คำพูดนี้ทำให้ภายในรถเงียบเสียงลง เฉินจื่อิกับเฉินเนี้ยนหรานมองตากัน ก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มขมขื่นออกมา
เื่เชื่อมสัมพันธ์กับคนน่ะ ใครบ้างจะไม่อยาก ต้าหลางยังคิดได้ แต่ว่าพวกเขาจะทำมันได้อย่างไร?
“ท่านลุง เื่นี้มันเดินได้ด้วยคนจัดการ ไม่แน่นะการเดินทางเข้าอำเภอครั้งนี้ ก็ถือโอกาสเตรียมตัวไปหาร้านขนมของต้าตางเจีย ในเมืองนั้นมีร้านขนมหวานของสกุลโจว เช่นเดียวกับที่มีต้าตางเจีย หากพวกเราเอาของพวกนี้ไปเสนอขายให้ ขอแค่เ้าของต้าตางเจียตามีแววสักหน่อย จะต้องไม่มีทางยอมปล่อยธุรกิจที่ทำเงินดีๆ ให้พวกเขาไปแน่นอน”
พวกนางปรึกษากันไป ตอนที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ในที่สุดรถม้าก็เดินทางมาถึงอำเภอเหยาผิง
หากอยู่ที่เขต แค่ถึงตอนกลางวันก็ไม่ค่อยมีคนเดินถนนแล้ว
แต่ในอำเภอนั้นช่างแตกต่างกันจริงๆ ตอนที่พวกเขาลงจากรถ บนถนนก็ยังมีคนทำธุรกิจอยู่ไม่น้อย
ถึงแม้จะเป็ร้านค้าเล็กๆ แต่ก็ยังมีหลายๆ ร้านที่ส่วนมากยังเปิดอยู่
เพราะว่าตอนกลางคืนไม่สามารถเดินทางกลับไปได้ ดังนั้นทั้งสามคนจึงไปหาโรงเตี๊ยมไว้พักผ่อนก่อน หลังจากได้ที่พักแล้วก็เริ่มหาหมั่นโถวมากินแก้ท้องหิว
ทั้งสามคนแยกกันออกไปสามทาง เอาขนมไหว้พระจันทร์ใส่ในตะกร้าให้เรียบร้อย ้าปิดด้วยใบบัวเย็นๆ ทับเอาไว้ ทั้งสามคนแยกกันออกไปหาร้านค้าขายเพื่อเสนอขาย แล้วนัดกันกลับมาเจอที่โรงเตี๊ยมในตอนกลางคืน
ผลสรุปเป็ดั่งที่เฉินเนี้ยนหรานได้คิดเอาไว้ การทำธุรกิจไม่ได้ง่ายดังที่หวังไว้
ร้านขนมในอำเภอนี้ ตอนแรกเริ่มยังยิ้มยินดีต้อนรับ แต่พอได้ยินว่ามีขนมไหว้พระจันทร์มานำเสนอ ก็ไม่คิดแม้แต่จะดูแล้วไล่ออกมา มีบางคนก็พูดอย่างเกรงใจว่าพวกเรามีแหล่งรับสินค้าที่รับประจำอยู่แล้ว
หากไม่จู่ๆ ก็เอาของไปนำเสนอเขา เช่นนั้นสีหน้าของทุกคนคงไม่แย่ขนาดนั้น คนในยุคสมัยนี้เป็เช่นนี้ หากคุยเื่ธุรกิจกันเรียบร้อยแล้ว มีช่องทางการนำเข้าสินค้าที่ทำเป็ประจำอยู่แล้ว หากไม่มีเหตุผลอะไรพิเศษ คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
หลังจากทั้งสามคนกลับมาเจอหน้ากันแล้ว ต้าหลางเป็คนที่แสดงออกว่าเสียใจที่สุด เขาถอนหายใจไม่หยุด ถึงแม้ของหวานที่อร่อยที่สุดจะวางอยู่ตรงหน้าเขา เ้าเด็กนี่ก็ไม่มีความคิดที่จะแตะมันอีกแล้ว
“อย่ากังวลไป ข้าเชื่อว่าขนมไหว้พระจันทร์ที่ดีขนาดนี้ของพวกเราจะต้องมีช่องทางการขาย ข้าจะไปเดินด้านนอกต่อ วิธีการต้องค่อยๆ คิดไป จะต้องคิดออกอย่างแน่นอน ถึงพวกเขาจะมีลูกค้าประจำอยู่แล้ว อีกทั้งพวกเราก็มีเวลาขายอยู่แค่ไม่กี่วัน ไม่สามารถแย่งธุรกิจที่มีมายาวนานกับพวกร้านขนมหวานนั่นได้หรอก แต่ถึงอย่างไรสุดท้ายหากพวกเรายอมลำบากกันสักหน่อย หาเงินน้อยลงสักนิด ะโขายมันเองในเมืองนี่แหละ”
คำพูดนี้พูดออกมาอย่างสบายๆ แต่ในความเป็จริงนั้นการออกไปะโขายเอง ขนมไหว้พระจันทร์ระดับสูงของพวกเขา เกรงว่าการะโขายจะทำให้ขายไม่ได้ราคา
การเปิดตลาดเป็เื่ที่จำเป็มาก
ร้อนใจจนปากแทบจะมีไฟออกมา เฉินเนี้ยนหรานเองไม่มีความคิดที่จะดื่มน้ำ หยิบขนมไหว้พระจันทร์เดินออกไปด้านนอกอีกครั้ง
นางอยากจะคิดหาวิธีเปิดตลาดธุรกิจนี้ให้สำเร็จให้ได้
หากไม่ได้จริงๆ นางสามารถหาสถานที่แหล่งรวมขนมหวานของที่นี่ แล้วขายขนมไหว้พระจันทร์จำนวนมากของตนเองให้พวกเขา ให้ร้านขายขนมหวานพวกนั้นหาของที่เหมือนกันมาขายด้วยกันพร้อมราคาที่ถูกลงมา...
เพียงแต่วิธีนี้ เงินที่พวกเขาได้จะน้อยลงมามาก แต่นี่ก็ถือว่าเป็วิธีที่ได้ผลที่สุดและตรงที่สุดแล้ว
“พี่สาว พวกเราไม่สามารถใช้ของคนอื่นได้น่ะ เ้าไม่รู้เหรอว่าร้านขนมหวานที่เอาขนมมาให้พวกเราขาย ก็คือร้านขนมต้าตางเจีย ความน่าเชื่อถือของร้านพวกเขาคือที่หนึ่ง รสชาติเองก็ไม่เลว กว่าจะเอาสินค้าของพวกเขามาขายได้ พวกเราไม่สามารถเปลี่ยนมันได้ง่ายๆ หรอกนะ! ถึงแม้จะเป็ระยะสั้นๆ ก็ไม่ได้ ครั้งนี้ต้าตางเจียก็นำเสนอขนมไหว้พระจันทร์มาให้ พวกเราไม่สามารถใช้ของเ้าได้จริงๆ ถึงแม้รสชาติของเ้าจะพิเศษอย่างไร จะดีอย่างไร พวกเราก็ไม่สามารถสูญเสียสินค้าของต้าตางเจียที่เป็ร้านใหญ่ได้หรอกนะ....”
เดินออกมาจากร้านหยาเหวินไจ๋ นี่เป็ครั้งแรกเลยที่เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกเศร้าใจ ที่แท้ความรู้ของคนในยุคปัจจุบันเช่นนางก็ยังไม่สามารถจัดการได้ทุกเื่
ความสัมพันธ์ของธุรกิจในยุคโบราณ หากสร้างมันขึ้นมาแล้ว ก็เหมือนตะปูที่ตอกลงไปบนกำแพงอย่างมั่นคงไม่มีแตกหัก นางที่คิดอยากจะทำลายจนเกิดรอยร้าวจึงเจอกับความยากเช่นนี้
นางก้มหน้าเดินอยู่ตามท้องถนน ขนาดมีรถม้าขับผ่านนางไปก็ยังไม่รู้สึกตัว ในขณะที่นางจมลงไปในความคิดของตัวเอง แต่กลับตกอยู่ในสายตาของคนที่อยู่ในรถม้าคันนั้น
“เอ๋?”
“ทำไมนางมาที่นี่? คุณชาย! ท่านดูสิ!” กุนซือร้องเรียกโจวอ้าวเสวียนที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ พอถูกเรียกจึงเงยหน้ามองตามสายตาไป พอดีเห็นใบหน้าหน้านิ่วคิ้วขมวดของนาง
หนังสือในมือก็ร่วงแผละ
ท่าทีที่เดิมนิ่งสงบ ในวินาทีนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหว
ท่านอาจารย์...
กุนซือถอนหายใจออกมาเบาๆ คุณชายท่านนี้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะนิ่งสงบอย่างไร แต่เมื่อเจอกับเื่ความรักเข้า ก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้อยู่ดี
เพียงแต่ว่าโจวอ้าวเสวียนก็ไม่ทำให้กุนซือผิดหวัง หลังจากที่สติหลุดไปใน่สั้นๆ เขาก็ออกคำสั่ง “ไปตรวจสอบมาว่านางมาทำอะไร!”
ในคืนนั้นเฉินเนี้ยนหรานเดินอยู่ด้านนอกอยู่นาน รอจนนางกลับมาถึงโรงเตี๊ยมก็พบเข้ากับข่าวที่เกินความคาดหมาย
“อะไรนะ? ท่านบอกว่ามีร้านขนมหวานชื่อว่าจือเว้ยไจ๋สนใจขนมของพวกเราหรือ? เขาเป็ถึงร้านระดับต้นๆ ในอำเภอเลยนะ ได้ยินมาว่าร้านขนมร้านนี้เหมือนจะต้องติดต่อกับทางต้าตางเจียโดยตรง ส่วนรายละเอียดลงลึกข้าไม่แน่ชัด แต่วิเคราะห์จากข่าวที่ได้ยินมา เหมือนในอำเภอนี้ก็มีร้านขนมจือเว้ยไจ๋กับหมินจี้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เป็เช่นนี้ดียิ่งนัก ดีแล้วๆ จือเว้ยไจ๋ถูกพวกเราเชื่อมสัมพันธ์ได้แล้ว เ้า... เ้าจะต้องสู้นะ เอาธุรกิจนี้มาให้ได้ล่ะ”
“ไป ท่านลุง ต้าหลาง พวกเราไปที่จือเว้ยไจ๋กันตอนนี้เลย”
“ไป เจรจาธุรกิจกัน”
ทั้งสามคนที่เดิมทีกำลังเสียใจอยู่นั้น ตอนนี้กลับมีกำลังใจเต็มเปี่ยมมุ่งหน้าไปร้านขนมหวานที่ใหญ่ที่สุดในอำเภออย่างร้านจือเว้ยไจ๋ทันที
วันนี้เฉินเนี้ยนหรานมาเยี่ยมเยียนร้านนี้มาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ที่น่าเสียดายก็คือแค่นางพบแค่เสี่ยวเอ้อร์ ส่วนเ้าของร้านคนนั้นกลับไม่เคยพบมาก่อน
ตอนนั้นคำพูดอ้อมค้อมของเสี่ยวเอ้อร์ก็คือ พวกเขาได้มีแหล่งสินค้าประจำอยู่แล้ว
และก็เป็เขาที่เป็คนเปิดเผยผู้ที่คอยดันหลังของพวกเขาอยู่ว่าคือต้าตางเจีย เพราะเหตุนี้ เฉินเนี้ยนหรานก็เลยไม่ได้พิจารณาอยู่ที่นี่นานนัก และไม่ได้สนใจร้านนี้มากเท่าที่ควร
ได้กลับเข้ามาอีกในวันนี้ ถึงได้พบว่าสาเหตุที่ร้านจือเว้ยไจ๋ถูกเรียกว่าเป็ร้านขนมที่ใหญ่ที่สุด ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
แค่หน้าร้านก็มีประตูสองบานแล้ว
ขนมที่อยู่ด้านในร้าน มีทั้งราคาแพงจนถึงราคาถูกลงมาหน่อย วางอยู่มากมายละลานตา
ขนมกุ้ยฮวา ขนมพุทรา เตี๋ยนเตี๋ยวถาง ทั้งแข็งหรือนุ่มแบบชาววัง…
เมล็ดแตงโม ถั่ว เมล็ดซิ่งเหริน…
จากของแห้งไปจนถึงของหวาน ภายในร้านนี้ ขอแค่อยากกินล้วนสามารถหาซื้อได้ แค่เสี่ยวเอ้อร์ก็มีเกือบสิบคนแล้ว
จะต้องรู้ว่าในเมืองหลวง ร้านขนมหวานที่สามารถจ้างเสี่ยวเอ้อร์มาเรียกลูกค้าสิบกว่าคนมีอยู่แค่ไม่กี่ร้าน แล้วในอำเภอนี้กลับมีเพียงแค่ร้านเดียว
จากการยิ้มต้อนรับของเสี่ยวเอ้อร์ กริยาอ่อนหวานจนมองออกว่าการดูแลร้านขนมนี้ถือว่าไม่เลวเลย อย่างเื่ความสะอาดแล้วก็การบริการ ใส่ใจถึงมาตรฐาน
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็ยุคโบราณหรือว่ายุคปัจจุบัน หัวสมองของผู้ที่ทำการค้าก็ต่างชาญฉลาด ร้านพวกนี้จึงไม่มีทางเหมือนกับที่ในนิยายรักส่วนมากบรรยายเอาไว้ เนื้อหาเกี่ยวกับนางเอกที่ข้ามมิติมา ถึงจะสามารถชี้แนะพวกเขาว่าจะทำธุรกิจให้สำเร็จได้อย่างไร
ความจริงแล้วพวกเขาก็ทำธุรกิจกันเป็และก็ทำมันได้ดีมาก เพียงแต่มีของบางอย่างที่ต้องค่อยๆ สะสมเพิ่มพูนมันขึ้นมา คนในยุคโบราณนั้นยังคงคลำหาทางอยู่…ดังนั้นในบางเื่ของพวกเขาก็ยังสามารถต่อกรกับสายตาอันยาวไกลของสตรีที่ข้ามมิติมาได้
หากต้องยืนอยู่ในจุดเริ่มต้นเดียวกันจริงๆ เกรงว่าเมื่อเทียบสตรีที่ข้ามมิติมาจำนวนมากกับคนยุคโบราณ พวกนางไม่แน่ว่าจะยอดเยี่ยมกว่าคนยุคโบราณด้วยซ้ำ
***
“เชิญพวกท่านขึ้นไป้าได้เลยขอรับ เ้าของร้านของพวกเรากำลังชงชารอพวกท่านอยู่”
“หา ชงชา!” เฉินเนี้ยนหรานในิดหน่อย รู้สึกว่าการปฏิบัตินี้ดูไม่ค่อยจะเหมือนที่อื่นสักเท่าไร แต่ว่าบางทีนี่อาจจะเป็กฎของร้านใหญ่ๆ ก็ได้ ใช้มารยาทมาดูแลคน พอมีความคิดนี้ขึ้นมา เฉินเนี้ยนหรานก็ไม่ได้คิดลงไปลึกอีก
คนรับใช้คนหนึ่งเป็คนนำทางทั้งสามคนไปยังห้องรับแขกที่อยู่ชั้นบน ร้านค้านี้ ถึงแม้จะอยู่ข้างถนน แต่กลับเป็ตึกสองชั้น
เดินอยู่บนบันไดโบราณสวยงาม เฉินเนี้ยนหรานก็ถอนหายใจ ที่นี่มีค่าน่ามองมากกว่าร้านค้าพาณิชย์โบราณที่ให้เข้าเที่ยวชมในยุคปัจจุบันเสียอีก
ที่นี่เป็หนึ่งเรือน หนึ่งไม้ หนึ่งอิฐ หนึ่งต้นไม้ประดับ ดูน้อยแต่รูปแบบการตกแต่งจัดวางนั้นเยี่ยมยอดมาก
“พวกท่าน เ้าของร้านของพวกเราอยู่ด้านในนี้เ้าค่ะ”
หลังจากที่สาวใช้คนนั้นพาพวกนางมาถึงบานประตูสีแดงเข้ม ก็โค้งตัวแล้วผายมือเป็การเชื้อเชิญให้เข้าไป
โดยมีเฉินจื่อิเป็คนเดินนำ เฉินเนี้ยนหรานตาม ต้าหลางเดินเข้าไปในห้องเป็คนสุดท้าย
หลังจากที่เฉินจื่อิเข้าร้านมาก็ร้อง “อ๊ะ!”
เฉินเนี้ยนหรานที่ตามหลังเขามาติดๆ ก็ร้อนใจ “ท่านลุงเป็อะไรหรือ?”
ตอนที่สายตากวาดมองไปยังบุรุษหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง นางก็อ้าปากค้างไม่ได้พูดอะไรออกมา
ตะลึง... ตะลึงแล้วจริงๆ จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากแยกจากโจวอ้าวเสวียนไป ก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งด้วยวิธีที่น่าขันเช่นนี้
สายตาของคนคนนั้นมองตรงมา ราวกับมีไฟถูกจุดขึ้นมา เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกเพียงแค่ใบหน้าร้อนจนน่าลนลาน
ต้าหลางที่อยู่ด้านหลัง พอเห็นทั้งสองคนด้านหน้าที่หลังจากเข้ามาก็ไม่เอ่ยปากพูดอะไรสักอย่าง ประตูก็แคบขนาดนี้ ไม่สามารถมองเห็นด้านหน้าได้ เขาที่ร้อนใจอยากจะรู้ว่ามันเกิดเื่อะไรขึ้น จึงร้องแล้วผลักเฉินเนี้ยนหรานหลบไป “แม่หนูหราน เกิดอะไรขึ้นหรือ? ทำไมพวกเ้าถึงได้มาขวางอยู่ที่ประตูไม่ยอมเข้าไปล่ะ?!”
เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกเพียงแค่ว่า มือของตนที่ถูกต้าหลางจูงเอาไว้นั้นราวถูกคนดึงมาทำร้ายอย่างไรอย่างนั้น
ดวงตาทั้งสองข้างของฝ่ายตรงข้ามน่าใมาก
ขนาดต้าหลางที่ไม่ค่อยทันคน ในตอนนี้ก็พบถึงความผิดปกติภายในห้อง เขาเดินหน้าไปหนึ่งก้าว เพียงครู่เดียวก็มายืนขวางหน้าเฉินเนี้ยนหราน เงยหน้าขึ้นสบตากับโจวอ้าวเสวียน
สองบุรุษแลกสายตากันไปมา
ต้าหลางรู้สึกเพียงว่าตนดูราวกับคนร่างเปลือยเปล่าเมื่อมาเผชิญหน้ากับบุรุษตรงหน้า ความลับทั้งหมดต่างถูกเปิดเปลือยออกมาต่อหน้าบุรุษคนนี้
อวัยวะทั้งร่างกายต่างอยู่ในสภาวะพร้อมสู้ แต่ด้วยความเป็บุรุษสกุลเฉิน เขาจะต้องยืนอกให้ตรง “เ้า... เ้าก็คือเ้าของร้านใช่หรือไม่!”
ทันทีที่ถามออกไปก็ให้ทุกคนในห้องได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึง เฉินเนี้ยนหรานกวาดตามองเฉินจื่อิที่เสียกริยาไปครู่หนึ่ง ในแววมีความสงสัยอยู่มากมาย ทำไมท่านลุงถึงได้รู้จักกับโจวอ้าวเสวียนเล่า!
“เขาเป็ใคร?” โจวอ้าวเสวียนไม่ได้ตอบคำถามต้าหลาง แต่กลับใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความโกรธมองมาทางเฉินเนี้ยนหราน