เมื่อจั๋วอวิ๋นเซียนลืมตาขึ้น ฟ้าดินกลายเป็สีเื
ในเวลานี้เองเขารู้สึกว่าภายในร่างกายของตัวเองมีพลังชั่วร้ายบ้าคลั่งอยู่ซึ่งส่งผลกระทบต่อสติปัญญาของเขา ทำให้จิตใจเต็มไปด้วยจิตสังหารต่อทุกสรรพชีวิต ราวกับจะทำลายโลกทั้งใบ!
“เ้าหนูนี่แปลกๆ จับเขาก่อน!”
ศิษย์ของหอหานหยิ่งถือโซ่ิญญาเอาไว้ ยามที่กำลังเตรียมตัวเข้าไปจับจั๋วอวิ๋นเซียน กลับเห็นอีกฝ่ายหายไปจากที่เดิมแล้ว...
“หายไปที่ใดกัน!”
ทุกคนต่างใไม่น้อย ทันใดนั้นก็ััได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่ออกมาจากด้านหลัง!
เมื่อหันกลับไป จั๋วอวิ๋นเซียนก็ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาเสียแล้ว เขาถือกระบี่สั้นเอาไว้ั้แ่เมื่อใดไม่มีใครทราบ
“ฉึก!”
กระบี่แทงร่างของศิษย์คนหนึ่งโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เสมือนกระบี่ในมือของเขาควรปรากฏอยู่ตรงนั้นั้แ่แรกแล้ว
“อะไรนะ! ตะ...ตายแล้ว!”
“บัดซบ กล้าฆ่าคนในท่าเรือหลงหยาหรือ!”
“จับมัน! จับมันเสีย!”
ศิษย์หอหานหยิ่งกรูกันเข้าไปทางจั๋วอวิ๋นเซียน...ทว่าเขาหายไปจากที่เดิมอย่างไร้สุ้มเสียงอีกครั้งหนึ่ง
“ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!”
ระบำกระเรียนว่องไวปราดเปรียว กระบี่ส่องแสงเปล่งประกาย
เงาที่สง่างามร่างหนึ่งพุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชน ศิษย์ของหอหานหยิ่งล้มลงทีละคนพร้อมกับรอยเืบนลำคอ
เป็วิทยายุทธ์กระบี่ที่งดงามมาก! และยังเป็จิตสังหารที่น่ากลัวมากด้วยเช่นกัน!
ยากจะจินตนาการว่าเื่โหดร้ายอย่างการสังหารกลับสามารถทำออกมาได้ดูสง่างามถึงเพียงนี้ เปรียบดังภาพวาดที่งดงามภาพหนึ่ง ค่อยๆ คลี่ภาพออกทีละน้อยๆ ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายตาสบายใจ
ทว่ายิ่งเป็เช่นนี้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกน่ากลัว...ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปถึงิญญา!
……
ท่าเรือที่เต็มไปด้วยผู้คนแต่กลับเงียบกริบราวกับป่าช้า!
จั๋วอวิ๋นเซียนมิได้สนใจผู้อื่น เขาเดินไปทางซือคงอวี่ทีละก้าว
“เ้าเด็กบ้า! กล้าฆ่าคนที่นี่เชียวหรือ?”
“ทุกคนสังเกตเห็นหรือไม่ เด็กคนนี้ไม่มีความผันผวนของพลังิญญาเลย เขาไปเอาพลังมาจากไหนกัน!”
“แล้วก็เปลวเพลิงสีขาวบนตัวของเขาคืออะไรกันแน่? มันคือพร์หรือ?”
“เด็กคนนั้นต้องมีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่เป็แน่! จับเป็เด็กคนนั้นเอาไว้!”
“ใต้เท้าคนอื่นๆ กำลังเดินทางมาแล้ว สำหรับเ้าเด็กคนนี้ถ่วงเวลาเอาไว้แค่ครึ่งวันก็พอแล้ว รอใต้เท้าเ่าั้กลับมา นิกายเซียนโม่เหมินก็ทำอะไรเรามิได้!”
“ลงมือ!”
……
ผู้ดูแลทั้งห้าออกคำสั่ง ศิษย์ทั้งหมดมุ่งหน้าไปทางจั๋วอวิ๋นเซียน
“หลีกทาง...”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยายามสะกดจิตสังหารของตัวเองไว้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครฟังเขา
จากนั้นทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เสียงฆ่าฟันดังไม่ขาดสาย
ศิษย์ของห้าขั้วอำนาจล้วนมีระดับผสานจิต ถึงแม้จะมีพลังิญญา แต่กระบวนท่าวิทยายุทธ์กลับเทียบความเร็วกระบี่ของจั๋วอวิ๋นเซียนมิได้เลย เพียงวิ่งเข้าไปก็ถูกสังหารแล้ว
เมื่อรวมกับวิชาของจั๋วอวิ๋นเซียนที่ราวกับภูตผี ล่องลอยมิอาจััได้ ต่อให้คิดจะหลบหนีก็ยากจะตอบสนองได้ทัน
……
“เกิดอะไรขึ้น! เ้าเด็กนี่มันจัดการยากขนาดนี้เชียวหรือ?”
“แปลกๆ! เ้าเด็กนี่สังหารคนไปมากมายแล้ว แต่เหตุใดดวงตาแห่งสุญญตายังไม่มีปฏิกิริยาอีก?”
“ใช่แล้ว ภายใต้การตรวจสอบทั่วหล้าของดวงตาแห่งสุญญตา ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
“มารดามันเถอะ อย่าเพิ่งสนใจเื่อื่น ผู้บำเพ็ญเซียนทั้งหมดในท่าเรือหลงหยา ฟังคำสั่ง ผู้ใดที่จับคนผู้นี้ได้ ข้าจะตกรางวัลให้หนึ่งหมื่นศิลาเซียน!”
“และผู้ที่จับตัวจั๋วอวิ๋นเซียนได้ จะได้รับ ‘ป้ายหลงหยา’ เป็รางวัลหนึ่งชิ้น!”
“ทุกคนลงมือพร้อมกัน!”
“ฆ่า! ฆ่ามัน!”
……
เมื่อคนของห้าขั้วอำนาจเสนอรางวัล ผู้บำเพ็ญเซียนมากมายก็เริ่มล้อมจั๋วอวิ๋นเซียนเอาไว้ ถนนที่คับแคบกลับเบียดแน่นอย่างเห็นได้ชัดในทันที
มีคนล้มลงไม่หยุด แต่ก็มีคนมาแทนที่ไม่หยุดเช่นกัน!
โลหิตสาดกระจาย กระบี่ไร้สุ้มเสียง
ความจริงแล้วการสังหารมิได้โเี้อย่างที่คิด แต่กลิ่นคาวเืรุนแรงกระจายไปทั่วบริเวณนี้หมดแล้ว
ยิ่งคนตายมาก ถนนตรงท่าเรือก็ยิ่งถูกอาบย้อมไปด้วยเืเช่นกัน ราวกับถูกผ้าสีแดงผูกที่คอ สะท้อนแสงสีเืน่าหวาดกลัวใต้แสงจันทร์
……
กระบี่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม ทั้งยังดูยิ่งใหญ่สูงส่ง แต่มันกลับเป็อาวุธสังหาร
ความเกลียดชังของเด็กหนุ่มยากจะสงบลงได้ จิตสังหารรุนแรงจนท้องฟ้าปั่นป่วน
โลกมนุษย์คือเส้นทางแห่งการบำเพ็ญเซียน ฝ่าฟันผ่านอุปสรรคความชั่วร้าย!
……
การสังหารคนมิใช่เื่ที่น่ายินดี อย่างน้อยจั๋วอวิ๋นเซียนก็ไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้
ทุกชีวิตล้วนมีค่าแก่การเคารพ ทุกชีวิตล้วนสมควรถูกจดจำ
นี่คือประโยคที่จั๋วอวิ๋นเซียนเคยอ่านเจอในตำราแพทย์เล่มหนึ่ง ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจคำว่า ‘ชีวิต’ มากนัก...จนเมื่อเขาเห็นมารดาตายไปต่อหน้าต่อตา ในใจจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่สบายใจ ไม่ว่าเขาจะหยุดยั้งอย่างไรก็มิอาจรักษาชีวิตที่กำลังจากไปได้
ั้แ่นั้นเป็ต้นมาเขาก็มีวิถีเซียนเป็ความเชื่อมั่น
ทุกชีวิตที่หายไปล้วนเป็การสั่งสมความรู้แจ้ง
ไม่รู้ว่าสังหารคนไปมากเท่าใด จิตใจของจั๋วอวิ๋นเซียนค่อยๆ เหนื่อยล้าและสับสน มีเพียงดวงตาสีแดงก่ำของเขาที่จิตสังหารไม่เคยลดลง
เนื่องจากแผดเผาพลังชีวิตมากเกินไป ทำให้เส้นผมของจั๋วอวิ๋นเซียนกลายเป็สีขาว ใบหน้าที่ซีดขาวทำให้ดูเติบใหญ่ และเวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตรงหน้าผากกลับขมวดย่นด้วยความหนักอึ้งและแฝงด้วยอาการเ็ป
ไม่มีใครรู้ว่าิญญาของจั๋วอวิ๋นเซียนเปลี่ยนไป ทำให้เขากำลังแบกรับความเ็ปอยู่ทุกชั่วลมหายใจ
……
“จะ เ้าเด็กนี่มิใช่มนุษย์แล้ว! มันคือปีศาจ! ปีศาจ!”
“วิชาช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก! พร์ของเขาเหมือนจะเกี่ยวข้องกับมิติและความเร็ว!”
“เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไม่มีพลังิญญาก็แผดเผาพลังชีวิตของตัวเองเลยหรือ?”
“ปล่อยให้เขาทำแบบนี้ต่อไปมิได้! เร็วเข้า! ตั้งค่ายกล”
……
ผู้ดูแลทั้งห้าคนก็เติบโตมากับา จึงมิได้ใกับการสังหารหมู่ของจั๋วอวิ๋นเซียน
แต่จะว่าไปแล้วั้แ่ที่ราชวงศ์ต้าถังก่อตั้งมา าครั้งใหญ่เกิดขึ้นน้อยมาก ใน่พันปีมานี้เพิ่งเคยเกิดสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้เป็ครั้งแรก
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ดูแลทั้งห้าไม่เคยคิดว่าจะมีใครต่อสู้ในท่าเรือหลงหยา ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็สถานที่ของทั้งห้าแคว้นร่วมกัน ถ้าผลประโยชน์ของห้าแคว้นได้รับผลกระทบ อาจทำให้ราชวงศ์ห้าแคว้นตอบโต้อย่างรุนแรง
“ค่ายกลเบญจธาตุขังั!”
เพียงพริบตาเดียวทั้งห้าคนก็กระจายไปห้าตำแหน่งเพื่อล้อมจั๋วอวิ๋นเซียนเอาไว้
“ตูม ตูม ตูม...”
จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกถูกพลังไร้ลักษณ์พันธนาการเอาไว้ ร่างกายทรุดลง สองเท้าหนักอึ้ง เหมือนทุกย่างก้าวล้วนต้องทุ่มพลังกายทั้งหมด
เมื่อเห็นภาพนี้ผู้ดูแลทั้งห้าคนก็ถอนหายใจ ถ้ามิใช่เพราะจั๋วอวิ๋นเซียนมีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ พวกเขาคงสังหารอีกฝ่ายไปแล้ว เหตุใดต้องทำเื่ยุ่งยากเช่นนี้ด้วย
แต่...ค่ายกล!
ถ้าเป็ค่ายกลอื่น จั๋วอวิ๋นเซียนอาจจะทำอะไรมิได้ แต่ค่ายกลเบญจธาตุเป็พื้นฐานของวิถี เขาเคยผ่านซากโบราณสถานในมิติมายาสุญญตามามากมาย ต่อให้ตั้งค่ายกลไม่เป็ แต่การทำลายมันกลับมิใช่เื่ยาก
ห้าธาตุแบ่งเป็ ้าพลังจากสี่ทิศ ด้านล่างพลังจากชีพจรปฐี
จั๋วอวิ๋นเซียนใช้กระบี่แทงตรงชีพจรปฐีตามสัญชาตญาณ ตรงนั้นก็คือตำแหน่งแกนกลางค่ายกล...จากนั้นสภาพแวดล้อมรอบด้านก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ห้าธาตุขาดสมดุล ค่ายกลพังทลาย แรงกดดันบนร่างของเขาหายไป
“ค่ายกลถูก...ทำลายแล้ว?”
“เ้าเด็กนี่เป็สัตว์ประหลาดมาจากไหนกันแน่?”
“แย่แล้ว! อย่าปล่อยเขาหนีไปได้ รีบตั้งค่ายกลใหม่เร็ว ต้องจับเ้าเด็กนี่ให้ได้!”
……
เมื่อผู้ดูแลห้าคนเห็นว่าค่ายกลถูกทำลายแล้ว พวกเขาก็ตกตะลึงอย่างห้ามมิได้ ลมหายใจหยุดชะงัก
ขณะที่พวกเขากำลังจะตั้งค่ายกลใหม่อีกครั้ง จั๋วอวิ๋นเซียนก็หายไปจากที่เดิมแล้ว วิ่งผ่านพวกเขาไปปรากฏตัวด้านหน้าซือคงอวี่
ทุกคนต่างเงียบกริบ บรรยากาศกลับมาหนักอึ้งอีกครั้ง!
