ชิง...ชิงผิงอ๋อง...
เหยาเชียนเชียนกอดอาเหยียนน้อยในอ้อมแขนแน่นขึ้นอย่างเงียบเชียบ เหตุใดเทพสังหารผู้นี้ถึงได้เสด็จกลับมากะทันหันเช่นนี้ ช่างตายยากเสียจริง
เป่ยเหลียนโม่ชำเลืองมองนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็ยื่นมือออกไปหาอาเหยียนซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของนาง สื่อนัยอย่างชัดเจน
เมื่อครู่คิดเพียงแต่ว่าจะอาศัยโอกาสก่อนที่ชิงผิงอ๋องเสด็จกลับมาสวมบทเป็เหยาเชียนเชียนที่ถูกบังคับขู่เข็ญเสียหน่อย แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดีเช่นนี้จึงต้องส่งเด็กน้อยในอ้อมกอดให้ไปแต่โดยดี
ลูกชายคืนให้ท่าน ส่วนคำพูดเมื่อครู่ขอท่านโปรดทำเป็ไม่ได้ยินแล้วกัน
“ท่านแม่!”
อาเหยียนน้อยพยายามดิ้นรนขัดขืนให้หลุดจากสองมือของเป่ยเหลียนโม่ เขาพยายามโน้มตัวเข้าหาอ้อมกอดของเหยาเชียนเชียนไม่หยุดหย่อน เมื่อครู่เพิ่งบอกว่าจะไม่ทิ้งอาเหยียน เหตุใดยามนี้ถึงจะส่งตัวอาเหยียนให้ผู้อื่นแล้วล่ะ
ถึงจะเป็ท่านพ่อ ทว่ายามนี้อยู่ต่อหน้าท่านแม่ ท่านพ่อก็ถือว่าเป็คนอื่นแล้ว
เป่ยเหลียนโม่เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ เขาไม่อยู่แค่เพียงวันเดียว เหตุใดอาเหยียนถึงได้สนิทสนมกับสตรีผู้นี้ถึงเพียงนี้?
เมื่อคิดดูว่าหากคืนนั้นเขาไม่ได้ไปพบเข้าทันเวลา ยามนี้อาเหยียนคงกลายเป็ิญญาในเงื้อมมือของสตรีผู้นี้ไปแล้ว ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ควรจะรู้สึกหวาดกลัวและหวั่นเกรงถึงจะถูก ไฉนจึงอาลัยอาวรณ์นางถึงเพียงนี้?
“อาเหยียน มาหาพ่อ”
ั์ตาพยับเมฆของเป่ยเหลียนโม่กวาดมองเหยาเชียนเชียน ราวกับลมเหมันต์ที่ห่อหุ้มด้วยแผ่นน้ำแข็ง เย็นสะท้านไปจนถึงกระดูกของนาง เหยาเชียนเชียนสั่นไปทั้งกายอย่างห้ามไม่ได้ คิดในใจว่าวันนี้นางคงไม่เหลือลมหายใจอยู่อธิบายต่อที่นี่แล้วกระมัง
“ท่านแม่อุ้ม อยากให้ท่านแม่อุ้ม”
อาเหยียนน้อยโอบกอดลำคอของเหยาเชียนเชียนไว้มั่น เขารู้ว่าอ้อมแขนของผู้เป็แม่นั้นสบายเหลือเกิน เพราะฉะนั้นไม่ว่าเป่ยเหลียนโม่จะพูดอะไรเขาก็ไม่ยอมลง เหยาเชียนเชียนถูกชายหนุ่มจับจ้องเสียจนเหงื่อตก
แต่ในเมื่อท่านอ๋องเป็ห่วงเด็กคนนี้ถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงเลี้ยงดูให้ผอมแห้ง แม้กระทั่งเนื้อสัตว์ก็ไม่ได้กินเล่า
นางทำใจกล้าสบตากับเป่ยเหลียนโม่ ปั้นหน้ายิ้มระรื่นทั้งที่เนื้อตัวสั่นระริก
“ถะ... ถวายบังคมเพคะท่านอ๋อง ท่านอ๋องทรงเสวยสำรับเช้าหรือยังเพคะ พระองค์เพิ่งเสด็จกลับถึงจวนคงเหนื่อยน่าดู ให้หม่อมฉันดูแลอาเหยียนก่อนเถิดเพคะ พระองค์ทรงพักผ่อนก่อนดีกว่า”
ให้เ้าดูแล?
คนในเหตุการณ์ล้วนมีสีหน้าประหลาดใจเป็พิมพ์เดียวกัน หากมอบอาเหยียนให้อยู่ในมือนางจริง เกรงว่าคงไม่ได้รับกลับมาอีก แค่ใน่จังหวะที่หมุนตัวเด็กน้อยก็อาจจะถูกฆ่าตายไปแล้ว
เป่ยเหลียนโม่จ้องมองสองตาของนางเขม็ง ก่อนจะยื่นมือออกไปอุ้มอาเหยียนออกมาจากอ้อมแขนของนางอย่างไม่ยอม ก่อนจะส่งเขาให้เหล่ามามา [1] ที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ถึงเวลานอนกลางวันของเสี่ยวซื่อจื่อแล้ว พาเขาออกไป”
เพิ่งรับสำรับเช้าไปเมื่อครู่ก็จะให้นอนกลางวันแล้ว คนเขลายังดูออกว่านี่คือข้ออ้าง อ้อมแขนของเหยาเชียนเชียนว่างเปล่า นางและอาเหยียนน้อยมองหน้าราวกับกำลังจะตายจากกัน น้ำตาคลอเบ้า ทว่าด้วยถูกเทพสังหารขวางอยู่ตรงหน้า สุดท้ายก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไร
“ท่านอ๋อง...” ในที่สุดหลิ่วเหมยเอ๋อร์ก็ได้โอกาสก้าวเข้ามา “เมื่อครู่หวังเฟยทำร้ายสาวใช้ของเหมยเอ๋อร์ อีกทั้งยังเอ่ยวาจาหยามเกียรติ แล้วยังแย่งสำรับเช้าของเหมยเอ๋อร์อีก ยามนี้เหมยเอ๋อร์ยังหิวอยู่เลยเพคะ”
เอ่ยจบก็เบะปากอย่างน้อยอกน้อยใจ ก่อนจะใช้ช่อปทุมถันของตนแนบชิดเข้ากับท่อนแขนของเป่ยเหลียนโม่พลางถูไปมา
พูดตามตรง เหยาเชียนเชียนถูจมูกเล็กน้อย หลิ่วเหมยเอ๋อร์ผู้นี้แม้จะไร้สมอง แต่ก็ยังมีมารยาอยู่ไม่น้อย
แต่การให้ร้ายผู้อื่นต่อหน้าเช่นนี้ก็ดูจะหยาบคายเกินไปหน่อย อย่างน้อยก็เลือกเวลาที่นางไม่อยู่ก็ยังดี
“เ้าออกไปก่อน เปิ่นหวังมีเื่จะปรึกษากับหวังเฟย”
คำว่า ‘หวังเฟย’ ทำให้เหยาเชียนเชียนต้องหดคออย่างไม่มีเหตุผล นางรู้สึกถึงสายลมเย็นะเืที่พัดผ่านหลังคอ ไอเย็นแล่นจากกระดูกสันหลังพุ่งจี๊ดขึ้นไปถึงกะโหลกศีรษะ
เห็นเขามีสีหน้าไม่สบายใจ แม้หลิ่วเหมยเอ๋อร์จะไม่เต็มใจ แต่นางก็ยังถือว่ามีไหวพริบ อยู่กับเป่ยเหลียนโม่มาได้นานเพียงนี้ ข้อนี้ก็ถือว่ายังตาแหลมอยู่บ้าง
ไปก็ได้! ท่านอ๋องจะเปลี่ยนใจเพียงชั่วข้ามคืนหรืออย่างไร วันหน้าก็ยังมีโอกาสจัดการหวังเฟยอยู่ หึ!
ภายในห้องพลันเงียบลง เหยาเชียนเชียนคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็หนีไม่พ้น หากชิงผิงอ๋องจะฆ่านางที่นี่ นางก็คงทำได้เพียงแค่กลอกตายอมจำนน
มือใหญ่โอบรอบลำคอของนางไว้หลวมๆ ในชั่วขณะที่นางกำลังสติหลุดลอย
‘กึก’ ััเย็นเล็กน้อยทำให้เหยาเชียนเชียนคุกเข่าลงและร้องไห้อย่างน่าสงสารทันที
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะ ต่อไปหม่อมฉันไม่กล้าอีกแล้ว พระองค์โปรดเมตตาไว้ชีวิตหม่อมฉันสักครั้งเถิดเพคะ หม่อมฉันรับปากว่าต่อไปจะตั้งใจสำนึกผิด หากพระองค์ให้หม่อมฉันไปตะวันตก หม่อมฉันก็จะไม่ไปตะวันออก หากพระองค์ให้หม่อมฉันตีสุนัข หม่อมฉันก็จะไม่ไปไล่นก ได้โปรดปล่อยหม่อมฉันไปเถิดเพคะ ฮือๆๆๆ!”
เป่ยเหลียนโม่คิ้วกระตุก มือที่ยื่นออกไปเมื่อครู่ค้างชะงักอยู่กลางอากาศ เขาแค่จะเช็ดคราบน้ำมันบนใบหน้าให้นางเพียงเท่านั้น คงเป็อาเหยียนน้อยที่ทำเปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจ ทว่าปฏิกิริยาของเหยาเชียนเชียนทำให้เขาคาดไม่ถึงเลยจริงๆ
ทองพันชั่ง [2] แห่งตระกูลเหยาซึ่งเคยมีกิริยาสุภาพงดงามและมีคุณสมบัติเพียบพร้อมโดดเด่น ถูกเขาขังไว้เพียงคืนเดียวทำให้เปลี่ยนไปได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เหยาเชียนเชียนร้องไห้อย่างน่าสงสาร บอกว่ายามนั้นนางหลงผิด และไม่รู้ว่าเหตุใดถึงยื่นมือออกไป ยามนี้ฟื้นคืนสติมาก็รู้ว่านางทำผิดมหันต์และสำนึกเสียใจมาโดยตลอด ขอท่านอ๋องให้โอกาสนางได้ชดใช้ความผิดสักครั้ง
นางร้องไห้ด้วยความรู้สึกจากใจจริง หยดน้ำตารินไหลราวกับนางไม่้าให้มีน้ำตาหลงเหลืออยู่ในร่างกาย เป่ยเหลียนโม่ย่นคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าไฉนอุปนิสัยของนางจึงเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคนเพียงชั่วข้ามคืน
“อย่างนั้นหรือ แต่ข้าจำได้ว่ายามนั้นเ้าเคยบอกว่า หากเด็กคนนี้ตายไปก็ช่างปะไร วันหน้าอยากมีลูกกี่คนเ้าก็สามารถคลอดให้เปิ่นหวังได้”
เป่ยเหลียนโม่เชยคางนางขึ้นเบาๆ เขายิ้มเสียจนเหยาเชียนเชียนลืมร้องห่มร้องไห้
คนผู้นี้หน้าตาดีจริงๆ นางสะอื้นเล็กน้อย หากไม่ใช่ว่ายามนี้ชีวิตน้อยๆ ของนางยังอยู่ในกำมือของอีกฝ่าย นางที่เป็โสดมายี่สิบกว่าปีคงรวบรวมความกล้ารุกเขาก่อน ยั่วยวนเขาไปแล้ว
ทว่าน่าเสียดาย เจอหนุ่มหล่อในเวลาที่ผิด นางตั้งใจว่าชีวิตนี้คงจะต้องเป็โสดต่อไปอีกครั้ง
“หม่อมฉันจะให้กำเนิดบุตรที่เฉลียวฉลาด เชื่อฟังรู้ความเฉกเช่นอาเหยียนน้อยได้อย่างไร พระองค์ลืมที่หม่อมฉันพูดไปเถิดเพคะ”
เหยาเชียนเชียนแย้มยิ้มอย่างประจบ คำพูดฮึกเหิมที่นางคิดไว้ในใจ รอได้พบชิงผิงอ๋องแล้วจะด่าว่าอีกฝ่ายอย่างรุนแรงสักยก เวลานี้เป็เวลาดี เอาสาแก่ใจก่อนแล้วค่อยแยกย้ายอะไรทำนองนั้น
ทว่ายามนี้ได้เจอตัวจริง เหยาเชียนเชียนกลับลืมสิ่งที่คิดไว้เสียสิ้น
ในยามที่ควรยอมรับความอ่อนแอก็ต้องยอมรับ ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการรักษาชีวิตน้อยๆ ของนางอีกแล้ว
เป่ยเหลียนโม่ชะงักเล็กน้อยไปกับรอยยิ้มประจบของนาง ในเมืองนี้ทุกคนล้วนรู้ว่าเหยาเชียนเชียนรักท่านพี่สามของเขา แต่เขาวอนขอต่อเสด็จพ่อครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดก็สู่ขอนางมาเป็หวังเฟยของตนจนได้
เขาไม่ได้ชอบนางมากถึงเพียงนั้น แต่ดูเหมือนสตรีผู้นี้จะสำคัญต่อท่านพี่สามของเขามาก เพราะฉะนั้นเขาจึงปรารถนาในตัวนางเช่นกัน
ยามนี้ดูเหมือนนางจะไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่เขาคิดแล้ว เป่ยเหลียนโม่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยเวลายิ้มก็สวยจับใจเลยทีเดียว
“หวังเฟยไยจึงดูแคลนตนเองเช่นนี้ หากเ้าคลอดไม่ได้ก็ยังมีเปิ่นหวังอยู่ไม่ใช่หรือ” เป่ยเหลียนโม่จับแขนนางดึงเข้าหาตัวและรับเข้าสู่อ้อมแขน
“เปิ่นหวังจะช่วยเ้าเอง ลองคลอดสักสองคนก่อนสิ”
เขาคิดว่าเป็การทำหมั่นโถวหรืออย่างไร เื่แบบนี้มีให้ทดลองดูก่อนด้วยหรือ ถ้าลองแล้วไม่ดีเขาจะทำอย่างไร ทำซ้ำอีกครั้งไม่ได้ด้วย!
เหยาเชียนเชียนดวงตาเบิกกว้าง ดูไปแล้วก็คล้ายอาเหยียนอยู่หลายส่วน เป่ยเหลียนโม่หัวเราะเบาๆ เขาบีบคางนางเตรียมจะประทับจูบลงไป
ประเดี๋ยวก่อน!
เหยาเชียนเชียนใช้ฝ่ามือปิดปากเขาไว้ ท่านอ๋องผู้นี้ เขาไม่รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่พัฒนาไปในทิศทางที่แปลกประหลาดเกินไปหน่อยหรือ ก่อนจะจูบต้องคุยกันให้ชัดเจนก่อนสิ ตกลงเขายังจะฆ่านางอยู่อีกหรือไม่?
เชิงอรรถ
[1] เหล่ามามา หมายถึง คำเรียกนางข้าหลวงาุโ
[2] ทองพันชั่ง หมายถึง เงินจำนวนมหาศาล เป็คำที่ใช้เรียกบุตรีของตระกูลร่ำรวย