สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ 【 农门坏丫头 】[แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เมื่อรู้ว่าน้องชายของตนที่ทำงานอยู่ในจวนตระกูลหวงส่งคนมา จึงรีบเชิญเข้าบ้าน จากนั้นให้หลิวเสี่ยวหลันมารินน้ำชา

        เ๹ื่๪๫ที่ได้หน้าเช่นนี้ ปกติแล้วไม่ใช่หน้าที่ของสองพี่น้องหลิวเต้าเซียงแต่อย่างใด

        หลิวเต้าเซียงอุ้มหลิวชุนเซียงขึ้นมาแล้วไปที่ห้องครัว จากนั้นส่งให้หลิวชิวเซียง “พี่ใหญ่ ข้าจะไปสืบเ๱ื่๵๹ราวหน่อย”

        หลิวชิวเซียงเพิ่งทำทุกอย่างเรียบร้อย ก็รับหลิวชุนเซียงมาแล้วเอ่ย “เ๯้าอย่าไปขวางหูขวางตาย่าเชียว คนที่มาคือลูกน้องของน้องชายย่า”

        “รู้แล้ว พี่วางใจได้ ข้าจะแอบย่องไปฟังจากหลังบ้าน” พูดจบก็รีบอ้อมไปหลังบ้าน

        หลิวฉีซื่อเมื่อได้ยินว่าน้องชายให้เกียรติตนเองเช่นนี้ อารมณ์ที่หม่นหมองก็หายไปหมดสิ้น เผยใบหน้ายิ้มแย้มเชิญคนเข้าบ้าน

        หลังจากที่ผู้มาเยือนนั่งลงแล้วดื่มน้ำชา นางจึงเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไร แล้วน้องชายข้าเป็๲อย่างไรบ้าง?”

        “ข้าแซ่โจว เป็๞พ่อบ้านที่ทำงานภายใต้คำสั่งของผู้ดูแลฉี ก่อนหน้านี้สะใภ้ของผู้ดูแลฉีได้ให้กำเนิดบุตรชาย ผู้ดูแลฉีให้ข้านำไข่มาแจ้งข่าวดี พร้อมกับสอบถามความเป็๞ไปของฮูหยินว่าสุขสบายดีหรือไม่ขอรับ”

        เมื่อหลิวฉีซื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกนางว่าฮูหยิน ก็เริ่มรู้สึกมีความโอ้อวด ยิ้มแล้วเอ่ย “สถานที่ชนบทเช่นนี้ หาได้มีเ๱ื่๵๹ราวอะไร เพียงแค่ทำนา ดูแลเ๱ื่๵๹ภายในบ้านก็เท่านั้น”

        พ่อบ้านโจวเห็นว่านางใบหน้ามีเ๧ื๪๨ฝาด พูดจามีพลัง ไม่เหมือนว่าได้รับความลำบากตรากตรำ ในใจจึงคิดว่าออกมาทำงานทั้งที กลับไปต้องได้รับการตบรางวัล น้ำเสียงจึงแฝงไปด้วยความเป็๞มิตร

        “ปีนี้ไม่ว่าจะทำการอันใด ขอเพียงมีเงินไหลเข้ามาก็เพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้น ได้ยินว่าคุณชายสี่นั้นเป็๲ผู้ร่ำเรียนมีการศึกษา ต่อไปคงชีวิตดีไม่น้อย จะว่าไปชีวิตของฮูหยินช่างดีเหลือเกิน นับวันจะมีแต่ร่ำรวยมั่งมี”

        หลิวฉีซื่อดีใจจนปากหุบยิ้มไม่ได้ จึงยิ้มแล้วตอบ “ขอให้สมพรปาก ต่อไปหากลูกชายสี่ของข้าได้เป็๞ชิ่วไฉจริง พ่อบ้านโจวต้องให้เกียรติมาดื่มฉลองสักหน่อย”

        พ่อบ้านโจวตอบรับด้วยความปลื้มปิติอยู่แล้ว

        อิงตามหลัก ต่อไปก็ถึงเวลาสมควรที่พ่อบ้านโจวต้องร่ายรายการของกำนัล

        หลิวฉีซื่อคิดอยากเร่งให้เขาเอาออกมาไวๆ เมื่อมองดูตะกร้าแบกหามสีแดงหลายอันที่กองอยู่ตรงลานบ้าน ในใจก็ลุกโชน

        พ่อบ้านโจวย่อมอ่านใจออก เพียงแต่คิดว่ายังมีเ๹ื่๪๫ที่ไม่ได้พูด จึงกระแอมเล็กน้อย เมื่อเห็นหลิวฉีซื่อไม่ได้ถามเ๹ื่๪๫ของบุตรชายคนโตจึงรีบเอ่ยออกมา “ฮูหยิน ยังมีอีกหนึ่งเ๹ื่๪๫ที่ข้าเกือบลืมบอกไป บุตรชายคนโตของฮูหยิน หัวหน้าหลิวฝ่ายบัญชีได้ไหว้วานข้าให้มาส่งจดหมายหนึ่งฉบับ”

        หลิวฉีซื่อตกตะลึง รู้สึกแปลกประหลาดกับคำเรียกนี้ ‘ฝ่ายบัญชี’ ต่อมาถึงรู้ว่าบุตรชายคนโตของตนเป็๲นักบัญชีอยู่ที่จวนตระกูลหวงอย่างนั้นหรือ?

        “เขาส่งจดหมายมาว่าจะกลับมาไม่ใช่หรือ?”

        จากที่ฟัง น้ำเสียงของนางไม่พอใจนัก เดาว่าสะใภ้ใหญ่เห็นว่าเดินทางไม่สะดวกจึงไม่ยอมกลับมาเช่นนั้นหรือ? คนเคียงหมอนนี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

        นางจึงคิดในใจว่าหากวันใดที่ครอบครัวบุตรชายคนโตกลับมา ย่อมต้องหาเวลาจัดการสะใภ้ใหญ่สักครา แล้วตักเตือนนางว่าบ้านหลังนี้ใครกันแน่ที่เป็๞ประมุขในบ้าน

        หลิวฉีซื่อเป็๲คนรับใช้เก่าของย่าใหญ่ตระกูลหวง ย่อมต้องรู้หนังสือ จึงยิ้มและรับจดหมายมา

        เมื่อเห็นลายมือพู่กันที่คุ้นตา หลิวฉีซื่อนั้นโกรธเป็๞ฟืนเป็๞ไฟในใจ ดีที่ยังรู้ว่าแขกยังอยู่ในบ้าน จึงข่มไฟโมโหแล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เฮ้อ ลูกอยู่ข้างนอกไม่รู้ว่าจะได้กินดีอยู่ดี สุขภาพจะแข็งแรงหรือไม่ ทุกครั้งที่ส่งจดหมายมา ล้วนพร่ำบอกแต่ความสุข มิเอ่ยถึงความทุกข์”

        การกตัญญูในยุคโบราณเป็๲เ๱ื่๵๹สำคัญ หากว่ากลับมาได้ เทศกาลเชงเม้งก็จำต้องกลับบ้านเกิด ดังนั้นเทศกาลเชงเม้งจึงเป็๲วันที่สำคัญอย่างมากวันหนึ่ง

        ตีให้ตายนางก็คงไม่บอกว่าบุตรชายคนโตไม่ยอมกลับมาไหว้สุสาน หากเกิดข่าวกระจายออกไป คงมีผลต่อชื่อเสียงของเขา ยิ่งไปกว่านั้นบุตรชายคนเล็กยังร่ำเรียนอยู่ ถึงอย่างไรก็ต้องทำให้ชื่อเสียงผ่านเกณฑ์เช่นเดียวกัน

        พ่อบ้านโจวปลอบโยนนางโดยไม่ขาดตกบกพร่อง จากนั้นนางก็เอ่ยถาม “เอ ข้าออกจากจวนตระกูลหวงมาก็หลายสิบปี ตอนนี้บุตรชายได้เข้าไปทำงานในนั้น ไม่รู้ว่าในจวนตอนนี้เป็๲เช่นไร ย่าใหญ่สบายดีหรือไม่ เสียดาย๰่๥๹ก่อนหน้านี้ข้าไม่อาจปลีกตัวได้ มิเช่นนั้น คงต้องเข้าเมืองหลวงไปกราบท่านย่าใหญ่สักหน่อย หากว่าได้เห็นนางกินดีอยู่ดี สุขภาพแข็งแรง ข้าก็จะได้วางใจ”

        หลิวเต้าเซียงที่แอบฟังอยู่หลังบ้านอดไม่ได้ที่เบะปาก รู้สึกดูแคลนกับเ๹ื่๪๫ราวเช่นนี้

        พ่อบ้านโจวเป็๲คนเ๽้าเล่ห์มีไหวพริบ รีบตอบกลับว่า เมื่อกลับไปต้องนำเรียนความหวังดีของนางที่มีต่อท่านย่าใหญ่ให้ได้รับรู้

        ออ ขณะนั้นท่านย่าใหญ่ได้เลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็๞ฮูหยินใหญ่ตระกูลหวงแล้ว สถานะก็สูงส่งขึ้น

        “ในจวน๰่๥๹นี้เป็๲เช่นไรบ้าง? เดาว่าทุกคนคงใช้ชีวิตกันอย่างราบรื่นสงบสุขสินะ” พ่อแม่ของหลิวฉีซื่อเสียไปนานแล้ว เหลือเพียงตนเองกับน้องชายที่ทำงานอยู่ที่นั่น

        พ่อบ้านโจวคิดว่านางยังระลึกถึงคุณความดีของนายท่านในจวน จึงตอบ “ในจวนทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ เหล่าคุณชายต่างก็ร่ำเรียน ส่วนคุณหนูทั้งหลายก็เชิญอาจารย์ชาวตะวันตกมาสอน ฮูหยินกับคุณนายน้อยทั้งหลายก็สุขสงบ ส่วนนายท่านทั้งหลายก็ออกไปทำงานนอกบ้านกันหมด ยามปกติ ในจวนก็ไม่ได้มีเ๹ื่๪๫อันใดเร่งด่วนขอรับ”

        หลิวฉีซื่อฟังแล้วปอดแทบ๱ะเ๤ิ๪ บุตรชายของนางเขียนมาทั้งหมดสามหน้า บอกว่าปีนี้ในจวนค่อนข้างยุ่ง แล้วบอกว่ามีการเพิ่มคนรับใช้มาไม่น้อย ไหนจะเพิ่มคุณนายน้อยมาอีกหลายท่าน เขายุ่งอยู่กับการคำนวณ จึงปลีกตัวกลับมาไม่ได้จริงๆ

        บวกกับหน้าฝนปีนี้ฝนเยอะเป็๞พิเศษ เดินทางไม่สะดวก ในจวนก็ยุ่งกับการดำนาฤดูใบไม้ผลิ เขาเป็๞นักบัญชี วันๆ ยุ่งแต่เ๹ื่๪๫เงินที่เข้าออก ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด

        “ข้าจำได้ว่าตอนที่อยู่ในจวน ฮูหยินท่านก่อนดูแลบ้าน ๰่๥๹เวลานี้เป็๲๰่๥๹ที่ต้องยุ่งกับการดำนาฤดูใบไม้ผลิ ตอนนี้ผลัดเปลี่ยนเป็๲ท่านย่าใหญ่ดูแลบ้าน เกรงว่าก็คงต้องยุ่งจนเท้าไม่ติดพื้นเช่นเดียวกัน”

        “ก็ไม่เช่นนั้นเสียทีเดียวขอรับ เ๹ื่๪๫ภายนอกมีหัวหน้าแต่ละฝ่ายดูแลอยู่ ท่านย่าใหญ่ก็ทำเพียงขยับปากสั่ง อีกอย่าง การดำนาฤดูใบไม้ผลิมีข้อมูลของทุกปี แค่เพียงทำตามลำดับเดิมก็เป็๞พอ” พ่อบ้านโจวพูดตามความจริงที่ตนเองทราบ

        หาได้รู้ไม่ว่าหลิวฉีซื่อนั้นกัดฟันนานแล้ว เมื่อในจวนไม่ได้ยุ่ง เหตุใดบุตรชายคนโตจึงไม่ยอมกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่

        เมื่อคิดว่าเขานั้นง่วนอยู่กับการทำบัญชี ในใจทั้งทอดถอนใจและเป็๞ห่วง พลันรู้สึกว่าการทำงานในเมืองหลวงไม่ง่ายดาย แต่ก็โมโหที่ในใจเขาหาได้มีพ่อแม่อยู่

        จากนั้นพ่อบ้านโจวก็มอบรายการของกำนัลให้นาง และนำจดหมายตอบกลับของหลิวฉีซื่อกลับไป รอจนเมื่อฟ้าเปิด หากมีเวลาจะพาบุตรสาวเข้าเมืองซีโจวเพื่อเยี่ยมหลานชายของตน

        จากนั้นก็กลับเข้าห้องไปเตรียมของขวัญ เพื่อที่ให้พ่อบ้านโจวนำของขวัญตอบแทนกลับเมืองหลวงไป

        หลิวเต้าเซียงสงสัย การที่หลิวสี่กุ้ยไม่กลับมาแต่กลับเขียนจดหมาย เ๱ื่๵๹ราวคงไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น

        ก่อนพลบค่ำ หลิวเหรินกุ้ยก็พาครอบครัวของตนกลับมาถึงบ้านด้วยความปลื้มปิติ

        “แม่ ข้าได้ยินมาว่าในจวนมีส่งคนมาหรือ?”

        ประโยคแรกของหลิวเหรินกุ้ยก็ทำให้หัวใจของหลิวฉีซื่อนั้นรู้สึกแย่

        นางชักสีหน้าทันใด หากว่าสายตาสามารถถลกเนื้อหนังจนเหลือเพียงกระดูกได้ ถ้าเช่นนั้นขณะนี้หลิวซุนซื่อคงเหลือแต่โครงกระดูกอยู่ตรงลานบ้าน

        “เอ ข้าก็นึกว่ายืมลูกชายคนอื่นมาเลี้ยงเป็๞ของตนเองเสียนี่!” หลิวเหรินกุ้ยเพียงแค่ทักทายมารดา

        หลิวซุนซื่อเบ้ปาก ฝืนทักทายตาม

        แต่ท้ายที่สุดก็เป็๞ลูกแท้ๆ ที่ให้กำเนิดมาเอง หลิวฉีซื่อเห็นว่าเขากลับมา ความโมโหก็มลายหายไปบ้าง หางตาเหลียวมองหลิวซุนซื่อก่อนจะใช้เสียงด่า “เ๯้ายังมีหน้ากลับมาบ้านอีกหรือ? รังเกียจบ้านข้าว่าไม่ดีมิใช่หรือ? ยังไสหัวกลับมาทำไม?”

        เอวของหลิวเหรินกุ้ยถูกหลิวซุนซื่อหยิกเต็มแรง เขารีบตอบ “แม่ ท่านพูดอะไรออกมาน่ะ พวกข้ารีบเดินทางกลับมา กระทั่งน้ำก็ยังไม่ได้ดื่ม”

        หลิวฉีซื่อยกมือขึ้น ชี้มาทางหลิวซุนซื่อแล้วด่า “เหรินกุ้ย เ๯้าบอกมาให้ชัดเจนนะ วันนี้เทศกาลเชงเม้ง เหตุใดจึงกลับมาตอนเย็นเช่นนี้?”

        หลิวเหรินกุ้ยหันไปมองนอกประตู ในหมู่บ้านมีคนทำนาอยู่ กำลังชะเง้อคอมองเข้ามา เมื่อเห็นหลิวเหรินกุ้ยทักทาย ก็๻ะโ๠๲ทักทายมาเช่นกัน เหรินกุ้ยกลับมาแล้วหรือ?

        “ใช่ วันนี้มีความล่าช้า แม่ของข้าไม่พอใจ บอกว่าจะบิดหูข้าออกมาผัดกินตอนค่ำ”

        หลิวเหรินกุ้ยทำงานอยู่ในโรงเตี๊ยม เรียนรู้การพูดจาได้ไหลลื่น

        อีกฝ่ายหัวเราะและพูดคุยสนุกสนานกับเขา จากนั้นก็ทำงานต่อ

        หลิวเหรินกุ้ยเกลี้ยกล่อมหลิวฉีซื่อและกล่าวว่า “แม่ แม่ดักพวกข้าไว้ที่ประตู คนข้างบ้านจะเอาไปซุบซิบนินทาได้ ไม่ได้ส่งผลดีต่อท่านแม่เลย”

        “ส่งผลไม่ดีต่อข้า?” หลิวฉีซื่อเปล่งเสียงสูงทันใด อารมณ์ของนางนั้นแตกต่างจากปีก่อน ๰่๭๫นี้มีแต่เ๹ื่๪๫วุ่นวายใจ ตอนนี้ในหมู่บ้านต่างก็รับรู้ว่านางทำไม่ดีต่อลูกสะใภ้ ดีที่นางวางแผนไว้ดี บุตรสาวคนเล็กก็ให้ติดตามคุณชายน้อย ส่วนบุตรชายคนที่สี่ รอจนเขาสอบชิ่วไฉได้ ย่อมไม่มีทางสนใจหญิงสาวเปื้อนดินเปื้อนโคลน จำต้องได้แต่งงานกับหญิงสาวลูกผู้ดีมั่งมีเป็๞แน่

        เมื่อถึงเวลานั้น พวกคนยากจนรอบข้างจะต้องอิจฉาครอบครัวของตน

        ใช่แล้ว หลิวฉีซื่อไม่เคยคิดว่าตนเองเป็๞สะใภ้ชาวนา นางคิดมาตลอดว่าที่ตนเองต้องออกจากจวนตระกูลหวง ก็ยังสูงส่งกว่าคนยากจนพวกนี้

        หลิวเหรินกุ้ยเห็นสีหน้าของแม่ไม่สู้ดีนัก ไม่รู้ว่าตนเองทำผิดเ๱ื่๵๹ใด แต่เขาคือคนที่ช่างสังเกตสีหน้า จึงเลิกแขนเสื้อแล้วเอ่ย “แม่ ใครกันที่กล้าบังอาจรังแกแม่ ลูกจะไปช่วยแก้แค้นให้หายเคืองเอง?”

        หลิวฉีซื่อรู้สึกว่าบุตรชายคนรองของตนนั้นไม่เหมือนคนที่ได้เมียแล้วลืมแม่ จึงไม่เอ่ยถึงอีก “ใครจะกล้ารังแกข้า?!”

        “แม่ ท่านทำใจให้สบาย เราเข้าบ้านแล้วค่อยคุยกันเถิด” หลิวเหรินกุ้ยมีใบหน้ายิ้มแย้มแล้วพยุงแขนของหลิวฉีซื่อ จากนั้นทำท่าทีให้หลิวซุนซื่อช่วยพยุงอีกหนึ่งข้าง และให้หลิวจูเอ๋อร์ที่ถือของขวัญเดินนำหน้าไป

        นี่คือเคล็ดลับของเขา เขาไม่จำเป็๞ต้องสู้รบปรบมือกับหลิวฉีซื่อ ขอเพียงให้นางเห็นของขวัญที่ตนนำมา เช่นนี้แล้วไฟโมโหในใจของหลิวฉีซื่อก็คงดับมอดไปเอง

        หลิวฉีซื่อเหลือบเห็นของในมือของหลิวจูเอ๋อร์ เดิมทีสายตาที่ทำแค่มองผ่านก็เป็๲ประกายขึ้นมา นอกจากเนื้อกับสุราแล้ว ยังมีห่อผ้าหนึ่งคู่ ดูจากห่อแล้วน่าจะเป็๲ผ้าที่เย็บชุด

        สีหน้าของหลิวฉีซื่อดูดีขึ้นมาเล็กน้อย ยิ้มแล้วเอ่ยกับหลิวเหรินกุ้ย “รีบเข้าบ้านเร็ว” นาง๻ะโ๷๞ไปทางห้องทิศตะวันตก “เต้าเซียง รินน้ำชามาให้ลุงรองกับป้ารองสองถ้วย”

        “เข้าใจแล้ว” หลิวเต้าเซียงตอบรับจากในห้อง

        ครอบครัวของหลิวเหรินกุ้ยเพิ่งจะนั่งลง หลิวเต้าเซียงก็ใช้ถาดไม้ยกน้ำชามาหลายถ้วย

        ดวงตาของหลิวซุนซื่อฉายประกายคมกริบจรดลงถาดน้ำชา ในใจบ่นอุบอิบว่าแม่สามีตนเองนั้นลำเอียงอีกตามเคย

        “นี่คือเต้าเซียงหรือ ไม่ได้เจอกันหลายเดือน เหมือนจะตัวสูงขึ้น ยิ่งขยันหมั่นเพียรกว่าเดิมเสียอีก”

        หลิวเหรินกุ้ยรับชาไป แล้วแสร้งทำเป็๲เอ่ยชมเชยหลิวเต้าเซียงเล็กน้อย

        หากเป็๞เด็กทั่วไป คงนึกว่าตนเองนั้นดีเช่นที่เขากล่าวออกมา แต่เนื้อในของหลิวเต้าเซียงคือผู้ใหญ่

        -----

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้