แม้จะบอกว่าเป็พระราชดำรัส ทว่าฮองเฮาไม่ได้กำหนดเวลาออกเดินทาง เพียงระบุว่าจะเข้าวังเมื่อไรนั้นล้วนแล้วแต่คุณหนูไป๋จะจัดแจง
อันกงกงติดตามฮองเฮามาสิบกว่าปีแล้ว จะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าคุณหนูใหญ่สกุลไป๋ผู้นี้มีวาสนากับฮองเฮา
เมื่อไป๋เซี่ยเหอเหลือบมอบสายตาที่ดูข่มขู่ของลู่เป๋าเหยา นางก็ยกยิ้มก่อนจะตอบรับอย่างแน่วแน่ “ตกลง!”
ลู่เป๋าเหยากัดฟันจนฟันแทบแตก นางมีโทสะทว่าไม่กล้าจะเอื้อนเอ่ยออกมา!
รอยย่นบนใบหน้าของอันกงกงแปรเปลี่ยนเป็รอยยิ้ม “เช่นนั้นก็กำหนดวันเถิด เพื่อที่บ่าวจะได้กราบทูลฮองเฮา”
“อีกสองวันให้หลังแล้วกัน!”
“ตกลง เช่นนั้นบ่าวก็ไม่รบกวนการพักผ่อนของคุณหนูใหญ่แล้ว!”
เมื่อคนจากไปแล้ว ลู่เป๋าเหยาที่ในแววตาเปี่ยมไปด้วยโทสะก็ะโออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไป๋เซี่ยเหอ เ้าหมายความว่าอย่างไร? จะไม่รักษาคำพูดหรือ!”
ไป๋เซี่ยเหอยกมุมปาก ก่อนจะหันไปหาไป๋เหล่าฮูหยิน “ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
ไป๋เหล่าฮูหยินส่งสายตาเตือนไปให้ลู่เป๋าเหยา!
นั่นเป็พระราชดำรัสของฮองเฮาเชียวนะ ใครจะกล้าขัดราชโองการกันเล่า!
เพียงแต่สายตาของไป๋เหล่าฮูหยินที่มองไปทางไป๋เซี่ยเหอกลับเกิดความขัดแย้งที่อธิบายไม่ได้ภายในใจ ทว่ามีจุดหนึ่งที่นางสามารถยืนยันได้ นั่นคือ เด็กสาวผู้นี้นับได้ว่าเป็คนของฮองเฮาไปครึ่งหนึ่งแล้ว
โชคดีที่สุดท้ายแล้วนางก็เป็คนของสกุลไป๋ การทุ่มเทเพื่อจวนสกุลไป๋ในภายภาคหน้านั้นย่อมเป็เื่ที่สมควรแล้ว!
“ทำเหมือนว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน”
ไป๋เหล่าฮูหยินกล่าวก่อนจะเคาะไม้เท้าลงบนพื้นอย่างแรง
เมื่อเห็นว่าลู่เป๋าเหยามีท่าทีอยากจะพูดอะไรบางอย่าง นางก็กล่าวเสริมอีกประโยค “หากไม่ทำตาม ลงโทษกักบริเวณสามเดือน!”
ชักจะเหิมเกริมมากไปแล้ว! นึกไม่ถึงว่าอี๋เหนียงผู้หนึ่งจะกล้าต่อล้อต่อเถียงกับนางหลายครั้งหลายครา ช่างไร้กฎเกณฑ์เสียนี่กระไร!
ไป๋เซี่ยเหอจ้องมองใบหน้าที่เปลี่ยนสีหน้าไปเรื่อยๆ ของไป๋เหล่าฮูหยิน จู่ๆ ความเหยียดหยามก็พลุ่งพล่านขึ้นในใจนาง
ไป๋หว่านหนิงเห็นว่าไป๋เหล่าฮูหยินโมโหแล้ว จึงดึงแขนเสื้อของลู่เป๋าเหยาไว้ เพื่อเตือนไม่ให้นางพูดอะไรอีก
หากทำให้ไป๋เหล่าฮูหยินขุ่นเคือง ไม่แน่ว่าอาจไม่มีผลไม้ดีๆ ให้กิน
สำหรับไป๋เซี่ยเหอนั้น
อนาคตยังอีกยาวไกล ถ้ามีใครคิดร้ายกับนางครั้งหนึ่งแล้ว คนผู้นั้นย่อมทำอีกเป็ครั้งที่สอง!
“เ้าไปที่เรือนสุ่ยฉิงก่อนเถิด ส่วนที่นี่ย่าจะให้คนมาจัดการ ดีหรือไม่?” เมื่อเผชิญหน้ากับไป๋เซี่ยเหอ ไป๋เหล่าฮูหยินก็ทำตัวเป็ผู้าุโที่ห่วงใยผู้น้อยทันที แม้แต่สรรพนามที่ใช้เรียกตนเองก็ยังไม่เหมือนเดิม
เดิมทีไป๋เซี่ยเหอก็ไม่คิดที่จะเหยียบย่างเข้าไปในห้องที่สกปรกโสมมนั้นอีก นางจึงตอบตกลงไป
ณ เรือนสุ่ยฉิง
ฝูเอ๋อร์ยืนอยู่หน้าประตูโดยไม่มีอารมณ์จะชื่นชมเรือนหลังใหม่เลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความร้อนใจ นางอยากออกไปตามหาคุณหนูแล้ว ทว่าเมื่อเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา คิ้วที่ขมวดมุ่นจึงคลายลง
“คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”
ไป๋เซี่ยเหอคลี่ยิ้ม “ฝูเอ๋อร์ ครั้งนี้เ้าทำได้ไม่เลวเลย!”
ฝูเอ๋อร์เกาศีรษะพลางยิ้มอย่างใสซื่อ “นั่นไม่ใช่เพราะว่าคุณหนูทายแม่นราวกับจับวางหรอกหรือเ้าคะ!”
ถูกต้อง ใต้หล้านี้จะมีความบังเอิญเช่นนั้นได้อย่างไร? ทุกอย่างล้วนเกิดจากการวางแผนเท่านั้น
ก่อนจะเข้าร่วมงานเลี้ยง ไป๋เซี่ยเหอได้เขียนจดหมายมอบให้ฝูเอ๋อร์ฉบับหนึ่ง โดยกำชับนางว่าหากมีเื่ใดก็ตามเกิดขึ้น ให้นำจดหมายไปส่งให้ฮั่วอวิ๋นเยียนทันที!
แน่นอนว่าฮั่วอวิ๋นเยียนย่อมไม่ช่วยเหลือไป๋เซี่ยเหออยู่แล้ว ทว่าฝูเอ๋อร์ฝากจดหมายให้ฮั่วอวิ๋นเยียนโดยใช้นามของไป๋หว่านหนิง
ผู้ที่มาจากวังจึงมาได้ทันเวลา โชคดีที่ฮั่วอวิ๋นเยียนนั้นเอาใจใส่ไป๋หว่านหนิงเป็อย่างยิ่ง
ทว่าน่าเสียดาย...
“คุณหนู ท่านเขียนอะไรในจดหมายหรือเ้าคะ?” ฝูเอ๋อร์ถามด้วยความสงสัย
ไป๋เซี่ยเหอยื่นมือไปลูบเส้นผมของฝูเอ๋อร์ นางกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ “นี่เป็ความลับ!”
ฝูเอ๋อร์ยิ้มระรื่นและเลิกซักไซ้ทันที “คุณหนูเ้าคะ สิ่งของต่างๆ ถูกย้ายมาหมดแล้วและวางอยู่ที่ห้องโถง ลองไปดูนะเ้าคะว่าสิ่งใดที่คุณหนูอยากเก็บไว้และสิ่งใดที่อยากโยนทิ้ง”
“ตกลง”
ว่าก็ว่าเถอะ สิ่งของที่ถูกขนย้ายมาจากเรือนหลังเดิมนั้น นอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชุดแล้ว ก็มีเพียงกล่องเก่าๆ ซอมซ่อใบหนึ่งเท่านั้น
“เสื้อผ้าพวกนั้นเอาไปทิ้งเสียเถิด”
มันทั้งบางทั้งไม่พอดีตัว เก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ และตอนนี้นางก็ไม่จำเป็ต้องกังวลเื่เสื้อผ้าอาภรณ์อีกต่อไปแล้ว
หากไป๋เหล่าฮูหยินไม่แสร้งโง่น่ะนะ
ฝูเอ๋อร์ทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว นางทิ้งสิ่งของที่ไม่้า จากนั้นก็เริ่มจัดเก็บอาภรณ์และเครื่องนอนที่ไป๋เหล่าฮูหยินส่งมาให้
ไป๋เซี่ยเหอนั่งอยู่บนเก้าอี้ นางถูกกล่องซอมซ่อที่วางอยู่ตรงมุมห้องดึงดูดสายตาเอาไว้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
มันเป็กล่องที่สามารถถือไว้ได้ด้วยสองมือ ทว่าระดับความซอมซ่อนั้น ต่อให้ทำหล่นหายบนถนนใหญ่ก็คงไม่มีใครชายตามอง
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ยามที่สายตาของไป๋เซี่ยเหอตกกระทบลงบนกล่อง หัวใจของนางถึงได้เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย ราวกับอะไรบางอย่างกำลังจะกระดอนออกมาอย่างไรอย่างนั้น
“ฝูเอ๋อร์ นั่นคืออะไรหรือ?”
ฝูเอ๋อร์ที่กำลังเก็บของอยู่หันหน้าไปมอง “นั่นคือสินเดิมของฮูหยินเ้าค่ะ ไม่รู้ว่าเหตุใดเมื่อปีนั้นมันถึงมาอยู่ในห้องของคุณหนูได้”
จากนั้นฝูเอ๋อร์ก็กล่าวเสริมว่า “แต่กล่องนั้นไม่เคยถูกเปิดมาก่อน อาจเป็เพียงเครื่องประดับธรรมดาๆ เท่านั้น น่าจะมีคนนำมาวางไว้ที่มุมห้องเ้าค่ะ”
เครื่องประดับอย่างนั้นหรือ?
ไป๋เซี่ยเหอสูดลมหายใจลึก นางยืนขึ้นพลางบอกฝูเอ๋อร์ว่าจะออกไปสูดอากาศสักหน่อย จากนั้นนางก็เดินไปยังสวนดอกไม้ด้านหลังจวนสกุลไป๋
สิ่งที่เรียกว่าสวนดอกไม้ด้านหลังนั้น ความจริงแล้วเป็เพียงสวนที่อยู่ล้อมรอบเรือนเท่านั้น ในสวนปลูกต้นไม้ใบหญ้าที่ดูงดงามตระการตาอยู่บ้าง ถึงแม้เนื้อที่จะไม่ได้ใหญ่โตนัก ทว่ามีข้อดีตรงที่อากาศบริสุทธิ์
โดยปกติแล้วแทบไม่ค่อยมีคนมาที่สวนดอกไม้แห่งนี้
“เื่ในวันนี้เ้าเป็คนทำอย่างนั้นหรือ?” บุรุษผู้หนึ่งกล่าวขึ้นทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินนวยนาดเข้ามา น้ำเสียงเ็านั้นแฝงไว้ด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย ส่วนสายตาของเขาก็ทิ่มแทงราวกับพิษของอสรพิษที่ร้ายแรง
หัวใจของไป๋หว่านหนิงเต้นโครมคราม นางทราบว่าฮั่วิเชินนั้นชื่นชอบท่าทางนุ่มนวลและจิตใจอันดีงามของนางมากที่สุด
นางพุ่งเข้าไปโอบเอวของฮั่วิเชินอย่างรวดเร็วราวกับเป็เพียงเงาร่างสายหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือราวกับดอกสาลี่พร่ำหยาดฝน “ไท่จื่อเข้าใจข้าผิดเช่นนี้ได้อย่างไรกันเ้าคะ?”
ฮั่วิเชินไม่ได้พูดอะไรอีก ทว่าก็ไม่ได้ปัดมือของไป๋หว่านหนิงที่โอบเอวตนเองเอาไว้
ไป๋หว่านหนิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อย นางร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีบอบบาง “เื่นี้ข้าผิดเองเ้าค่ะ ข้าไม่ควรบอกท่านแม่ว่าข้ารักท่าน รักจนไม่อาจถอนตัว หากข้าไม่ได้พูดออกมา ท่านแม่คง...”
นางฉวยโอกาสสารภาพรักอย่างน่าประทับใจ ในขณะเดียวกันก็ปัดความผิดของตนเองได้อย่างหมดจด
“ท่านเริ่มจะรำคาญหนิงเอ๋อร์แล้วใช่หรือไม่เ้าคะ?”
ไป๋หว่านหนิงร่ำไห้อย่างหนักจนแทบเป็ลม “หนิงเอ๋อร์เองก็รำคาญตนเองเหมือนกัน หากรู้ตัวเร็วกว่านี้สักหน่อย วันนี้คงขัดขวางท่านแม่สำเร็จ พี่สาวจะได้ไม่ต้องใกลัว”
พูดตามตรงแล้ว เื่ในวันนี้ไม่ได้ส่งผลเสียต่อไป๋เซี่ยเหอเลยแม้แต่น้อย
อันที่จริงฮั่วิเชินไม่ได้โกรธหากมันจะส่งผลเสียต่อไป๋เซี่ยเหอ แม้ว่านางจะไม่เหมือนเมื่อก่อน ทว่าสำหรับเขาแล้วก็เป็เพียงสตรีนางหนึ่งเท่านั้น
เขาโกรธเพราะหากแผนการนี้สำเร็จลุล่วงจริงๆ ผู้ที่เสียหน้ามากที่สุดก็คือจวนไท่จื่อของเขา!
เื่ที่จวนสกุลไป๋ทุบตี ก่นด่า และกลั่นแกล้งรังแกไป๋เซี่ยเหอนั้น ขอเพียงไม่แพร่งพรายออกไป ก็จะไม่กระทบต่อชื่อเสียงของไท่จื่อ เขาถึงได้แสร้งทำเป็หลับตาลงข้างหนึ่ง!
เมื่อไป๋หว่านหนิงเห็นว่าฮั่วิเชินยังคงไม่สนใจนาง นางจึงได้แต่กัดฟันใช้กลอุบายสุดท้ายแล้ว
นางยืนตัวตรงทันที ก่อนจะยิ้มทั้งน้ำตา “หนิงเอ๋อร์ไม่หวังให้ท่านให้อภัย แต่ท่านแม่เป็มารดาเพียงคนเดียวของหนิงเอ๋อร์”
“ให้หนิงเอ๋อร์เอาชีวิตชดใช้ความผิดแทนท่านแม่เถิด หนิงเอ๋อร์รักท่านนะเ้าคะ!”
หลังกล่าวจบ นางก็ลากร่างที่บอบบางวิ่งไปยังกำแพงที่อยู่ด้านข้าง
ทว่าวิ่งไปยังไม่ถึงครึ่งทาง ก็ถูกใครบางคนดึงเข้าไปในอ้อมแขนทันที
ฮั่วิเชินจ้องมองหญิงสาวที่ดูบอบบางในอ้อมอกของเขาด้วยแววตาซับซ้อน “หนิงเอ๋อร์ เ้าก็รู้ว่าข้าชอบหญิงสาวที่เชื่อฟัง”
ไป๋หว่านหนิงมุดศีรษะเข้าไปในอ้อมอกของเขา สูดกลิ่นกายที่ทำให้นางสบายใจ ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทีหลงใหล “หนิงเอ๋อร์ทราบแล้วเ้าค่ะ หนิงเอ๋อร์จะเชื่อฟังคำพูดของท่าน”
น้ำเสียงของฮั่วิเชินฟังดูเย้ายวนราวกับภูตผีปีศาจ “หนิงเอ๋อร์ เ้าต้องเชื่อฟังข้า อย่าได้ยั่วยุไป๋เซี่ยเหอเป็อันขาด”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้