“น้องชาย เ้ารวยแล้ว นี่คือแก่นปีศาจ!”
บุรุษหนุ่มสามัญชนถือไข่มุกสีเขียวเข้มเม็ดนั้นไว้ พลางะโเสียงดังด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น
เสิ่นเลี่ยนมองไข่มุกเม็ดนั้น รู้สึกดีใจมาก
แก่นปีศาจคือสิ่งที่สัตว์วิเศษจะมีได้เมื่อฝึกฝนถึงระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งอย่างน้อยต้องเป็สัตว์วิเศษขั้นสามขึ้นไป ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ใช่สัตว์วิเศษทุกตัวจะสามารถหลอมรวมแก่นปีศาจได้อีกด้วย
หากเสิ่นเลี่ยนกลืนกินแก่นปีศาจของสัตว์วิเศษขั้นสี่เข้าไป อาจจะทะลวงเลื่อนขั้นไปถึงขั้นแม่ทัพในตอนนี้เลยก็เป็ได้
“เอ้า...นี่ให้เ้า”
บุรุษหนุ่มสามัญชนส่งแก่นปีศาจให้เสิ่นเลี่ยน
“ขอบคุณมาก” เสิ่นเลี่ยนรับแก่นปีศาจมาแล้วกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ส่งมันให้เสิ่นเสวียน
“มันเป็ของเ้า หาสถานที่ดูดซับพลังเถอะ” เสิ่นเสวียนยิ้มก่อนจะกล่าวกับเสิ่นเลี่ยน
“ขอรับ ขอบคุณท่านผู้นำ”
เสิ่นเลี่ยนรู้สึกดีใจมาก เขาทรุดตัวลงนั่งตรงนั้น เริ่มโคจรพลังภายในร่างเตรียมพร้อมดูดซับพลังจากแก่นปีศาจก้อนนี้
ขณะดูดซับพลังจากแก่นปีศาจเขาจะอ่อนแอกว่าปกติ หากโดนรบกวนเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ล้มเหลวได้ อย่างดีก็แค่แก่นปีศาจแตกสลาย อย่างเลวร้ายคือโดนพลังกลืนกินจนตาย แต่เสิ่นเลี่ยนเชื่อมั่นในเสิ่นเสวียนมาก มีเสิ่นเสวียนอยู่ข้างกายเขาสามารถดูดซับพลังได้อย่างปลอดภัย
เห็นเสิ่นเลี่ยนเข้าสู่สภาวะฝึกฝนไปแล้ว บุรุษหนุ่มสามัญชนจึงพยักหน้าอย่างประหลาดใจ
“เ้ากล้าหาญมากเลยทีเดียว เ้าว่าข้าต้องพยายามขนาดไหน ไม่ใช่ว่าเขาจะทำให้เสียเปล่าไปหรอกหรือ”
บุรุษหนุ่มสามัญชนกล่าวกับเสิ่นเลี่ยน
“เ้าอยากลองดูอย่างนั้นหรือ”
ขณะนั้นเอง เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่ไม่ใส่ใจบุรุษหนุ่มสามัญชนแม้แต่น้อยกล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เสิ่นเสี่ยวเม่ยมีอายุสิบเอ็ดปีแต่ไม่ได้ตัวเล็กขนาดนั้น นางดูเหมือนมีอายุสิบสามสิบสี่ปีแล้ว นางเบ้ปากมองเขา มีเจตนาอันแรงกล้าที่จะปะทะกับเขา
“เอ๋?... น้องสาวคนนี้โกรธแล้วหรือ ไม่เอาสิ ไม่โกรธนะ”
ระหว่างที่กล่าว เขาก็เดินเข้าไปหาเสิ่นเสวียนและเสิ่นเสี่ยวเม่ย
“ข้าชื่อเริ่นเสี้ยวเทียน เป็ทหารรับจ้างของที่นี่ อยากผูกมิตรกับพวกเ้า”
“ข้าชื่อเสิ่นเสวียน”
เสิ่นเสวียนยิ้มแล้วกล่าวกับเริ่นเสี้ยวเทียน เขาต้องไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นแน่นอน เข้ามาตีสนิทเช่นนี้ต้องมีเป้าหมายอย่างอื่น ที่ไม่ได้ขับไล่อีกฝ่ายไปเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไร
เสิ่นเสี่ยวเม่ยเบ้ปากมองเริ่นเสี้ยวเทียน นางไม่ชอบเขาเลย ไม่อยากสนใจเขานัก
“ฮ่าๆ น้องสาวคนนี้อารมณ์ร้อนจังเลย ข้าไม่มีเจตนาร้ายสักหน่อย อยากผูกมิตรเท่านั้นเอง หากเ้าไม่วางใจ อย่างนั้นข้าไปก็ได้!”
เริ่นเสี้ยวเทียนส่ายหัวก่อนจะหันหลังเดินจากไป มองจากแผ่นหลังของเขารู้สึกได้ถึงความเหงาเล็กน้อย
เสิ่นเสี่ยวเม่ยมองเริ่นเสี้ยวเทียนที่กำลังเดินจากไป พลางคิดว่าตนเองทำเกินไปหรือเปล่า
“เ้า...เ้ากลับมาเถอะ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่เ้าพูดมากเกินไป”
ได้ยินคำของเสิ่นเสี่ยวเม่ยดังนั้น เริ่นเสี้ยวเทียนจึงหันเดินกลับมาตรงหน้าทั้งสองคนทันที
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าน้องสาวไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก มาเป็สหายกันเถอะ ข้าท่องเที่ยวอยู่ภายนอกเป็ประจำ เห็นพวกเ้าไม่ค่อยได้ออกข้างนอก ข้าช่วยนำทางให้พวกเ้าได้นะ”
“เ้ามาจากไหน” เสิ่นเสวียนถามอีกฝ่าย
“จากไหน? ข้ามาจากสถานที่อันไกลโพ้น ติดตามท่านลุงของข้ามาถึงแคว้นชิงหยุนเมื่อนานมาแล้ว ต่อมาท่านลุงเสียชีวิตไปข้าจึงต้องอยู่เพียงลำพัง” เริ่นเสี้ยวเทียนครุ่นคิดพลางกล่าว
“เ้าน่าสงสารอยู่เหมือนกัน ท่านพี่ พวกเราให้เขาตามไปด้วยดีไหม” เสิ่นเสี่ยวเม่ยกล่าวกับเสิ่นเสวียน
“ดี ในเมื่อเสี่ยวเม่ยกล่าวเช่นนี้ ภายหน้าพวกเราช่วยเหลือกันและกัน ทว่าสถานที่ที่ข้าอยากไปค่อนข้างไกล เ้าไม่ไปด้วยก็ไม่เป็ไร”
“ที่ไหนหรือ” เริ่นเสี้ยวเทียนถาม
“สถาบันิญญา”
“สถาบันิญญา! บังเอิญอะไรขนาดนี้ ข้าก็จะไปเช่นกัน”
เริ่นเสี้ยวเทียนได้ยินคำว่าสถาบันิญญาก็ตาโตขึ้นมา กล่าวเสียงดังด้วยความประหลาดใจ
“ก่อนที่ท่านลุงจะเสียชีวิตไปได้บอกข้าไว้ว่า คุณสมบัติของข้าเหมาะสมกับสถาบันิญญามาก บอกให้ข้าต้องเข้าฝึกฝนที่นั่นให้ได้”
อีกฝ่ายกล่าวออกมาไม่หยุดทำให้เสิ่นเสวียนรู้สึกรำคาญเล็กน้อย หากเป็ก่อนหน้านี้เขาเพียงสงสัยอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าการมาถึงของอีกฝ่ายไม่ใช่เื่บังเอิญอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็เช่นนี้พวกเราก็ไปด้วยกัน”
เสิ่นเสวียนหัวเราะก่อนกล่าวรับคำอีกฝ่าย
ตอนนั้นเอง ตำแหน่งที่เสิ่นเลี่ยนนั่งอยู่มีพลังรุนแรงปะทุออกมา ดึงดูดสายตาของพวกเสิ่นเสวียนทั้งสามคนในทันที
พลังรุนแรงปะทุเข้ามาจากทุกทิศทาง ทั้งสามคนจึงแสดงพลังออกมาต้านทานไว้ ทำให้เสื้อผ้าสะบัดเสียงดัง
ใจกลางวังวนของพลังนั้น พลังบนร่างของเสิ่นเลี่ยนกำลังพลุ่งพล่านอย่างที่สุด ไอพลังทั่วทั้งร่างของเขาแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างน้อยสามเท่า สีหน้าของเขาเดี๋ยวก็แสดงถึงความเ็ปยากที่จะอดกลั้น เดี๋ยวก็แสดงให้เห็นถึงความผ่อนคลาย
เหตุการณ์นี้เป็ไปประมาณสามสิบลมหายใจแล้วค่อยๆ สงบนิ่งลง สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็ปกติแล้ว
เสิ่นเลี่ยนที่นั่งอยู่ตรงนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้น แววตาฉายประกายแสงสว่างไสว ร่างของเขาสั่นเทิ้มเบาๆ พลังทั้งหมดฟื้นฟูขึ้นจนถึงจุดสูงสุด
“ร้ายกาจมากสหาย ทำสำเร็จได้รวดเร็วขนาดนี้เลย!”
เริ่นเสี้ยวเทียนที่อยู่ข้างๆ วิ่งเข้าไปหาเสิ่นเลี่ยนพลางกล่าวด้วยความตื่นเต้น เขามีความสูงประมาณสี่ฉื่อแปดชุ่น สูงกว่าทุกคนในที่นี้ มีหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างเรียกได้ว่าเป็บุรุษหนุ่มรูปงาม เพียงแต่มีบุคลิกกระตือรือร้นเกินไปหน่อย
“ขอบคุณ”
เสิ่นเลี่ยนลุกขึ้นยืนกล่าวขอบคุณเริ่นเสี้ยวเทียน หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายให้ความช่วยเหลือเขาคงไม่เจอแก่นปีศาจ ตอนนั้นเองเสิ่นเสวียนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยก็เดินเข้ามาหาเขา
“ฟื้นฟูได้ไม่เลว ก้าวหน้าไปอีกด้วย”
“อืม”
เสิ่นเลี่ยนพยักหน้าให้เสิ่นเสวียนด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เขารู้ว่าหากไม่ใช่เพราะติดตามเสิ่นเสวียนออกมา ตนเองไม่มีทางทะลวงไปถึงขั้นแม่ทัพได้รวดเร็วขนาดนี้
ถึงขั้นแม่ทัพั้แ่อายุสิบห้าปีเลยนะ!
ก่อนหน้านี้ในเมืองอวี่ฮว่า เขาเป็เพียงบุรุษหนุ่มที่พึ่งพาแต่พร์เท่านั้น ตอนนี้เขาคืออัจฉริยะเหนือชั้นที่อยู่ในอันดับต้นๆ แล้ว แม้แต่หานเฟิงจากตระกูลหานก็ไม่ได้ฝึกตนถึงขั้นแม่ทัพั้แ่อายุสิบห้าปี
“ทั้งสามต่างเป็ผู้มีพลังยุทธ์ แต่ตอนนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว ทุกคนรีบลงจากเขาดีกว่า โรงเตี๊ยมที่ข้าพักยังพอมีห้องว่างอยู่พอดี ไปพักผ่อนกันสักหน่อย แล้วพรุ่งนี้เช้าพวกเราค่อยออกเดินทางไปสถาบันิญญาดีไหม”
“เช่นนั้นต้องรบกวนสหายเริ่นแล้ว”
เสิ่นเสวียนพยักหน้ากับอีกฝ่ายพร้อมกล่าว
ก่อนหน้านี้พวกเขาสามคนกำลังกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม พอได้ยินว่ามีสัตว์วิเศษออกอาละวาดจึงรีบออกไปตามหาสัตว์วิเศษ คิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งมาถึงก็ได้เจอกับสัตว์วิเศษตัวนั้น ในขณะเดียวกันยังเจอเริ่นเสี้ยวเทียนที่เข้ามาตีสนิทด้วยอีก
ต่อมาพวกเขาได้ฟังแผนการของเริ่นเสี้ยวเทียนจึงกลับไปยังหมู่บ้านชิงซาน เพื่อเข้าพักในโรงเตี๊ยมหนึ่งคืน
แล้วค่ำคืนที่เงียบสงบก็ผ่านพ้นไป
เช้าวันต่อมา ทั้งสี่คนมารวมตัวกันตรงทางเข้าโรงเตี๊ยมในหมู่บ้านชิงซาน
“วันนี้พวกเราไปยังสมาคมทหารรับจ้างเพื่อส่งมอบภารกิจจัดการสัตว์วิเศษตัวนั้นกันก่อนเถอะ เพื่อให้สหายเสิ่นเลี่ยนได้เลื่อนตำแหน่งเป็ทหารรับจ้างขั้นเงิน และยังได้เงินรางวัลหนึ่งแสนเหรียญทอง พร้อมกับมีเงินพิเศษรายเดือนอีกด้วย”
เริ่นเสี้ยวเทียนจัดระเบียบเสื้อผ้าเล็กน้อย เขาดูเป็คนประณีตอยู่ไม่น้อย เสื้อผ้าของเขาหรูหรากว่าก่อนหน้านี้มาก ดูแล้วไม่เหมือนคนที่โดดเดี่ยวสักเท่าไร เหมือนลูกหลานตระกูลใหญ่เสียมากกว่า
เสิ่นเสวียนได้เห็นการแต่งกายของอีกฝ่ายก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตา เพียงแต่คิดไม่ออกว่าตนเองเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน
เสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยไม่กล่าวอะไร พวกเขาเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของเสิ่นเสวียน
จากนั้นทั้งสี่คนจึงมุ่งหน้าไปยังสมาคมทหารรับจ้างแห่งหมู่บ้านชิงซาน ขณะที่พวกเขาเดินไปถึงลานกว้างด้านหน้าสมาคมทหารรับจ้าง พลันมีเสียงไม่ได้รับเชิญแทรกเข้ามา
“เสี่ยวเม่ยเม่ย ไม่ได้เจอกันนานเลย”