หลินชิงเวยยังคงพยายามต่อไปอีกนางไม่เชื่อว่าจะเขวี้ยงไม่ถูกร่างของเขา ลูกหินสองลูกแรกเขาหลบหลีกได้ใครจะคิดว่าลูกหินลูกที่สามเซียวเยี่ยนก็คร้านที่จะหลบ ลูกหินลูกนั้นจึงกระทบถูกแผ่นหลังเขาอย่างจัง
หลินชิงเวยยังไม่ทันได้ดีใจ เห็นเพียงเงาร่างของเซียวเยี่ยนที่หยุดชะงักลงจากนั้นนางเห็นแผ่นหลังเซียวเยี่ยนราวกับเป็แผ่นเหล็กไหลที่ดูดก้อนหินให้ลอยขึ้นมาเมื่อเขาผ่อนคลายกล้ามเนื้อแผ่นหลังอีกครั้งก้อนหินก็กระเด็นย้อนกลับมา
หลินชิงเวยสายตาพร่าเลือนทันที นางรู้สึกเจ็บที่หน้าผาก จึงกุมหน้าของตนแล้วร้องขึ้นว่า“ให้ตาย!”
หลังจากกลับมาถึงตำหนักซวี่หยางเซียวจิ่นเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสองที่กลับมาด้วยความยินดีทว่าเมื่อเห็นหน้าผากของหลินชิงเวยที่บวมแดงขึ้นมา จึงถามขึ้นอย่างตกตะลึงว่า“หน้าผากเ้าเป็อะไร?”
หลินชิงเวยกำลังจะเอ่ยปากโยนความผิดให้เซียวเยี่ยนเซียวเยี่ยนกลับหันหน้ากลับมา ใช้สายตาอันเย็นเยียบมองนางแวบหนึ่ง“ฝ่าาไม่ต้องกังวล ระหว่างที่เดินกลับมาหลินเฟยไม่ทันระวังจึงหกล้ม”
หลินชิงเวย “...”
เซียวจิ่นดูเหมือนไม่คลางแคลงใจแม้แต่น้อยบนใบหน้าของเขายังคงปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน “ครั้งต่อไปเ้าเดินต้องระวังให้มากไม่หนักหนาอะไรกระมัง ต้องให้หมอหลวงมาทายาลดบวมให้เ้าหรือไม่?”
หลินชิงเวยกล่าว “ฝ่าาลืมแล้วเพคะ ตัวหม่อมฉันเองก็เป็หมอ”
เซียวจิ่นกล่าว “ก็ใช่”
ต่อมาเซียวจิ่นอ่านฎีกาอยู่ในตำหนักบรรทมเซียวเยี่ยนในฐานะเซ่อเจิ้งอ๋องจึงนั่งรออยู่ด้านข้างเพื่อเป็การสะดวกเมื่อเซียวจิ่นมีข้อสงสัย
เื่เหล่านี้หลินชิงเวยช่วยอะไรไม่ได้นางอยู่ที่นี่ก็รู้สึกเบื่อหน่าย จึงออกไปจากตำหนักบรรทมนางออกมาอยู่ด้านนอกตำหนักบรรทมยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่เข้าท่าวันนี้ให้เซียวเยี่ยนเอาเปรียบนางไปมากมายเช่นนี้ หากนางไม่เอาคืนกลับมาบ้างจะได้อย่างไร
ไม่ได้ จะต้องให้เขาคืนทุนมาให้บ้าง
ดังนั้นหลินชิงเวยจึงรวบรวมสติอารมณ์และท่าทีของตนอีกครั้งฟุบลงบนกรอบประตู ยื่นหน้าออกไปครึ่งศีรษะ ดวงตาทั้งคู่โค้งลงราวกับเป็แม่นางน้อย นางกะพริบตาปริบๆ แล้วร้องเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน “เสด็จอา”
แผ่นหลังของเซียวเยี่ยนกระตุกเล็กน้อยแทบจะสังเกตไม่เห็นนอกจากนั้นแล้วไม่มีปฏิกิริยาอื่น
“เสด็จอา ท่านออกมาสักครู่จะได้หรือไม่?”
เซียวเยี่ยนยังคงไม่เคลื่อนไหว
หลินชิงเวยกล้วยด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจว่า “เฮ้อ คงเป็เพราะหม่อมฉันอยู่ในวังหลวงแห่งนี้อย่างไร้ตำแหน่งฐานะต่ำต้อย ไม่อยู่ในสายตาผู้อื่น เวลานี้มีโอกาสเข้ามาถวายการรักษาฝ่าาถึงตำหนักบรรทมถือเป็วาสนาเทียมฟ้าแล้วเสด็จอาเป็ถึงเซ่อเจิ้งอ๋องของราชวงศ์ เป็ที่เคารพนับถือของชาวประชาอีกทั้งยังสูงศักดิ์หาใดเปรียบ คนเช่นหม่อมฉันแม้กระทั่งจะพูดจากับเสด็จอาสักประโยคก็ยังไม่คู่ควร...”
เซียวจิ่นได้ยินแล้วมุมปากกระตุกเบาๆ อดไม่ได้ที่จะกล่าวยิ้มๆ ว่า“เสด็จอา ท่านออกไปดูสักหน่อยเถิด ไม่แน่ว่านางอาจจะมีเื่อะไรจริงๆ”
หลินชิงเวยเจตนาบีบเสียงของตนให้ไพเราะดังเช่นแม่นางน้อยเสียงที่พูดออกมานั้นอ่อนหวาน ทั้งยังออดอ้อนแต่ฟังแล้วประหลาดยิ่งนักที่ไม่ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกเอือมระอาหรือหงุดหงิด
ดังนั้นเซ่อเจิ้งอ๋องของพวกเราจึงจำต้องยกขาเรียวยาวนั้นลงลุกขึ้นมาพร้อมกับสะบัดชายอาภรณ์ด้วยกริยาท่าทางอันสง่างาม จากนั้นหันกายเดินมาทางหลินชิงเวยด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
หลินชิงเวยขยิบตาให้เขาอย่างพึงพอใจ
เซียวเยี่ยนเดินออกมาด้วยสีหน้าเย็นเยียบเขายืนเสมอกับหลินชิงเวยใต้ชายคาและถามว่า “มีเื่อันใด?”
หลินชิงเวยแบมือ “ก่อนหน้านี้เสด็จอามิใช่บอกว่าจะพาข้าไปเบิกเงินหรืองานหนักข้าก็ทำแล้ว เสียเปรียบก็เสียเปรียบแล้วอย่างไรก็ต้องมีการชดเชยกันบ้างกระมัง?”
เซียวเยี่ยนก้มหน้าดูฝ่ามือขาวผ่องของนางกลางฝ่ามือยังมีรอยแผลเป็เส้นหนึ่งที่ไม่เรียบนั่นเป็าแที่นางได้มาจากตำหนักคุนเหอของไทเฮารอยแผลเป็ถือว่าประสานกันได้ดีไม่เลว เพียงแต่บนฝ่ามือของนางเวลานี้มีไส้เดือนสีชมพูตัวเล็กๆซึ่งเป็เนื้อใหม่ที่งอกออกมาทันทีที่มองเห็นราวกับว่าไส้เดือนตัวนั้นคลานเข้ามากลางใจของเขาให้ความรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวแก่เขาอย่างเอกอุ
หลินชิงเวยมองหน้าของเซียวเยี่ยน แล้วหันไปมองฝ่ามือของตนกล่าวทั้งหัวเราะจนตาหยี “เสด็จอารู้สึกผิดอยู่บ้างใช่หรือไม่เช่นนั้นสามารถให้เงินมากหน่อยได้ ข้าอาศัยอยู่ในวังหลวงแห่งนี้ต้องติดต่อผู้คนค่าใช้จ่ายมีมาก”
ถูกต้อง ต้องให้เขาเห็น ให้เ้าหนุ่มคนนี้รู้สึกไม่สบายใจ ดูท่าทางแล้วเขาไม่ใช่คนที่แม้แต่มโนธรรมเพียงเล็กน้อยก็ไม่มีกระมัง
เซียวเยี่ยนกลับเอ่ยขึ้นว่า “ดีชั่วอย่างไรเ้าก็เป็ถึงนางสนมของตำหนักในเป็ประมุขในตำหนักของตน หากว่ากันตามตำแหน่งแล้ว ทุกเดือนมีเงินเดือนให้เ้าใช้จ่ายภายในตำหนักแล้วยังพอมีเหลือ”
หลินชิงเวยสีหน้าย่ำแย่ทันที“เช่นนั้นข้ากำลังจะถูกลดขั้นให้เป็เพียงเจาอี๋เงินเดือนของข้าก็ต้องลดลงด้วยใช่หรือไม่?” ไม่รอให้เซียวเยี่ยนตอบนางหันกายเดินจากไป “ข้าพลันรู้สึกว่าข้าถวายการรักษาพระอาการประชวรของฝ่าาอย่างทุ่มเทแรงกายแรงใจเช่นนี้กลับไม่มีอะไรดีขึ้นแล้วไปเถิด ข้ากลับไปงีบยามบ่ายดีกว่า มีเื่อะไรไม่ต้องมาเรียกข้าแล้วรบกวนท่านไปเรียกหมอหลวง ขอบคุณ”
ในความเป็จริงแล้วทางด้านเซียวจิ่นในเวลานี้ไม่จำเป็ต้องให้นางมาวิตกกังวลแล้ว ขอเพียงเซียวจิ่นดื่มโอสถตามเวลาและบำรุงร่างกายอย่างระมัดระวังโดยพื้นฐานแล้วอีกสองวันอาการก็จะคงที่และเื่การต้มยาจัดยานั้นให้หมอหลวงมาทำหน้าที่ก็ทำได้ไม่ขาดตกบกพร่อง
หลินชิงเวยเดินออกไปเร็วยิ่ง เพียงครู่เดียวก็ไม่เห็นแม้แต่เงา เดิมทีนางคิดจะเรียกเซียวเยี่ยนออกมาคิดบัญชีแต่เวลานี้ดูท่าแล้วนางกำลังเกรงกลัวว่าจะถูกเซียวเยี่ยนคิดบัญชีมากกว่า
เซียวเยี่ยนหรี่ตาลงมองร่างของหลินชิงเวยที่ค่อยๆ ลับเลือนหายไปจึงหันกลับเข้ามาสั่งการให้นางกำนัลนำอาหารกลางวันของเซียวจิ่นมาขึ้นโต๊ะทว่าเมื่อเขากำลังจะยกเท้าก้าวเข้าประตูใหญ่ของตำหนักบรรทมความรู้สึกราวกับมีสิ่งของน้อยไปอย่างหนึ่งเขาก้มหน้าลงมองแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ด้วยพยายามระงับโทสะที่ขึ้นมาเป็ริ้วๆให้สงบลง—เครื่องประดับที่เอวของเขาหายไปเสียแล้ว
เมื่อหลินซินหรูกลับมาถึงตำหนักฉางเหยี่ยนได้พบกับซินหรูที่กำลังวิ่งออกมาจากตำหนักที่หน้าประตู หลินชิงเวยดึงรั้งนางเอาไว้“ไปไหนกัน?”
ซินหรูกล่าวอย่างยินดี“ข้ากำลังเตรียมจะไปเรียกพี่สาวกลับมากินข้าวเ้าค่ะคิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะมาถึงประตูพี่สาวก็กลับมาแล้ว”
หลินชิงเวยกล่าว “วันนี้ข้าลืมบอกเ้าเมื่อข้าออกไปต่อไปเ้าไปไม่ต้องรอข้ากลับมากินข้าว”
“เหตุใดเ้าคะ?”
“ไม่มีเหตุใด หิวแล้วเ้าก็กินก่อน” หลินชิงเวยมองนางยิ้มๆ“หรือเ้ายังกังวลว่าพี่สาวจะหิ้วท้องหิว? ของกินทางตำหนักฮ่องเต้มีมากมายพระกระยาหารจากห้องเครื่องไม่ใช่อาหารที่ตำหนักฉางเหยี่ยนจะเทียบได้ หากเ้ารอข้าไม่แน่ว่าข้าอาจจะละโมบต่ออาหารเลิศรสทางนั้นแล้วไม่กลับมาเล่า”เห็นซินหรูพยักหน้า นางจึงกล่าวอีกว่า“หากเ้าอยากกินอาหารจากห้องเครื่องเ้าต้องตั้งใจฝึกฝนถึงเวลานั้นข้าจึงจะพาเ้าไปด้วยได้”
ซินหรูพยักหน้าแรงๆ ดวงตาทั้งคู่ทอประกาย
“วันนี้พันแผลให้หน้าผากของลวี่เฉี่ยว เป็อย่างไรบ้าง?”
ซินหรูกล่าว “ทำตามที่พี่สาวบอกเ้าค่ะ ข้าห้ามเืให้หยุดไหลก่อนจากนั้นใส่ยา เพียงแต่...”
“เพียงแต่อะไร?”
“เพียงแต่ข้าทำให้นางเจ็บ นางจึงไม่ให้ข้าแตะต้องนางตั้งหลายครั้ง...”
“ต่อมาเล่า?”
“ข้าเรียกอาหวงออกมาทำให้นางใ นางจึงไม่กล้าอิดออดเ้าค่ะ”
หลินชิงเวยกล่าว “เ้าทำได้ไม่เลวเลย คนเลวก็สำออยแบบนี้แหละดูท่าแล้วอาหวงยังรักษาอาการสำออยได้ด้วย”
ซินหรูแลบลิ้นออกมา กล่าวอย่างพึงพอใจว่า“ข้ายังพันแผลให้นางอย่างขี้ริ้วเ้าค่ะ แต่ต่อไปถ้าฝึกฝนบ่อยๆ ย่อมต้องทำได้ดีแน่นอนเ้าค่ะ”
หลังจากกลับไป หลินชิงเวยและซินหรูกินกันจนอิ่มแปล้ ซินหรูศึกษาอวัยวะต่างๆของมนุษย์อย่างจริงจังต่อไปหลินชิงเวยกลับไปยังห้องของตนแล้วนอนลงบนเตียงเพื่องีบยามบ่าย
นางยกขาขึ้นแกว่งเบาๆ บนเตียง ปรากฏให้เห็นข้อเท้าขาวสะอาดสะอ้านช่างเป็เท้าเรียวเล็กที่งดงามและขาวสะอาดราวกับหิมะคู่หนึ่ง