เมื่ออาเหยียนน้อยกลับมา เขาก็เห็นว่าท่านพ่อและท่านแม่ของเขากำลังสู้กันอุตลุด
เหยาเชียนเชียนก็ไม่รู้ว่าแมวตัวนี้เป็อะไร มันไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้เพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าจะเหมือนคนอยู่ไม่น้อย แมวดำตัวนี้คล้ายกับว่าจะฟังสิ่งที่นางพูดเข้าใจทั้งหมด
“ท่านแม่!”
อาเหยียนรีบวิ่งเข้าไป ท่านรีบวางท่านพ่อลงเถิด!
“อาเหยียนอย่าเข้ามาใกล้” เหยาเชียนเชียนยังยื้อยุดกับแมวดำอยู่ นางไม่กล้าลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินเสียงเขาจึงกำชับว่า “แมวตัวนี้เจ็บอยู่ เกรงว่าอารมณ์จะไม่นิ่ง ข้าว่าข้าเอามันออกไปก่อนดีกว่า เผื่อเ้าไม่ระวังไปยั่วโมโหมันเข้า แล้วมันจะข่วนเ้าไปด้วยอีกคน”
ไม่ใช่...
อาเหยียนน้อยมองผู้เป็แม่ใช้มือข้างเดียวหิ้วเนื้อหลังคอของผู้เป็พ่อออกไปต่อหน้าต่อตา
เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวดำไว้ด้วยสองมือ พยายามปลอบขวัญไปพลาง และพยายามควบคุมกรงเล็บอันแหลมคมของมันไปพลาง
แมวตัวนี้ดุเกินไป ในเวลาไม่นานมันข่วนนางจนเืซิบไปไม่น้อย แล้วนางจะกล้าปล่อยให้มันอยู่ใกล้ๆ อาเหยียนได้อย่างไร
เด็กน้อยเป็สิ่งที่คาดเดาไม่ได้มากที่สุด เบามือหน่อยหรือหนักมือหน่อยก็สามารถยั่วให้มันโกรธได้ทั้งสิ้น
“ผิวเนื้อนุ่มนิ่มของอาเหยียนจะทนกรงเล็บของเ้าได้อย่างไร”
เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวดำกลับห้องตัวเอง แม่นมซึ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูมีท่าทางกระสับกระส่าย เมื่อเห็นว่านางกลับมาแล้วก็รีบเข้าไปต้อนรับพลางมองแมวดำในอ้อมแขนของนางอย่างสงสัย
“คุณหนู แมวตัวนี้มาจากที่ใดหรือเ้าคะ?”
เหยาเชียนเชียนยิ้ม เกือบลืมเื่ของแม่นมผู้นี้ไปเสียแล้ว นางผลักประตูเข้าไปและนั่งลงข้างโต๊ะพลางลูบขนแมวดำไปด้วย และกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “คุกเข่าลง”
แม่นมรู้ว่าสิ่งที่นางตัดสินใจทำวันนี้ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ จึงรีบคุกเข่าลงข้างๆ เท้าอีกฝ่าย คุณหนูเชื่อใจนางมาตลอด ครั้งนี้นางตั้งใจปกปิดและพาไปพบองค์ชายสาม แท้จริงแล้วก็เพื่อตัวของเหยาเชียนเชียนทั้งนั้น
หลายปีมานี้คุณหนูเฝ้าถวิลหาองค์ชายสามอย่างไรล้วนอยู่ในสายตานางทั้งหมด วันนี้คุณหนูอาจโดนมารเข้าสิง แต่หากได้พบกับองค์ชายสาม นางก็อาจจะดีขึ้นได้
“บ่าวรู้ว่าคุณหนูโกรธบ่าว แต่บ่าวทำเพื่อคุณหนูจริงๆ นะเ้าคะ” นางเดินเข่าไปถึงข้างกายเหยาเชียนเชียน เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “คุณหนูไม่เหลือเยื่อใยให้องค์ชายสามแม้แต่น้อยเลยหรือเ้าคะ?”
ดวงตาลึกล้ำของแมวดำมองไปยังเหยาเชียนเชียน บ่าวผู้นี้แม้จะพูดจาน่ารำคาญไปบ้าง แต่นางก็พูดความจริง นางเป็คนใช้ของตระกูลเหยา ย่อมทุ่มเททำเพื่อตระกูลเหยาอยู่แล้ว
ผู้คนในนครหลวงล้วนทราบถึงความรู้สึกที่เหยาเชียนเชียนมีให้แก่เป่ยเซวียนเฉิง คำถามนี้เขาเองก็อยากรู้เช่นกัน นางแต่งงานกับเขาเพียงไม่กี่วัน นางจะสามารถลืมเป่ยเซวียนเฉิงได้อย่างหมดสิ้นแล้วหรือ?
หากง่ายดายเพียงนั้นจริง ในคราแรกเขาก็ควรจะขังนางให้นานกว่านี้ ให้นางตัดใจจากความคะนึงหาให้หมด ให้ไม่ต้องคิดถึงเป่ยเซวียนเฉิงผู้นั้นได้เลยยิ่งดี
“ข้อแรก ข้าเป็ชายาของชิงผิงอ๋อง ไม่ใช่คุณหนูอย่างที่เ้าเรียกอีกต่อไปแล้ว” เหยาเชียนเชียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ข้อสอง เ้าปกปิดข้า พาข้าไปพบองค์ชายสาม อีกทั้งยังถูกชิงผิงอ๋องจับได้ ทรยศเ้านาย บีบข้าให้ตกอยู่ในอันตราย เ้าลองเดาดูสิว่าข้าจะจัดการเ้าอย่างไร”
แม่นมรีบคุกเข่าลงสารภาพความผิด นางไม่คิดเช่นกันว่าชิงผิงอ๋องจะปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน นางระมัดระวังทุกอย่างแล้ว และไม่ได้มีเจตนาให้ชิงผิงอ๋องไปพบพวกนาง!
“ข้ารู้ว่าเ้าไม่ได้เจตนา” เหยาเชียนเชียนกล่าวเสียงเย็น “ที่ข้าจะบอกคือเ้ามันโง่!”
นางลุกขึ้นยืนและก้าวเข้าไปใกล้ๆ แม่นม ยามที่ถูกชิงผิงอ๋องจับได้ นางคิดว่านางคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วเสียอีก คิดดูแล้วหากอีกฝ่ายไม่ได้รับาเ็จนไม่มีเวลามาลงโทษ นางคงถูกเขาฉวยโอกาสนั้นบีบคอจนตาย และโยนลงหลุมศพในป่าไปนานแล้ว
“ยามที่ได้รับจดหมายข้าเคยเตือนเ้าแล้ว ข้าและองค์ชายสามไม่อาจเกี่ยวข้องกันได้ แต่เ้าก็ยังใช้อาเหยียนมาเพื่อวางแผนร้ายกับข้า ผู้ใดทำให้เ้าใจกล้าได้ถึงเพียงนี้!”
แม่นมคุกเข่าอยู่บนพื้นตัวสั่นเทิ้ม แมวดำลูบหนวดของตนเบาๆ ราวกับค่อนข้างพอใจในผลงานของเหยาเชียนเชียน
“เวลานี้ข้าเป็ชายาของชิงผิงอ๋องแล้ว เป็เื่ที่ทั่วทั้งใต้หล้าต่างรู้กัน ต้องให้ข้าเตือนเ้าอีกรอบหรือ เื่นี้หากถูกผู้ไม่หวังดีนำไปเขียนเป็ความเรียง ไม่ใช่แค่ข้า แต่ทุกคนในตระกูล องค์ชายสาม และชิงผิงอ๋อง ทุกคนก็อย่าคิดเลยว่าจะมีชีวิตที่ดี บ่าวเขลาเช่นเ้าเกือบสร้างหายนะครั้งใหญ่แล้ว ทั้งยังมีหน้ามาบอกว่าทำเพื่อข้า ตอนแต่งงานข้าไม่น่าพาเ้ามาด้วยั้แ่แรกเลย!”
พูดได้น่ากลัวเหลือเกิน แววตาของแมวดำปรากฏแววขบขัน แม้ว่าจะกล่าวเกินจริงไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้
เสด็จพ่อมีพระชนมายุมากแล้ว อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะต้องทรงเลือกผู้สืบบัลลังก์จากหนึ่งในหมู่พระโอรสทั้งหมด แม้ว่าเขาจะได้รับความรักและความเอ็นดูจากเสด็จพ่อ แต่ก็อาจจะมีคนไม่กลัวตายหมายจะกวนน้ำให้ขุ่น
ขาทั้งสองข้างของแม่นมสั่นระริก นางรับคำสั่งจากนายท่านให้ติดตามเหยาเชียนเชียนมาที่จวนอ๋องและปรนนิบัติข้างกายคุณหนู โดยจุดประสงค์หลักคือให้คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ และคอยรายงานสถานการณ์ของคุณหนูต่อนายท่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ยามนี้คุณหนูเป็เช่นนี้ เกรงว่าคงจะไม่เชื่อใจนางอีกต่อไปแล้ว และไม่อาจรับฟังนางแม้เพียงครึ่งคำ ในยามที่ไร้ประโยชน์ต่อตระกูลเหยาและคุณหนู ก็คือยามที่นางจะต้องตาย
“คุณหนู ไม่สิ หวังเฟยโปรดไว้ชีวิตบ่าวสักครั้งเถิดเพคะ บ่าวโง่เองจนเกือบทำร้ายหวังเฟย บ่าวไม่กล้าอีกแล้วเพคะ ต่อไปบ่าวจะปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด ไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้แล้วเพคะ!”
“เ้ายังคิดจะรั้งอยู่ข้างกายข้าอีกหรือ?” เหยาเชียนเชียนถาม
“ใช่เพคะ หวังเฟยได้โปรดให้บ่าวได้ปรนนิบัติข้างกาย ต่อไปบ่าวจะฟังแค่คำสั่งของพระองค์เพคะ!”
เหยาเชียนเชียนลูบหูแมวดำจนเกือบจะถูกมันข่วนเข้าอีกรอบ พลางกล่าวเบาๆ เจือเสียงหัวเราะว่า “เ้าอยากรั้งอยู่ แต่ข้าไม่กล้าเก็บเ้าไว้แล้ว วันนี้เ้ากล้าพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาในสถานการณ์ที่โดนข้าข่มขู่อยู่ หากวันหน้าได้พบผู้อื่นก็คงห้ามไม่ให้พูดสิ่งเหล่านี้กับผู้อื่นด้วยไม่ได้”
คนประเภทนี้นางไม่กล้าเก็บไว้ข้างตัวอย่างแน่นอน สักวันก็คงจะแทงนางเข้าอีกครั้ง
“หวังเฟย...”
แม่นมยังอยากร้องขอต่ออีก แต่กลับถูกเหยาเชียนเชียนพูดตัดบท
“ถ้าเ้าไม่ไป จุดจบมีแต่ตายสถานเดียว รอชิงผิงอ๋องนึกถึงเื่คิดบัญชีย้อนหลังขึ้นได้เมื่อไร ข้าจะให้เ้าพูดความจริงออกไปทั้งหมด ฆ่าบ่าวไพร่ไปสักคนคงง่ายกว่าฆ่าหวังเฟยอยู่มาก”
แม่นมเงียบไปชั่วครู่ ท้ายที่สุดแล้วความภักดีของนางก็ยังคงทำให้พูดจาได้น่าฟังเช่นเคย หากยังยืนกรานต่อไป เื่ครั้งนี้เกิดขึ้นจากนาง ดังนั้นถ้านางรับผิดชอบความผิดนี้ เหยาเชียนเชียนก็อาจจะยังคาดหวังในตัวนางอยู่บ้าง
แต่ดูจากยามนี้ นางไม่มีความภักดีเช่นนั้น
“ไปเอาหนังสือขายทาสของเ้าในตู้มา แล้วก็นำเงินติดไปด้วยสิบสองตำลึง ั้แ่นี้ต่อไปห้ามโผล่มาให้ข้าเห็นอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเ้าโดยไม่มีการไตร่ตรองใดๆ”
สตรีเช่นนาง บ่าวสุนัขที่ทรยศต่อเ้านายควรนำไปโบยจนตายถึงจะถูก ไยจึงทำเพียงคืนหนังสือขายทาสและยังให้ตำลึงติดตัวไปอีก เหยาเชียนเชียนเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?
แมวดำทั้งโกรธเคืองทั้งรังเกียจ แต่ก็ติดที่มันไม่สามารถพูดได้ จึงทำได้เพียงใช้อุ้งเท้าข่วนไปบนลายปักเต็มแรง
เหยาเชียนเชียนไม่มองแม่นมแม้แต่น้อย นางไม่ใช่คนของยุคนี้ จึงไม่ได้รู้สึกด้านชากับการฆ่าคนอย่างง่ายดาย ไล่ไปให้ไกลก็พอ เช่นนี้ดีแล้ว
แม่นมโขกศีรษะสามครั้งอย่างจริงจัง นางกล่าวลายืดยาวและอวยพรให้ทุกอย่างราบรื่น ก่อนจะลุกขึ้นจากไป
ภายในห้องเงียบลงอีกครั้ง เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวดำไปที่ริมหน้าต่าง นอกหน้าต่างแสงแดดเจิดจ้า แต่นางกลับหาอิสระของตนไม่เจอ ในยามนี้จึงรู้สึกอิจฉาแม่นมผู้นั้นขึ้นมาเล็กน้อย
“ท้องฟ้าสูงทะเลกว้าง แต่ข้าไม่อาจโผบิน” นางกล่าวเสียงแ่พลางลูบแมวดำในอ้อมแขนไปด้วย“ไม่รู้ว่าข้าจะสามารถผ่านคืนวันอันน่าหวาดหวั่นนี้ไปได้อีกนานเท่าใด”
นางคิดถึงบ้านอยู่บ้าง กระทั่งเ้านายที่เคยโทรขู่ให้นางทำงานล่วงเวลา ยามนี้ย้อนคิดไปก็รู้สึกว่าน่ารักดี
แมวดำจ้องมองนางอย่างเงียบๆ สายตาสำรวจจากบนลงล่าง ต้องบอกว่าเหยาเชียนเชียนผู้นี้เริ่มประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ นับั้แ่ที่เขาขังนางไว้หนึ่งวันหนึ่งคืน ไม่เพียงแค่อุปนิสัยเปลี่ยนไป กระทั่งลักษณะท่าทางและบุคลิกก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็คนละคนเช่นกัน
ถ้าเป็เช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่นเท่านั้นก็คงไม่น่าสงสัย แต่ยามนี้ไร้ซึ่งบุคคลที่สามและนางไม่รับรู้ถึงร่างจริงของเขา เหตุใดจึงยังทำตัวประหลาดเช่นนี้อยู่อีก
ใน่หนึ่งวันหนึ่งคืนนั้นเขาไม่ได้อยู่ที่จวน นางก็ไม่ได้ออกจากห้อง ทั้งยังมีองครักษ์เฝ้าอยู่รอบๆ ไม่รู้ว่าใน่เวลานั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากพอรู้ก็อาจจะสามารถอธิบายการเปลี่ยนไปของนางได้
เหยาเชียนเชียน เกิดอะไรขึ้นกับเ้ากันแน่?
เหยาเชียนเชียนก้มหน้ามอง เห็นแมวดำที่อยู่ในอ้อมแขนกำลังมองนางด้วยสีหน้าจริงจังก็อดหัวเราะไม่ได้
“ดูเ้าทำเข้าสิ ตั้งใจมองข้าขนาดนี้ ข้าสวยหรือ?”
ก็แค่หน้าตาสวยในระดับปานกลาง จะควรค่าให้เปิ่นหวังมองได้อย่างไร หึ!
“ไอ้หยา เ้าอย่าเอาอย่างชิงผิงอ๋องเชียว คนผู้นั้นจะไปสอนอะไรดีๆ ให้เ้าได้ เ็าปานนั้น หากไม่ใช่เพราะเ้าสวย ก็คงไม่มีผู้ใดอยากลูบขนให้เ้าเป็แน่”
คนที่อยากเอาใจเปิ่นหวังมีเยอะราวกับปลาไนในแม่น้ำ [1] เ้าจะไปเข้าใจอะไร
“แต่เ้าโชคดีกว่าเขา” เหยาเชียนเชียนพยายามยกมันขึ้นสูงอีกครั้ง แต่ก็ถูกอุ้งเท้าปิดตาไว้ สุดท้ายจำต้องปล่อยลงทั้งหน้าเหยเก
“เ้าาเ็ก็ยังมีข้าดูแล แต่เ้าของของเ้าได้รับเจ็บแล้วหนีหายไปที่ใดแล้วก็ไม่รู้” นางบ่นพึมพำ “หนีไปทั้งที่เืยังไหลอยู่ ไม่กลัวเสียเืมากเกินไปจนสลบอยู่ซอกมุมไหนหรืออย่างไร”
แล้วเื่นี้ต้องโทษผู้ใดเล่า?
แมวดำแยกเขี้ยวคม เขาเกือบจะถูกนางกระแทกจนได้รับาเ็สาหัส เดิมทีหลังจากเปลี่ยนคืนร่างเดิมจะสามารถรักษาตัวเองและฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาถูกนางจับมาเทยาผงลงไปจำนวนไม่น้อย ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะไม่สบายตัวไม่พอ ยังกระทบต่อความสามารถในการรักษาตัวเองอีก
เรียกได้ว่ามือไม่พายเอาเท้าราน้ำ!
“เสี่ยวไกวไกว มานี่สิ” นางอุ้มแมวดำและวางลงบนเตียงอย่างแ่เบา “อย่างไรเสียก็ไม่รู้ว่าชิงผิงอ๋องหายไปไหน เช่นนั้นเ้าก็รั้งอยู่ที่นี่ก่อน รอแผลหายดีแล้ว หรือว่าเขามาถามหาค่อยกลับไปแล้วกัน”
ไม่อนุญาตให้เ้าเรียกเปิ่นหวังด้วยชื่อนี้ มัน...มันระคายหู!
แมวดำถลึงตาสีเขียวมรกตคู่นั้น ราวกับกำลังจะแผดเสียง แต่กลับไม่ยอมร้องอย่างแมวทั่วไป ทำได้เพียงสะกดกลั้นไฟโกรธไว้ที่มุมปาก โกรธจนข่วนผ้าห่มใต้ร่างอย่างรุนแรง
“จริงด้วย” เหยาเชียนเชียนเอ่ยขึ้นอย่างใ “ข้าทำหนูของเล่นได้ ข้าเย็บให้เ้าสักตัวหนึ่งดีหรือไม่!”
เปิ่นหวังไม่ชอบ ข้ามีหนูทองและหนูเงินมากมายอยู่ในคลังส่วนตัว มีดวงตาฝังอัญมณี อีกทั้งยังถือถั่วลิสงแก้ว เ้าจะเย็บอะไรให้อีก!
ความรังเกียจของแมวดำไม่ได้ถ่ายทอดไปถึงเหยาเชียนเชียนอย่างเห็นได้ชัด นางหาผ้าและเข็มกับด้ายอย่างมีความสุข พร้อมกับนำผ้าหลากสีมาปูไว้ตรงหน้ามันและถามอย่างจริงจัง
“เ้าชอบสีใด?”
เ้านำผ้าเก่าๆ พวกนี้มาทำของเล่นให้เปิ่นหวังอย่างนั้นหรือ แมวดำเหวี่ยงอุ้งเท้าทั้งสองข้างอย่างโมโห พลางกัดผ้าสีขาวเป็การระบายความโกรธ
“หนูสีขาวหรือ?”
เหยาเชียนเชียนคิดเล็กน้อยพลางพยักหน้า “ได้สิ สวยเหมือนกัน เสี่ยวไกวไกว คาย”
เปิ่นหวังไม่ชอบสีขาว!
…
ค่ำคืนเริ่มมืดลง เหยาเชียนเชียนฟุบหลับสนิทอยู่ริมหน้าต่าง สองแขนของนางอยู่ในท่ากอด แมวดำที่เดิมทีควรจะนอนอยู่ในวงแขนของนางยามนี้กลายเป็เงาร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ข้างเตียง
มือของชายหนุ่มคีบหนูที่ทำมาจากผ้าสีขาวตัวหนึ่ง แววรังเกียจฉายชัดอยู่บนใบหน้า
“ทุกเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ เปิ่นหวังจดจำไว้ทั้งหมด วันหน้าค่อยคิดบัญชีกับเ้า”
ลมสายหนึ่งพัดผ่านแ่เบา ราวกับบางอย่างที่เย็นเยียบเฉียดผ่านมุมปากของนาง ทำให้ในห้วงฝันหวานขึ้นมาหลายส่วน
เชิงอรรถ
[1] ปลาไนในแม่น้ำ เป็การเปรียบเปรยว่า มีคนไปมาหาสู่ไม่ขาด
