โหวเย่เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่ตี้ก็ลุกขึ้นนั่งหลังตรงเผชิญหน้ากับสวี่ตี้ เขาหลับตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นี่เป็ความคิดที่กล้าหาญมาก แต่ว่าก็ทำให้คนอยากจะลงมือทำมากเช่นกัน โหวเย่เป็คนที่รักลูกของตนเอง ไม่ว่าจะเป็ลูกในครอบครัวของตน ลูกของน้องชายตนเองเขาก็รักมากเช่นกัน
ทุกเดือนทุกคนในจวนหย่งหนิงโหวจะได้รับเงินจากคลังไป เมื่อเทียบกับจวนอื่นจากทั้งเมืองหลวงแล้วถือว่าเป็จำนวนที่เยอะมาก ใช้ชีวิตร่วมกันสองคนสามีภรรยาบวกกับลูกๆ อีกไม่กี่คน มักจะมี่ที่หาเงินได้ไม่มาก ถึงแม้จะประหยัดแล้วประหยัดอีก แต่ก็จะต้องวางแผนในอนาคตเอาไว้ให้ลูกด้วย
พี่สะใภ้น้องสะใภ้ของจางจ้าวฉือมีชาติกำเนิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สินเดิมที่เอามาด้วยก็มีทั้งมากทั้งน้อย ปกติแล้วยังมีการไปมาหาสู่กับทางญาติของตนเองหรือระหว่างสหายสนิท
ชีวิตของคนครอบครัวใหญ่ส่วนมาก ความจริงแล้วการเงินก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น บางคนก็ครอบครัวตกต่ำจนถึงขั้นดูแลลูกบ้านไม่ได้ จนต้องหาครอบครัวที่ร่ำรวยมาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ทางการเงิน
สวี่ตี้เห็นโหวเย่มีความสนใจเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ตนเองเพียงแค่เสนอความคิดให้กับเขา ส่วนรายละเอียดว่าจะเอาไปทำจริงหรือไม่อย่างไรนั้นก็เป็เื่ของเขาแล้ว
หย่งหนิงโหวเย่ลืมตาเห็นสวี่ตี้กำลังดื่มชาอย่างมีความสุขก็เอ่ย “เ้านี่โยนเื่ยุ่งยากมาให้ข้า แต่ตัวเองกลับเทน้ำชาดื่มอย่างสบายใจ ปีนี้เ้าอายุสิบสี่แล้วใช่หรือไม่? จะเข้าร่วมการสอบเซียงซื่อจริงหรือ?”
สวี่ตี้ตอบ “ครั้งนี้เพียงแค่ไปััประสบการณ์สักหน่อยขอรับ จะสอบได้ไม่ได้ก็ล้วนแล้วแต่โชคชะตา หลายปีมานี้ข้าก็ไม่เคยลำบากตรากตรำอ่านหนังสือ เื่ที่ต้องทำทุกวันมีมาไม่พักเลยขอรับ”
หย่งหนิงโหวเย่เอ่ย “ข้าอยากจะให้เ้าอยู่เรียนอ่านตำราที่นี่สักสองปี เ้าก็ยังจะไปอยู่กับพ่อของเ้าที่เหอซีอีก”
สวี่ตี้ยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านปู่ ข้ารู้สึกว่าไปอยู่ที่เหอซีนั้นดีมาก สุดท้ายการสอบขุนนางก็เพื่อเป็ขุนนางไม่ใช่หรือขอรับ? ไปทำงานก็เพื่อทำงานไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้าได้ทำเื่พวกนี้ จากนั้นค่อยกลับไปอ่านหนังสือ ท่านว่าจิตใจของข้ายังเหมือนกับคนที่ไม่รู้ความอยู่อีกหรือขอรับ?”
หย่งหนิงโหวเย่ฟังคำพูดของสวี่ตี้แล้วก็พยักหน้า “ความคิดของเ้านั้นเป็อะไรที่แปลกใหม่มาก แต่ว่าการสอบขุนนางจนได้รับตำแหน่งนั้น ข้อสอบก็คือหนังสือที่เ้าอ่าน อ่านหนังสือไม่ถึงขั้นนั้นจะสามารถสอบติดได้อย่างไร?”
สวี่ตี้ยิ้มแล้วเอ่ย “ปกติแล้วข้าไม่ได้ทิ้งการเรียน ตำราก็ค่อยๆ อ่านสะสมมาเรื่อยๆ สิ่งที่เรียนได้ไม่สามารถปล่อยให้มันหยุดอยู่แค่ในตำรา ไม่สามารถเก็บเอาไว้ในสมองได้ จะต้องนำทฤษฎีกับปฏิบัติมารวมกัน ข้าเพียงแค่อยู่ในกระบวนการเก็บสั่งสมประสบการณ์แต่ยังไม่ถึงเส้นชัยเท่านั้น รอจนเก็บได้ครบแล้ว การสอบก็เหมือนกับน้ำที่มาถึงเส้นทางแล้วนั่นแหละขอรับ”
หย่งหนิงโหวเย่หัวเราะเหอะๆ เอ่ย “ั้แ่เด็กเ้าก็มีความคิดเป็ผู้ใหญ่ ในเมื่อเ้ารู้สึกว่าทำเช่นนี้ดีที่สุด เช่นนั้นเ้าก็ทำไปเถิด อ่อ ใช่แล้ว ต่อไปเงินของพวกเ้าทั้งสี่คน ข้าจะให้ป้าสะใภ้ของเ้านำออกมาแล้วให้คนส่งไปให้หรือตอนที่พวกเ้ากลับมาจวนก็มารับเงินไปก็ได้”
สวี่ตี้ยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านปู่ ท่านเองก็นะ ทั้งๆ ที่ในครอบครัวมีเงินขนาดนั้นแท้ๆ ก็ยังจะทำให้ท่านป้าสะใภ้ลำบากใจ ป้าสะใภ้ดูแลจวน วันๆ ก็เค้นสมองมาดูแลเื่การใช้เงินภายในจวน ข้าเห็นแล้วยังปวดหัวแทนนางเลยขอรับ”
หย่งหนิงโหวเย่หัวเราะแล้วกล่าว “เื่เงินไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้เ้าไม่เข้าใจหรือ? หลายปีมานี้พวกเราถึงได้ค่อยๆ ถ่อมตัวลงมา นี่หากคนอื่นรู้ว่าในจวนของพวกเรามีเงินมากขนาดนี้ เมืองหลวงมีคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าพวกเราอยู่นะ มันสามารถทำให้เราถูกพวกเขาฉีกกระชากทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เลยเชียว”
สวี่ตี้โบกมือ “ได้ ข้าเข้าใจแล้วขอรับ หากมีตรงไหนติดขัดท่านมีเงินไม่พอใช้แล้วก็บอกกับข้าได้ ก่อนจะไปข้าจะเขียนจดหมายทิ้งเอาไว้ ท่านให้คนเอาไปที่ร้านหมู่บ้านพริกหรือเบิกเงินที่ร้านหม้อไฟของสกุลเว่ยนั้นก็ได้ ทั้งสองที่ต่างมีหุ้นส่วนของข้าอยู่ขอรับ”
หย่งหนิงโหวเย่ฟังแล้วก็พูดด้วยความใ “คนต่างพูดกันว่าทั้งสองร้านนี้ของสกุลเว่ยนั้นหาเงินได้เยอะมาก คิดไม่ถึงว่าด้านในนั้นจะยังมีส่วนของเ้าอยู่ด้วย”
สวี่ตี้กล่าว “ท่านคือปู่ของข้า ข้าเองก็จะไม่ปิดบังท่าน ทั้งสองอย่างนี้เป็ข้าที่ทำออกมา ของในสองร้านนี้เหตุใดถึงได้อร่อยขนาดนั้นก็เป็เพราะว่ามีพริกอยู่ด้านใน แล้วพริกข้าก็ปลูกอยู่แค่ที่เหอซีเท่านั้น อีกทั้งเป็การปลูกแบบเป็ความลับ เพื่อที่สามารถเก็บเงินได้มากมาย แต่ว่าเื่หาเงินนั้นคนที่มีใจคิดร้ายแค่มองก็สามารถเข้าใจได้ แล้วก็ไม่ได้มีเพียงข้าที่มีพริก รอจนกระทั่งมีคนเข้าใจวิธีการปลูกพริกแล้ว ทั้งสองร้านนี้ก็ไม่สามารถหาเงินได้มากมายอย่างในตอนนี้แล้วขอรับ”
โหวเย่ถอนหายใจ “พวกเ้าอยู่ที่เหอซีก็สามารถหาสร้างเื่ราวได้จริงๆ ในจวนของพวกเรายังเคยได้รับรางวัลจากฮ่องเต้เพราะพวกเ้า คนอื่นคงจะไม่รู้แน่ชัด แต่ข้านั้นเข้าใจดีเลยล่ะ”
พืชพันธุ์พวกนั้นที่เว่ยหลางถวายให้กับฝ่าา ล้วนเป็ของที่สวี่เหรากับสวี่ตี้ขอให้เรือทะเลของสกุลจางเอากลับมาจากต่างแคว้น เื่นี้ถูกเหลียงเฉิงตี้เก็บเอาไว้เป็ความลับมาโดยตลอด ตอนนี้ข้าวโพดกับมันแกวได้ถูกผลักดันไปทั่วต้าเหลียง คนหลายที่ต่างปลูกสองอย่างนี้ พวกผักเองก็ถูกผลักดันให้ขยายออกไปในพื้นที่กว้าง
สกุลสวี่ที่เป็คนถือสิทธิ์นี้ สวี่เหรากับสวี่ตี้เองก็ไม่ได้ปกปิดหย่งหนิงโหวเย่ เพียงแต่ย้ำว่าเื่นี้จะต้องเก็บเอาไว้เป็ความลับ และเพราะเื่นี้ฮ่องเต้เองก็ได้เรียกหย่งหนิงโหวเย่เข้าวัง เขารู้ถึงความหนักเบาของเื่นี้ดี ถ้าหากให้องค์ชายเ่าั้รู้เข้าว่าสวี่เหรากับสวี่ตี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่ภายในนี้ คาดว่าสกุลสวี่จะไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขอีกต่อไป
สวี่ตี้กล่าว “ต่อไปจะไม่มีเื่เช่นนี้แล้ว ท่านปู่ ครอบครัวพวกเราเพราะว่าเื่นี้จึงมีองครักษ์เงาของฮ่องเต้คอยปกป้องอยู่ตลอด เพื่อป้องกันพวกคนที่หวังผลประโยชน์แล้วเอาเื่นี้ไปเป็ผลประโยชน์ของฝั่งตน ต่อไปท่านลงมือทำอะไรจะต้องระวัง แล้วก็คนในจวน จะต้องนัดแนะให้ดี พวกเราไม่ก่อเื่ แต่ก็ไม่สามารถถูกคนรังแกได้”
ตอนที่สวี่ตี้ออกมาจากห้องตำราของโหวเย่ เวลาก็ผ่านเลยยามโฉ่ว [1] มาแล้ว โหวเย่เห็นสวี่ตี้กลับไปแล้ว ก็นอนที่ห้องนอนในห้องตำรา แต่นอนอย่างไรก็นอนไม่หลับ เขากำลังครุ่นคิดถึงความคิดที่สวี่ตี้พูดมาเมื่อครู่ ถ้าหากทำได้จริงๆ จะทำให้ชีวิตของคนในจวนดีกว่าเดิมหรือไม่?
หย่งหนิงโหวเย่รู้สึกว่าเื่นี้จะต้องปรึกษากับฮูหยินผู้เฒ่าและนายท่านรองสักหน่อยถึงจะดี จนกระทั่งยามอิ๋น [2] โหวเย่ถึงได้ค่อยๆ ผล็อยหลับไป
เดือนเจ็ดอากาศก็ไม่ได้ร้อนมากแล้ว เพราะว่าเข้าฤดูใบไม้ร่วง ตอนเช้ากับตอนกลางคืนอากาศจะเย็นสบาย
คะแนนของสวี่ตี้ออกมาแล้ว เขาสอบผ่านถงเซิงระดับอำเภอแล้ว คะแนนไม่ได้อยู่แนวหน้ามากนัก แต่ถึงอย่างไรก็ได้รับสมญานามเป็ซิ่วไฉแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าดีใจมาก จับมือของสวี่ตี้พลางยิ้มแล้วกล่าว “สวี่ตี้ของพวกเราตอนนี้เป็ซิ่วไฉแล้ว”
สวี่ตี้เขินอายอยู่เล็กน้อย ก่อนที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะกล่าวต่อว่า “การสอบระดับเซียงซื่อเดือนแปดเ้าจะไปสอบหรือไม่?”
สวี่ตี้กล่าว “ข้าอยากจะลองดูก่อนขอรับ สอบติดก็ดี สอบไม่ติดก็มิได้เป็เื่ใหญ่อันใด อย่างไรการสอบระดับก้งเซิงที่กำลังจะมาถึงข้าก็ไม่ไปอยู่แล้ว ท่านพ่อบอกว่า อาศัยใน่ที่อายุยังน้อยตั้งใจเล่าเรียนสั่งสมประสบการณ์ให้ดี ต้องตั้งใจทำเื่พวกนี้ให้ดีถึงจะถูกขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้ารับ “ก่อนหน้านี้น้าเยวี่ยนของเ้าส่งจดหมายมา บอกว่าหากเ้ายินยอมก็ให้ไปที่เรือนของพวกเขา สถาบันศึกษาของสามีน้าเยวี่ยนดีมาก ไปทางนั้นมีอาจารย์สอน แล้วก็ยังมีสหายร่วมเรียนให้พูดคุยถกประเด็นกัน ดีกว่านั่งอ่านหนังสือในเรือนของตนเองผู้เดียวนะ”
สวี่ตี้จำท่านน้าที่ไม่ได้เจอมานานหลายปีคนนี้ได้ดีจากความทรงจำของร่างเดิม เพราะว่าแต่งงานออกไปที่ไกลๆ ตอนนั้นสวี่เยวี่ยนก็ถือว่าใช้ชีวิตได้ค่อนข้างดีเลย ดีกว่าคนที่อยู่ในเรือนพวกนี้เสียอีก
สวี่ตี้จำได้ว่าหลายปีต่อมาโหวเย่ก็จากไป หลังจากโหวเย่จากไปแล้ว ถึงแม้ซื่อจื่อจะสืบทอดกิจการของหย่งหนิงโหว แต่เพราะว่าไปยืนข้างขั้วอำนาจผิดฝั่ง หลังจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานก็ถูกกวาดล้างตระกูล โชคดีที่ตอนนั้นเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ลึกมาก เพียงแค่กิจการถูกยึด ทรัพย์สินไม่ได้ถูกยึด โชคดีที่มีสมบัติของจวนหย่งอี้โหวที่ฮูหยินผู้เฒ่าทิ้งเอาไว้ คนในจวนโหวถึงได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านสวนนอกเมือง หลังจากสวี่เยวี่ยนได้รับจดหมาย ก็พาสามีและลูกของตนเองกลับมา นางทิ้งเงินเอาไว้ให้ แล้วพาเด็กๆ ที่อายุค่อนข้างน้อยกลับไปด้วย บอกว่าเด็กอยู่กับนางทางนั้นจะได้เรียนหนังสือ
ท่านน้าคนนี้สวี่ตี้ชอบมาก ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าบอกแบบนี้ก็ยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านทวด รอข้าเตรียมตัวจะสอบระดับก้งเซิงเมื่อไหร่ค่อยไปเรียนหนังสือที่สถาบันศึกษาของท่านน้าเยวี่ยน ตอนนี้อายุข้ายังน้อย จะไปหาความรู้ด้านนอกเปิดโลกเสียหน่อยน่ะขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะแล้วพยักหน้า “เ้าสามารถคิดได้เช่นนี้ดีมากเลย ข้าเองก็คิดว่าตอนนี้อายุเ้ายังน้อย รีบไปสอบก้งเซิงมันยังเร็วเกินไป”
สวี่ตี้หัวเราะแล้วบอก “ประสบการณ์การสอบไม่ใช่ว่าจะมีได้ง่ายๆ นะขอรับท่านทวด ข้าจะไปลองสอบดู ดูว่าการสอบระดับก้งเซิงไม่เหมือนกับระดับถงเซิง ระดับเซียงซื่ออย่างไร ถึงแม้จะสอบไม่ได้ ในใจก็ยังรู้รูปแบบอยู่ แล้วก็กลับมาเตรียมตัวสอบอีกหลายปี สอบครั้งหน้าจะได้ง่ายขึ้นเยอะขอรับ”
ต่อไปสวี่ตี้ก็เริ่มที่จะเตรียมตัวสอบระดับเซียงซื่อ หลังจากหย่งหนิงโหวเย่จัดการกับความคิดของตนเองแล้วก็พานายท่านรองไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า สามคนแม่ลูกปิดประตูคุยกันทั้งวัน ส่วนคุยเื่อะไรนั้นคนอื่นๆ ไม่รู้แน่ชัด รอจนกระทั่งตอนที่สวี่ตี้ไปเข้าร่วมการสอบระดับเซียงซื่อ โหวเย่ก็เรียกเหล่าคุณชายในเรือน แล้วก็เหล่าภรรยา รวมถึงจางจ้าวฉือเองก็ถูกเรียกให้มาที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าด้วยเช่นกัน
ทุกคนต่างไม่รู้แน่ชัดว่าถูกเรียกมาทำไม สวี่ผูกับเฉินซื่อเพิ่งกลับมาจากทางใต้ก็ตามน้องสะใภ้ของตนเองมาอย่างงุนงง เหยาซื่อปกติแล้วจะคุยกับเฉินซื่อค่อนข้างมาก เหยาซื่อจึงลากเฉินซื่อมาถามเสียงเบา “พี่สะใภ้สอง ท่านรู้หรือไม่ว่าพวกเขาเรียกพวกเรามาทำไมหรือ?”
เฉินซื่อกล่าว “ข้าก็มิรู้เช่นกัน ข้ากับพี่รองของเ้าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่กี่วัน จะไปรู้ว่าจะต้องทำอะไรได้อย่างไร ข้าถามสาวใช้มาแล้ว แต่ไม่ได้ความอะไรเลย พูดแค่ว่าโหวเย่กับนายท่านรองอยู่กันทั้งหมด”
เหยาซื่อกล่าว “พี่สะใภ้สามยังไม่มาเลย ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้สามรู้หรือไม่”
เฉินซื่อกล่าว “น้องสะใภ้สามปกติแล้วได้รับความชอบจากฮูหยินผู้เฒ่า ไม่แน่ว่านางอาจจะรู้ก็เป็ได้”
จางจ้าวฉือมาถึงเป็คนสุดท้าย ตอนที่มาถึงก็เห็นเหยาซื่อกับเฉินซื่อยืนอยู่ด้านนอกประตูใหญ่ของฮูหยินผู้เฒ่า พอเห็นตนเองมาถึงทั้งสองคนก็เข้ามาดึงไปด้านข้าง เหยาซื่อถาม “พี่สะใภ้สาม เ้ารู้หรือไม่ว่าให้พวกเรามาที่นี่เื่อะไรหรือ?”
จางจ้าวฉือที่หลายวันมานี้ยุ่งอยู่กับการจัดตะกร้าสอบให้กับสวี่ตี้ ยังต้องยุ่งกับการจัดสัมภาระกลับเหอซี แล้วก็สวี่ไป่ที่อายุใกล้จะสองขวบแล้วที่ตอนนี้พูดได้มากขึ้น ทั้งวันจะมีคำถามมากมายมาถามนาง ทั้งยังไม่สามารถไม่ตอบคำถามของเขาได้อีกด้วย จางจ้าวฉือรู้สึกว่าหลายวันมานี้ตนเองใช้ชีวิตมาอย่างทรหดมาก
จางจ้าวฉือกล่าว “ข้าไม่รู้จริงๆ มาถึงหน้าประตูกันแล้วเข้าไปก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?”
เหยาซื่อหัวเราะแล้วกล่าว “พี่สะใภ้สาม เ้านี่จิตใจเปิดกว้างมากจริงๆ เ้าค่ะ”
จางจ้าวฉือจับมือทั้งสองคนพาลากเข้าไปด้านในเรือน “มาถึงด้านหน้านี้แล้ว จะเื่ดีหรือไม่เข้าไปก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?”
ทุกคนมาถึงห้องพักผ่อนของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างพร้อมหน้า หญิงชรากับโหวเย่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลัวฮั่น นายท่านรองนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้างติดกับเก้าอี้หลัวฮั่นที่ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่ ซื่อจื่อนั่งอยู่เก้าอี้ติดกับฝั่งโหวเย่ ทั้งสองข้างตั้งเก้าอี้เอาไว้หลายตัว จางจ้าวฉือดึงเฉินซื่อกับเหยาซื่อเข้ามา หลังจากเข้ามาแล้วก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ด้านหน้าเรียบร้อยแล้ว จึงไปหาที่นั่งด้านหลัง
หย่งหนิงโหวเย่เห็นทุกคนต่างนั่งกันเรียบร้อยแล้วก็ยิ้มแล้วกล่าว “มากันครบแล้วสินะ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะพูดเื่ที่ข้ากับฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็นายท่านรองปรึกษากันออกมาได้ ตรงนี้ต้องถามกับพวกเ้าสักหน่อย ว่าพวกเ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเื่นี้”
หย่งหนิงโหวเย่กล่าวต่อ “ในจวนของพวกเราจ่ายเงินส่วนแบ่งให้เป็เดือนมาตลอด ต่อไปเมื่อหลานๆ ของข้าแต่งงานออกไปกองกลางก็จะจ่ายเงินให้ แต่ว่าข้ารู้ พวกเ้าก็ต่างอยากจะให้ลูกๆ มีชีวิตที่ดีกว่านี้ ให้ของที่ดีกว่านี้กับลูกตอนแต่งงาน”
คำพูดนี้ราวกับเข้าอยู่ไปในใจของทุกคนจริงๆ พอได้ยินคำพูดของโหวเย่ก็อดที่จะพยักหน้าน้อยๆ มิได้
หย่งหนิงโหวเย่กล่าว “ที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้ากับฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็นายท่านรองต่างอยากจะให้พวกเ้าเอาร้านค้าและไร่สวนไปฝึกมือ เรียนรู้ว่าควรจะบริหารจัดการอย่างไร ต่อไปพวกเ้าพาลูกๆ ออกไปใช้ชีวิตของตนเองแล้ว จะได้ไม่นั่งว่างกินเงินเก็บจนหมด”
หย่งหนิงโหวเย่มองท่าทางตั้งใจฟังของทุกคน ก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้ากับฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็น้องรองได้ปรึกษากันแล้ว จะเอาร้านค้ากับไร่สวนให้พวกเ้าไปบริหาร เงินที่ได้ก็จ่ายให้จวนส่วนหนึ่ง ที่เหลือพวกเ้าก็เก็บเอาไว้ พวกเ้าคิดว่าอย่างไร?”
แน่นอนว่าเป็เื่ดี มีคนเดียวที่ไม่พอใจก็คือหนิงซื่อ ตอนนี้ร้านค้าไร่สวนในจวนเป็ของกองกลาง ทุกปีเงินที่หาได้ก็จะจ่ายให้กองกลาง เงินของกองกลางนอกจากทุกปีจะต้องเก็บเอาไว้แล้ว ยังต้องเก็บเอาไว้เป็สินเดิมสินสอดให้กับพวกเด็กๆ ในจวน ที่เหลือจะใช้อย่างไรก็ต้องดูที่คนดูแลเรือนเป็คนตัดสินใจ
เห็นสีหน้าของหนิงซื่อไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ฮูหยินผู้เฒ่าก็หัวเราะเหอะๆ “บิดาและลุงของพวกเ้าทำเพื่อพวกเ้านะ ข้าเองก็เห็นด้วยกับเื่นี้ เพียงแต่ไร่สวนร้านค้าในจวนนี้น่ะ ต่อไปตอนที่พวกเ้าแยกครอบครัวจะต้องแบ่งกัน ก็เลยเอาร้านค้าออกมาให้พวกเ้าบริหารไปเสียเลย ต่อไปไม่แน่ว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งอะไรเพราะร้านค้ากับไร่สวนพวกนี้ แต่จะต้องไม่ทำลายความสัมพันธ์พี่น้องของพวกเ้า ข้าจึงขอเป็หัวเื่ เอาไร่สวนร้านค้าที่อยู่ภายใต้ชื่อของข้าเอามาให้พวกเ้าฝึกมือไปก่อน”
ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าพูดเช่นนี้ ทุกคนก็ต่างประหลาดใจมาก
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ “พวกเ้าล้วนเป็หลานของข้า ข้าปฏิบัติกับพวกเ้าแน่นอนว่าเหมือนกันทุกคน ร้านค้าทั้งหมดห้าร้าน สวนห้าไร่ ผู้ดูแลสวนต่างมีอยู่พร้อม นี่คือความ้าของข้า คนพวกนี้ไม่สามารถทำอะไรได้ จากนั้นพวกเ้าตั้งใจเรียนรู้ว่าจะดูแลอย่างไร ผลกำไรทุกปีข้าก็จะเก็บเอาไว้สองส่วน พวกเ้าเอาไปแปดส่วน”
ทุกคนได้ยินแล้วก็มองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นแล้วก็หัวเราะออกมา “ของพวกนี้ของข้า จะช้าเร็วก็ต้องให้พวกเ้าไม่ใช่หรือ? พวกเ้าเองก็ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะลำเอียงไปทางใคร พวกเ้าห้าครอบครัว พวกเราก็จับฉลาก คว้าได้อันไหนก็เอาอันนั้น พวกเ้าคิดว่าอย่างไร?”
จางจ้าวฉือยืนขึ้นมา พลางยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านย่า ท่านพ่อ ลุงรองเ้าคะ ครอบครัวของพวกเราต่อไปยังไม่รู้ว่าจะอยู่เหอซีกี่วัน พวกเราไม่จับฉลากเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะก่อนจะกล่าว “ข้าก็รู้ว่าเ้าจะพูดเช่นนี้ เ้าวางใจได้ เ้าจับฉลากเอาไว้ก็พอ ข้าจะช่วยพวกเ้าดูแล หาเงินมาได้ ข้าก็จะเก็บให้พวกเ้า รอพวกเ้ากลับมาแล้วข้าก็จะเอาให้พวกเ้า”
ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าพูดถึงขนาดนี้แล้ว จางจ้าวฉือเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แม่นมเสิ่นจึงนำร้านค้าห้าร้าน ไร่สวนห้าสวนมาเขียนใส่กระดาษ แบ่งไปวางไว้ในโหลแก้วสีเขียวสองใบ จากนั้นก็เอาโหลแก้วสองใบนั้นไปวางไว้บนโต๊ะที่วางอยู่บนเก้าอี้หลัวฮั่นอีกที
หย่งหนิงโหวเย่ยิ้มแล้วกล่าว “พวกเ้าเองก็ไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็การเริ่มต้นั้แ่เื่ที่เล็กที่สุดก่อน ฉวีเอ๋อร์ เ้ากับภรรยาของเ้ามานี่มา เริ่มจากพวกเ้าแล้วกัน”
เชิงอรรถ
[1] ่ 01:00-02:59 น.
[2] ่ 03:00-04:59 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้