ถึงแม้ที่สุดแล้วชุ่ยเชี่ยวก็ยังไม่สามารถเชื่อว่าร่างกายของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในตอนนี้ไม่เป็อะไร ทว่านางกลับถูกบีบบังคับให้บรรลุข้อตกลงร่วมกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว นั่นก็คือ เื่ที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วป่วยไข้ จะต้องปิดบังเยวี่ยเจาหรานเอาไว้ให้มั่น ห้ามให้เยวี่ยเจาหรานล่วงรู้ความจริงของเื่นี้
เมื่อได้ยินเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกำชับเป็ครั้งที่สาม ชุ่ยเชี่ยวก็น้ำตานองหน้าด้วยความรู้สึกผิดซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ ปากก็ยังพร่ำสิ่งที่ตนอยากเอ่ยซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด “คุณชายเยี่ยนช่างทุ่มเทเพื่อคุณหนูของเราจริงๆ น่าซาบซึ้งเหลือเกิน ช่างเป็ความรักที่น่ายกย่องอะไรเช่นนี้...”
ส่วนเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่อยู่อีกด้านนั้นกลอกตาไปเป็ร้อยแปดรอบอย่างเอือมระอาทั้งรำคาญ ถึงอย่างไรทุกคนต่างก็เป็ผู้ใหญ่กันแล้ว จะยังเชื่อโครงเื่นิยายรักฝันหวานอันแปลกประหลาด ทั้งเทิดทูนบูชาดั่งเทพเ้าไปได้อย่างไร?
ทว่าชุ่ยเชี่ยวน้อยผู้น่าสงสารนั้น... เชื่อมั่นอย่างสุดใจ!
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ไม่อาจฝืนทนเปิดโปงว่าแท้จริงชุ่ยเชี่ยวเป็แค่เ้าโง่คนหนึ่งได้นั้น ในที่สุดก็อดกลั้นการถอนหายใจยืดยาวของตนเอาไว้ แล้วตบหัวชุ่ยเชี่ยวที่ยังคงร้องไห้ฟูมฟายเบาๆ เอ่ยขึ้น “ไม่เป็ไร นี่ล้วนเป็สิ่งที่ข้าพึงกระทำ”
ถึงแม้จะคำพูดนั้นจะฝืนใจยิ่ง แต่ก็ดูเหมือนจะเป็มาตรฐานในโครงเื่นิยายรักฝันหวาน? ดังนั้นแม้จะน่าคลื่นเหียนไปสักหน่อย แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ยังคงทุ่มเทแสดงเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของนักอ่านตัวยงชุ่ยเชี่ยว
เมื่อกล่อมชุ่ยเชี่ยวที่หลั่งน้ำตาดั่งแม่น้ำเหลืองเชี่ยวกรากลงได้ด้วยความยากลำบากแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงลองเอ่ยหยั่งเชิงซ้ำเดิมอีกครั้ง “ตอนกลับไปก็ไม่ต้องใส่ผ้าคลุมนี้แล้วนะ มันเตะตาเกินไปจริงๆ ...”
แต่ก็ต่อให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะเอ่ยออกไปอย่างตรงไปตรงมาเช่นนั้นแล้ว ชุ่ยเชี่ยวก็ยังปฏิเสธความตั้งใจดีของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างเป็เหตุเป็ผล ยิ่งกว่านั้นยังเอ่ยย้ำกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างจริงจัง “ท่านไม่เข้าใจ เมื่อครู่พี่หลิงหลงบอกกับทุกคนไปแล้ว ว่าข้าคือน้องสาวที่มาจากอาหรับของนาง หากตอนนี้ข้าไม่ใส่ผ้าคลุมหน้า ทุกคนจะไม่คิดว่าพี่หลิงหลงเป็คนปลิ้นปล้อนขี้โกหกหรอกหรือ? เพื่อเกียรติและชื่อเสียงของพี่หลิงหลง ข้าต้องใส่ผ้าคลุมหน้านี้เ้าค่ะ!”
แม้ว่าจะไม่สมเหตุสมผล แต่ก็ต้องชมเชยฝีปากนี้ของชุ่ยเชี่ยว ช่างยากจะหาใครเทียมในโลกจริงๆ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหมดหนทางได้แต่พยักหน้าตาม สื่อความว่า เ้าพูดถูกต้องทุกอย่าง
หลังจากส่งสาวงามผ้าคลุมหน้าชุ่ยเชี่ยวไปแล้ว ในขณะที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนึกว่าในที่สุดตนก็จะได้มีเวลาว่างสักนิด มันก็กลับมาเยือนอีกครั้งและอีกครั้ง นั่นก็คือเวลาดื่มยาขมรอบบ่าย...
ชุ่ยเชี่ยวที่ดึงดันตามความคิดของตนที่จะใส่ผ้าคลุมหน้าอาหรับออกไป ก็ถูกสาวใช้ที่เดินผ่านไปมาไม่น้อยพบเข้าอีกตามคาด ทว่าคราวนี้ทุกคนไม่ได้คิดว่าชุ่ยเชี่ยวคือชุ่ยเชี่ยว หากแต่ค้นพบว่าชุ่ยเชี่ยวก็คือแม่นางอาหรับที่เดินทางมาไกลโพ้นผู้นั้น ด้วยเหตุนี้ชุ่ยเชี่ยวจึงกระหยิ่มยิ้มย่อง นางกลับไปยังจวนเยวี่ยด้วยความลำพองและภาคภูมิใจไปตลอดทาง
เพราะนางรู้สึกว่าการไม่ถูกใครค้นพบว่าตนคือชุ่ยเชี่ยวนั้น คือการได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จในการปลอมตัวครั้งแรกของตน!
“คุณชายใหญ่!” ชุ่ยเชี่ยววิ่งเข้าไปในห้องของเยวี่ยเจาหรานด้วยใบหน้าชื่นบาน กระทั่งผ้าคลุมหน้าก็ยังไม่ได้ถอด ทำเอาเยวี่ยเจาหรานที่กำลังแทะเมล็ดแตงอยู่ใผงะไป ดูไม่ออกว่านี่คือภูตผีปีศาจอะไรกัน...
เยวี่ยเจาหรานที่ตกตะลึงอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็วางของที่อยู่ในมือลง แล้วเอ่ยถามออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก “ชุ่ย… ชุ่ยเชี่ยวหรือ?”
ใครจะรู้ว่าชุ่ยเชี่ยวเมื่อทำคนอื่นใได้นั้นก็ยิ่งดีอกดีใจ นางหมุนตัวหนึ่งรอบให้กับเยวี่ยเจาหรานที่กำลังสับสน แล้วเอ่ยอย่างลำพองใจ “ข้าเองๆ มองไม่ออกเลยสินะเ้าคะ! ฮี่ฮี่~”
เยวี่ยเจาหรานแสร้งยิ้มเต็มใบหน้า คิดในใจว่าสาวใช้ของตนผู้นี้บางทีก็น่ารักอยู่เหมือนกัน น่ารักแบบซื่อบื้อๆ
“อืม ก็พอได้นะ...” เยวี่ยเจาหรานเอ่ย ก่อนจะพูดขึ้นอีกหนึ่งประโยค “แต่ว่า ข้าไม่ได้ให้เ้าไปสืบข่าวคราวที่จวนเยี่ยนหรอกหรือ เหตุใดเ้าถึงมาเล่นแต่งกายเลียนแบบผู้อื่นเช่นนี้? วันนี้เล่นเป็ตัวละครอะไรล่ะ สาวน้อยน่ารักแห่งอาหรับหรือ?”
“คุณชายใหญ่ท่านหลับหูหลับตาพูดอะไรกัน! เพื่อจะจัดการภารกิจที่ท่านสั่งให้ข้าทำให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นข้าถึงได้ใส่เสื้อผ้าเช่นนี้อย่างไรเล่า! ท่านไม่รู้เอาเสียเลย คนที่จวนเยี่ยน ไม่มีใครมองข้าออกเลยสักคนนะ!” แม้นางจะปกปิดความจริงที่ถูกหลิงหลงพบเข้าั้แ่ตนปรากฏตัวก็ตาม แต่ว่าชุ่ยเชี่ยวเองก็ลำบากยากเย็นจริงๆ ดังนั้นก็ฝืนยอมรับคำพูดนางไปเถอะ!
เยวี่ยเจาหรานกลั้นยิ้มแล้วพยักหน้ารัว อีกทั้งยังวิจารณ์ผู้คนที่จวนเยี่ยนว่าช่างโง่เขลาจริงๆ อยู่ในใจ การแต่งกายเตะตาเช่นนี้ยังไม่นึกสงสัย แล้วยังจะพูดว่าเป็ตระกูลผู้ฝึกยุทธ์อะไรกัน
หัวเราะก็หัวเราะจนพอแล้ว เยวี่ยเจาหรานจึงนึกถามสถานการณ์ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วขึ้นมา “อ้อจริงสิ เข้าเื่ก่อนเถอะ ข้าให้เ้าไปหาเยี่ยนอวิ๋นเฟย แล้วได้เจอหรือยัง? เขา… เขาเป็อย่างไรบ้าง?” เยวี่ยเจาหรานก้มหน้าลงรินชาให้ตัวเอง เจตนาจะปิดบังสีหน้าที่มีความผิดปกติเล็กน้อยของตน และหวังว่าจะไม่ถูกชุ่ยเชี่ยวจับพิรุธได้
กระทั่งเมื่อเื่นี้ถูกถามถึง ชุ่ยเชี่ยวจึงไร้ซึ่งความเบิกบานดีใจเช่นเมื่อครู่ นางเพียงเอ่ย “ไม่มีอะไรเ้าค่ะ เขาสบายดี” หรือบอกว่าชุ่ยเชี่ยวเป็คนที่โกหกเก่งมาก คำว่า ‘ตนกำลังพูดโกหก’ นั้นก็แทบจะเขียนเด่นหราอยู่บนหน้า! อีกทั้งยังทำท่าทางแสร้งเอ่ยย้ำอีกครั้ง “ไม่ได้เป็อะไรเลยจริงๆ เ้าค่ะ”
ถึงแม้เยวี่ยเจาหรานเองก็รู้สึกว่าท่าทางของชุ่ยเชี่ยวตอนนี้ดูแปลกไปบ้าง ทว่าจิตสำนึกโดยอคติก็ยังบอกกับเยวี่ยเจาหรานว่า เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเฉียบแหลมขนาดนั้น คงจะไม่เกิดเื่อะไรขึ้นมาหรอก
ไปๆ มาๆ แม้แต่เยวี่ยเจาหรานคนที่ยังไม่ได้เห็นสถานการณ์ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วด้วยตาตัวเองก็เชื่อคำโกหกโดยเจตนาดีที่ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นปลอดภัยไร้กังวล เขาตบขาฉาด ยิ้มตาหยีเอ่ยขึ้น “ข้าว่าแล้วเชียว เ้านั่นฉลาดหลักแหลมต้องไม่เป็อะไรอยู่แล้ว! เ้าไปเถอะ!”
เมื่อเป็เช่นนี้แล้ว ชุ่ยเชี่ยวก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี น่าสงสารเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่นอนซมอยู่บนเตียง ยังคิดคำนึงกลัวว่าเยวี่ยเจาหรานจะเป็ห่วงตนจนไม่ยอมบอกความจริง แต่เยวี่ยเจาหรานที่อยู่ทางนี้กลับสำเริงสำราญ ไม่สงสัยเลยสักนิดว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นกำลังหลอกลวงตน... ปากเล็กๆ ของชุ่ยเชี่ยวอดเบ้ลงไม่ได้ นางไม่พูดอะไรทั้งนั้น ก่อนจะหันหน้ากำลังจะวิ่งหนีไป
“เดี๋ยวก่อน!” เยวี่ยเจาหรานเอ่ยเรียกชุ่ยเชี่ยวไว้อีกครั้ง ในที่สุดใบหน้าของชุ่ยเชี่ยวก็มีความตื่นเต้นดีใจขึ้นมาเล็กน้อย คิดว่าเ้านายของตนคงจะค้นพบมโนธรรมขึ้นมา และกำลังจะถามอีกครั้งใช่หรือไม่? ยิ่งกว่านั้นยังเอ่ยสาบานกับตนเองในใจ หากเยวี่ยเจาหรานถามขึ้นมาอีกครั้ง ตนจะบอกเื่ที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนอนซมอยู่บนเตียงแก่เยวี่ยเจาหรานด้วยความสัตย์จริงอย่างแน่นอน
ทว่าน่าเสียดาย เยวี่ยเจาหรานนั้นเปล่าเลย
ท่ามกลางการจับจ้องที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของชุ่ยเชี่ยว เยวี่ยเจาหรานก็เอ่ยกับชุ่ยเชี่ยวอย่างไม่รู้เื่รู้ราว “เมื่อตอนสายข้ากินองุ่นม่วงไปลูกหนึ่ง เปรี้ยวจนต้องคายออกมา สองสามวันนี้ก็ไม่ต้องให้ครัวเล็กส่งมาแล้วนะ แต่ซู่ปิ่งดอกบัว [1] ทำออกมาได้ไม่เลวเลย ตอนเย็นให้ส่งมาจานหนึ่ง เ้าไปเถอะ”
เมื่อสั่งอย่างเรียบเฉยจบ เยวี่ยเจาหรานก็พยักหน้าด้วยสีหน้าพึงพอใจเป็การเห็นด้วยกับตนเอง จากนั้นจึงโบกมือสื่อให้ชุ่ยเชี่ยวออกไปได้แล้ว ชุ่ยเชี่ยวที่รู้สึกน้อยใจและเป็เดือดเป็ร้อนแทนเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นเบ้ปากเล็กอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งออกไปด้วยความเดือดดาล
เยวี่ยเจาหรานที่สังเกตได้ว่าชุ่ยเชี่ยวมีบางอย่างผิดปกติขมวดคิ้วมุ่น หลังจากที่ไม่เห็นเงาของชุ่ยเชี่ยวแล้วเขาก็นึกย้อนกลับไปอย่างละเอียดว่าเพราะเหตุใดนางจึงโมโหเช่นนี้ จนถึงท้ายที่สุดเขาก็ได้แต่บอกกับตัวเอง อาจจะเป็เพราะเมื่อครู่ลืมชมเชยความสำเร็จของการแต่งกายแบบสาวน้อยอาหรับในวันนี้ของชุ่ยเชี่ยวก็ได้...
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยวี่ยเจาหรานก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจโดยไม่รู้ตัว ยิ่งกว่านั้นยังเตือนสติตนเองว่า ผู้หญิงล้วนชื่นชอบการถูกชมทั้งนั้น คราวหน้าตอนที่เห็นชุ่ยเชี่ยวแต่งแบบนี้อีก เขาจะต้องยกย่องชื่นชมนางโดยไม่ตระหนี่อย่างแน่นอน เช่นนี้สิจึงจะเป็สิ่งที่คุณชายที่ดีพึงกระทำ!
เชิงอรรถ
[1] ซู่ปิ่งดอกบัว (莲花酥饼) ซู่ปิ่ง เป็ขนมลักษณะกรอบแห้งร่วนซุย ภายในจะมีไส้ต่างๆ ตามชอบ โดยซู่ปิ่งดอกบัว ก่อนนำเข้าลงทอดจะใช้มีดกรีดเนื้อแป้ง้า เมื่อทอดออกมาแล้วแป้งจะบานออกเป็ลักษณะเหมือนดอกบัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้