อารมณ์บนใบหน้าของไป๋เหล่าฮูหยินคลายลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันจิตใจก็เริ่มฟูฟ่องขึ้นมา
ใช่แล้ว
สิ่งใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาแม่ลูก
อีกฝ่ายเป็เพียงสตรีกับบุตรีที่ไม่สนิทสนมกับคนในจวนเท่านั้น
ตัวของไป๋เสียนอันเองก็รังเกียจพวกนาง นางเพียงตัดสินใจเพื่อให้ทุกคนไม่ต้องเห็นสองแม่ลูกให้หงุดหงิดใจเท่านั้นเอง นางผิดอะไรกัน?
“ได้ ข้ารับปากเ้า”
ไป๋เหล่าฮูหยินกัดฟันตัดสินใจโดยพลการ
นอกจากจะได้สลัดตัวยุ่งยากสองคนที่นางเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิด ยังได้รับตั๋วเงินล้านตำลึงเพื่อมาจ่ายหนี้ด้วย
คำนวณอย่างไรก็คุ้มค่า
“เงินเล่า? เอามาสิ!”
ไป๋เซี่ยเหอวางตั๋วเงินลงบนโต๊ะ แล้วหมุนกายเตรียมจะจากไป
ไป๋เหล่าฮูหยินประคองตั๋วเงินอันล้ำค่าไว้ในมือ ยิ้มหน้าบานขึ้นมาโดยพลัน อดไม่ได้ที่จะจูบมันสักฟอด
ทันใดนั้นนางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยใส่แผ่นหลังของไป๋เซี่ยเหออย่างเ็าทันที
“พวกเ้าย้ายไปได้ แต่สิ่งใดที่เป็ของจวนสกุลไป๋ล้วนเอาไปไม่ได้!”
ไป๋เซี่ยเหอชะงักฝีเท้า นางกล่าวโดยไม่ได้หันกลับไป “วางใจเถิด เศษโลหะอย่างจวนสกุลไป๋ ข้าไม่ให้ค่าหรอก”
ไป๋เหล่าฮูหยินโมโหจนเจ็บซี่โครง ในใจเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมาอีกครา
นางปรารถนาให้ตนเองเยาว์วัยกว่านี้อีกสักหลายสิบปี หากได้แต่งเข้าจวนเซ่อเจิ้งอ๋องก็คงจะดี
ไป๋เซี่ยเหอรีบเดินมาถึงเรือนสุ่ยฉิงโดยไม่หยุดพักแม้แต่น้อย หลังจากบอกข่าวดีนี้แก่ฝูเอ๋อร์ อีกฝ่ายก็แทบจะะโสูงถึงสามฉื่อ[1]ด้วยความดีใจ
“ดีเหลือเกินเ้าค่ะคุณหนู ในที่สุดพวกเราก็หลุดพ้นแล้ว”
หมอกควันในใจของไป๋เซี่ยเหอก็หายไปด้วย
“คุณหนู เช่นนั้นวันหน้าพวกเราก็อาศัยอยู่ข้างๆ จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านกับท่านอ๋องก็จะเงยหน้าไม่เจอแต่ก้มหน้าเจอ[2]ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
ฝูเอ๋อร์มองไป๋เซี่ยเหอด้วยสายตามีเลศนัย
“น่าตายนัก นึกไม่ถึงว่าจะกล้าล้อคุณหนูของเ้าเล่น เ้าช่างหาญกล้านัก”
แม้จะพูดเช่นนี้
ทว่าเมื่อคิดถึงชีวิตในวันหน้า ไป๋เซี่ยเหอก็พบว่าในใจของตนเองมีความคาดหวังอย่างเลือนราง
“หากให้ข้าพูดนะ คนที่มีความสุขที่สุดคงเป็เ้ากระมัง ได้เจอใต้เท้าอิ๋งทั้งเช้าทั้งเย็น”
ทันใดนั้นฝูเอ๋อร์ก็ดูราวกับแมวถูกเหยียบหาง ใบหน้าของนางแดงก่ำ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว หากพูดให้ดูดีก็คือวิ่งเข้าไปเก็บของ
ไป๋เซี่ยเหอเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้า สตรีโตแล้วไม่อาจอยู่บ้านได้นาน
ไม่ทราบว่าผู้โชคร้ายอย่างอิ๋งเฟิงหลอกเอาหัวใจดวงน้อยของฝูเอ๋อร์ไปได้อย่างไร?
ข้าวของในเรือนสุ่ยฉิงมีไม่มากนัก กอปรกับไป๋เซี่ยเหอไม่อยากถูกกล่าวหาว่าละโมบในสิ่งของของจวนสกุลไป๋ ดังนั้นนอกจากเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนสองชุดแล้ว นางก็ไม่ได้เอาอะไรไปอีก
ตอนนี้นางเองก็มีเงิน ค่อยนำเงินไปซื้อใหม่ก็ย่อมได้
เมื่อเก็บข้าวของที่เรือนสุ่ยฉิงเสร็จแล้ว ถัดมาคือเรือนเวินเสียน
เดิมทีข้าวของที่เจียงเยว่เสียนนำมาก็มีเพียงกล่องยากับอาภรณ์ไม่กี่ชุดเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้
เมื่อเก็บเสร็จก็ออกจากจวนได้แล้ว
เพียงแต่จู่ๆ ไป๋เซี่ยเหอก็นึกขึ้นได้ว่า ไป๋เสียนอันเคยเรียกหานาง และเอ่ยถึงภาพบางอย่าง
ในเมื่อไป๋เสียนอันยืนยันว่ามีภาพ ย่อมต้องมีแน่นอน เพียงแต่ไม่ทราบว่าเจียงเยว่เสียนซ่อนมันไว้ที่ใด
ไป๋เซี่ยเหอเอ่ยกับฝูเอ๋อร์ที่กำลังเก็บข้าวของอยู่ข้างกาย “เ้าไปเรียกรถม้ามาก่อน”
ฝูเอ๋อร์เดินออกไปแล้วปิดประตูลง
ไป๋เซี่ยเหอค้นหาทั้งเรือนอย่างคล่องแคล่ว สมัยเป็ทหารรับจ้างเมื่ออดีตชาติ นางต้องหาข้อมูลสำคัญที่ถูกฝ่ายศัตรูซ่อนไว้อยู่บ่อยครั้ง เรียกได้ว่าสถานที่ที่มีกลไกล้วนไม่คณามือนาง
ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็เพียงเรือนเวินเสียนหลังหนึ่งเท่านั้น
หลังจากไป๋เซี่ยเหอค้นหาทั้งเรือนแล้วรอบหนึ่ง สายตาก็จับจ้องไปยังเตียงหานอวี้ที่เจียงเยว่เสียนนอนอยู่
จากนั้นนางก็ยื่นมือไปควานหาใต้เตียง
เป็อย่างที่คิด!
ััใต้ฝ่ามือแตกต่างออกไปเล็กน้อย
ไป๋เซี่ยเหอหมอบลง
นางมองเห็นกระดาษสีขาวที่ดูกลมกลืนไปกับสีของเตียง หากบริเวณขอบกระดาษไม่หลุดออกจากใต้เตียง นางย่อมััไม่พบ
ไม่ว่าผู้ใดก็ยากจะหาพบไป๋เสียนอันอาจเคยหาใต้เตียงมาก่อน ทว่าตอนนั้นภาพยังคงติดแน่นอยู่กับใต้เตียง กอปรกับมันมีสีใกล้เคียงกับเตียงหานอวี้ ดังนั้นเขาจึงหาไม่พบ
ดียิ่งนัก
ไป๋เซี่ยเหอไม่ได้ดูว่าเป็ภาพอะไร นางรีบม้วนภาพเก็บก่อนจะยัดเข้าไปในอาภรณ์ของเจียงเยว่เสียนทันที จากนั้นก็ได้ยินเสียงของฝูเอ๋อร์ดังมาจากข้างนอก
“คุณหนู รถม้ามาแล้วเ้าค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว”
ฝูเอ๋อร์เดินเข้ามาก่อนจะประคองเจียงเยว่เสียนขึ้นหลังของไป๋เซี่ยเหอ จากนั้นก็ยกข้าวของขึ้นมา แล้วทั้งสามคนก็เดินออกไปข้างนอกทั้งอย่างนี้
บริเวณหน้าประตูใหญ่ของจวนตระกูลไป๋
ไป๋เหล่าฮูหยินยืนถือไม้เท้าอยู่ตรงนั้นั้แ่เมื่อใดไม่ทราบ
ใบหน้าของแม่นมโจวยังคงประดับด้วยรอยยิ้มมีเมตตา นางก้าวออกมา “คุณหนูใหญ่ รบกวนแล้วเ้าค่ะ บ่าวมาตรวจสอบข้าวของของท่าน ท่านคงไม่ขัดขืนกระมังเ้าคะ”
ไป๋เซี่ยเหอคาดการณ์ไว้แล้วว่าเื่เช่นนี้ต้องเกิดขึ้น
ด้วยระดับความหน้าด้านของไป๋เหล่าฮูหยิน จึงไม่อาจคาดเดาการกระทำของนางด้วยความคิดของคนปกติได้
ฝูเอ๋อร์ซ่อนข้าวของไว้ข้างหลัง “นี่จะได้อย่างไร? ข้างในล้วนเป็ของส่วนตัวของคุณหนู หากเปิดดูต่อหน้าสาธารณชน จะให้คุณหนูของพวกเราเอาหน้าไปไว้ที่ใด?”
แม่นมโจวแบมือ แสดงออกว่านางเองก็จนปัญญาเช่นกัน “นี่คือข้อตกลงของคุณหนูใหญ่กับไป๋เหล่าฮูหยิน บ่าวไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ”
ฝูเอ๋อร์หันไปมองไป๋เซี่ยเหอ เมื่อเห็นไป๋เซี่ยเหอพยักหน้า นางจึงกัดฟันโยนข้าวของในมือไปที่แทบเท้าของแม่นมโจว
โมโหแทบตายแล้ว!
แม่นมโจวไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับท่าทีของฝูเอ๋อร์ นางเปิดดูทันที
ไป๋เหล่าฮูหยินกวาดสายตามองไปทั่ว จากนั้นก็เอ่ยด้วยใบหน้าเ้าเล่ห์ “เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนเป็ของที่จวนตระกูลไป๋มอบให้ เ้าจะเอาไปได้อย่างไร? เสื้อผ้าที่พวกเ้าสวมอยู่ก็เช่นเดียวกัน”
ไป๋เซี่ยเหอชี้ไปที่อาภรณ์บนร่างของตนเอง “ท่านแน่ใจหรือว่านี่เป็เสื้อผ้าที่จวนตระกูลไป๋มอบให้?”
ไป๋เหล่าฮูหยินจ้องมองให้ดี ก่อนจะพบว่าที่ไป๋เซี่ยเหอสวมอยู่นั้นเป็ชุดกระโปรงผ้าดิ้นอวิ๋นหรง เพียงเพราะถูกเสื้อคลุมบดบัง นางจึงจำไม่ได้ในชั่วขณะ
ใบหน้าชราแดงก่ำทันที
นางฝืนสงบใจก่อนจะกล่าวว่า “แม้ว่าบนตัวเ้าจะไม่ใช่ แต่บนตัวฝูเอ๋อร์กับมารดาของเ้า ไม่ใช่เสื้อผ้าที่จวนตระกูลไป๋มอบให้หรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอโยนเงินแท่งห้าสิบตำลึงลงบนพื้น จากนั้นน้ำเสียงอันเฉยเมยและเ็าก็ดังขึ้น
“พอหรือไม่?”
ไม่ใช่แค่พอ ทว่ายังเหลือล้นอีกด้วย
จวนตระกูลไป๋ไม่ชอบสองแม่ลูกนี้อยู่แล้ว จะใช้ผ้าเนื้อดีที่ล้ำค่ามาตัดชุดให้พวกนางใช้ได้อย่างไร? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝูเอ๋อร์ที่เป็เพียงสาวใช้นางหนึ่ง
“เฮอะ”
ไป๋เหล่าฮูหยินมองไป๋เซี่ยเหอที่แค่นเสียงเ็าอย่างดูแคลน ทว่ายังคงก้มตัวไปหยิบเงินขึ้นมา
“ปล่อยพวกนางไป”
กระทั่งขึ้นรถม้าแล้ว ใบหน้าเล็กของฝูเอ๋อร์ยังคงไม่สบอารมณ์ ริมฝีปากเบะจนเอากาน้ำมาวางได้แล้ว
“คุณหนู เหตุใดเราถึงต้องให้เงินพวกเขามากมายปานนั้นด้วย? เสื้อผ้าชุดนี้ไม่คุ้มเลยเ้าค่ะ”
นางเห็นว่าทั้งหมดนี้ล้วนเข้าเนื้อทั้งสิ้น เพื่อฮูหยินแล้ว ไม่ต้องพูดถึงตั๋วเงินหนึ่งล้านตำลึง นึกไม่ถึงว่าอาภรณ์ซอมซ่อนี้ยังต้องจ่ายเงินถึงห้าสิบตำลึง แม้ว่าจะมีเงินก็ไม่อาจใช้จ่ายเช่นนี้ได้
“ฝูเอ๋อร์คนโง่ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของพวกเราคือการออกมาจากสถานที่แห่งนั้น ที่เหลือล้วนเป็เื่เล็ก สำหรับจวนตระกูลไป๋ สิ่งที่ติดค้างข้านั้นพวกเขาต้องชดใช้ในสักวัน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฝูเอ๋อร์จึงคลายโทสะ
ล้อรถม้าหมุนไป พาพวกนางออกห่างจากจวนตระกูลไป๋มากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งเข้าใกล้เรือนใหม่ ชีวิตใหม่ของพวกนางก็ใกล้เข้ามามากขึ้น
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถม้า มองฝูงชนพลุกพล่านที่นอกหน้าต่าง ในใจคาดหวังถึงอนาคตที่มีร่วมกัน
------------------------
[1] ฉื่อ หมายถึง หน่วยวัดฟุต
[2] เงยหน้าไม่เจอแต่ก้มหน้าเจอ เป็สำนวน หมายถึง เจอกันบ่อย