“เสี่ยวเฟิง เวลานี้คนตระกูลหวงต่างก็ถูกสังหารไปหมดแล้ว หากรวมหวงไท่ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังห้าคนและผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่อีกยี่สิบเจ็ดคน จากจำนวนคนทั้งหมดนี้ คงเป็ครึ่งหนึ่งของบุคคลสำคัญภายในตระกูลหวงทั้งหมดแล้ว”
มู่ไห่กล่าวขึ้นขณะเดินมาหามู่เฟิง เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังเ้าสิ่งมีชีวิตตัวสีขาวที่กำลังนอนหมอบอยู่บนแขนของเด็กหนุ่ม
“เราเสียคนไปเท่าไรหรือขอรับ”
มู่เฟิงเอ่ยถามขึ้น
“มีศิษย์สองคนเสียชีวิต ส่วนคนอื่นๆ ได้รับาเ็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
หลังมู่เฟิงได้ฟังคำตอบ เขาก็เดินเข้าไปหาศิษย์ของตระกูลมู่ที่นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
ศิษย์ตระกูลมู่ผู้นี้คือคนที่โผเข้ามารับคมกระบี่แทนมู่เฟิง คมกระบี่ของหวงไท่เจาะทะลวงเข้าสู่จิติญญาของอีกฝ่าย ทำให้เขานอนตายตาไม่หลับ
มู่เฟิงมีสีหน้าหดหู่ใจอย่างยิ่ง เขายื่นฝ่ามือออกไปปิดเปลือกตาของศิษย์ตระกูลมู่ผู้นั้น ก่อนจะคว้าร่างของอีกฝ่ายมาไว้ในอ้อมแขนของตน พร้อมกล่าวพึมพำขึ้นว่า “พี่ชาย ท่านจงจากไปอย่างวางใจเถิด ระหว่างเดินทางไปยังปรโลก ข้าจะฝังร่างของคนตระกูลหวงไปพร้อมกับท่าน”
มู่เฟิงหรี่ตาลง แม้น้ำเสียงของเขาจะแ่เบา แต่มันกลับเต็มเปี่ยมด้วยความหนักแน่นและความอาฆาตรุนแรง
เด็กหนุ่มอุ้มร่างไร้ิญญาของศิษย์ผู้นั้นส่งให้ศิษย์อีกคนของตระกูลมู่ ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “พวกท่านถอยออกไปก่อนเถิด”
คนอื่นได้แต่หันมามองหน้ากัน ก่อนจะทยอยถอยห่างออกจากโรงเตี๊ยมไปทีละคน เพียงไม่นานสถานที่นองเืแห่งนี้ก็เหลือเพียงแค่มู่เฟิงคนเดียว
หยกเทพชูร่าลอยออกมาจากร่าง จากนั้นพลังดูดซับมหาศาลก็พลันปะทุขึ้น ก่อนที่เืภายในร่างของศพที่นอนเกลื่อนไปทั่วพื้นจะเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็เส้นใยโลหิต และเส้นใยโลหิตทั้งหมดนั้นก็ถูกดูดซับเข้าไปในหยกเทพชูร่าอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีแก่นโลหิตสีทองปรากฏขึ้นอีกหลายหยด ก่อนที่แก่นโลหิตเ่าั้จะถูกดูดซึมเข้าไปในหยกเทพชูร่า
เช่นกัน และในวินาทีถัดมา ศพจำนวนกว่าสามสิบร่างก็พลันเปลี่ยนเป็แห้งเหี่ยวดูน่าสยดสยองอย่างยิ่ง
มู่เฟิงมองดูซากศพเ่าั้ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเ็าว่า “อย่าได้กล่าวโทษว่าข้าใจร้าย ที่แม้แต่ร่างศพในสภาพสมบูรณ์ก็ยังไม่เหลือไว้ให้พวกเ้า นับั้แ่ที่พวกเ้าได้เลือกที่จะลงมือ นั่นก็ถือเป็การล่วงเกินข้าแล้ว หากจะตำหนิใครสักคนก็จงตำหนิตัวพวกเ้าเองเถอะที่เลือกทางผิด”
เปลวไฟสีขาวพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของมู่เฟิง เขาโยนเปลวไฟนี้ไปยังร่างศพแห้งเหี่ยวเ่าั้ ก่อนที่เปลวไฟอันร้อนแรงจะพลันลุกโชนขึ้นมา มันเริ่มขยายขอบเขตลามออกไปเป็วงกว้างอย่างรวดเร็ว
ก่อกรรมทำเข็ญ เข่นฆ่าสังหาร พากเพียรฝึกฝนมาเนิ่นนานหลายปี แต่ท้ายที่สุดก็กลายเป็เพียงเถ้าธุลี...
การฝึกเคล็ดวิชาชูร่าในชีวิตนี้ของข้านั้น แน่นอนว่าภายใต้คมดาบย่อมเต็มไปด้วยซากศพกองพะเนินสูงเป็ูเาและหยาดเืที่หลั่งไหลราวกับมหาสมุทร
มู่เฟิงก้าวออกมาจากโรงเตี๊ยม ทุกคนต่างก็กำลังรอเขาอยู่ด้านนอก ซึ่งนอกจากกลุ่มคนตระกูลมู่แล้ว ยังมีชายวัยกลาง เสี่ยวเอ้อร์และพ่อครัวอีกหนึ่งคน
ขณะนี้โรงเตี๊ยมได้กลายเป็กองเพลิงขนาดใหญ่ไปแล้ว
มือของมู่เฟิงพลันมีแสงส่องประกายขึ้น จากนั้นถุงหนังขนาดใหญ่ที่บรรจุไว้ด้วยเหรียญตำลึงทองได้ปรากฏขึ้นในมือของเขา เด็กหนุ่มโยนถุงหนังนั้นให้กับชายวัยกลางคน ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเ็าว่า “พวกเ้าเก็บสิ่งนี้เอาไว้สร้างโรงเตี๊ยมใหม่เถอะ สิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด หวังว่าพวกเ้าคงจะเข้าใจ”
“ขอรับ ขอรับ ขอบพระคุณคุณชายมากขอรับ เื่ที่เกิดขึ้นในคืนนี้พวกข้าน้อยไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นขอรับ”
ชายวัยกลางคนรีบร้อนตอบรับด้วยท่าทีน้อมนอบอย่างถึงที่สุด เงินที่มู่เฟิงมอบให้เขานั้นเพียงพอที่จะสร้างโรงเตี๊ยมที่ดีกว่าเดิมได้เสียอีก
“เสี่ยวเฟิง เ้าคิดเห็นว่าหลังจากนี้ควรทำอย่างไรต่อไปดี?”
มู่ไห่เอ่ยถามขึ้น หากมีเื่ใหญ่ให้ต้องตัดสินใจ เขามักจะถามความเห็นของมู่เฟิงก่อนเสมอ เวลานี้ไม่มีใครปฏิบัติต่อเด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกปีผู้นี้เหมือนกับเด็กหนุ่มธรรมดาอีกต่อไปแล้ว
“เราต้องกลับไปรวมพลกันก่อนขอรับ เพราะเราจะกวาดล้างตระกูลหวงกันในคืนนี้!”
มู่เฟิงกล่าวขึ้นอย่างฉะฉาน ในคำพูดนี้เขาเผยเจตนาสังหารออกมาอย่างชัดเจน
มู่ไห่พยักหน้า ในเมื่อพวกเขาลงมือสังหารหวงไท่ไปแล้ว ดังนั้นระหว่างตระกูลมู่และตระกูลหวงย่อมไม่หลงเหลือมิตรไมตรีต่อกันอีก ด้วยเหตุนี้การกวาดล้างตระกูลหวงในคืนนี้จึงเป็ทางเลือกที่ดีที่สุดก่อนที่อีกฝ่ายจะไหวตัวทันและตอบโต้กลับ
คนกลุ่มใหญ่ควบม้ากลับไปยังเมืองอันหนาน ส่วนเกวียนของรถม้าอีกสามคันนั้นเป็เพียงเกวียนหินธรรมดาเท่านั้น
กว่าทุกคนจะกลับมาถึงจวนตระกูลมู่ในเมืองอันหนานก็เป็เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว
ตระกูลมู่ได้เรียกรวมตัวเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ในตระกูลให้มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่กว่าหกสิบคน ผู้ฝึกยุทธ์ระดับทงม่ายขั้นแปดถึงขั้นเก้ากว่าสองร้อยคน นอกจากนี้ยังมีผู้าุโระดับสูงในตระกูลมู่ซึ่งมีวรยุทธ์ระดับหนิงกังอีกเจ็ดคน ในเวลานี้ทุกคนรวมถึงมู่ไห่และมู่จงต่างก็มารวมตัวกันอยู่เบื้องหน้ามู่เฟิงแล้ว
โดยคนทั้งหมดเหล่านี้ถือได้ว่าเป็กองกำลังของตระกูลมู่สายรอง และเพราะกองกำลังเหล่านี้ทำให้ตระกูลหมู่กลายเป็หนึ่งในสามกองกำลังหลักของเมืองอันหนาน
กระทั่งตระกูลสายรองยังมีอำนาจมากขนาดนี้ ดังนั้นคงสามารถจินตนาการได้ไม่ยากว่าตระกูลมู่สายหลักนั้นจะมีอำนาจมากเพียงใด หนึ่งในสี่ของทหารทั้งสองแสนนายในกองทัพทหารตระกูลมู่ล้วนเป็ลูกหลานของตระกูลมู่โดยตรง กองกำลังของพวกเขานั้นแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถล่วงเกินได้โดยง่าย
ศิษย์หลายคนของตระกูลมู่ต่างมองมาทางมู่เฟิงด้วยความสงสัย พวกเขายังไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ก่อนหน้านี้ขบวนสินค้าของตระกูลมู่ถูกดักปล้น เราต้องสูญเสียศิษย์ในตระกูลไปมากกว่าสิบคน สำหรับเื่นี้ทุกคนคงทราบกันดีแล้ว แต่ข้าคิดว่าคนส่วนใหญ่คงยังไม่รู้ว่าเป็ฝีมือของผู้ใด”
มู่เฟิงกวาดตามองไปยังกลุ่มคนขณะกล่าวขึ้น
“เป็ฝีมือของผู้ใด ทางตระกูลสามารถตรวจสอบหาผู้ลงมือได้แล้วหรือขอรับ?”
“พี่ชายของข้าต้องเสียชีวิตในระหว่างการคุ้มกันขบวนสินค้า หากรู้ว่าเป็ฝีมือของผู้ใด ข้าจะต้องแก้แค้นแทนเขาแน่”
บังเกิดเสียงอึกทึกดังขึ้นในกลุ่มคนทันที โดยส่วนใหญ่ต่างก็รู้สึกแค้นเคืองกับเื่ที่เกิดขึ้น
“สำหรับเื่นี้คุณชายเฟิงของเราได้ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็ฝีมือของพวกคนตระกูลหวง เมื่อ่เย็นที่ผ่านมาทางเราได้ทำการวางกับดักเพื่อตรวจสอบความจริง และพบว่าพวกตระกูลหวงได้ลงมือปล้นสินค้าของเราอีกครั้ง ซึ่งทางเราได้สังหารพวกโจรชั่วเ่าั้ไปหมดแล้ว แต่ตระกูลหวงยังคงอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วทุกท่านคิดเห็นว่าควรทำอย่างไร?”
“ว่าอย่างไรนะ เป็ฝีมือของพวกตระกูลหวงอย่างนั้นรึ!”
“ถูกต้อง ทั้งหมดล้วนเป็ฝีมือของตระกูลหวง ดังนั้นในคืนนี้คุณชายเฟิงจะพาพวกเราบุกไปกวาดล้างตระกูลหวงที่เหลืออยู่ให้สิ้นซาก”
“สังหารมัน! สังหารมัน! ล้างแค้นให้กับพวกพ้องของเราที่ตายไป!”
ผู้คนของตระกูลมู่ต่างร้องคำรามออกมาด้วยความแค้นเคือง
“สังหารมัน! สังหารมัน! สังหารมัน!”
ทุกคนต่างโห่ร้องเป็เสียงเดียวกัน พวกเขาล้วนคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือความชอบธรรม
“ทุกท่านโปรดจงฟังข้า”
มู่เฟิงได้ก้าวออกมาเบื้องหน้า ทุกคนต่างเงียบเสียงลงและมองไปยังคุณชายผู้นี้ของตระกูล
“แม้ว่าตระกูลหวงสมควรจะถูกทำลาย แต่เราจะไม่สังหารคนธรรมดา เราจะกวาดล้างเพียงผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลหวงเท่านั้น ล้างแค้นให้กับพี่น้องของเราที่ตายไป”
มู่เฟิงกล่าวขึ้น เขาไม่้าให้เื่ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์มีผลกระทบกับคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้รู้เื่อะไรด้วย ซึ่งนี่คือบรรทัดฐานสำคัญที่อยู่ภายในใจของเขา
ทุกคนต่างพยักหน้าโดยไม่มีใครคัดค้าน
“เอาละ จงกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมตัวให้พร้อม อีกสักครู่เราจะกลับมารวมตัวกันที่นี่ แยกย้ายได้!”
หลังจากมู่ไห่โบกมือ ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ารวมถึงเตรียมความพร้อม แน่นอนว่าการสังหารหมู่ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทำได้อย่างเปิดเผย เพราะถึงอย่างไรบ้านเมืองก็มีขื่อมีแป
ในยามค่ำคืนอันหนาวเหน็บ ท่ามกลางสายลมในคืนเดือนมืดของเหมันตฤดูที่ให้ความรู้สึกหนาวเย็นจนเสียดกระดูก บ้านเรือนมากมายภายในเมืองอันหนานสว่างไสวด้วยแสงจากโคมไฟ ในขณะเดียวกันบนท้องฟ้าก็ได้มีเกล็ดหิมะสีขาวโปรยปรายลงมา และเพียงไม่นานบนพื้นถนนก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว
จวนตระกูลหวงนั้นครอบคลุมพื้นที่กว่าหลายสิบไร่ ตอนนี้บริเวณหน้าประตูจวนมีผู้คุ้มกันสี่คนกำลังทำหน้าที่เฝ้ารักษาการณ์
“คืนนี้ช่างเหน็บหนาวยิ่งนัก ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วยามจึงจะถึงเวลาเปลี่ยนกะ หากเปลี่ยนกะเมื่อใดข้าจะตรงไปยังหอชุนฮวาเลือกคณิกามาสักนางเพื่อหาไออุ่น”
ชายร่างผอมผู้หนึ่งกำลังถูมือตัวเองพลางสบถออกมาด้วยความหนาว
“ถูกต้อง ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา การที่ต้องอยู่เวรในฤดูหนาวเป็่เวลาที่ทรมานที่สุดแล้ว”
คนอื่นต่างทอดถอนใจ พวกเขาต่างยกมือขึ้นมาเป่าเพื่อััไออุ่นจากลมหายใจ
หวืด!
แต่ทันใดนั้นเอง ได้ปรากฏเสียงลูกศรพุ่งทะลวงผ่านอากาศมาในความมืดมิด
ฉึก!
ลูกธนูอันแหลมคมได้เจาะทะลวงศีรษะของชายฉกรรจ์ที่พูดขึ้นเมื่อครู่ ก่อนที่ชายผู้นั้นจากเบิกตากว้างและล้มตึงลงไปทันที
แลยังไม่ทันที่ผู้คุ้มกันคนอื่นจะได้ตอบโต้ ก็ปรากฏลูกศรอันแหลมคมอีกหลายดอกพุ่งทะลวงเข้ามาอีกครั้ง ผู้คุ้มกันทั้งสี่ล้วนถูกลูกศรเ่าั้ยิงเสียชีวิตหน้าประตูจวน เืสีแดงสดไหลอาบลงมาตามขั้นบันได ทำให้หิมะที่ปกคลุมอยู่บนพื้นกลายเป็สีแดงฉาน
เงาร่างของคนกลุ่มใหญ่ในชุดสีดำทมิฬที่กลืนกินไปกับความมืดมิดอนธการยามราตรีได้ปรากฏตัวออกมา ก่อนที่พวกเขาจะทำการเคลื่อนย้ายศพบนพื้นโดยลากออกไปทั้งสองฝั่ง หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้บุกเข้าไปทางหน้าประตูจวนของตระกูลหวงโดยตรง...