“แสร้ง แสร้งจัดฉาก...?” แม้ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะยังมีสีหน้าตะลึงบวกกับเหลือเชื่อ แต่เมื่อมองดูท่าทางตระหนกใของเยวี่ยเจาหรานแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็สามารถเชื่อได้เกินครึ่ง ว่าเื่นี้เป็การจัดฉากของสวี่ชิวเยวี่ยที่นอนราบไปแล้วผู้นั้น ลักษณะคลับคล้ายคลับคลากับเื่ของคุณหนูหม่าถนนเฉาหยางที่พาดหัวข่าวเพราะความเสแสร้งจอมปลอมเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เลยนี่นา!
แต่ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรู้ว่านี่คือการจัดฉาก เยวี่ยเจาหรานรู้ว่านี่คือการจัดฉาก แล้วคนอื่นเล่า? เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่กล้าคิดมาก ได้แต่ปล่อยมือของเยวี่ยเจาหรานไปก่อน แล้ววิ่งไปหาสวี่ชิวเยวี่ย
แม้ว่ายามนี้ข้างกายของสวี่ชิวเยวี่ยจะมีคนรับใช้สองสามคนล้อมมุงอยู่ แต่ชายหญิงแตกต่าง พวกเขาล้วนไม่กล้ายื่นมือเข้าไปช่วย กลัวว่าจะล่วงเกินคนโปรดของฮูหยินเยี่ยนเข้า ผลสรุปสุดท้ายก็คือคนรับใช้หนุ่มน้อยใหญ่สองสามคนก็ล้อมเป็วง คอยเฝ้าสวี่ชิวเยวี่ยที่อยากร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตาผู้นี้ไว้โดยที่ไม่รู้จะทำอย่างไร
กระทั่งเห็นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ววิ่งมาถึงข้างกายตน สวี่ชิวเยวี่ยถึงรู้สึกราวกับฉีดเืไก่ [1] รีบโอบกอดเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทันที แล้วเริ่มหยดถั่วทองคำ [2] ของตนอย่างไม่ได้รับความเป็ธรรม ในเวลาไม่นานก็ทำให้เสื้อบริเวณไหล่ซ้ายของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเปียกชุ่ม
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา จะกอดก็ไม่ใช่จะไม่กอดก็ไม่เชิง ทำได้เพียงปล่อยให้สวี่ชิวเยวี่ยร้องไห้งอแงไป แต่ก็ยังจิกกัดอยู่ในใจอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าสวี่ชิวเยวี่ยต้องสะสมน้ำฝนมากี่ไตรมาสเพื่อที่จะเล่นงิ้วในวันนี้ หากไม่มีหน้าฝน่สองสามเดือนนี้นางคงจะไม่มีทางได้จำนวนมหาศาลเช่นนี้แน่...
“ร้อง ร้องพอแล้วหรือ?”
กระทั่งรู้สึกว่าสวี่ชิวเยวี่ยร้องไห้จนอ่อนระโหยโรยแรงอย่างเห็ดได้ชัด เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงลองเอ่ยปากถาม สวี่ชิวเยวี่ยเองก็ร้องไห้จนพอใจแล้วจริงๆ เมื่อได้ยินเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถาม ในที่สุดนางก็เริ่มการฟ้องด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “เปี่ยว เปี่ยว เปี่ยวเกอ...”
ต้องบอกเลยว่า คำเอ่ยฟ้องเปี่ยวๆๆ เป็พรวนนั้นทำเอาเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วตกอกใยิ่ง นึกว่าสวี่ชิวเยวี่ยเปลี่ยนกลยุทธ์เลิกเล่นเล่ห์เพทุบาย แล้วคิดจะด่าทอ ‘เยวี่ยเยียนหราน’ เป็อีหนูชาเขียวนังดอกบัวขาวเสียอีก... [3]
โชคยังดี สวี่ชิวเยวี่ยเพียงแค่ร้องไห้จนพูดตะกุกตะกักเท่านั้น ไม่ได้คิดจะด่า ‘เยวี่ยเยียนหราน’ ด้วยคำหยาบคายพวกนั้นจริงๆ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วรีบ ‘ปล่อย’ เ้าตัวลงจากบ่าของตน เอ่ยถามอย่างทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “ทำ ทำ ทำไมหรือ...”
ด้วยสัตย์จริง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ได้พูดตะกุกตะกักตามสวี่ชิวเยวี่ยเพราะ้าจะล้อเลียนนาง แต่เพราะรู้สึกประหม่าเกินไปจนพูดติดอ่างไปด้วย เยวี่ยเจาหรานที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไปได้ยินชัดเจน เขาอดกลั้นไว้ไม่ไหวจนหัวเราะลั่นขึ้นมา แต่สุดท้ายก็หยุดลงเพราะแววตาคมกริบราวใบมีดที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วส่งให้
เยวี่ยเจาหรานที่ถูกคนจ้องมองพลันยักไหล่อย่างเก้อเขิน สองมือตะครุบปากเอาไว้ สื่อว่า ก็ได้ข้าจะไม่หัวเราะอีกแล้ว จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ตนแทะเล็บอย่างสุขสบายใจยิ่งเมื่อครู่ ก่อนจะเริ่มแทะเล็บของตนอีกครั้ง... ขณะแทะไปพลาง ก็ยังไม่ลืมคงสถานะชาวกินเผือกของตนต่อไป เขามองนักแสดงนำหญิงทั้งสองอยู่ไกลๆ
“เจ็บ...” สวี่ชิวเยวี่ยนั้นเดิมทียังอยากจะพิงซบอยู่บนตัวของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอีกสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะถูกอีกคนดันออกเร็วขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกไม่พอใจอยู่เหมือนกัน ทว่าต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ แค่อิงแอบในอ้อมอกครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว หากเข้าไปซบอีกจะเป็การไม่เหมาะสม
ด้วยเหตุนี้ นางจึงแค่มองเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ไม่รู้จะทำอย่างไรด้วยน้ำตาคลอเบ้า แล้วระบายความคับข้องใจของตน “พี่สะใภ้นาง...” สวี่ชิวเยวี่ยสูดจมูกสุดแรง เพื่อรับประกันว่าคำที่จะตนพูดหลังจากนี้จะต้องร้อยเรียงเป็ประโยค เพื่อที่จะทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเข้าใจความหมายของตนอย่างชัดเจนให้ได้ “ชิวเยวี่ยไม่รู้ว่าได้ล่วงเกินพี่สะใภ้ตรงไหน ไม่นึกว่าจะทำให้พี่สะใภ้มีจิตคิดแค้นกับชิวเยวี่ยถึงเพียงนี้... ไม่นึกว่า ไม่นึกว่าจะผลักชิวเยวี่ย...”
บอกได้เลยว่าคุณหนูสวี่ชิวเยวี่ยผู้นี้เป็นักแสดงคนหนึ่ง นางคิดว่าใครจะเป็คนโง่กัน? เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นรู้ชัดแจ้งว่าเยวี่ยเจาหรานเป็คนเช่นไร ทั้งรู้ว่าเยวี่ยเจาหรานเป็บุรุษ หากว่าเยวี่ยเจาหรานอยากผลักนางออกไปจริงๆ น่ากลัวว่าตอนนี้หากนางไม่ตายก็คงพิการ จะยังมีเรี่ยวแรงมาฟ้องร้องกล่าวโทษอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน?
แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ไม่อาจลำเอียงถึงขนาดนั้นได้ จะเป็การทำร้ายสาวผู้คลั่งไคล้ในตัวเยี่ยนอวิ๋นเฟยพี่ชายของนางมากเกินไป ดังนั้นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงอดกลั้นเอาไว้ แล้วเพียงเอ่ย “เ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ พื้นมันสกปรก...” เหตุผลนี้ฟังดูแล้วไม่ได้เื่เอาเสียเลย หากสวี่ชิวเยวี่ยกลัวพื้นสกปรก นางจะยอมล้มลงไปด้วยตัวเองหรือ?
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองยังรู้สึกว่าไม่มีพลังโน้มน้าวใจเอาเสียเลย ตนจึงต้องลุกขึ้นมาก่อน แล้วค่อยดึงสวี่ชิวเยวี่ยลุกขึ้นตาม สวี่ชิวเยวี่ยฉวยโอกาสเอียงตัวโซเซ แล้วเอนไปซบอยู่ในอ้อมอกของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว
ดูจากสภาพเช่นนี้แล้ว เกรงว่าวันนี้คงจะไปไม่ถึงวัดจินติ่ง... เส้นทางูเายาวไกลขนาดนี้ สวี่ชิวเยวี่ยคงจะไม่ให้ตนแบกนางขึ้นไปหรอกนะ? เื่นั้นเป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน มันหนักเกินไป!
เมื่อทั้งสองเดินแนบชิดกันไปได้สองสามก้าว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงสลัดตัวออกในที่สุด แล้วกดให้อีกฝ่ายนั่งลงที่ข้างรถม้า สวี่ชิวเยวี่ยที่กำลังจะเอ่ยปากพูด ก็กลับถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยตัดหน้าไปเสียก่อน “ยังเดินได้อยู่หรือไม่? หากไม่เช่นนั้นเรากลับกันก่อนเถิด อย่างไรวัดจินติ่งก็คงไม่วิ่งหนีไปไหน เปลี่ยนเป็วันอื่นที่มีเวลาว่างค่อยมาอีกครั้งก็ได้ กลับไปดูขาของเ้าก่อน...”
ตามความคิดของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ธุระในวันนี้แค่รีบไปรีบกลับก็พอแล้ว จะได้ไม่ให้สวี่ชิวเยวี่ยพยายามทำอะไรแผลงๆ ขึ้นระหว่างการเดินทาง ก่อเื่ให้ตนและเยวี่ยเจาหรานตามเก็บกวาดกันไม่จบไม่สิ้นอีก
สวี่ชิวเยวี่ยก้มหน้าครุ่นคิด ราวกับยังอยากพยายามต่อสู้อีกครั้ง “แต่ว่าเปี่ยวเกอ... พี่สะใภ้นาง...” คำพูดของสวี่ชิวเยวี่ยยังไม่ทันจบ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็รู้แล้วว่านาง้าจะพูดอะไร แน่นอนว่าคงจะอยาก ‘กล่าวโทษ’ เื่ที่เยวี่ยเจาหรานผลักตนตกลงมา เื่ยังไม่จบจะปล่อยไปง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร
ทว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่อยากจะเข้าไปพัวพันกับเื่นี้อีกต่อไปแล้ว เพื่อให้สวี่ชิวเยวี่ยเงียบปาก และเพื่อให้ตนสามารถคลายปมของสวี่ชิวเยวี่ยได้อย่างราบรื่น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงรีบเอ่ยเสริมขึ้นอย่างรวดเร็ว “ข้ารู้ พี่สะใภ้ของเ้านางตั้งใจจริง กว่าจะได้มาวัดจินติ่งสักเที่ยวช่างยากลำบาก ยังไม่ทันได้เห็นองค์ธรรมที่แท้ก็ไปเสียแล้ว ช่างน่าเสียดายนัก เ้ามีใจคำนึงถึงนางอยู่เสมอเช่นนี้ ข้าเองก็ต้องขอบคุณเ้าแทนพี่สะใภ้ของเ้าด้วย” สวี่ชิวเยวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าสับสนมึนงง ในหัวเต็มไปด้วยความคิดว่าเยี่ยนอวิ๋นเฟยผู้นี้พูดบ้าบออะไร เหตุใดข้าจึงฟังไม่รู้เื่สักคำ? น่าเสียดายที่คำที่อยากถามยังไม่ทันถามออกไป ก็ถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสวนขึ้นมาจนพูดไม่ออก
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็มอบเครื่องรางของเ้าให้ข้าเสีย ฝากข้ากับพี่สะใภ้ของเ้าเอาขึ้นไปแทน ส่วนเ้านั้น ขาได้รับาเ็แล้วความจริงไม่ควรจะที่จะออกแรงวิ่งขึ้นวิ่งลงอีก เ้าก็รอข้ากับพี่สะใภ้เ้าอยู่ตรงนี้เถิด พวกเราไปไม่นานเดี๋ยวก็มา!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจงใจเร่งความเร็วในการพูดของตน เมื่อพูดจบก็ไม่รอให้สวี่ชิวเยวี่ยคัดค้าน แล้วเอื้อมมือไปหยิบเครื่องราง แต่สวี่ชิวเยวี่ยนั้นขมวดคิ้ว และแสดงท่าทางราวกับไม่้าจะยอมแพ้
ทหารมาให้ขุนพลรับ น้ำมาใช้ดินต้าน เ้าคิดว่าทำเช่นนั้นแล้วข้าจะอับจนหนทางหรือ? เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพยักหน้า แล้วเอ่ยอีกครั้ง “ก็ได้ หากเ้าคิดว่าต้องไปด้วยตนเองจึงจะถือเป็ความจริงใจ เช่นนั้นครั้งหน้าค่อยเอาใหม่ก็แล้วกันนะ!”
พูดจบ ก็วิ่งหายวับไปกับตา
เชิงอรรถ
[1] ฉีดเืไก่ (打了鸡血) ในอดีตฉีดเืไก่ คือวิธีการรักษาที่นิยมในประเทศจีนในสมัยหนึ่ง เชื่อว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนยาวิเศษ โดยฉีดเืไก่สดๆ เข้าทางเส้นเืของคน ปัจจุบันกลายเป็ศัพท์สแลง (หมายถึงแฟนคลับที่ติดตามดารานักร้องอย่างคลั่งไคล้ หรือคนที่มีอาการคึก ตื่นเต้น ลิงโลด
[2] หยดถั่วทองคำ (掉金豆子) หมายถึงเด็กร้องไห้ หลั่งน้ำตา
[3] อีหนู / โสเภณี / ผู้หญิงเลว (婊) ออกเสียงว่า เปี่ยว พ้องเสียงกับคำว่า เปี่ยว ของเปี่ยวเกอ (表哥) ที่แปลว่าลูกพี่ลูกน้อง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้