“ต้าหลาง” เฉินเนี้ยนหรานรีบตอบ
เฉินจื่อิที่อยู่ด้านข้างก็รีบพูดเสริมเช่นกัน “ลูกชายคนโตของข้าเอง”
โจวอ้าวเสวียนเม้มปาก ผายมือเชิญให้พวกเขามานั่ง
จนกระทั่งนั่งลง เฉินเนี้ยนหรานถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศเย็นเยียบเมื่อครู่เหมือนจะลดลงมากแล้ว
กลับเป็ต้าหลางที่ใช้สายตาสงสัยมองมาทางพวกนางแทน ชัดเจนมากว่าเขาไม่เข้าใจอะไรเลย
“เอาของมาให้ข้าชิม หากอร่อย... ถึงจะมีโอกาสให้เ้าของร้านเอามันไปวางขาย หากไม่อร่อย ข้าก็ขอบอกตรงนี้เลยว่า สินค้าไม่สามารถเอาไปวางขายได้” โจวอ้าวเสวียนพูดตัดเข้าเื่จะดูสินค้า เพียงแต่ั์ตาที่ดูเหมือนจะเ็าได้กวาดตามองไปที่ตัวของเฉินเนี้ยนหราน....
น่าเสียดายที่ปกติเฉินเนี้ยนหรานจะเป็คนที่พูดเก่ง แต่ยามนี้เมื่อถูกสายตาที่เ็าราวกับน้ำแข็งกวาดมองเช่นนี้ นางกลับรู้สึกไม่เป็ตัวของตัวเอง
ขนาดเฉินจื่อิที่เป็ชายวัยกลางคนแข็งแกร่งมากประสบการณ์ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับโจวอ้าวเสวียนที่อายุไม่กี่สิบปี ก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน
เฉินเนี้ยนหรานเห็นทั้งสองคนต่างเสียกิริยากันไปหมดแล้ว จึงรีบหยิบขนมไหว้พระจันทร์ออกมาจากตะกร้าสาน
โจวอ้าวเสวียนยกมือขึ้นมารับขนมไหว้พระจันทร์ไป
มือข้างที่ยื่นออกมา ถูกดวงตาทั้งสามคู่เบิกกว้างจ้องมอง
มือนี้สวยมากจริงๆ ทั้งยังเรียวยาว จนถึงขั้นมองเห็นข้อต่อได้อย่างชัดเจน หากนำมือนี้ไปวางข้างรูปแกะสลักจากแร่สุ่ยจิง [1] คงจะดูเหมือนกันจนแยกไม่ออก
ต้าหลางมองมือนี้ก็รู้สึกน้อยใจตัวเองมาก มองมาที่ข้อนิ้วใหญ่ของตน ถึงแม้จะไม่ใช่เพราะทำงานหนัก แต่ก็ทำงานที่ต้องยกของหนักมานาน
แถมผิวก็ยังไม่เรียบลื่นเหมือนเขา เป็บุรุษเหมือนกัน แต่มือกลับต่างกันลิบลับ
เฉินเนี้ยนหรานมองมือนุ่มนิ่มไร้รอยกระดูกนั้น กลับเผลอนึกย้อนไปถึงภาพตอนที่ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ตอนนั้นเขามักจะชอบใช้มือลูบตัวนางและหรี่ตามองนางอย่างพิจารณา....
“เอ๋ ทำจากไข่แดงหรือ?”
เพียงกัดไปแค่คำเดียว โจวอ้าวเสวียนก็กวาดตามองทั้งสองคนอย่างประหลาดใจ
เฉินเนี้ยนหรานรีบเก็บสติกลับมา ใช้ท่าทางจริงจังในการเจรจาธุรกิจ ก่อนจะหยิบตะกร้าอีกใบออกมา “เ้าค่ะ ตะกร้านั้นเป็รสไข่แดง ส่วนตะกร้านี้เป็รสผลไม้ ในมือของต้าหลางเป็รสเนื้อวัว ขนมไหว้พระจันทร์ระดับสูงเช่นนี้ พวกเราได้ทำมาทั้งหมดแปดรสชาติ ไข่แดง มะนาว หมูหยอง เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อหมู รวมรสชาติผลไม้เหล่านี้ด้วยเ้าค่ะ”
โจวอ้าวเสวียนไม่ได้ตอบกลับมาในตอนแรก แต่กลับค่อยๆ หยิบอีกสองรสขึ้นมาชิม สุดท้ายก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือเบาๆ แล้วโยนผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดทิ้งไปด้านข้าง
เฉินเนี้ยนหรานเกร็งตัวขึ้นอีกครั้ง มารดาเอ๊ย บุรุษผู้นี้....จะสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว ตอนที่อยู่ในเรือนก็ใช้ผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือเพียงครั้งเดียวก็ทิ้ง ผ้าพวกนี้ ผืนหนึ่งราคาเท่าไรกัน?
ทั้งยังเป็ผ้าเช็ดหน้าแบบปักทั้งหมดเสียด้วย... ผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืนตั้งห้าร้อยอีแปะเชียวนะ จากที่รู้มาตอนอยู่ในจวน บุรุษผู้นี้วันหนึ่งใช้ผ้าเช็ดหน้าเปลืองที่สุด มากสุด ในหนึ่งวันใช้ไปไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยผืน
ตอนที่ใช้น้อยที่สุดก็ดูเหมือนว่าจะใช้ไปเกือบยี่สิบผืนไปแล้ว
หนึ่งผืนห้าร้อยอีแปะ สิบผืนห้าพันอีแปะ หนึ่งวันก็เปลืองเงินไปถึง... ห้าหมื่นอีแปะนี่มันกี่ตำลึงกัน? พระเ้า ถ้าไม่นับคงไม่รู้เลยทีเดียว แต่หากนับขึ้นมาก็น่าใมากเช่นกัน
ตอนที่เปลืองที่สุดก็ตั้งห้าสิบตำลึง ตอนที่น้อยที่สุดก็เปลืองไปสิบสองตำลึง คนคนนี้จะต้องมีเงินเท่าไร ถึงได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยได้ขนาดนี้!
“รสชาติดี!” ทุกคนต่างมองโจวอ้าวเสวียนกินจนหมดอย่างตาปริบๆ เงียบอยู่นาน ชายหนุ่มคนนี้ถึงได้ค่อยๆ พูดคำว่า ‘รสชาติดี!’ ออกมา
เฉินจื่อิตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เขาแย้มยิ้มออกมา “เช่นนั้น คุณชายห้าสกุลโจว สินค้าของพวกเราก็สามารถขึ้นชั้นขายได้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ?”
โจวอ้าวเสวียนเลิกคิ้ว มองพวกนางด้วยความไม่เร่งร้อนใจ “ข้าไม่ใช่เ้าของที่นี่ เ้าของร้านน่ะ เป็คนอื่น”
คิ้วเรียวของเฉินเนี้ยนหรานเลิกขึ้น เตรียมอาละวาดเสียตรงนั้น มารดาเอ๊ย เ้าไม่ใช่เ้าของร้าน แล้วเ้าจะเก๊กท่าทำไมเสียนาน?
กลับเป็เฉินจื่อิที่รู้ตัวไวกว่า เขาดึงแขนเสื้อของนางเอาไว้ เป็การบอกให้นางไม่ต้องร้อนใจ
ระหว่างที่กำลังกระวนกระวาย ก็เหมือนเห็นริมฝีปากของจิ้งจอกหน้านิ่งฝั่งตรงข้ามแย้มยิ้มออกมา
ตอนที่เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกได้ถึงอะไรแปลกๆ สุนัขจิ้งจอกที่อยู่ตรงข้ามก็เอ่ยปากออกมาอีกครั้ง “แต่ว่านะ คำพูดของข้า อาจจะมีประโยชน์มากกว่าเ้าของร้านเสียอีก”
มารดามันเถอะ! เฉินเนี้ยนหรานอยากจะกลอกตาใส่เขาจริงๆ รู้สึกว่าการพูดยืดเยื้อก็เพื่อทำให้พวกนางกลายเป็ลิงให้เขาแหย่เล่น
เพียงแต่ครั้งนี้มาขอร้องให้เขาเอาสินค้าขึ้นแผง เห็นแก่ตำลึงที่จะได้ นางจะต้องทน!
“หากคุณชายห้าสกุลโจวสามารถช่วยพูดได้ เช่นนั้นท่านว่าสินค้านี้เป็เช่นไรเ้าคะ?” เฉินเนี้ยนหรานหงุดหงิดแล้วจริงๆ ไม่อยากเสียเวลากับคนคนนี้อีกแล้ว ในตอนนี้นางคิดเพียงแค่อยากจะรีบเจรจาธุรกิจให้เสร็จ แล้วกลับไปนอนพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้รีบกลับเรือนไปทำขนมไหว้พระจันทร์เพื่อหาเงินต่อ
แต่โจวอ้าวเสวียนกลับไม่เร่งรีบ ดื่มน้ำชาต่อด้วยทีท่าไม่เร่งร้อนใจ ในตอนที่ทุกคนคิดว่าครั้งนี้กำลังจะเริ่มเจรจาแล้วสินะ เ้าหมอนี่กลับเอ่ยปากออกมาว่า “ไอ๊หยา ข้ายุ่งมาทั้งวันแล้ว ยังไม่ได้กินข้าวเลย ไม่ได้การ ท้องข้าหิวจนทำธุรกิจต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถิด”
เฉินเนี้ยนหรานฉุนกึก ข้าขอสาปแช่งบรรพบุรุษเ้า เ้ากินขนมไหว้พระจันทร์ไปตั้งมากมาย ยังกล้าบอกว่าหิวอีก ไม่รู้หรือว่าวันนี้พวกเรากินกันไปแค่นิดเดียว ถึงจะเป็ขนมไหว้พระจันทร์ของตัวเอง ข้าก็ยังไม่กล้าเอาออกมากินเลย
หงุดหงิดไปก็เท่านั้น เป็คนที่มาขอความช่วยเหลือ อำนาจในมือก็เท่ากับหดเล็กลงอีกสามส่วน
ดังนั้นถึงแม้ทั้งสามคนจะไม่ยินดี แต่ก็ต้องตามไปกินด้วยอย่างช่วยไม่ได้
เฉินเนี้ยนหรานเพียงบ่นออกมา มาเจรจาธุรกิจครั้งนี้ก็เท่ากับมาเลี้ยงข้าวผู้อื่น เขาคิดว่าเป็ตัวเองใครกันน่ะ! ธุรกิจนางก็ยังทำไม่สำเร็จ ยังต้องมาเลี้ยงข้าวคุณชายอีก
“วางใจเถิด จะอย่างไรความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ตื้นเขิน ข้าวมือนี้ข้าเลี้ยงเอง” ราวกับรู้ความคิดในใจของเฉินเนี้ยนหราน โจวอ้าวเสวียนถึงได้เอ่ยปากออกมาขึ้นมา ณ ตอนนั้น
เฉินจื่อิถอนหายใจ ความจริงในใจของเขาก็ร้อนรน ได้ยินมาว่าคุณชายลูกหลานสกุลคนมีเงินกินข้าวมือหนึ่ง ไม่ถึงหนึ่งพันตำลึงคงกินข้าวไม่ลง พวกเราออกมาก็พกเงินมาเพียงค่าดำรงชีวิตเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ตัวอย่างขนมไหว้พระจันทร์แค่นั้น
หากต้องมาเลี้ยงข้าว เื่เช่นนี้พวกเขาทำไม่ได้จริงๆ
ตอนนี้ถือว่าตกลงกันเรียบร้อยแล้ว โจวอ้าวเสวียนเอ่ยออกมาแล้วว่าเขาจะเลี้ยงเอง เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็ต้องกังกลเื่ค่าใช้จ่ายแล้ว เพียงแต่ว่าบนใบหน้าก็ยังคงมีความกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง อย่างไรพวกเขาก็เป็คนมาขอทำธุรกิจกับอีกฝ่ายเอง แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนมาเป็คนที่ถูกขอร้องกลับมาเลี้ยงพวกเขาแทน
กลับเป็เฉินเนี้ยนหรานที่พอได้ยินก็ยิ้มตาหยี เชิดคางขึ้น ส่งยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ไปทางโจวอ้าวเสวียน “ได้เ้าค่ะ ขอบคุณคุณชายห้าที่กรุณานะเ้าคะ คุณชายห้าช่างเป็คนที่ใจกว้างราวกับแม่น้ำ ไม่ต้องพูดถึงเื่กินข้าวธรรมดา หาก้ากินเนื้อั ในสายตาของคุณชายก็ยังไม่เรียกว่าเป็ปัญหาใหญ่ วันนี้ช่างมีวาสนานักที่พวกเราได้มาพบเจอกับคุณชาย จึงได้โอกาสลิ้มลองว่าอาหารเลิศรสนั้นเป็เช่นใด”
ต้าหลางฟังนางพูดชมเช่นนี้ ก็ถึงกับตกตะลึงอยู่ตรงนั้น น้องสาวคนนี้พูดออกมาได้อย่างภาคภูมิใจและหน้าไม่อายอยู่นิดหน่อย แค่ก... จริงๆ เลย....นิสัยดีเสียจริง ญาติผู้น้องของเขาคนนี้เป็คนที่เก่งกาจอย่างแท้จริง
เพียงแต่ เขาอับอายมากรู้หรือไม่ รู้สึกเหมือนไปประจบเกาะเขากินอย่างไรก็ไม่ทราบได้!
โจวอ้าวเสวียนเหมือนเข้าใจนิสัยนี้ของเฉินเนี้ยนหรานดีอยู่แล้ว จึงทำเพียงแค่ปรายตามามองที่นางนิ่ง เขายกมือขึ้นโบกมานิดหน่อย แล้วเดินนำออกไปข้างนอกกับเฉินจื่อิ
สถานที่ที่มาถึงเป็ร้านอาหารสามชั้นที่อยู่ใกล้กับริมแม่น้ำ
ที่ชั้นหนึ่งยังมีการเล่นดนตรี เล่าเื่ราวสนุกสนาน ตรงกลางสุดวางโอ่งที่มีปลาแหวกว่ายอยู่ในนั้น ลูกค้าเข้ามาที่ร้าน มีคนที่ชอบกินปลา จึงสะดวกต่อการสั่งให้คนนำไปฆ่า
สถานที่เช่นนี้กลับทำให้เฉินเนี้ยนหรานคิดถึงโรงแรมหรูในยุคปัจจุบัน เพียงแต่ว่าโรงแรมในยุคปัจจุบัน จะใช้ตู้กระจกขนาดใหญ่ใส่ปลาลงไป แต่ที่นี่ใช้ถังไม้ขนาดใหญ่ ถึงแม้ถังจะทำมาจากไม้ แต่ทำแบบนี้ก็ถือว่าสะดวกดีอยู่
พอเฉินจื่อิกับบุตรชายเข้ามาในร้านนี้ ก็รู้สึกเหมือนดวงตาแค่สองข้างจะใช้ไม่พอ
แค่เสี่ยวเอ้อร์ที่ออกมาต้อนรับภายในร้าน ก็ทำให้พวกเขาสองคนมองจนตาลาย บวกกับเดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอกับต้นไม้ประดับวางสง่าอยู่ต้นหนึ่ง แถมการแสดงบนเวทีนั่นอีก...
“ท่านพ่อ ที่นี่ก็เรียกว่าร้านอาหารหรือ? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเหมือนเป็สถานที่เอาไว้ผ่อนคลาย สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ทำให้คนรู้สึกว่าจะพูดคำหยาบคายก็คงจะไม่งาม” ต้าหลางเข้าไปกระซิบกับเฉินจื่อิ
“ใช่ คนมีเงินก็มักทำอะไรที่มันหรูหราสวยงาม” เฉินจื่อิรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ไม่เป็ธรรมชาติ จำเป็ต้องผายอกยืดตัวให้ตรง กลัวว่าคนอื่นเห็นแล้วความมั่นใจจะยุบลงไป
เพราะกลัวทำเื่น่าขายหน้าออกไป ดังนั้นเขายังจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเองเป็พิเศษอีกด้วย
“ที่นี่จะเป็อย่างไรก็ช่างมันเถิด ทำตัวตามสบายก็พอ ขอแค่กับข้าวอร่อยก็พอแล้ว! ปลากระพงของที่นี่ไม่เลวเลย ได้ยินมาว่าวันนี้เพิ่งจะมีของสดใหม่เข้ามา พอดีเลยจะได้ให้ท่านลุงได้ลองชิม” คำพูดพวกนี้เป็โจวอ้าวเสวียนพูดกับเฉินจื่อิ
ถึงแม้เ้าหมอนี่จะชอบเย้าแหย่เฉินเนี้ยนหราน แต่ตอนที่ปฏิบัติต่อเฉินจื่อิท่าทีก็เรียบร้อยให้เกียรติผู้ที่าุโกว่า โดยที่ไม่ได้คิดว่าตนเองเป็คุณชาย แต่เป็ผู้น้อยคนหนึ่ง
“ใช่ ใช่ คุณชายห้าพูดถูก” เฉินจื่อิรีบรับคำ เพราะท่าทีอ่อนโยนของโจวอ้าวเสวียน เขาจึงไม่รู้สึกไม่เป็ธรรมชาติอีก
“ต้าหลาง หากท่านชอบฟังดนตรี อีกเดี๋ยวรอรับฟังได้ แล้วสตรีผู้นี้ไม่ทราบว่าชอบดูการแสดงหรือว่ามีอะไรที่โปรดปรานอยู่หรือไม่ สามารถบอกได้ ที่นี่สามารถสั่งดนตรีหรือพวกการแสดงเต้นรำได้”
โจวอ้าวเสวียนมองเฉินเนี้ยนหรานแล้วสอบถามด้วยรอยยิ้มสว่างไสว คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าสองคนนี้เพิ่งเคยพบหน้ากันครั้งแรกแน่นอน
“ข้า....” เดิมทีเฉินเนี้ยนหรานคิดจะพูดว่าข้าอย่างไรก็ได้ แต่พอย้อนกลับมาคิด คุณชายพูดเองไม่ใช่หรือว่าสามารถสั่งได้ตามใจชอบ ได้สิ ข้าจะสั่งมั่วๆ มาให้หมดเลย “เช่นนั้นเอาเพลงที่ร้อนแรงสักหน่อย”
“ร้อนแรง!” ต้าหลางได้ยินก็เกร็งตัวขึ้นอีกครั้ง ์ทรงโปรด สถานที่กินข้าวเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เป็สถานที่ที่งดงามมาก แต่ญาติสาวผู้น้องคนนี้กลับสั่งเพลงที่ร้อนแรง!
“จะดีที่สุด ต้องมีการเต้นรำที่แสดงความเร่าร้อนประกอบด้วย คนงามเหล่านี้น่ะงดงามเกินไป มันไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเลย ใช่แล้วล่ะ ยิ่งร้อนแรงเท่าไร ข้ายิ่งชอบ ไม่ทราบว่า....คุณชายห้าพอจะมีรายการเช่นนี้ไหมเ้าคะ? เฮ้อ หากไม่มีเช่นนั้นก็ช่างเถิดเ้าค่ะ”
เฉินจื่อิรู้สึกขออภัยเป็อย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าหลานสาวที่ปกติจะเป็คนที่จัดการปัญหาได้ดี ทำไมตอนนี้พอมาเจอกับคุณชายห้า นิสัยของนางถึงได้เป็เด็กเช่นนี้! แถมท่าทีที่แสดงออกมาก็เป็แบบเด็กสาวที่กำลังมีความรักอย่างไม่ต้องสงสัย เอ๋ ท่าทีแบบเด็กสาวมีความรัก?
คิดถึงตรงนี้ อย่างไรเฉินจื่อิก็เป็คนที่เคยมีประสบการณ์มาแล้ว
เขาในตอนนี้มีแต่ความหวาดกลัวขึ้นมาว่าหลังจากที่ออกมาจากจวนสกุลโจวแล้ว ในใจหลานสาวคนนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีบุรุษตรงหน้าอยู่เลยจริงๆ
-------------------
เชิงอรรถ
[1] แร่สุ่ยจิง หมายถึงแร่คริสตัล