บทที่ 59 การแต่งงานนี้ต้องหย่า
สวี่จือจือยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห คนอะไรถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ ทำร้ายคนอื่นสาหัสขนาดนี้แล้วยังนั่งกินข้าวบนโต๊ะได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
ลู่จิ่งซานเม้มปากแน่น ยิ่งเขาโมโหมากเท่าไหร่ คนอื่นก็ยิ่งไม่เห็นความผิดปกติใดๆ บนใบหน้าของเขา
บรรยากาศในห้องเงียบงัน อึดอัดเล็กน้อย ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นไห้ของลู่ซือหยวนเป็ระยะ
นานทีเดียวกว่าที่ลู่จิ่งซานจะเอ่ยออกมาสามคำ “หย่าเถอะครับ”
คนอื่นๆ ในตระกูลลู่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่หวยเหรินก็พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “หย่า? จะหย่าได้ยังไง?”
ผู้หญิงเมื่อหย่าแล้วจะหาครอบครัวดีๆ ได้ยาก
“ใช่แล้ว หย่า” คุณนายลู่พยักหน้า “ตอนนั้นฉันก็ไม่ชอบตระกูลจ้าวอยู่แล้ว พวกแกสองคนนั่นแหละที่บอกว่าตระกูลจ้าวก็เป็ถึงตระกูลหัวหน้าหมู่บ้านตระกูลจ้าว ยังไงก็มีฐานะ”
ลู่ซือหยวนเห็นว่าจ้าวเจี้ยนเซ่อหน้าตาดี เมื่อพ่อแม่และเ้าตัวล้วนเห็นดีเห็นงาม หญิงชราอย่างเธอก็ขัดอะไรไม่ได้
“คุณแม่” ลู่หวยเหรินพูดเสียงแ่ “ตระกูลจ้าวก็ถือว่าใช้ได้แล้วนะ เมียบ้านไหนแต่งเข้าไปหลายปีแล้วยังไม่มีลูก จะมีบ้านไหนทนได้?”
นี่มันคำพูดของคนเป็พ่อเหรอ?
สวี่จือจือหัวเราะออกมาด้วยความโมโห นี่แปลว่าถ้ามีลูกไม่ได้ก็สมควรโดนซ้อมตายงั้นเหรอ?
“มีลูกไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดของผู้หญิงฝ่ายเดียวนะคะ” เธอพูด “อาจจะเป็ปัญหาของผู้ชายก็ได้ค่ะ”
ลู่ซือหยวนหยุดร้องไห้แล้วมองมาที่สวี่จือจือ
“เธอจะรู้เื่อะไร” ลู่หวยเหรินสีหน้าดำคล้ำ “เื่มีลูกมันไม่ใช่เื่ของผู้หญิง แล้วมันจะเป็เื่ของผู้ชายหรือไง?” แล้วก็หันไปพูดกับลู่ซือหยวน “เจี้ยนเซ่อคงจะอารมณ์ไม่ดี พอเหล้าเข้าปากก็เลยหงุดหงิด”
“เดี๋ยวเขามาถึง พ่อจะพูดกับเขาดีๆ” ลู่หวยเหรินพูด “่นี้แกพักผ่อนอยู่ที่บ้านก็แล้วกัน”
“แก...” คุณนายลู่โมโหจนอยากจะหาอะไรมาขว้างปาใส่เขา “มีใครเป็พ่อแบบแกบ้าง?”
“คุณแม่ ผมพูดแต่ความจริงนะครับ” ลู่หวยเหรินพูด แล้วชี้ไปที่ลู่ซือหยวน “หยวนหยวน แกลองคิดดูให้ดีๆ ถ้าแกหย่าแล้วจะทำยังไงต่อไป?”
“หนู...หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” ลู่ซือหยวนพูดอย่างเลื่อนลอย “หนูมีลูกไม่ได้ จะหย่าหรือไม่หย่า...”
“พี่” สวี่จือจือพูด “พี่คิดให้ดีๆ นะคะ เื่ผู้ชายทำร้ายผู้หญิงมันมีแค่ครั้งเดียวกับนับครั้งไม่ถ้วน ถ้ามีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สองและอีกหลายๆ ครั้ง พี่อยากให้พี่กับลูกต้องโดนซ้อมแบบนี้ไปตลอดเหรอคะ?”
แน่นอนว่าไม่อยากอยู่แล้ว แถมครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนซ้อม โดนมาหลายครั้งแล้ว แถมยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แต่ถ้าหย่า แล้วผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเธอจะทำยังไงกับลูก?
ตระกูลจ้าวกล้าทำเื่ไล่เจาตี้ออกไปจากบ้าน พวกเขาคงไม่เอาเด็กคนนี้ไว้แน่
“อีกอย่าง” สวี่จือจือพูด “ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือ เขาบอกว่าเื่มีลูกเป็เื่ของคนสองคน แล้วการมีลูกชายลูกสาวก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้หญิง มันขึ้นอยู่กับผู้ชาย”
“จริงเหรอ?” ลู่ซือหยวนถามด้วยความสงสัย
“ถึงฉันจะจำไม่ได้ว่าอ่านเจอในหนังสือเล่มไหน” สวี่จือจือพูดอย่างหนักแน่น “แต่ฉันมั่นใจว่ามันเป็แบบนั้นจริงๆ”
“เธอพูดจาเหลวไหลอะไร?” ลู่หวยเหรินไม่ยอม “เธอรู้ไหมว่าการที่เธอบอกให้หล่อนหย่ามันหมายความว่ายังไง?”
“ตระกูลลู่ของเราไม่มีผู้หญิงที่หย่าร้าง” ลู่หวยเหรินพูด
“ใครบอกว่าไม่มี?” คุณนายลู่เหลือบมองเขาด้วยสายตาเ็า
คำพูดทั้งหมดของลู่หวยเหรินจุกอยู่ที่ลำคอ
เขาลืมไปแล้วว่าเหอเสวี่ยฉินก็หย่ากับสามีแล้วค่อยแต่งเข้ามาในตระกูลลู่
“ยังไงผมก็ไม่ยอมให้หย่า” ลู่หวยเหรินทิ้งตัวลงบนเก้าอี้
ดีที่เมื่อคืนเขาเข้ากะดึก วันนี้เลยได้พักอยู่ที่บ้าน ไม่งั้นถ้าลูกสาวคนนี้หย่าจริงๆ แล้วจะทำยังไงต่อไป?
พอได้ยินแบบนั้น ลู่ซือหยวนก็ยิ่งก้มหน้าลงต่ำ
“หยวนหยวน อย่าไปสนใจพ่อแก” คุณนายลู่พูดด้วยความสงสาร “เื่นี้แกฟังย่ากับจิ่งซานก็แล้วกัน”
“ใช่แล้ว” จ้าวลี่เจวียนก็เห็นลู่ซือหยวนมาั้แ่เด็ก พอเห็นอีกฝ่ายโดนซ้อมก็โมโหไม่น้อย พอได้จังหวะก็พูดขึ้น “ก็แค่เพิ่มข้าวเพิ่มน้ำอีกสองคน ตระกูลลู่ของเราเลี้ยงได้”
“พี่สะใภ้” ลู่หวยเหรินนั่งไม่ติดอีกแล้ว
นี่มันใช่เื่ของข้าวของน้ำสองคนเหรอ?
“พี่” ลู่ซืออวี่ที่ไม่พูดอะไรมานานเปิดเสื้อของเจาตี้ “พี่ดูนี่สิคะ นี่มันอะไร?” เมื่อกี้เธอเผลอไปโดน
ลู่ซือหยวนเป็คนเปิดเผยมาตลอด นึกว่านี่เป็ครั้งแรกที่เจาตี้โดนทำร้าย แต่พอเปิดเสื้อของลูกสาวดู เธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“เจาตี้ บอกแม่มา นี่...นี่ใครเป็คนทำ?”
บนขาของเด็กน้อยมีรอยเข็มเล็กๆ หลายรอย
“คุณย่ากับอาสะใภ้รองไม่ให้บอกค่ะ” เจาตี้พูดพร้อมกับขดตัวด้วยความหวาดกลัว “ถ้าหนูบอกแม่ พวกเขาจะเอาหนูไปทิ้งบนูเาให้หมาป่ากิน”
“นี่...ทำั้แ่เมื่อไหร่?” ลู่ซือหยวนไม่กล้าจับตัวลูกสาว กลัวว่าจะเผลอไปโดนแล้วทำให้เจ็บ
“ตอนที่อาสะใภ้รองตั้งท้องต้าเป่าค่ะ” เจาตี้พูดเสียงแ่ “คุณย่าบอกว่าหนูเป็ตัวซวย”
ั้แ่นั้นมาอาสะใภ้รองกับคุณย่าก็จะคอยดุด่าทำร้ายเธอตอนที่คุณแม่ไม่อยู่บ้าน
“พวกสารเลว” คุณนายลู่ด่าด้วยความโมโห
ตอนนี้ลู่หวยเหรินไม่พูดอะไรแล้ว
“หย่า การแต่งงานนี้ต้องหย่า” คุณนายลู่พูดด้วยความโมโห
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก จากนั้นก็ได้ยินเสียงของจ้าวเจี้ยนเซ่อ “จิ่งเหนียน พี่สาวนายอยู่ไหน?”
เมื่อกี้ลู่จิ่งเหนียนอึดอัดอยู่ในบ้านมากเกินไป เพิ่งออกมาสูดอากาศได้ไม่นาน ก็เห็นใบหน้าเหมือนคนตายของจ้าวเจี้ยนเซ่อ พอได้ยินเขาหน้าด้านมาถามถึงลู่ซือหยวนก็แค่นเสียงออกมา เหลือบมองเขาแล้วพูด “นายมาทำอะไร? หา? ยังอยากจะตามมาซ้อมคนถึงบ้านอีกเหรอ?”
“ฉันมารับพี่สาวนายกลับบ้าน” จ้าวเจี้ยนเซ่อพูด
ลู่จิ่งเหนียนหัวเราะเยาะ มองจ้าวเจี้ยนเซ่อ “ผู้ชายไม่ได้เื่ถึงจะใช้กำลังกับผู้หญิงตัวเอง จ้าวเจี้ยนเซ่อ นายคิดว่าตระกูลลู่ของพวกเราไม่มีผู้ชายหรือไง?”
ในบ้าน พอเจาตี้ได้ยินเสียงจากข้างนอกก็กอดลู่ซืออวี่แน่น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ภาพนั้นทำให้คนที่อยู่ในบ้านรู้สึกะเืใจอย่างมาก
ปกติแล้วพวกเขาปฏิบัติต่อเด็กคนนี้ยังไง ถึงได้ทำให้เด็กกลัวได้ขนาดนี้?
“หยวนหยวน” คุณนายลู่มองลู่ซือหยวน “แกคิดดีแล้วใช่ไหม?”
ลู่ซือหยวนคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็พยักหน้า
“เข็นย่าออกไป” คุณนายลู่พูด
ลู่หวยเหรินยังอยากจะพูดอะไร คุณนายลู่ก็มองด้วยสายตาเดียวจนเขาต้องหุบปาก
ส่วนลู่จิ่งซาน พอได้ยินลู่จิ่งเหนียนพูด ขาเรียวยาวก็ก้าวออกไปข้างนอกแล้ว
จ้าวเจี้ยนเซ่อตั้งใจจะพูดคุยกับลู่จิ่งเหนียนด้วยรอยยิ้ม แต่พอเห็นใบหน้าของลู่จิ่งซานที่สงบนิ่งจนมองไม่ออกถึงความโมโหก็ใจนพูดอะไรไม่ออก ในใจอดไม่ได้ที่จะต่อว่าลู่ซือหยวน
รู้อยู่แล้วว่าเขากลัวน้องภรรยาคนนี้ ยังจะหนีกลับมาบ้านเดิมอีก!
ทำไม?
รู้ว่าน้องชายอยู่บ้าน จะได้มีคนคอยปกป้องหรือไง?
ถ้าลู่จิ่งซานอยู่บ้านแล้วยังไง? สะใภ้บ้านไหนกล้าเถียงแม่สามีบ้าง!
นี่คือการอบรมสั่งสอนของตระกูลลู่งั้นเหรอ?
“จิ่ง...จิ่งซานก็อยู่ด้วยเหรอ?” จ้าวเจี้ยนเซ่อพูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้