ในแต่ละคืนดาร์เรลมักกลับมาถึงบ้านด้วยสภาพที่ดูไม่ค่อยดีนักหากเจอแวมไพร์ที่แข็งแกร่ง ถึงจะเป็อย่างนั้นก็สามารถฆ่ามันจนได้
ไม่รู้ว่าเป็โชคชะตานำพาหรือความบังเอิญ เพราะเขาได้ยินพวกแวมไพร์มันพูดกันใน่เย็นที่ผ่านมา
คืนนี้ดาร์เรลเลือกมานั่งดื่มที่บาร์หรูแห่งหนึ่งของรัฐเพื่อสืบหาข้อมูลตามที่ได้ยินมา เพราะมัวแต่ไล่ล่าเขาจึงลืมไปว่าที่นี่เปรียบเสมือนแหล่งข้อมูลชั้นเยี่ยมหาก้ารู้อะไรเกี่ยวกับพวกชนชั้นสูง แต่กว่าจะเข้าที่นี่ได้ก็ไม่ใช่เื่ง่าย ดาร์เรลจึงต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเพราะเขาไม่มีคอนแทคกับใครที่ทำงานอยู่ ณ ที่แห่งนี้
ในขณะที่กำลังนั่งจิบเหล้าชิวๆ ก็ได้ยินแวมไพร์หนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พูดคุยกันถึงเื่ที่เขากำลังอยากรู้อยู่พอดี
“จะว่าไป่นี้รู้สึกว่ามันแปลกๆ ปะวะ พวกชั้นต่ำในรัฐถูกเก็บกวาดเกือบหมด กูแทบไม่เหลือเบ้ไว้ใช้งานเลยว่ะ แม่งต้องยุ่งยากหาจากรัฐอื่นมาทดแทน เซ็งฉิบหาย”
“เออ ไม่ใช่แค่พวกชั้นต่ำหรอก แวมไพร์อัลฟ่าก็ไม่รอด ยิ่งไปกว่านั้นกูได้ข่าวว่านักล่าปีศาจคนนี้ไล่ฆ่าไปทั่วเพื่อควานหาข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเพอร์บี”
“เห็นว่าเป็นักล่าโอเมก้าเืบริสุทธิ์”
“ถึงจะเืบริสุทธิ์แต่ยังไงก็เป็แค่โอเมก้า สงสัยคงไม่อยากมีชีวิตแล้วละมั้ง ถึงได้กล้าบ้าบิ่นแบบนั้น”
“กูก็อยากเจอเหมือนกัน เห็นเขาลือกันว่าสวยนักสวยหนา ดุๆ แบบนี้สิดี คงจะมันส์น่าดูถ้าได้ปราบพยศบนเตียง”
ดาร์เรลได้แต่คิดในใจว่าตัวเองในตอนนี้มีชื่อเสียงไม่น้อยเลย โชคดีที่บาร์แห่งนี้มีกฏเหล็กที่ทุกคนต้องทำตามนั่นคือการสวมหน้ากากเพื่อปิดบังใบหน้า เราจะไม่มีวันรู้ว่าคนตรงหน้านั้นคือใคร
“กูว่าเดี๋ยวคงได้เจอแน่”
“จะว่าไป มึงเจอเพอร์บีครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ?”
“200 ปีก่อนละมั้ง กูก็ไม่แน่ใจว่ะ มึงก็รู้ว่าเพอร์บีไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ท่านผู้นำเขารักสงบเก็บตัวเงียบมาเกือบ 1000ปี”
“ก็จริงอย่างที่มึงพูด เพราะหากเขาไม่รักสงบไอ้นักล่าปีศาจคนนั้นคงไม่ได้อวดเก่งอย่างตอนนี้หรอก”
“แต่ถ้าเธอข้ามเส้นก็ไม่แน่หรอก”
ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มเล็กน้อย จิบเหล้าอย่างอารมณ์ดี แสดงว่าคนที่นั่งติดกับเขาในตอนนี้รู้จักตระกูลเพอร์บีสินะ โชคเข้าข้างเขาจริงๆ ยิ่งกว่าการได้ทานของโปรด
“ดื่มกันดีกว่าว่ะ เลิกสนใจเื่อื่นเถอะว่าแต่คืนนี้ไม่หาโอเมก้าไปนอนด้วยสักคนหรือไง ?”
“ไม่ละ คืนนี้แค่อยากมาดื่ม”
“แต่กูว่ามึงไม่น่าจะได้กลับคนเดียวแล้วละสิ” เพื่อนของแวมไพร์หนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างมีเลศนัย
“สวัสดีครับผมชื่อเรล”
ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้ถามเพื่อน แขนแกร่งก็โดนสะกิดจากนิ้วเรียวพร้อมน้ำเสียงที่ฟังดูไพเราะดั่งมนต์สะกด พร้อมรอยยิ้มสวยอวดฟันขาว เป็รอยยิ้มที่ใครพบเห็นต่างต้องหลงใหล
เพราะไม่มีกฎข้อไหนห้ามมนุษย์หลับนอนกับแวมไพร์ จึงไม่ใช่เื่ที่น่าแปลกอะไรหากจะทำความรู้จักและสานสัมพันธ์กับแวมไพร์หนุ่ม
“ผมกรีนเดล ยินดีที่ได้รู้จักครับคนสวย”
แวมไพร์หนุ่มรีบแนะนำตัว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสวยถึงเพียงนี้แม้เห็นเพียงครึ่งหน้า ั์ตาคู่สวยทำให้เขาไม่อาจละสายตา
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” มุมปากอวบอิ่มยกขึ้นอีกครั้ง ชั่งเป็รอยยิ้มที่สดใส
แวมไพร์หนุ่มไล่มองั้แ่ใบหน้าสวยลงมายังเรือนร่างอรชรด้วยสายตาเป็ประกาย เราชนแก้วกันเล็กน้อยก่อนยกเหล้าขึ้นจิบ
“คืนนี้มีคู่หรือยังครับ ?”
คำถามของร่างบางทำให้กรีนเดลยกยิ้มกริ่ม ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มมีเสน่ห์
“ยังเลยครับ ผมก็กำลังเหงาอยู่เหมือนกัน”
มุมปากอวบอิ่มส่งยิ้มอย่างยั่วยวนเพื่อให้เหยื่อติดกับดัก แต่ดาร์เรลแทบหลุดขำออกมาเมื่อเพื่อนที่มาด้วยทำหน้าเอือมระอาและจิปากใส่กรีนเดล
“เราสองคนเหมือนกันเลยเน้อะ”
“ถ้าอย่างนั้นสักครู่เราไปต่อกันไหมครับ ?”
“ไปตอนนี้เลยไหมครับ ?” เสียงหวานถามขึ้นอย่างมีเลศนัย
“ได้สิครับ งั้นเราไปกันเถอะ”
“เห้ย ! มึงจะทิ้งกูอย่างนี้เลยเหรอไอ้กรีนเดล ?”
“กูรู้ว่ามึงกลับเองได้ ไว้นัดกันใหม่ละกัน กูขอตัวไปดูแลคนสวยก่อน” กรีนเดลพูดก่อนใช้มือหนาโอบเอวบางเอาไว้แล้วพาเดินมาที่รถ
“ไอ้เพื่อนเวร !!”
ลับสายตาแวมไพร์หนุ่ม มุมปากอวบอิ่มกระตุกขึ้นเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างเป็ไปตามที่ตนนั้น้า มันไม่ใช่รอยยิ้มที่อ่อนหวานแต่กลับเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ
ดาร์เรลถูกอีกฝ่ายพามายังโรงแรมที่อยู่ห่างจากบาร์แห่งนั้นไม่มากนัก
“กรีนเดลไปนอนรอที่เตียงเลยครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะปรนนิบัติให้อย่างดี รับรองว่าคุณจะชอบมันจนต้องตราตรึงใจ”
ดาร์เรลถูกลวนลามั้แ่ยังไม่ทันที่ประตูห้องจะปิดสนิทด้วยซ้ำ เขาใช้มือเรียวผลักอกแกร่งเอาไว้พร้อมเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน
“หวังว่าเธอจะไม่ได้มีดีแค่ปากหรอกนะคนสวย”
กรีนเดลยอมเดินไปนอนที่เตียงโดยที่หน้ากากไม่ได้หลุดออกจากใบหน้าหล่อ ั์ตาคมมองร่างบางด้วยสายตาโลมเลีย
“แน่นอนครับ คุณจะลืมคู่นอนทุกคนที่เคยผ่านมา”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ร่างบางเดินไปที่เตียงนอนอย่างไม่รีบร้อน ทุกััที่ดาร์เรลมอบให้แวมไพร์หนุ่มล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เสื้อผ้าค่อยๆ ถูกปลดเปลือกจากกายหนาทีละชิ้นจนหมด
“นี่เธอทำอะไร ?”
แวมไพร์หนุ่มถามด้วยความไม่เข้าใจเมื่อทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยลวดเงินจนไม่สามารถขยับตัวได้
“ผมแค่อยากได้ข้อมูลเท่านั้นครับ ได้ยินมาว่าคุณเคยพบคนในตระกูลเพอร์บี ?”
“เป็เธออย่างนั้นเหรอที่ตามหาเพอร์บี แต่เธอเป็เบต้าไม่ใช่โอเมก้า ?”
กรีนเดลถามด้วยความสงสัยเพราะั้แ่ที่คลับจนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าสักนิด
“ผมไม่จำเป็ต้องบอกคุณครับ เอาเป็ว่าคุณรู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลเพอร์บีบ้างบอกผมมา ?”
คิดถูกมากที่ก่อนไปบาร์ดาร์เรลได้กินยากดกลิ่นฟีโรโมนเอาไว้เพื่อไม่ให้เป็ที่สนใจของเหล่าอัลฟ่า
“ทำไมต้องบอกเธอด้วย อึก !”
กรีนเดลพยายามใช้พลังที่มีเพื่อจัดการลวดเงินที่พันตัว แต่ทว่ายิ่งดิ้นมันยิ่งแน่นขึ้นและมันยิ่งบาดลึกเข้ามาในผิวกายเมื่อนิ้วเรียวของร่างบางกระตุกมัน
“อย่าพยายามเลยครับ เพราะพลังของคุณยังไม่มากพอ ลวดที่ทำจากแร่เงินเส้นนี้ถูกผลิตขึ้นเพื่อแวมไพร์อัลฟ่าแบบพวกคุณโดยเฉพาะ”
“เธอเป็คนของตระกูล ดิ เฮลเซอร์อย่างนั้นเหรอ ?”
“ครับ รู้แล้วก็ช่วยตอบคำถามผมหน่อยสิ เผื่อว่าผมจะใจดีปล่อยคุณไป”
“ว่ายังไงละครับ ?”
นิ้วเรียวกระตุกลวดอีกครั้งเพื่อเป็การกระตุ้นเอาคำตอบ จริงอยู่ว่าลวดเส้นนี้ไม่สามารถฆ่ามันได้ แต่มันก็ทำให้แวมไพร์ตนนี้เ็ปและยอมอยู่นิ่งๆ เพื่อพูดคุย
“อึก ! บอกแล้วๆ”
“พูดมาสิครับ ผม้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเพอร์บี ?”
“ฉันเคยเจอคนในตระกูลเพอร์บีเมื่อ 200 กว่าปีก่อน แล้วก็ไม่ได้เจอพวกเขาอีกเลย”
“ผมรู้ว่าคุณยังพูดไม่หมดกรีนเดล ?”
“ความจริงแล้วพวกเขาไม่เคยหายไปไหน ไม่เคยหายไปสักวินาที พวกเขายังอยู่ตรงที่เดิมโดยไม่หลบซ่อนปะปนกับมนุษย์ทั่วไป เพียงแค่พวกเขาไม่เคยแสดงตัว”
คำพูดของกรีนเดลทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ทำไมอีกฝ่ายถึงได้พูดราวกับว่าตระกูลเพอร์บีนั้นอยู่รอบตัว และคำตอบทุกความสงสัยก็ถูกเฉลยเมื่อได้ยินคำพูดต่อมา
“เธอรู้จัก [ B ] ใช่ไหม ทุกอย่างที่ลงท้ายด้วยบีนั่นคืออยู่ในความดูแลของตระกูลเพอร์บีทั้งหมด”
ยอมรับว่าดาร์เรลใไม่น้อยเพราะในรัฐหรือเรียกได้ว่าแทบทั่วทุกมุมของรัฐเป็ของเพอร์บี ไม่ว่าจะเป็รถไฟที่ใช้เพื่อเป็พาหนะออกจากบ้านในทุกวัน สนามบินที่เขาเคยใช้ หรือแม้แต่เรือที่เขาเคยนั่ง ทุกอย่างล้วนแล้วเกี่ยวกับบีทั้งสิ้น เรียกได้ว่า บี คือผู้คุมการคมนาคมทั้งหมดของรัฐเอาไว้ในกำมือ
“เธอในตอนนี้ยังไม่มีความสามารถมากพอในการเข้าใกล้พวกเขาหรอก เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะอยากเจอเธอเอง รู้แบบนี้แล้วเธอยังจะกล้าล่าท่านผู้นำของตระกูลเพอร์บีอีกอย่างนั้นเหรอ?”
“ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล ส่วนเื่กล้าหรือไม่ ฉันคือคนตัดสินใจไม่ใช่คุณ”
สิ้นเสียงหวานนิ้วเรียวกระตุกลวนเงินที่คมดั่งใบมีดจนสุดแรง ร่างของแวมไพร์หนุ่มถูกตัดเป็ชิ้นๆ ในทันที ข้อดีของแวมไพร์ก็คือมันไม่มีเืให้ไหลออกมา เนื้อตัวไม่ต้องเปลอะเปื้อน
หากเป็อย่างที่กรีนเดลพูด เขาจะต้องคิดและวางแผนเป็อย่างดี ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาต้องทำนั่นก็คือหาบริษัทหลักของตระกูลเพอร์บีให้เจอ โชคดีที่เขาจำได้ว่าริชาร์ททำงานอยู่ในเครือของบี
เช้าของวันต่อมาดาร์เรลก็ชวนริชาร์ทไปทานข้าวทันที แน่นอนว่าเขาถูกพี่ชายทั้งสามต่อว่าและด่าทอด้วยความรังเกียจอีกเช่นเคย
“ถ้าเรลจะขอให้ริชาร์ทพาเข้าทำงานที่บริษัทด้วยจะได้ไหม?”
……………………………………………………