“โม่เซียนหายไปนานแค่ไหนแล้ว” เผยมิ่งหยวนเอ่ยถามฮวาเหนียง หากเขาเข้าจับช่วยเหลือเลยมันก็ได้อยู่หรอก เพียงแต่ถ้าเข้าไปแล้วไม่มีอะไรรั้งแต่จะเป็การปล่อยให้กระต่ายตื่นตูม
“สามวันแล้วเ้าค่ะ ข้าเพียงนึกว่าน้องชายของข้าออกไปขายของต่างเมือง ใต้เท้า ข้าขอร้องเ้าค่ะ ข้ายอมรับผิดทุกอย่าง ขอเพียงใต้เท้าช่วยน้องข้าด้วย”
ฮวาเหนียงคุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับไปไหน กลัวว่าถ้าขยับไปเผยมิ่งหยวนจะไม่ยอมช่วยเสียอย่างงั้น
“ท่านลุกขึ้นมานั่งเถิด ข้าย่อมช่วย เพียงสถานที่ขังโม่เซียนนั้นอยู่ที่ใด” เผยมิ่งหยวนกอดอกครุ่นคิดว่าจะช่วยคนอย่างไรดี สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยของคน
“สถานที่ขังโม่เซียนน่าจะอยู่ในจวนท่านเ้าเมือง” ฮวาเหนียงรีบกล่าวถึงความเป็ไปได้ คนก่อนๆที่ถูกส่งไปก็มักจะได้เข้าไปอยู่ที่จวนแต่ไม่ได้ออกมาอีกเลย ประโยคนี้ฮวาเหนียงไม่ได้กล่าวออกไป
“หากเป็เช่นนั้น ข้าจะนำกำลังคนแอบซุ่มล้อมไว้แล้ว และเข้าไปช่วยโม่เซียนก่อน แต่การจับกุมนั้นได้ยาก เพราะขาดหลักฐานอย่างอื่นอีก อย่างมากหลี่กุ้ยจะโดนจับข้อหากักขังโม่เซียน แต่คนอื่น ๆ ที่เคยโดนฆ่าด้วยหลี่กุ้ยจะไม่ได้รับความยุติธรรม”
“ท่านเข้าไป ท่านก็จะเจอหลักฐานเอาผิดหลี่กุ้ย หลักฐานอยู่ในนั้น” อวิ๋นเสียนหนานตอบกลับเผยมิ่งหยวน
นี่นางรู้อะไรอย่างนัั้นอีกแล้วหรือ “ท่านนักพรตสือหนาน ิญญาเจียงซานบอกท่านเช่นนั้นหรือ”
อวิ๋นเสียนหนานกอดอก พยักหน้าตอบอย่างเกียจคร้าน ขนาดนี้แล้วเขาไม่คิดจะเชื่อนางสักทีหรืออย่างไรกัน
“แต่ท่านต้องพาข้าไปด้วย ที่นั้นมีการวางค่ายกลลวงตา” กับค่ายกลกักิญญา มิน่าเล่าิญญาเจียงซานถึงดูอ่อนแรง ใครกันที่วางค่ายกลพวกนี้ให้กับคนชั่วกันนะ หากเจอตัวนางจะเตะเรียงตัวเลยเชียว
“ค่ายกลหรือ” เผยมิ่งหยวนทำหน้าอย่างไม่เชื่อถือ
“ท่านเชื่อข้าเถอะ ขนาดนี้แล้ว หากท่านแก้ได้ข้าจะไม่ไปให้เสี่ยงอันตรายแน่นอน” อวิ๋นเสียนหนานคร้านจะพูดกับเผยมิ่งหยวน คนผู้นี้กระไรกัน หน้ามีแต่คำว่าไม่เชื่อ
“นักพรตน้อยเข้าใจด้วยหรือว่าอันตราย เอาเถอะท่านไปด้วยก็ได้ แต่ข้าไม่รับประกันความปลอดภัย” เผยมิ่งหยวนฉีกยิ้มก่อนลุกขึ้นเดินออกไป
ให้ตายเถอะคนคนนี้ ก่อนจะลุกตามเผยมิ่งหยวนไป ก็หันมาคุยฮวาเหนียง “เจียงซานฝากมาบอกท่านว่า เขาไม่เคยโกรธท่านเลย ส่วนโม่เซียนท่านไม่ต้องห่วงข้าจะช่วยเขาออกมาให้ได้”
อวิ๋นเสียนหนานเดินจากไปไกลนานแค่ไหนแล้วฮวาเหนียงไม่อาจรู้ได้ นางได้แต่ปล่อยโฮเสียยกใหญ่และภาวนาให้น้องชายของตัวเองปลอดภัย
รัตติกาลอันมืดมิด เงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใด ๆ เงาร่างสองเงาปรากฎอยู่บนหลังคาของจวนท่านเ้าเมืองสกุลหลี่
สังเกตุดี ๆ จะเห็นได้ว่ารอบข้างกำแพงของจวนนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยกำลังทหารหลายสิบนาย เพียงแต่ทหารเหล่านี้ตั้งท่ารอรับฟังคำสั่งบุกจับของผู้เป็นาย
ร่างเงาหนึ่งเล็กหนึ่งใหญ่กำลัังไต่ตามหลังคาเรือนก่อนะโลงเข้าไปใจกลางชั้นในของจวนนี้ เผยมิ่งหยวนสอดสายตาไปทั่วทั้งเรือน
ั้แ่เขาเข้ามาความสงสัยมีมากยิ่งนัก เหตุใดจวนท่านเ้าเมืองมีการคุ้มกันน้อยเกินไป บรรยากาศในจวนเช่นนี้ช่างดูวังเวงยิ่งนัก ราวกับไม่มีใครอยากอยู่ในที่แห่งนี้ในเวลากลางคืน หากเป็การบุกโจมตีของค่ายทหาร เขามั่นใจนักว่านี่คือกับดัก
แต่ที่นี้คือจวนที่มีคนอาศัยอยู่ การกระทำของหลี่กุ้ย ผู้เป็พ่ออย่างเ้าเมืองสกุลหลี่น่าจะมีทหารคุ้มกันแ่าถึงจะถูก ขังคนบริสุทธิ์ไว้ในจวนเชียวนะ เผยมิ่งหยวนครุ่นคิดในใจ
“ท่านกำลังคิดใช่หรือไม่ เหตุใดไม่มีทหารคุ้มกันหนาแน่น หากข้าบอกว่าถ้าพวกเราเดินไปท้ายจวนสุดทางนู้น ทางนั้นจะไม่มีผู้คนไปเดินตรวจตราเลยเด็ดขาดเล่า ท่านกล้าพนันกับข้าหรือไม่”
อวิ๋นเสียนหนานหรี่ตายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยว่ากล่าวพลางเขยิบไปชิดใกล้เผยมิ่งหยวน เสียงของนางยามกระซิบกับท่าทางมันทำให้เขารู้สึกคันหัวใจยุบยิบไงชอบกล
ไม่ถูกสินี่ไม่ใช่เวลาที่เขามาคิดเช่นนี้ เผยมิ่งหยวนครุ่นคิดพลางส่ายหน้าให้กับตัวเอง
“ท่านสือหยวนััอะไรได้อย่างนั้นหรือ” เขาไม่กล้าไปพนันกับนางหรอก เื่วันนี้มันก็เพียงพอให้เชื่อในความสามารถพิเศษของนักพรตน้อยตรงหน้ามากพอแล้ว
หากพนันไปเขาไม่หมดตัวเลยหรอกหรือ อวิ๋นเสียนหนานได้ยินเช่นนี้แล้วรู้สึกเบิกบานใจอย่างบอกไม่ถูก นี่ชายผู้นี้เชื่อในความสามารถนางแล้ว
“เราต้องเดินไปท้ายจวน ที่แห่งนั้นคือที่โม่เซียนโดนจับขัง ไม่มีเวลามากแล้วไปกันเถอะ”
นางเดินนำหน้าเผยมิ่งหยวน ราวกับรู้ทิศทางในจวนแห่งนี้ดี นี่คงเป็สิ่งที่เรียกว่าิญญาเจียงซานบอกทางกระมั้ง นางบอกมีการสร้างค่ายกลอิีก
เขาเคยได้ยินมาการสร้างค่ายกลหากไม่ใช่เทพเซียน ก็เป็พวกนักพรตที่มีความสามารถเก่งกล้า หรือที่พวกชาวบ้านเรียกว่ามีอิทธิฤทธิ์นั้นเอง
จริง ๆ พวกปราบผี พิธีกรรมก็ไม่ได้แค่ทางเต๋า เพียงแต่เขาไม่เคยเชื่อและไม่ได้ศึกษาทางด้านนี้เสียมากกว่า กลับไปคงต้องหาศึกษาเสียหน่อยแล้ว
เรือนหลังหนึ่งปรากฏสู่สายตาเผยมิ่งหยวนและอวิ๋นเสียนหนาน “ที่นี้และ ข้าบอกท่านแล้วที่นี้จะไม่มีคนเฝ้า หรือแม้กระทั่งคนเดินตรวจตรา”
สถานที่แห่งนี้คือเรือนหลังสุด ซึ่งดูห่างไกลจากตัวเรือนๆของจวนนี้เป็อย่างมาก เผยมิ่งหยวนรู้สึกขนลุกแปลก ๆ บรรยากาศรอบๆมันดูหดหู่ วังเวงชอบกล
“ข้ามองไม่เห็นค่ายกลที่ท่านนักพรตกล่าวเลย”
“ท่านอยากเห็นหรือ อืม” อวิ๋นเสียนหนานหันมองไปรอบๆก่อนเดินพลางมองสำรวจเรือน ๆ
“ข้างนอกนี้ไม่มีหรอก แต่ท่านอยากเห็นสิ่งที่เฝ้าประตูเรือนนี้หรือไม่” อวิ๋นเสียนหนานกล่าวจบไม่รอให้เผยมิ่งหยวนได้ทันตอบรับหรือครุ่นคิดอะไรทั้งสิ้น
นางทำเพียงใช้ยันต์ที่นางวาดเตรียมไว้แปะไปที่เสาของเรือนทั้งหมด หลังจากที่แปะแผ่นสุดท้ายลง ผลันเสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นทั่วบริเวณ
สิ่งที่เผยมิ่งหยวนไม่มั่นใจเลยว่านั้นคือเสียงร้องของคนหรือสัตว์ประเภทใดกันแน่ หากแต่เสียงเหล่าช่างแสบแก้วหูเขายิ่งนัก
พลันเสียงเ่าั้สิ้นสุดลง ปรากฏภาพเหล่าิญญาผุดขึ้นอยู่ตามเสาเรือนแห่งนี้ อวิ๋นเสียนหนานได้แต่กุมขมับ อยากจะไปหาตัวคนทำพิธีเช่นนี้ใส่เรือนนี้ยิ่งนัก เทพเฝ้าประตูหมึ่งซึ้งหากมาเห็นภาพเช่นนี้คงอยากจะระบายโทสะ ขอไม่เป็แล้วเทพผู้ประตูแน่นอน
“นะนี่ เหตุใดถึงมีมากมายเช่นนี้” เผยมิ่งหยวนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ภาพตรงหน้าของเขาปรากฏ เหล่าิญญา หลากหลายผุดอยู่ตามเสา เป็ครั้งแรกั้แ่เกิดมาได้สามสิบปีเขาเพิ่งเห็นสิ่งที่เรียกว่าิญญาหรือผีครั้งแรก และจำนวนที่เยอะขนาดนี้ก็ครั้งแรกเช่นกัน
“ไอ้เ้าลูกเต่าเอ้ย อย่าให้ข้ารู้ว่าเป็ใครเชียวนะ” อวิ๋นเสียนหนานสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“ิญญาเหล่านี้ที่ท่านเห็น มาจากการฝั่งคนเป็ๆลงไปและทำพิธีสะกดิญญาลงในเสาเพื่อทำหน้าที่ปกป้อง เป็หนึ่งในพิธีกรรมของศาสตร์หนึ่ง” อวิ๋นเสียนหนานเอ่ยอธิบายสิ่งที่เผยมิ่งหยวนใคร่อยากรู้ทันที
เขาเคยได้ยินมาบ้างพิธีกรรมเช่นนี้ หากแต่มักจะใช้กับการสร้างกำแพงเมือง เพียงแต่ั้แ่ก่อตั้งราชวงศ์นี้ขึ้นมา พิธีกรรมเหล่านี้ก็เรียกเพียงตำนาน อย่างมากที่เขาพบเห็นคือการเชิญเทพเฝ้าประตูหมึ่ซึ้งมาก็เพียงเท่านั้น
“เช่นนั้นก็หมายความว่า” สายตาว่างเปล่าของเผยมิ่งหยวนมองนับไปตามจำนวนเสาของเรือน
อวิ๋นเสียนหนานได้แต่ถอนหายใจ “ใช่ หนึ่งเสาต่อหนึ่งศพ หากจับหลี่กุ้ยได้ ท่านพาคนมาขุดก็เจอเอง”
อวิ๋นเสียนหนานว่ากล่าว เดินไปนั่งขัดสมาธิหน้าประตูเรือน ไม่นานก็ปรากฏลมแรง
ภาพนักพรตหญิงสาว กำลังนั่งขัดสมาธิทำพิธีอัญเชิญเหล่าสามองค์เทพประจำเต๋า กำลังพึมพำเรียกิญญาที่โดนกักขังเ่าั้ ก่อนจะหยิบเจดีย์โลกากักิญญาของวิเศษที่นำติดตัวมาเปิดออก พร้อมกล่าวเรียก
“ท่านทั้งหลาย คนที่นี้เขาทนได้ แต่หากท่านทนอยู่ท่านมีแต่จะโดนกิน จงกลับเข้ามาอยู่ในโลกากักิญญา ข้าจะพาพวกท่านไปสถานที่ที่ดีกว่านี้”
สิ้นเสียงเอ่ยกล่าวของอวิ๋นเสียนหนาน ิญญาเหล่าคล้ายกับโดดแรงดึงดูดเข้าไปในเจดีย์ขนาดเล็กที่อยู่ในฝ่ามือของนาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้