ในห้องรักษาอันกว้างขวางของกองปราบปรามและป้องกันภัยเหนือธรรมชาติ ชาร์ลส์ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น แม้จะเพิ่งฟื้น แต่อาการปวดหัวก็ยังแล่นแปลบเป็ระยะ เขากวาดตามองรอบห้องอย่างงุนงง พยายามทำความเข้าใจว่าตนเองอยู่ที่ไหน ในห้องที่กว้างขวาง ตกแต่งด้วยโทนสีขาวสะอาดตา
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ร่างของเด็กสาวคนหนึ่ง อายุราวสิบหกปี ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวเนียนละเอียด คิ้วเข้มโก่งสวย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอประกาย ผมยาวสีน้ำตาลถูกถักเป็เปียหลวมๆ พ้นจากใบหน้า รูปร่างเพรียวบางในชุดเรียบง่ายที่ดูคล่องแคล่ว
ชาร์ลส์จำได้ทันที นี่คืออิซาเบล ลูกสาวคนเดียวของเอ็ดเวิร์ด ภาพความทรงจำผุดขึ้นในหัวของเขา ย้อนไปถึง่ที่เขาสูญเสียความทรงจำและพักอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลคาเว็นดิช เด็กสาวผู้นี้มักจะแวะเวียนมาทักทายเขาบ่อยๆ หลังจากไปเยี่ยมเพื่อนที่อยู่ละแวกเดียวกัน ชาร์ลส์จึงเจอเธอบ่อยๆ และบ่อยครั้งที่เด็กสาวคนนี้จะคอยเป็ครูสอนภาษา พูด อ่าน เขียน ให้กับชาร์ลส์
"อิซาเบล" ชาร์ลส์เอ่ยทัก เสียงแหบแห้งด้วยความประหลาดใจ
อิซาเบลหันมาสบตากับชายหนุ่ม "สวัสดีค่ะ คุณชาร์ลส์" อิซาเบลยิ้ม "ดีใจที่เห็นคุณฟื้นแล้ว"
"เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ชาร์ลส์ถาม
"หนูได้ข่าวว่าพ่อาเ็ ก็เลยรีบมาที่กรมปราบปราม เพื่อมาดูอาการของพ่อค่ะ"
ชาร์ลส์กวาดตามองหาเอ็ดเวิร์ด เขาเห็นเอ็ดเวิร์ดนอนอยู่บนเตียงข้างๆ ใบหน้าดูซีดเซียว แต่อาการโดยรวมดูเหมือนจะดีขึ้นแล้ว
ชาร์ลส์นึกถึงภาพเหตุการณ์สุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติวาบขึ้นมาในความทรงจำ เขานึกถึงตอนที่พวกเขากำลังหนีออกจากบ้านหลังนั้น ณ จุดที่เป็ประตูทางออก ทุกคนหันไปมองหญิงสาวที่กำลังเดินลงบันได และเขาก็เห็นใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเื
"ก่อนหน้านี้คุณ… าเ็หนักมาก" ชาร์ลส์พูด
"ไม่เป็ไร พักไม่นานเดี๋ยวก็หาย" เอ็ดเวิร์ด พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
"แล้วเธอล่ะ? ตัวตนระดับนั้น... ทรงพลังมากพอที่จะทำให้คนธรรมดาที่ได้เห็น เป็บ้าหรือถึงตายได้เลย"
ชาร์ลส์สะดุ้งเล็กน้อย ความใปรากฏชัดบนใบหน้า รีบสำรวจตนเองอีกครั้ง "ผม... ผมยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกตินะครับ"
"มีแค่ ปวดหัว เป็ระยะๆ เท่านั้น"
"ก็ดีแล้ว" เอ็ดเวิร์ดพยักหน้า "แต่ถ้าเธอรู้สึกถึงความผิดปกติอะไร ต้องรีบบอกฉันโดยทันที"
"ว่าแต่... สิ่งนั้นมันคืออะไร?" ชาร์ลส์ถาม
"ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ ฉันต้องอธิบายเกี่ยวกับผู้ยกระดับตัวตนเพิ่มเติมก่อน" เอ็ดเวิร์ดพูด "เธอพอรู้เื่ผู้ยกระดับตัวตนมาบ้างแล้วใช่ไหม?"
"ครับ โจเซฟเคยเล่าให้ฟังคร่าวๆ"
"งั้นฉันจะอธิบายเพิ่มเติมก็แล้วกัน" เอ็ดเวิร์ดเริ่มอธิบายอย่างช้าๆ และชัดเจน "ระดับของผู้ยกระดับตัวตนนั้นแบ่งเป็สามลำดับหลัก ในแต่ละลำดับยังแบ่งย่อยเป็สามขั้น แต่ละขั้นจะแบ่งออกเป็การที่พูดถือครองพลัง ผ่านการยกระดับตัวตนมามากแค่ไหน ขั้นที่หนึ่ง หนึ่งครั้ง ขั้นที่สอง สองครั้ง และขั้นที่สามก็สามครั้ง"
"เริ่มจากลำดับต่ำสุดก่อนคือ 'เหนืุ์' พวกเขามีพลังเหนือคนธรรมดาทั่วไป แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในขอบเขตที่มนุษย์พอจะเข้าใจได้"
"ลำดับต่อไปเป็ 'เหนือธรรมชาติ' ผู้พลังที่อยู่ในลำดับนี้ จัดว่าทรงพลังมาก ถึงขนาดที่สามารถบันดาลให้เกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติได้ แข็งแกร่งกว่าลำดับเหนืุ์มาก"
"และสุดท้าย..." เอ็ดเวิร์ดหยุดชั่วครู่ น้ำเสียงเคร่งเครียดขึ้น "มหาชีวิต นี่คือสิ่งที่เธอเผลอไปเห็นเข้า ชาร์ลส์ เป็ตัวตนที่แค่การคงอยู่ ก็เป็อันตรายต่อสิ่งมีชีวิตมากแล้ว ตัวตนที่เพียงแค่การจ้องมองพวกเขาโดยตรงอาจทำให้คนทั่วไปเป็บ้าหรือตายได้ พลังของมันนั้นเรียกได้ว่ามากมาย ซึ่งมากแค่ไหนนั้น ตัวฉันก็ไม่อาจจะรู้ได้"
ขณะที่เอ็ดเวิร์ดกำลังอธิบาย จู่ๆ ชาร์ลส์ก็ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมา เขาเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเอ็ดเวิร์ด ชายหนุ่มรู้สึกสับสน เขากะพริบตาหนึ่งครั้ง และภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปในพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดหายวับไป ราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน
ชาร์ลส์สั่นศีรษะเบาๆ พยายามไล่ความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นออกไป เขาคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไปเอง
"แล้ว... คุณล่ะครับ?" ชาร์ลส์ถามด้วยความสงสัย พยายามจดจ่อกับบทสนทนา "คุณเป็ตัวตนลำดับไหน?"
"ฉันเป็ผู้ยกระดับตัวตนลำดับเหนือธรรมชาติ"
ขณะที่ชาร์ลส์พยายามตั้งใจฟัง โลกรอบตัวเขาเริ่มบิดเบี้ยว เสียงของเอ็ดเวิร์ดเริ่มแ่เบาลง แทนที่ด้วยเสียงกระซิบที่ดังขึ้นเรื่อยๆ จากทุกทิศทาง ใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดและอิซาเบลเริ่มปรากฏรอยยิ้มฉีกกว้าง
ชาร์ลส์กะพริบตาถี่ๆ พยายามไล่ภาพหลอนที่เริ่มปรากฏ และมันก็ได้ผล ทุกอย่างกลับเป็ปกติ ทั้งสีหน้าของเอ็ดเวิร์ดและอิซาเบลกลับไปเป็เหมือนเดิม
'สงสัยตาฝาด' ชาร์ลส์คิดในใจ
"เป็อะไรหรือเปล่า?" เอ็ดเวิร์ดถามด้วยความเป็ห่วง เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเขา
"ไม่... ไม่มีอะไรครับ แค่รู้สึกตาฝาดนิดหน่อย" เขาตอบพลางนวดขมับ
เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วเพราะอาการ "ตาฝาด" ที่เพิ่งปรากฏหลังจากจ้องมองตัวตนลำดับมหาชีวิต เป็สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดเคร่งเครียดขึ้นทันที "บอกฉันมาว่าเธอตาฝาดเห็นอะไร อย่างละเอียด"
ชาร์ลส์ลังเลชั่วขณะ ริมฝีปากสั่นระริกขณะที่พยายามเรียบเรียงคำพูด "ผม... ผมเห็นคุณยิ้มระหว่างที่กำลังพูดอยู่ครับ" น้ำเสียงของเขาแ่เบาราวกับกลัวว่าการกล่าวถึงภาพหลอนนั้นจะทำให้มันปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ราวกับความกลัวของเขาเป็จริง ขณะที่คำพูดยังไม่ทันขาดคำ รอยยิ้มประหลาดนั้นก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดอีกครั้ง มุมปากถูกกรีดยาวจนถึงหู เผยให้เห็นฟันขาวซีด
ชาร์ลส์รีบกะพริบตาถี่ๆ อีกครั้ง หวังว่าภาพอันน่าสยดสยองนั้นจะจางหาย แต่ครั้งนี้มันกลับไม่หายไป เขาจึงหลับตาลงแน่น มือขยี้ตาอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ เสียงหัวใจเต้นระรัวดังก้องในหู ความกลัวแล่นปราดไปทั่วร่าง
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความโล่งใจผ่อนคลายลงมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มอันน่าขนพองสยองเกล้านั้นหายไปแล้ว แต่แล้วเสียงหัวเราะแ่เบาก็แว่วมาจากมุมห้อง เขาหันขวับไปตามเสียง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดผวา
ในมุมห้องนั้น ร่างของหญิงสาวในชุดขาวเปื้อนเืยืนนิ่งอยู่ ผมยาวสยายปรกหน้า แต่เขายังเห็นรอยยิ้มเยาะหยันบนใบหน้าซีดขาวของเธอได้ชัดเจน ก่อนที่ร่างนั้นจะพุ่งตรงมาที่เขาด้วยความเร็วเหนืุ์
ชาร์ลส์สะดุ้งสุดตัว ร่างกายกระตุกรุนแรงจนแทบจะร่วงจากเตียง หยาดเหงื่อเย็นผุดขึ้นตามขมับและแผ่นหลัง หัวใจเต้นถี่รัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
อิซาเบลที่ยืนอยู่ข้างๆ ถอยกรูดด้วยความใจนเกือบเสียหลัก เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นไม้ดังก้อง มองดูชายหนุ่มที่กำลังหวาดผวา
แต่เมื่อเห็นว่าอาการของชาร์ลส์เริ่มสงบลง เธอจึงค่อยๆ ย่างเท้าเข้ามาใหม่ มือเรียวบางยื่นออกมาเพื่อประคองเขา
ชาร์ลส์เห็นอิซาเบลกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ เขาพยายามฝืนยิ้มและเอ่ยว่า "ไม่เป็ไร" พลางยกมือที่นวดขมับลง แต่เมื่อนิ้วมือที่บดบังสายตาเลื่อนพ้นใบหน้าของเด็กสาว ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เขาต้องผงะถอยหลังด้วยความสยดสยอง
บนใบหน้างดงามของอิซาเบลปรากฏรอยยิ้มที่ผิดธรรมชาติอย่างน่าขนลุก ริมฝีปากบางถูกเย็บด้วยด้ายสีเืสด บังคับให้แย้มยิ้มกว้างจนผิดรูป ด้ายแต่ละเส้นที่ร้อยผ่านเนื้อมีหยดเืซึมออกมา
ชาร์ลส์สะบัดร่างถอยห่างด้วยความหวาดผวา หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก เขากะพริบตาแรงๆ และในพริบตาเดียว ภาพอันน่าสยดสยองก็มลายหายไป ใบหน้างดงามของอิซาเบลกลับมาเป็ปกติ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอฉายแววกังวลใจ
ความหวาดกลัวและสับสนเริ่มครอบงำจิตใจของชาร์ลส์ เขาหันไปหาเอ็ดเวิร์ดด้วยสีหน้าหวาดหวั่น "ผม... ผมคิดว่าผมเริ่มไม่ปกติแล้วครับ" เสียงของเขาสั่นเครือ แฝงด้วยความกลัวที่ไม่อาจปิดบัง
อิซาเบลที่ได้ยินดังนั้น รีบอาสาด้วยน้ำเสียงร้อนรน "หนูจะไปตามหมอมานะคะ" เสียงฝีเท้าเร่งรีบของเธอดังบนพื้นไม้ ก่อนจะหายลับไปหลังประตูห้อง
ชาร์ลส์นั่งนิ่ง พยายามควบคุมลมหายใจที่หอบถี่ เสียงหัวใจเต้นระรัวยังคงดังก้องในหู ภาพหลอนที่เห็นวนเวียนอยู่ในความคิด ราวกับถูกสลักลงในดวงตา ความรู้สึกสูญเสียการควบคุมเริ่มคืบคลานเข้ามา เหมือนกำลังจมดิ่งลงในห้วงโกลาหล
เวลาผ่านไปเสียงบานประตูไม้เก่าเปิดออก อิซาเบลนำหมอเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล "คุณหมอมาแล้วค่ะ" เธอกล่าวเบาๆ ก่อนจะถอยไปยืนข้างเตียง คอยสังเกตอาการของชาร์ลส์อย่างห่วงใย
หมอในชุดสะอาดเริ่มตรวจร่างกายของชาร์ลส์อย่างละเอียด สีหน้าเคร่งขรึมใต้แว่นตากลมหนา ชาร์ลส์นั่งนิ่ง พยายามระงับอาการสั่นของร่างกาย แต่ภาพหลอนก็ยังคงแวบเข้ามาเป็ระยะ บางครั้งเป็เงาดำที่เคลื่อนไหวตามมุมห้อง บางครั้งเป็เสียงกระซิบที่ไม่มีที่มา เขาต้องสูดหายใจลึกๆ และย้ำกับตัวเองว่านั่นไม่ใช่ความจริง
"ทางร่างกายไม่พบความผิดปกติใดๆ" หมอกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่ง สายตาจับจ้องที่ชาร์ลส์อย่างพินิจ "แต่จากเหตุการณ์ที่พวกคุณเล่ามา ผมเชื่อว่าอาการของคุณเป็ผลมาจากการจ้องมองตัวตนลำดับมหาชีวิตอย่างแน่นอน"
ชาร์ลส์พยักหน้าอย่างหนักอึ้ง ก่อนจะเล่าทุกอาการที่เกิดขึ้นให้หมอฟัง เสียงของเขาสั่นเครือขณะบรรยายถึงภาพหลอนอันน่าสยดสยอง เสียงกระซิบที่ไม่มีที่มา
หมอรับฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาฉายแววครุ่นคิด ก่อนจะเสนอทางเลือกแรก "หัวหน้าเอ็ดเวิร์ดอาจช่วยคุณได้ด้วยการลบหรือดัดแปลงความทรงจำ..."
"ไม่!" ชาร์ลส์ตัดบททันที เสียงแหลมกร้าวผิดปกติ สะท้อนก้องไปทั่วห้อง "ผมไม่ยอมให้ความจำหายไปอีก"
ชาร์ลส์หลับตาลง ย้อนถึง่เวลาที่เขาไม่สามารถจดจำอะไรได้ ความรู้สึกไร้ตัวตน ไร้อดีต ไร้รากเหง้า ความว่างเปล่าที่ทำให้เขารู้สึกไม่สมบูรณ์ "ผมสูญเสียความทรงจำมามากพอแล้ว" เสียงของเขาแ่เบาลง ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง
"แม้จะเป็ความทรงจำที่เลวร้าย แม้จะเป็แค่ไม่กี่นาที" เขากระชับมือแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด "ผมก็ไม่ยอมให้มันหายไปอีก ไม่ยอมให้หายไปอีกแล้ว"
หมอพยักหน้าเข้าใจ "ในกรณีนั้น ผมขอเสนอทางเลือกที่สอง นั่นคือการยกระดับตัวตนของคุณ ซึ่งจะช่วยให้อาการเหล่านี้ค่อยๆ หายไปเอง เหมือนกับกรณีของหัวหน้าเอ็ดเวิร์ด"
สีหน้าของชาร์ลส์ลังเล ฉายแววกังวล เขาไม่แน่ใจว่าพร้อมจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนั้นหรือไม่ การยกระดับตัวตนไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงตัวตนอย่างถาวร การก้าวข้ามจากความเป็มนุษย์ธรรมดาไปสู่บางสิ่งที่มากกว่านั้น แต่ก็แลกมาพร้อมซึ่งอันตรายใหญ่หลวง
เมื่อเห็นท่าทีลังเลของชาร์ลส์ หมอจึงเสนอทางเลือกสุดท้าย น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลง "หรือคุณอาจจะเลือกพักรักษาตัวที่หน่วยพิเศษไปก่อนก็ได้ครับ คุณจะได้มีเวลาตัดสินใจว่าจะเลือกทางไหน ระหว่างการลบความทรงจำหรือยกระดับตัวตน เพราะตอนนี้วิธีรักษามีเพียงเท่านี้"
ชาร์ลส์นั่งนิ่ง ความคิดหมุนวนอยู่ในหัว ในขณะที่เงาดำยังคงวูบไหวที่หางตา เขารู้ดีว่าสภาพของตนตอนนี้ย่ำแย่อย่างมาก แต่การเลือกระหว่างการสูญเสียความทรงจำหรือการเปลี่ยนแปลงตัวตนอย่างถาวร ก็เป็การตัดสินใจที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าจะทำได้ในเวลาอันสั้น
"ผม... ผมขอเวลาคิดก่อนครับ ผมจะพักรักษาตัวที่หน่วยพิเศษ แล้วค่อยตัดสินใจอีกที"
หมอพยักหน้า รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าที่เคร่งขรึม "เป็การตัดสินใจที่ดีครับ เราจะดูแลคุณอย่างดีที่สุด" เขาวางมือลงบนไหล่ของชาร์ลส์ ััอุ่นๆ ที่ให้กำลังใจ
เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจยาว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็พยักหน้ายอมรับการตัดสินใจของชาร์ลส์ "ได้ ถ้าเธอจะพักรักษาตัวที่หน่วยพิเศษ เราจะดูแลเธออย่างใกล้ชิด"
"เนื่องจากอาการของคุณยังไม่คงที่ คุณจำเป็ต้องอยู่ในห้องพิเศษระงับภาพหลอนก่อน" หมออธิบาย น้ำเสียงเป็ทางการ
ชาร์ลส์ขมวดคิ้ว ดวงตาฉายแววสงสัย "ห้องพิเศษ?"
"ครับ เป็ห้องที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้อิทธิพลเหนือธรรมชาติเข้ามาแทรกแซงภายในหรือออกสู่ภายนอกห้อง" หมออธิบายต่อ "คุณจะปลอดภัยในห้องนั้น"
ชาร์ลส์พยักหน้า แต่แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามา "ก่อนที่ผมจะเข้าไปในห้องพิเศษนั่น ผมขอไปเอาของที่บ้านและจัดการธุระส่วนตัวหน่อยได้ไหมครับ?"
หมอขมวดคิ้ว แววตาฉายความกังวล "ธุระอะไรหรือครับ?"
"ผมอยากไปเอาหนังสือที่ยังอ่านไม่จบ" ชาร์ลส์ตอบ เสียงแ่เบา ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น "และที่สำคัญ ผมต้องไปแจ้งเื่ที่ผมไม่สามารถทำงานที่รับมาได้ อย่างการสืบหาตัวไมเคิลกับครอบครัวของเขา"
เอ็ดเวิร์ดรีบแทรกขึ้นทันที "เื่หนังสือ ทางหน่วยพิเศษก็มีหนังสือเช่นเดียวกัน หรือถ้าไม่มีเราก็สามารถส่งคนไปเอาที่บ้านเธอได้ ส่วนเื่ของครอบครัวเบิร์ก เราสามารถส่งคนไปแจ้งแทนได้ ถ้าเธอออกไปตอนนี้อันตรายเกินไป"
ชาร์ลส์ส่ายหน้าทันที "ไม่ได้ครับ" เสียงของเขาหนักแน่น "เื่หนังสือผมพอจะปล่อยผ่านได้ แต่เื่ครอบครัวไมเคิล ผมจำเป็ต้องไปบอกด้วยตัวเอง"
ในขณะที่พูด ภาพของครอบครัวเบิร์กผุดขึ้นในความคิดของชาร์ลส์ เขาเห็นใบหน้าของแม่ของไมเคิล หญิงชราร่างท้วมที่นั่งถักนิตติ้งอยู่บนโซฟาตัวเก่า ด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อยและหม่นหมอง เขาเห็นแคทเธอรีน ภรรยาของไมเคิล นั่งซึมเศร้าตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าอิดโรย ราวกับรอคอยการกลับมาของสามี และเขาเห็นทอมมี่ลูกชายของไมเคิล เด็กน้อยที่นั่งกอดหมอนหวังว่าจะเห็นพ่อกลับมา
"ถ้าส่งคนไปบอกแทน พวกเขาจะไม่รู้จักคนที่ถูกส่งไป มันอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ผมต้องไปด้วยตัวเอง"
เอ็ดเวิร์ดมองชาร์ลส์อย่างลังเล เห็นได้ชัดว่ากำลังชั่งน้ำหนักระหว่างความปลอดภัยของชาร์ลส์กับความปรารถนาของเ้าตัว
"ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ แต่สภาพของเธอตอนนี้..."
"ผมรู้" ชาร์ลส์ตัดบทหนักแน่น แม้ในใจจะสั่นระรัว "แต่ผมต้องทำให้มันด้วยตนเอง ผมไม่อยากให้พวกเขาต้องรออย่างไร้ความหวัง"
เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจยาว เสียงลมหายใจของเขาดังก้องในความเงียบ ก่อนจะพยักหน้ายอมแพ้ "ตกลง แต่มีข้อแม้" ดวงตาของเขาจ้องมองชาร์ลส์อย่างจริงจัง "เธอต้องให้คนของเราไปด้วย"
"ได้ครับ" ชาร์ลส์ตอบรับทันที ความโล่งใจฉายชัดบนใบหน้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้