ั้แ่เซี่ยอวิ้นเข้าประตูมา ท่าทางของทุกคนก็ดูตึงเครียดขึ้น กลิ่นอายของชายคนนี้ค่อนข้างน่าอึกอัด และตลอดเวลาที่ทานอาหารอยู่ เขาก็ไม่มีแม้แต่จะปรายตามองนาง ทว่าอยู่ๆ กลับถามนางเช่นนี้ขึ้น
“ข้าทำได้แค่พวกอาหารธรรมดาๆ อาหารพวกนี้แม่สามีข้าเป็คนทำเ้าค่ะ” กู้เจิงตอบ
“ทำได้ไม่เลว” เซี่ยอวิ้นถอนสายตากลับมา ปิดบังความคิดในดวงตาเอาไว้
ทุกคนคิดเพียงว่าท่านแม่ทัพเซี่ยชื่นชอบรสอาหาร มารดาของเสิ่นเยี่ยนไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยแต่ยังรูปร่างน่ากินอีกด้วย แม่ทัพเซี่ยจะถามเช่นนี้ก็ไม่แปลก ทุกคนจึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
แต่กู้เจิงกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางจึงอดไม่ได้ที่จะลอบมองแม่ทัพเซี่ย แต่ไม่คิดว่าจะสบเข้ากับั์ตาสลับซับซ้อนของตวนอ๋องจ้าวหยวนเช่อเข้าพอดี
ยามที่สายตาสองคู่สบกัน มือเรียวยาวของเสิ่นเยี่ยนได้คีบเนื้อมาวางลงในชามของกู้เจิง “วันนี้ลำบากท่านแม่กับเ้าแล้ว” เสิ่นเยี่ยนรีบพูดขัดขึ้น
“ไม่ลำบากหรอกเ้าค่ะ ทุกคนกินกันอย่างมีความสุขก็พอ” กู้เจิงละสายตากลับมายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
สายตาของทุกคนลอบมองคนทั้งคู่ ทุกคนล้วนแปลกใจที่เสิ่นเยี่ยนขอบคุณภรรยาของตัวเองต่อหน้าผู้คนมากมาย เพราะเื่การทำอาหารเลี้ยงแขกนี้ แต่เดิมก็เป็หน้าที่ของผู้หญิงอยู่แล้ว มีอะไรจะต้องขอบคุณกัน
นายหญิงเว่ยซื่อไม่เห็นนายหญิงเสิ่นออกมาจากห้องครัวเสียที นางจึงเอ่ยปากถาม “อาเจิง เหตุใดแม่สามีของเ้าถึงไม่ออกมากินข้าวด้วยกันเล่า?”
“ท่านแม่บอกว่าร่างกายเหนียวเหนอะหนะ ไม่สะดวกจะพบแขก นางจึงจะกินข้าวในห้องครัว เ้าค่ะ” กู้เจิงตอบ
“พี่ใหญ่ คิดไม่ถึงว่าอาหารที่แม่สามีท่านทำจะอร่อยกว่าพ่อครัวที่จวนกู้ของพวกเราเสียอีก” กู้เหยาบอกกับกู้เจิง
“งั้นก็กินให้เยอะๆ” กู้เจิงยิ้มบางๆ อย่างเอ็นดู
“คิดไม่ถึงว่าแค่ไม่กี่ปี ฝีมือของพี่ใหญ่จะดีขึ้นมาก” วันนี้กู้อิ๋งก็กินเยอะกว่าปกติ เพราะอาหารพวกนี้ถูกปากนาง
“ข้ากลัวว่าจะเรียนได้ไม่ดีน่ะสิ” ไม่ใช่ว่ากู้เจิงถ่อมตัว แต่การทำอาหารนี้ นางมักจะควบคุมไฟไว้ไม่อยู่
“เรียนได้ไม่ดีก็เรียนต่อไปอีกสักสองสามปี” ป้าใหญ่อีกโต๊ะะโขึ้นบอก “พวกเรายังคาดหวังจะได้กินอาหารที่อาเจิงทำใน่ตรุษจีนปีต่อๆ ไปอยู่นะ”
“ใช่ๆ” ป้ารองสำทับ
พอท่านป้าทั้งสองเปิดปากพูด บรรยากาศก็ครึกครื้นขึ้น
ชาวบ้านในเมืองเยว่เฉิงต่างเห็นเซี่ยอวิ้นเป็ราวกับมนุษย์เทพ ดังนั้นคนตระกูลเสิ่นจึงเลื่อมใสในแม่ทัพใหญ่เซี่ยอย่างยิ่ง แม้ตอนมื้ออาหารที่ทุกคนต่างเงียบ แต่พอคิดว่าต่อไปจะไม่มีโอกาสได้คุยกับท่านแม่ทัพอีก ดังนั้นพอหลังมื้ออาหารแต่ละคนเลยต่างเข้ามาพูดคุยกับเขา
คนตระกูลเสิ่นเข้ามาชวนท่านแม่ทัพคุยด้วย เซี่ยอวิ้นก็มีคุยบ้างไม่คุยบ้าง กระทั่งเมื่อเสิ่นกุ้ยถามถึงเื่สู้รบ เซี่ยอวิ้นถึงได้ดูกระตือรือร้นในการพูดคุยมากขึ้น
ท่านป้าใหญ่กับท่านป้ารอง รวมถึงพี่สะใภ้ทั้งหลายเมื่อเห็นแม่ทัพเซี่ยไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนที่เห็นในตอนแรก จึงลองเข้ามาพูดคุยกับเขาอย่างกล้าหาญ ซึ่งเซี่ยอวิ้นก็พูดคุยด้วยอย่างไม่ถือตัว
กู้เจิงเลิกคิ้วมองแม่ทัพใหญ่เซี่ยที่ถูกทุกคนรุมล้อม นางถามเสิ่นเยี่ยนที่อยู่ข้างกาย “ท่านพี่ เหตุใดจู่ๆ ท่านแม่ทัพเซี่ยถึงมาได้ล่ะเ้าคะ?”
“เขาบอกว่ามาเดินเล่นแถวนี้พอดี และเห็นในจวนของเราดูครึกครื้นก็เลยเข้ามาดู” เสิ่นเยี่ยนตอบเสียงเรียบ
กู้เจิง “...” เหตุผลง่ายเสียจริง
“ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพเซี่ยจะให้ความสำคัญกับฉางหวายเช่นนี้” คืนนี้กู้หงหย่งดื่มไปหลายอึกทำให้มึนเมานิดหน่อย ด้วยเหตุนี้จึงอารมณ์ดีเกินไป บุตรชายคนรองมีชื่อเสียงสอบติดอับดับ บุตรสาวคนที่สามเป็พระชายาตวน แม้แต่บุตรีอนุที่ไม่ค่อยถูกใจที่สุดก็ยังแต่งได้กับสามีสมใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสิ่นเยี่ยนที่มีอนาคตไกลได้เป็บัณฑิตประจำสำนักราชเลขา กระทั่งแม้แต่แม่ทัพเซี่ยเทพาแห่งต้าเยว่ก็ยังเข้าบ้านมาดื่มสุรา ช่างถือเป็เกียรติอย่างยิ่ง
“ฉางหวายสนิทกับแม่ทัพเซี่ยั้แ่เมื่อไหร่หรือ?” จ้าวหยวนเช่อนั่งจิบชาหยางเซี่ยน* คล้ายถามไปอย่างไม่รู้อะไร
(*เป็ชาที่ผลิตในมณฑลเจียงซู มีกลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม และมีชื่อเสียงมาั้แ่สมัยโบราณ ทั้งยังเป็ที่ชื่นชอบของราชวงศ์ด้วย)
“กระหม่อมกับท่านแม่ทัพเซี่ยก็แค่มีวาสนาเคยได้พบเจอกันแค่หนเดียวพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นเยี่ยนตอบ
“อ้อ? วาสนาได้พบเจอแค่หนเดียวนี้ช่างล้ำค่าเสียจริง สามารถทำให้แม่ทัพเซี่ยก้าวเข้ามาในจวนของเ้าได้” จ้าวหยวนเช่อเอ่ยยิ้มๆ
กู้อิ๋งเหลือบมองตวนอ๋องแวบหนึ่ง เขามีสีหน้าท่าทางแปลกๆ ั้แ่มาถึงที่นี่แล้ว นางบอกความรู้สึกนั้นไม่ถูก แค่รู้สึกว่าระหว่างสามีกับพี่เขยใหญ่ดูเหมือนไม่ได้ลงรอยกันอย่างที่คิด
“งั้นถือเป็วาสนาของเสิ่นเยี่ยนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” กู้หงหย่งยิ้ม
กู้เจิงนั้นไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตวนอ๋องอีก ทว่ายามนี้นางกลับใช้หางตามองสำรวจตวนอ๋องอยู่ตลอด คิดว่าจากใบหน้าของตวนอ๋องพอมองอะไรออกบ้าง อย่างเช่นความสัมพันธ์ระหว่างเสิ่นเยี่ยนกับแม่ทัพเซี่ย แต่ดูจากท่าทางของตวนอ๋องแล้ว ก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร หรือว่านางเดาผิดไป?
หากเสิ่นเยี่ยนกับแม่ทัพเซี่ยเกี่ยวข้องกันจริงๆ ตวนอ๋องไม่น่าจะมีท่าทางสงบนิ่งเช่นนี้กระมัง?
“อาเจิง ทำไมแม่สามีของเ้ายังไม่ออกมาอีกเล่า?” เว่ยซื่อเห็นว่านายหญิงเสิ่นยังไม่ปรากฏตัวเสียที จึงถามกู้เจิงอย่างสงสัย
“ข้าจะไปดูให้เ้าค่ะ” กู้เจิงขอตัวไปที่ห้องครัว
ในห้องครัว กู้เจิงพบซู่หลันกับเหอเซียงกำลังเก็บของอยู่ แต่ไม่เห็นนายหญิงเสิ่นที่นั่นเลย
“นายหญิงเสิ่นบอกว่ากินจนอิ่มไปหน่อย รู้สึกไม่สบายท้องเลยไปเดินเล่นทางด้านหลังเ้าค่ะ” ซู่หลันกล่าวเมื่อกู้เจิงถามถึงแม่สามี
กู้เจิงประหลาดใจ เท่าที่นางจำได้ แม่สามีไม่เคยเป็แบบนี้มาก่อน
เหอเซียงรีบกล่าวเสริม “นายหญิงเสิ่นกินข้าวไปแค่คำเดียวเท่านั้น เหมือนนางมีเื่ในใจเลยเ้าค่ะ”
กู้เจิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไปดูที่หลังบ้าน
ลานหลังบ้านของจวนเป็สวนเล็กๆ ที่มีศาลาและสะพานที่มีน้ำไหลผ่าน
ตอนที่กู้เจิงเดินเข้าไป ก็เห็นแม่สามีนั่งมองพระจันทร์อย่างเหม่อลอย กู้เจิงกังวลว่าถ้าจู่ๆ นางส่งเสียงออกไปจะทำให้นางใ
“ท่านแม่” กู้เจิงจึงทักขึ้นเบาๆ
“อาเจิง เ้ามาได้ยังไง?” นายหญิงเสิ่นรีบลุกขึ้น ซ่อนความระทมทุกข์บนใบหน้า แต่จะปิดบังอย่างไร เศษเสี้ยวความโศกเศร้าทางหางตาก็ไม่อาจลบหายได้ในพริบตา
“ท่านแม่ ท่านมีเื่ทุกข์ใจหรือเ้าคะ?” กู้เจิงเดินเข้าไปในศาลา
“เปล่า เมื่อครู่กินข้าวมากเกินไป เลยมาเดินย่อยอาหารที่นี่น่ะ” นายหญิงเสิ่นยิ้มบางๆ
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ กู้เจิงเอ่ยชวน “ท่านแม่ เราไปที่โถงด้านหน้ากันเถอะเ้าค่ะ พระชายาตวนกับท่านแม่ข้าก็ใกล้จะกลับกันแล้ว”
“วันนี้ข้าใส่ชุดไม่สุภาพ ไม่งั้นเ้า...” ยังพูดไม่ทันจบ เสียงของชุนหงก็ดังขึ้น “ท่านป้าเสิ่น คุณหนู ที่แท้พวกท่านก็อยู่ที่นี่เอง”
“ไม่ใช่ว่าให้เ้าคอยรับใช้ที่เรือนด้านหน้าหรอกหรือ? มาที่นี่ได้ยังไง?” กู้เจิงมองชุนหงที่วิ่งมาหา
“ท่านแม่ทัพเซี่ยกลับไปแล้ว นายหญิงกับพระชายาก็กำลังจะไปแล้ว บ่าวเห็นคุณหนูยังไม่มาก็เลยมาบอกเ้าค่ะ”
กู้เจิงเห็นแม่สามีทำท่าโล่งอกเมื่อได้ยินว่าแม่ทัพเซี่ยกลับไปแล้ว นายหญิงเสิ่นรีบบอก “ข้าเสียมารยาทแล้ว พวกเรารีบไปที่เรือนด้านหน้ากันเถอะ”
กู้เจิง “...” น่าสงสัยเหลือเกิน
หลังจากส่งคนตระกูลเสิ่น ตระกูลกู้ และตวนอ๋องกลับไป ก็เป็เวลาเที่ยงคืนแล้ว แม้กู้เจิงจะไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่ก็รู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียมาก โชคดีที่มีซู่หลันกับเหอเซียงนางจึงไม่ต้องเหนื่อยไปมากกว่านี้
หลังจากกู้เจิงอาบน้ำร้อนที่ซู่หลันเตรียมไว้ให้ นางก็รู้สึกว่าร่างกายกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย พอได้ยินเสียงประตูผลักเลื่อนเข้ามา นางก็รีบแต่งตัวเพราะจะรีบไปถามเสิ่นเยี่ยนในเื่ที่ค้างคาใจของแม่สามีกับแม่ทัพเซี่ย ขณะที่นางก้าวออกจากห้องน้ำ นางก็เห็นเสิ่นเยี่ยนถอดเสื้อนอกออกแล้ว เขาสวมแต่กางเกงสีขาว ภายใต้แสงเทียนอบอุ่นสีส้ม เรียวขาที่แ่าของเขาปรากฏให้เห็นอย่างเลือนราง
กู้เจิงมองเรือนร่างที่ของสามีอย่างตะลึงงัน นางมองจนลืมไปว่าตัวเอง้าจะพูดอะไร
นางมองเขา เขาก็มองนางเช่นกัน ั์ตาลึกล้ำที่แฝงไว้ด้วยความเร่าร้อนที่ทำให้ใจของนางเต้นแรง
กู้เจิงกะพริบตาปริบๆ “ทะ ท่านเป็อะไรไปเ้าคะ?” นางหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย
เขาก้าวเข้ามาใกล้นางทีละก้าว
“ท่าน?” ทันใดนั้นกู้เจิงพลันเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมา