเ้าพวกนี้…!” เฉินเทียนหยวนถามอย่างสนใจ
“ท่านอาจารย์ ที่ศิษย์บอกเมื่อครู่เป็เื่จริง ศิษย์อยากเปิดร้านค้าในชื่อบริษัทเสินหวัง ดังนั้น…!” หวังเค่อหัวเราะ
“อืม เอาเถอะ ข้าไม่สนใจแล้ว อย่าให้เกิดเื่ก็แล้วกัน!” เฉินเทียนหยวนเอ่ยเสียงเข้ม
“ท่านอาจารย์โปรดวางใจ ศิษย์จะเกิดเื่ได้อย่างไร? ร้านค้าแรกของบริษัทเสินหวังยังไม่เปิดด้วยซ้ำ ทุกอย่างอยู่ใน่ตั้งไข่ เอาไว้เปิดร้านแรกแล้ว ข้าอยากรบกวนให้ท่านอาจารย์เป็ประธานตัดริบบิ้น!” หวังเค่อยิ้มแย้ม
“ตัดริบบิ้น?” เฉินเทียนหยวนผงะไป ไม่เข้าใจว่าคำนั้นหมายความอย่างไร
“ก็คือพิธีเปิดร้านน่ะขอรับ มีคนมากมายคึกคัก เอาไว้ท่านอาจารย์ไปก็จะทราบ ศิษย์ยังมีเื่อยากปรึกษาท่านอาจารย์ด้วย!” หวังเค่อกล่าวจริงจัง
“อ้อ?”
“อีกไม่นานศิษย์คิดจะตั้งบริษัท เพียงแต่ยังขาดตราประทับอยู่ อืม ตราประทับหมายถึงตราเครื่องหมายพิเศษเฉพาะตัวน่ะขอรับ เอาไว้เพื่อความสะดวกในการลงนามสัญญาและเป็เครื่องหมายแสดงตน ศิษย์เกรงว่าหากลงนามด้วยลายมือชื่อในอนาคตอาจจะถูกปลอมแปลงเอาได้!” หวังเค่ออธิบาย
ในอดีตตอนอยู่บนดาวโลก มีรัฐบาลและกฎหมายข้อบังคับคุ้มครองอยู่ ทำให้ไม่มีใครกล้าปลอมแปลงตราประทับ แต่บนดาวเคราะห์ผู้บำเพ็ญตนดวงนี้เหมือนจะไม่มี แล้วแบบนี้หากมีปัญหาในอนาคตใครจะเป็คนช่วยดูแล?
“เ้ากำลังพูดถึง ‘หยกวิถีิญญา’ รึ?” เฉินเทียนหยวนขมวดคิ้ว
“หยกวิถีิญญา?” หวังเค่อชะงักไป
“ใช่แล้ว หยกวิถีิญญาแต่ละชิ้นจะมีตราประทับเฉพาะตัวจากวิถีฟ้า ไม่มีผู้ใดสามารถปลอมแปลงได้ ซ้ำยังมีคุณสมบัติผนึกกุศลและสมบัติวิเศษประจำแผ่นดิน หยกวิถีิญญาหากกล่าวโดยทั่วไปแล้ว ก็คือศิลาวิเศษเทียบได้กับตราหยกแผ่นดินประจำราชวงศ์! สามารถประทับลวดลายเอกลักษณ์! ไม่มีผู้ใดสามารถปลอมแปลง!” เฉินเทียนหยวนอธิบาย
“ข้าจะหาซื้อได้ที่ไหนขอรับ?” หวังเค่อถามอย่างตื่นเต้น
ข้า้าของสิ่งนี้โดยด่วน!
“หาซื้อรึ? ของสิ่งนี้หาได้ยากนัก ไม่ค่อยมีคนขายกันหรอก!” เฉินเทียนหยวนส่ายหน้า
“เช่นนั้นก็สมควรมีแหล่งกำเนิดใช่หรือไม่?” หวังเค่อยิ้มขื่น
“หยกวิถีิญญาถือกำเนิดจากูเาิญญา หลังผ่านการสั่งสมมานานปีถึงมีโอกาสเกิดขึ้นสักชิ้น ทุกสิ่งล้วนอาศัยโชคลาภวาสนา ูเาิญญากว่าเก้าส่วนไม่อาจให้กำเนิดหยกชนิดนี้ได้!” เฉินเทียนหยวนส่ายศีรษะ
“จบสิ้นแล้ว? ข้าเปิดบริษัทไม่ได้แล้ว?” หวังเค่อสีหน้าแข็งค้าง
เฉินเทียนหยวนหันไปมองูเาิญญาประจำพรรคเทพหมาป่า์
“ูเาิญญาประจำพรรคเทพหมาป่า์เราเคยให้กำเนิดหยกวิถีิญญาออกมาชิ้นหนึ่งในอดีต ผ่านมาเนิ่นนาน ข้าเกรงว่าก็ยังคงมีเพียงชิ้นเดียวอยู่!” เฉินเทียนหยวนอธิบาย
“ูเาิญญาพรรคเทพหมาป่า์เราก็มีหยกวิถีิญญาด้วย?” หวังเค่อเอ่ยอย่างแปลกใจ
เฉินเทียนหยวนส่ายหน้า “เลิกคิดไปได้เลย ูเาิญญาของพรรคเทพหมาป่า์เราสะกดมารร้ายไร้เทียมทานตนหนึ่งเอาไว้ ไม่อาจแตะต้อง ต่อให้มีหยกวิถีิญญาอยู่จริง ข้าก็เอาออกมาให้เ้าไม่ได้!”
“หือ?” หวังเค่อพลันสีหน้าหม่นหมอง
“เพลงกระบี่ปราบมารที่เ้าสำแดงเมื่อครู่ ไม่ใช่ของจริงสินะ?” เฉินเทียนหยวนพลันยิ้มให้หวังเค่อ
“เอ๋? ท่านอาจารย์ ท่านมองออกด้วย?” หวังเค่อพลันเขินขึ้นมา
“ฮ่าฮ่า ข้าจะมองเคล็ดกระบี่ที่ตัวเองสอนไม่ออกได้อย่างไร?” เฉินเทียนหยวนหัวเราะ
“ท่านอาจารย์สายตาเฉียบคม ที่ข้าสำแดงไปมิใช่เพลงกระบี่ปราบมาร แต่เป็เคล็ดหมื่นกระบี่ของท่าน!” หวังเค่อยอมรับ
“เคล็ดหมื่นกระบี่สามารถลอกเลียนกฎเกณฑ์ของหมื่นกระบี่ทั่วหล้าได้! หากไร้พร์ทางกระบี่ จะไม่อาจเข้าใจถึงเคล็ดความเบื้องลึก!” เฉินเทียนหยวนมองหวังเค่อไม่วางตา
“เป็เพราะท่านอาจารย์สอนมาดี!” หวังเค่อตอบอย่างนอบน้อม
ข้าอาศัยกระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญในร่างช่วยหยั่งรู้ตีความ อาศัยตัวข้าเองรึ? ไม่รู้จะต้องใช้เวลากี่ปี
“เ้าไม่ต้องถ่อมตัวไป การหยั่งรู้เคล็ดเบื้องลึกมิใช่เื่ง่าย ภายในพรรคเทพหมาป่า์ คนเดียวที่สามารถหยั่งรู้เบื้องลึกเคล็ดหมื่นกระบี่ที่ข้าคิดค้นขึ้นได้ในเวลาอันสั้นก็มีเพียงศิษย์พี่ของเ้าคนเดียว!” เฉินเทียนหยวนกล่าวอย่างพอใจ
“โชคช่วย โชคช่วย!” หวังเค่อตอบด้วยรอยยิ้ม
“รู้จักถ่อมตัวเป็เื่ดี อย่างน้อยก็ดีกว่าศิษย์พี่ของเ้า ตอนแรกตัวมันถึงกับเสียสติอยู่พักใหญ่ ฮ่าฮ่า! การหยั่งรู้เคล็ดวิชาของเ้ายังติดขัดอยู่บ้าง เอาไว้เ้าขัดเกลาจนเชี่ยวชาญแล้ว ก็จะรู้ซึ้งถึงความงดงามของเคล็ดหมื่นกระบี่เอง!” เฉินเทียนหยวนยิ้มอย่างพอใจ
