ในตอนนี้เองที่ต้นไผ่ในเรือนขยับแม้ไม่มีลมพัดผ่าน ทำเอาฝูงนกใ
หลิงชวนหยุดชะงักทันที เขาเริ่มมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ส่วนจี๋โม่หานยังคงถือแก้วน้ำชาในมือเหมือนจะดื่มมันแก้ว่าง จนกระทั่งผ่านไปเนิ่นนานจึงเอ่ยขึ้น “ในเมื่อมาแล้วก็อย่าแกล้งทำเป็ไม่มีใครเห็นเลย”
กระบี่ในมือของหลิงชวนชักออกมาครึ่งชุ่นแล้ว วินาทีต่อมาก็มีเงาคนบินมาจากทางกำแพง ร่างสวมชุดสีเขียวเข้ม มือถือพัดด้ามหนึ่งลงมาอยู่ไม่ไกลจากจี๋โม่หาน
“อั้ยหยา เ้าบอกว่าเ้าเป็คนตาบอด แล้วทำไมถึงได้ระวังตัวขนาดนี้กัน?”
เชียนซวินจือหัวเราะฮี่ๆ ๆ พูดไปก็เดินมานั่งตรงหน้าจี๋โม่หานก่อนจะรินน้ำชาให้ตัวเองหนึ่งแก้ว
หลิงชวนคลายความระมัดระวังในใจลงแล้วเก็บกระบี่
จี๋โม่หานวางแก้วน้ำชาลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เ้าว่าเปิ่นหวังควรจะสั่งองครักษ์เงาในจวนหรือไม่ ครั้งหน้าไม่ว่าใครก็ตาม หากปรากฏตัวที่กำแพงก็ให้ใช้ธนูยิงร่วงให้หมดเลย จะได้แก้นิสัยไม่เข้าทางประตูเอาแต่ปีนกำแพงของเ้าได้”
เชียนซวินจือลูบจมูกตัวเองแล้วเก็บพัดดังพรึ่บ จากนั้นก็เคาะโต๊ะเบาๆ “อั้ยหยา อั้ยหยา มาหาเ้าแบบเปิดเผยมันไม่ค่อยจะสะดวกนี่นา”
จี๋โม่หานไม่ฟังคำแก้ตัวของเขา “พูดมา มาหาข้าครั้งนี้มีเื่อะไรอีก?”
“ชิ เ้านี่เป็คนอย่างไรกัน หรือว่าข้ามาหาเ้าได้แค่ตอนที่มีเื่อย่างนั้นหรือ?”
เชียนซวินจือเบ้ปาก เป็ท่าทางที่อยากจะพุ่งเข้าไปต่อยหน้าแรงๆ “เฮ้อ ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อเล่าเื่สนุกให้เ้าฟังเื่หนึ่ง”
“เื่อะไร?”
“เ้ารู้หรือไม่ เมื่อเช้ามีคนมาติดต่อซื้อขายกับพวกเรา เ้าทายสิว่าใคร?”
น้ำเสียงของเชียนซวินจือเต็มไปด้วยความอยากเล่าเื่ซุบซิบ จี๋โม่หานยกมือขึ้นกุมหน้าผากอย่างจนใจ “เื่นี้ยังต้องเดาอีกหรือ คงเป็คุณหนูซูิเยว่ของสกุลซูสินะ”
เชียนซวินจือหัวเราะฮ่าฮ่า เขากลับไปนั่งแล้วกางพัดดังพรึ่บตรงหน้าอกตัวเอง “เป็อย่างที่คิดไว้ว่าปกปิดเ้าไม่ได้ วันนี้คุณหนูซูมาทำการซื้อขายกับข้าั้แ่เช้า นางซื้อหน้ากากหนังคนไปหนึ่งชิ้น เ้าเดาสิว่าเอาไปทำอะไร?”
พอจี๋โม่หานไม่ตอบ เชียนซวินจือจึงพูดต่อ “นางซื้อไปให้คนรับใช้ข้างกายคนหนึ่งใช้ คนรับใช้คนนั้นชื่อว่าหวังซวิน อีกทั้งหวังซวินผู้นี้ก็คือคนเดียวกับที่ขายชีวิตให้องค์ชายห้าเมื่อก่อน เ้าว่ามันบังเอิญหรือไม่”
ในที่สุดใบหน้าของจี๋โม่หานก็ปรากฏท่าทางครุ่นคิดออกมา ปลายนิ้วเคาะที่ตัวแก้วในจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว
เชียนซวินจือเท้าคาง ใบหน้าเองก็มีท่าทีครุ่นคิดเพิ่มขึ้นมาด้วย “เ้าว่าพระญาติของเ้าคนนี้ไปมีเื่อะไรกับคุณหนูซูกัน ทำไมนางถึงได้กัดไม่ปล่อยเช่นนี้”
เชียนซวินจือพูดจบก็รออยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ เขาจึงปรายตามองจี๋โม่หาน “เฮ้ เ้าคิดอะไรอยู่น่ะ?”
จี๋โม่หานไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่ไปถามหลิงชวนที่อยู่ด้านข้างด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จิ่งฉือล่ะ?”
หลิงชวนตอบ “จิ่งฉือไปทำตามคำสั่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เ้าไปบอกิจิ่วให้ไปเฝ้าด้านนอกจวนสกุลซูด้วย หากมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา จิ่งฉือเพียงคนเดียวรับมือไม่ไหวแน่”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลิงชวนไม่ถามอะไรแล้วหมุนตัวออกไปบอกิจิ่วทันที
เชียนซวินจือคอยมองอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางสบายๆ ไม่รีบไม่ร้อน จนกระทั่งหลิงชวนเดินไปไกลแล้วถึงได้พูดเย้าด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ “เฮ้ เหตุใดเ้าถึงได้ใส่ใจความปลอดภัยของคุณหนูสกุลซูผู้นั้นขนาดนี้กัน จุ๊ๆ นี่ไม่เหมือนกับเ้าเลยนะ”
“อย่างนั้นหรือ” จี๋โม่หานเลิกคิ้วยกมุมปากที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มผ่อนคลาย “เปิ่นหวังทำอะไรจำเป็ต้องมีเหตุผลด้วยหรือ องค์ชายห้าคิดอะไรรอบคอบรัดกุม หากรู้ว่าหวังซวินซ่อนตัวอยู่ในจวนสกุลซู เ้าคิดว่าจะเป็อย่างไรล่ะ?”
เชียนซวินจือทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ เขาพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลอย่างอื่นแล้วหรือ?”
จี๋โม่หานไม่ตอบ
เชียนซวินจือพูดต่อ “ครั้งก่อนข้าพบว่าท่าทีที่เ้ามีต่อคุณหนูสกุลซูนั้นแปลกๆ อยู่เล็กน้อย วันนี้ข้าจึงไปเห็นตัวจริงของนางมากับตา แม่นางคนนี้มีส่วนที่พิเศษอยู่จริงๆ หน้าตาก็สะสวย มีความกล้าหาญ มีเชิงรุก มีแผนการ จุ๊ๆ ถึงว่านางทำให้เ้าสนใจได้”
จี๋โม่หานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “แล้ว?”
“แล้วอย่างนั้นหรือ” เชียนซวินจือหัวเราะเหอะๆ “เ้าคงจะเข้าใจความหมายของข้าสินะ ข้าไม่เคยเห็นเ้าสนใจสตรีคนไหนเลยสักคน”
จี๋โม่หานหัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้ายังคงมีความผ่อนคลายอยู่เหมือนเดิม เขายกแก้วชาขึ้นมาจิบ “นั่นจะไปอธิบายอะไรได้? เื่ที่นางทำนั้นทำให้ข้าสนใจจริงๆ พูดกันจากบางส่วนแล้ว พวกเราก็ถือว่า ‘อยู่ฝั่งเดียวกัน’”
“แค่นั้นเองหรือ?”
เชียนซวินจือไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไร เขาเอนตัวไปด้านหน้า แววตาจ้องไปยังจี๋โม่หานคล้ายไม่อยากปล่อยผ่านสีหน้าบนใบหน้าอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว แต่หลังจากนั้นครู่เดียวเขาก็กลับมานั่งด้วยความผิดหวัง
จี๋โม่หานคนนี้แต่ไหนแต่ไรก็เป็เช่นนี้มาตลอด ไม่เคยเอาอารมณ์ของตัวเองขึ้นมาแปะบนใบหน้า
“เช่นนั้นพวกเรามาพนันกันดีหรือไม่?” จู่ๆ เชียนซวินจือก็มีความคิดแล่นขึ้นมา “เ้ากล้าหรือไม่?”
“พนันอะไร?”
“ก็พนันเื่เ้ากับคุณหนูผู้นั้น เ้าว่าอย่างไร?”
เชียนซวินจือพูดจบก็หัวเราะเหอะๆ
จี๋โม่หานกลั้วหัวเราะ “น่าเบื่อ”
เขารู้ความหมายในคำพูดของเชียนซวินจือ เพียงแต่เื่ที่เขาอยากทำนั้นไม่เคยต้องให้คนอื่นมาพูดให้มันมาก ไม่มีทางเปลี่ยนอะไรได้เพียงเพราะพนัน
เชียนซวินจือ “ก็ได้ เ้าชนะแล้ว”
“ยังมีเื่อะไรอีกหรือไม่?” จี๋โม่หานเลิกคิ้ว ท่าทางอยากส่งแขกเต็มที
เชียนซวินจือถอนหายใจเหนื่อยหน่ายแล้วยืนขึ้น “ก็ได้ ก็ได้ เช่นนั้นข้าไปก่อนล่ะ”
“ไม่ส่งนะ”
เชียนซวินจือเบ้ปากอย่างไม่ยอม ใต้ฝ่าเท้ากระแทกพื้นเบาๆ ก่อนจะะโขึ้นกำแพงแล้วหายไป
จี๋โม่หานนั่งครุ่นคิดอยู่บนรถเข็นอยู่นานมาก คิดถึงคำพูดที่เชียนซวินจือพูดเมื่อครู่ก่อนจะยกยิ้มน้อยๆ ซูิเยว่หรือ เป็คนที่น่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ
บ่ายวันนี้ซูิเยว่กักตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหนเลย ไม่มีใครรู้ว่านางทำอะไรอยู่ ระหว่างนั้นเสี่ยวอวี่อยากเอาน้ำเข้าไปให้ด้านใน แต่กลับถูกนางปฏิเสธ
ตอนทานอาหารเย็นเสี่ยวอวี่ก็ไปเอาอาหารที่โรงครัวมาตามปกติ นางวางแผนว่าจะเอาเข้าไปส่งถึงในห้องของซูิเยว่ แต่พอยกมือเตรียมจะเคาะ ประตูก็ถูกเปิดออกก่อน
ซูิเยว่ยื่นหน้าออกมามองนางหนึ่งที จากนั้นก็ถอยออกแล้วปิดประตูอีกครั้ง
เสี่ยวอวี่อยากดูว่าซูิเยว่ทำอะไรตลอดทั้งบ่ายจนไม่ยอมออกจากห้อง แต่นางกลับถูกซูิเยว่ใช้ตัวบังเอาไว้
เสี่ยวอวี่จึงวางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะหินด้านนอกแล้วเอาอาหารที่อยู่ด้านในออกมาจัดวาง “คุณหนู ท่านไม่ออกมาจากในห้องตลอดทั้งบ่ายแอบทำอะไรที่บอกใครไม่ได้หรือเ้าคะ?”
ซูิเยว่หยิบเข็มหยกออกมาจากในอกแล้วเอาไปทดสอบอาหาร เมื่อเห็นว่าไม่มีความผิดปกติถึงได้ตอบ “อย่าอยากรู้อยากเห็นขนาดนั้นเลย ถึงเวลาเ้าก็จะรู้เอง”
ซูิเยว่พูดจบก็หยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มทาน ั้แ่เมื่อครึ่งเดือนก่อนที่เริ่มทานอาหาร ครั้งหนึ่งนางพบว่าในอาหารนั้นมีหญ้าซวงฮวา แต่หลายวันมานี้กลับไม่มีการเคลื่อนไหวอีกเลย
เมื่อเป็เช่นนี้นางก็คาดเดาได้เลยว่า ภายในจวนสกุลซูมีคนอยากจะฆ่านางให้ตายอยู่จริงๆ
แต่ว่าคนคนนั้นไม่ได้อยากจะฆ่านางให้ตายในทันที แต่อยากจะทรมานนางนานๆ ด้วยพิษของหญ้าซวงฮวาที่ทำให้เข้าไปสะสมในร่างกายได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้