“เกือบไปแล้ว!”
อ่านข้อความที่ผู้เฒ่าจิ่วต้วนทิ้งในม้วนผ้าจบเสวียนเทียนก็ลอบคิดในใจ ถ้าเขาเป็พวกที่ชอบขโมยฉกฉวยไปดึงแหวนมาจากมือของผู้เฒ่าจิ่วต้วนตรงๆ วันนี้คงต้องฝังชีวิตไว้ใตู้เานี้แล้ว
เสวียนเทียนหยิบแหวนมิติในกล่องไม้ออกมาแหวนวงนี้ธรรมดามาก สีดำราบเรียบ เสวียนเทียนไม่เคยเห็นแหวนมิติมาก่อนย่อมไม่อาจคิดว่าแหวนธรรมดาไร้ประกายวงนี้จะเป็แหวนมิติ
ในแหวนมิติ ไม่เพียงแค่มี ‘ปราณเก้าหลอม’ วิชาปราณฝึกร่างกายที่ผู้เฒ่าจิ่วต้วนทิ้งไว้ยังมีของขวัญชิ้นใหญ่ที่ผู้เฒ่าจิ่วต้วนทิ้งไว้อีกด้วย
เสวียนเทียนแทบรอไม่ไหว ‘เปิด’ แหวนมิติออกมาดู
เสวียนเทียนยกแหวนในมือขึ้นมาพลิกไปพลิกมาดูอยู่หลายรอบ ก็ไม่เห็นว่ามิติที่อยู่ในแหวนมิติอยู่ตรงไหน
คิดอยู่ครู่หนึ่งเสวียนเทียนก็ลองส่งปราณในร่างเข้าไปในแหวนมิติ แต่แหวนมิติก็ไม่มีปฏิกิริยา
คราวนี้เสวียนเทียนเริ่มคิดหนักแล้วมีแหวนมิติในมือแต่ไม่รู้ว่าใช้อย่างไรก็เหมือนมีห้องสมบัติอยู่ตรงหน้าแต่เข้าไปไม่ได้
“ใช้ตามองไม่เห็นใช้ปราณััไม่ได้ ถ้าเช่นนั้น หรือจะใช้จิตัั?”
เสวียนเทียนคิดในใจ หลับตาลง ใช้ตามอง ตัดภาพรบกวนจากดวงตาไปรวบรวมสมาธิเข้าไปที่แหวนมิติ
หวืด!
ความรู้สึกประหลาดบางอย่างปรากฏขึ้นในสมองของเสวียนเทียน
ตอนนี้ ถึงแม้ว่าเสวียนเทียนกำลังหลับตาอยู่แต่ว่าเสวียนเทียนกลับ ‘เห็น’ มิตินี้อย่างชัดเจน
มิติแห่งนี้ กว้างยาวแต่ละด้านประมาณสิบเมตรใหญ่กว่าห้องศิลาของผู้เฒ่าจิ่วต้วนอยู่มากเสวียนเทียนตอนนี้กำลังมองลงมาจาก้าเพื่อสำรวจดู
ในแหวนมิติก็ว่างโล่งมากเหมือนกันข้าวของไม่มากเท่าใดนัก
มีวัตถุดิบหลอมศาสตราจำนวนหนึ่ง โลหะ ผลึกอสูรชิ้นส่วนของสัตว์อสูรต่างๆ วางอยู่ในชั้นไม้ทางด้านขวา
ผนังข้างซ้ายก็มีชั้นไม้หลังหนึ่งวางอาวุธและเครื่องป้องกันที่หลอมเสร็จแล้วจำนวนหนึ่งไว้มีอาวุธหลากหลายประเภทเช่น ดาบ กระบี่ หอกเป็ต้นด้านข้างมีกล่องไม้ขนาดใหญ่เท่าหัวคนกล่องหนึ่งวางอยู่
ทิศเบื้องหน้าสายตาของเสวียนเทียนมีโต๊ะเล็กตัวหนึ่งวางอยู่ชิดกำแพง้าวางคัมภีร์ไว้ห้าเล่ม เล่มหนึ่งในนั้นเป็วิชาปราณฝึกร่าง ‘ปราณเก้าหลอม’ ที่ผู้เฒ่าต้วนพูดถึง
คัมภีร์เล่มอื่นๆ ล้วนแต่ไม่ใช่คัมภีร์ยุทธ์แต่เป็คัมภีร์หลอมศาสตรา ทั้งหมดสี่เล่ม ได้แก่ ‘หลอมศาสตรา บทพื้นฐาน’ ‘หลอมศาสตรา บทชั้นทอง’ ‘หลอมศาสตรา บทชั้นนิล’‘หลอมศาสตรา บทชั้นปฐี’
กำแพงด้านสุดท้ายไม่มีชั้นไม้และไม่มีโต๊ะมีเพียงก้อนหินประหลาดสองก้อน ก้อนหนึ่งสีทอง ก้อนหนึ่งสีแดงคงเป็หินจับปฏิกิริยาธาตุในร่างที่ผู้เฒ่าจิ่วต้วนกล่าวถึง
เสวียนเทียนมาสำรวจวัตถุดิบหลอมศาสตราและศาสตราที่หลอมเสร็จแล้วก่อนรอบหนึ่งสำหรับช่างหลอมศาสตราชั้นปฐีแล้ว วัตถุดิบและอาวุธที่เหลือไว้ไม่ได้เป็ชั้นสูงเท่าไร
วัตถุดิบหลอมศาสตราส่วนใหญ่เป็วัตถุดิบธรรมดาหลอมได้เพียงอาวุธและเครื่องป้องกันชั้นทองมีเพียงวัตถุดิบจำนวนน้อยมากที่ถึงชั้นนิล แต่ก็เป็เพียงชั้นนิลระดับล่าง
ดูแล้ว ผู้เฒ่าจิ่วต้วนในฐานะช่างหลอมศาสตรารุ่งเรืองมาทั้งชีวิต บั้นปลายกลับน่ารันทดอย่างยิ่ง ไม่อย่างนั้นแล้วมิติในแหวนย่อมต้องไม่มีข้าวของเพียงเท่านี้ ในฐานะช่างหลอมศาสตราชั้นปฐีที่ตัวจะมีวัตถุดิบล้ำค่าสำหรับหลอมศาสตราชั้นนิล ย่อมเป็เื่ปกติธรรมดาที่สุด
ในบรรดาอาวุธที่หลอมสำเร็จแล้วเ่าั้ก็มีแต่อาวุธชั้นทองธรรมดาเป็จำนวนมากศาสตราวิเศษชั้นนิลมีเพียงสามชิ้น ล้วนแต่เป็ศาสตราวิเศษสายโจมตีชั้นนิลขั้นล่างชิ้นหนึ่งเป็ดาบ ชิ้นหนึ่งเป็หอก ชิ้นหนึ่งเป็กระบี่ในบรรดาศาสตราวิเศษที่เสวียนเทียนได้มา นับว่ากระบี่ขุนเขาหนักดีที่สุดเป็ศาสตราวิเศษชั้นนิลขั้นกลาง
หลังสำรวจวัตถุดิบและอาวุธเ่าั้หมดแล้วสายตาของเสวียนเทียนก็เลื่อนไปหยุดที่คัมภีร์ ‘ปราณเก้าหลอม’ เล่มนั้นเขาขยับเข้าไปหยิบคัมภีร์ ‘ปราณเก้าหลอม’ ขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
เสวียนเทียนเข้ามาในแหวนมิติ ใช้เพียงกระแสจิตเรียกง่ายๆ ก็คือความคิด แน่นอนว่าย่อมไม่มีร่างเนื้อ แต่พอในใจเขาคิดอยากหยิบคัมภีร์ ‘ปราณเก้าหลอม’ ความคิดบังเกิดคัมภีร์ ‘ปราณเก้าหลอม’ เล่มนั้นก็บินลอยออกมาจากแหวนมิติ เข้ามาอยู่ในมือของเสวียนเทียนเอง
ความคิดของเสวียนเทียนผละออกมาจากแหวนมิติตามคัมภีร์ ‘ปราณเก้าหลอม’ ที่ปรากฏขึ้นมา
จะออกจากที่นี่ต้องฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ ให้ได้ถึงขั้นสี่ ดังนั้น ‘ปราณเก้าหลอม’ เป็กุญแจสำคัญของทางออก เสวียนเทียนจึงสนใจ ‘ปราณเก้าหลอม’ มากที่สุด
เสวียนเทียนอ่าน ‘ปราณเก้าหลอม’ ผ่านๆครั้งหนึ่ง เสวียนเทียนก็ได้รับรู้ความตั้งใจแรกเริ่มที่ผู้เฒ่าจิ่วต้วนสร้าง ‘ปราณเก้าหลอม’ ขึ้นมา
ขั้นแรกของการหลอมศาสตราคือการตีสกัดวัตถุดิบเอามาเพียงส่วนดี ทิ้งวัตถุเจือปนไป การตีสกัดใช้ค้อนตีวัตถุดิบ ในขั้นตอนนี้ไม่อาจใช้พลังภายในอย่างเช่นปราณภายในหรือปราณแท้ชั้นเบิกนภาได้ใช้ได้เพียงแรงกายตีเท่านั้น เพราะหากใช้พลังภายในกระหน่ำตีวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็ส่วนที่ดีหรือวัตถุเจือปน ก็ล้วนแต่จะได้รับความเสียหายอย่างหนักถึงจะเป็ศาสตราวิเศษที่หลอมสำเร็จแล้วชิ้นหนึ่งใช้พลังภายในกระหน่ำตีก็ยังทำลายได้ การตีสกัดไม่ใช่การทำลายวัตถุดิบแต่เป็การตีสกัดส่วนดีออกมา ดังนั้นจึงใช้ได้แต่แรงกายเพียงอย่างเดียวในการตี
ด้วยเหตุนี้ ร่างกายอันแข็งแกร่งจึงเป็ปัจจัยสำคัญที่ช่างหลอมศาสตราต้องมี
ช่างหลอมศาสตราแต่ละคนจำต้องฝึกวิชาปราณเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายชุดหนึ่ง และ ‘ปราณเก้าหลอม’ นี้ก็เป็วิชาปราณที่ผู้เฒ่าจิ่วต้วนรวบรวมจุดสำเร็จของวิชาปราณของคนรุ่นก่อนเข้ามาไว้แล้วสร้างออกมาเป็ปราณฝึกร่างกายที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้มากที่สุดวิชาหนึ่ง
ร่างกายของช่างหลอมศาสตรายิ่งแข็งแกร่งตีสกัดวัตถุดิบก็ยิ่งบริสุทธิ์การกำจัดสิ่งเจือปนในวัตถุดิบให้หมดร้อยทั้งร้อยเป็สิ่งที่เป็ไปไม่ได้ดังนั้นร่างกายคนยิ่งแข็งแกร่งยิ่งกำจัดไปได้มากวัตถุดิบที่ตีสกัดออกมาก็ยิ่งบริสุทธิ์สิ่งนี้สัมพันธ์โดยตรงกับระดับชั้นสูงต่ำของอาวุธอุปกรณ์ที่หลอมออกมา
‘ปราณเก้าหลอม’ ทั้งหมดมีเก้าขั้น สามขั้นแรกผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ฝึกได้สามขั้นกลางผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาฝึกได้สามขั้นหลังภายหลังขึ้นชั้นปฐีถึงจะฝึกได้
“‘ปราณเก้าหลอม’ สามขั้นหลัง ที่แท้ต้องใช้พลังวัตรชั้นปฐีถึงจะฝึกได้ระดับคงเทียบเท่ากับวิทยายุทธ์ชั้นปฐี ถึงแม้ว่าจะเป็วิชาปราณฝึกฝนร่างกายแต่ถ้าฝึกสำเร็จ ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ย่อมต้องน่ากลัวยิ่งกว่าการดื่มเืของพญาอสรพิษลายดำแน่”
“ตอนนี้ร่างกายและกำลังของข้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งขั้นสอง ถ้าหากฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ จะแข็งแกร่งไปได้ถึงระดับใดกัน? ดูแล้ว ‘ปราณเก้าหลอม’ ถึงแม้ว่าจะเป็วิชาปราณหลอมศาสตราที่ผู้เฒ่าจิ่วต้วนสร้างแต่เพราะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งคงยกระดับความสามารถของผู้ฝึกยุทธ์ให้แข็งแกร่งขึ้นได้อยู่มาก”
เสวียนเทียนพออกพอใจกับ ‘ปราณเก้าหลอม’ มาก
วิชาปราณฝึกร่างกาย แต่เดิมก็มีน้อยมากอยู่แล้วนอกจากที่สืบทอดกันในหมู่ช่างหลอมศาสตรา ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดายากจะพบ แต่ ‘ปราณเก้าหลอม’ นี้เป็ดาวดวงเด่นในหมู่วิชาปราณฝึกร่างรวมความสำเร็จของวิชาปราณฝึกร่างนานาชนิดไว้ด้วยกันพูดว่ามันเป็คัมภีร์วิทยายุทธ์ในตำนานเล่มหนึ่งก็ไม่กล่าวเกินจริงสักนิด
ขั้นที่สี่ของ ‘ปราณเก้าหลอม’ หลังก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาแล้วจึงจะฝึกฝนได้ตอนนี้เสวียนเทียนยังมีพลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบจะออกไปจากที่นี่พลังวัตรต้องทะลุชั้นเบิกนภาก่อนถึงจะทำได้
เสวียนเทียนก้าวขึ้นชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบมาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วพลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบของเสวียนเทียนมั่นคงดีแล้วแต่ต่อให้เสวียนเทียนฝึกปราณเบิกนภาซึ่งแปรปราณในร่างให้กลายเป็ปราณแท้ชั้นเบิกนภาแต่จะทะลุชั้นเบิกนภาก็ยังต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือน
ต่อให้มียาควบปราณชั้นสูง ก็ไม่อาจเร่งเวลาได้มากเท่าไรอย่างมากก็เร็วขึ้นได้สิบวันถึงครึ่งเดือนเท่านั้น
“หรือว่าจะต้องติดอยู่ที่นี่สักเดือนสองเดือน?”
เสวียนเทียนอดขมวดคิ้วไม่ได้อาหารที่เขาพกมาด้วยมีพอแค่ยี่สิบกว่าวัน ไม่อาจพอกินเป็เวลานานขนาดนั้น
ทันใดนั้น สายตาของเสวียนเทียนก็บังเอิญมองผ่านม้วนผ้าบนพื้นประโยคสุดท้ายที่ผู้เฒ่าจิ่วต้วนกล่าวทิ้งไว้เข้ามาในสายตาของเสวียนเทียน ในแหวนยังมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้เ้าอีกชิ้นจงอย่างลืมคำสาบาน!
“ของขวัญชิ้นใหญ่? ‘ปราณเก้าหลอม’ กับคัมภีร์หลอมศาสตราก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วว่ายังมี ‘ของขวัญชิ้นใหญ่’ อะไรอยู่อีก? หรือว่าวัตถุดิบหลอมศาสตรพวกนั้นกับศาสตราวิเศษชั้นนิลขั้นต้นไม่กี่ชิ้นนั้นจะเป็ของขวัญชิ้นใหญ่ที่พูดถึง?ใช่แล้ว ด้านข้างศาสตราวิเศษชั้นนิลสามชิ้น ยังมีกล่องไม้ใบหนึ่ง...!”
ในใจเสวียนเทียนคิดขึ้นมาได้แค่ความคิดบังเกิดก็พลันเข้าไปในแหวนมิติอีกครั้งพริบตานั้นกล่องไม้ใบใหญ่เท่าหัวคนใบนั้นก็บินลอยออกมาจากแหวนมิติมาปรากฏในมือของเสวียนเทียน
กล่องไม้ปิดสนิท ไม่มีที่เปิดใดๆเสวียนเทียนถือกระบี่ขุนเขาหนักไว้ ปาดลงไปหนึ่งทีกระบี่ขุนเขาหนักเป็ศาสตราวิเศษชั้นนิลขั้นกลาง คมกริบเหนือสิ่งใดส่วนบนของกล่องไม้ใบนี้ฉับพลันก็ถูกเปิดออก แสงสว่างส่องออกมา
ในกล่องไม้มีไข่มุกกลมขนาดราวกำปั้นเม็ดหนึ่งสีขาวพิสุทธิ์ราวกับหยก เรียบลื่นอย่างที่สุด แวววาวราวกับแก้ว ส่องแสงเรืองรอง
ดูไปแล้วคล้ายกับผลึกอสูรของพญาอสรพิษลายดำอยู่มากแต่ไม่ว่าจะเป็รูปลักษณ์หรือว่าพลังที่บรรจุอยู่ภายในล้วนเหนือกว่าผลึกอสูรของพญาอสรพิษลายดำไปไกล
สีหน้าของเสวียนเทียนกลายเป็ตกตะลึงปนยินดีในพริบตาอุทานขึ้นมาว่า “หรือนี่จะเป็...เมล็ดพันธุ์เบิกนภา?”
เมล็ดพันธุ์เบิกนภาถือกำเนิดมาจากการที่ผู้ฝึกยุทธ์ั้แ่ชั้นเบิกนภาขั้นเจ็ดขึ้นไปอัดผนึกปราณแท้เบิกนภาในร่างเข้าด้วยกันจนเกิดเป็มุกที่คล้ายกับผลึกอสูรบรรจุแก่นพลังทั้งร่างของผู้ฝึกยุทธ์ไว้
หากผู้ฝึกยุทธ์ผนึกรวมเมล็ดพันธุ์เบิกนภาแล้วเมล็ดพันธุ์เบิกนภาออกมาจากร่างเช่นนั้นพลังวัตรทั้งร่างของผู้ฝึกยุทธ์ก็จะออกไปพร้อมกับเมล็ดพันธุ์เบิกนภา กลายเป็คนธรรมดาอีกทั้งร่างกายจะอ่อนแออย่างมาก ในเวลาอันสั้นก็จะตาย
ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์โดยทั่วไปแล้วจะไม่ผนึกสร้างเมล็ดพันธุ์เบิกนภาเพราะตัวเองไม่ได้ประโยชน์แต่อย่างใด
ไม่ว่าจะเป็ใคร พร์เป็เช่นไรถ้ามีเมล็ดพันธุ์เบิกนภาก็ล้วนอาศัยพลังของเมล็ดพันธุ์เบิกนภาทะลุสู่ชั้นเบิกนภาได้ในระยะเวลาอันสั้นอย่างที่สุด
ผู้เฒ่าจิ่วต้วนสร้าง ‘ปราณเก้าหลอม’ วิชาปราณฝึกร่างกายชั้นปฐีขึ้นมาได้ อย่างน้อยพลังวัตรก็ต้องเป็ชั้นปฐีเมล็ดพันธุ์เบิกนภาที่ผนึกพลังสร้างขึ้นมา เทียบกับยอดฝีมือชั้นเบิกนภาแล้วพลังมากกว่ากันมาก เสวียนเทียนอาศัยพลังของเมล็ดพันธุ์เบิกนภาไม่เพียงก้าวสู้ชั้นเบิกนภา อาจถึงขั้นบรรลุชั้นพลังวัตรที่สูงกว่านั้น
“นี่เป็ของขวัญชิ้นใหญ่จริงแท้สำหรับข้าแล้วเป็ของขวัญยิ่งใหญ่ราวกับฟ้า ผู้เฒ่าจิ่วต้วนท่านมีบุญคุณต่อข้าถึงเพียงนี้ ขอเพียงต้วนเจียงเหอยังมีชีวิตอยู่บนโลกไม่ว่าเขาจะอยู่สุดขอบฟ้าสิ้นมหาสมุทร หรือแดนมารโพ้นทะเลข้าจะสังหารเขาด้วยมือตัวเอง เอาหัวของมันมาเซ่นไหว้ท่าน!”
เสวียนเทียนเห็นเมล็ดพันธุ์เบิกนภาตื่นเต้นดีใจพูดขึ้นมากับตัวเอง
คำสาบานก่อนหน้าเป็เพียงการแลกเปลี่ยนแต่คำสาบานครั้งนี้เป็คำพูดอย่างจริงใจที่สุด ออกมาจากใจของเสวียนเทียน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้