เมื่อได้ยินโจวชิงหวาพูดเื่นี้ หนีเจียเอ๋อร์ก็หัวเราะออกมาพลัน
ตอนนั้นนางมีอายุเพียงห้าขวบ จึงนึกสนุก ยืนกรานกับแม่นมว่าจะอาบน้ำพร้อมโจวชิงหวา หญิงสาวจำเหตุการณ์ในครานั้นได้ไม่ชัดเจนนัก รู้แค่ว่าพวกเขาทั้งสองโต้เถียงกันหนักมาก จนนางเผลอตีเข้าที่แผ่นหลังของอีกฝ่ายไปเต็มแรง
ยามนี้เมื่อมานึกย้อนดู ก็ยังอดยิ้มมิได้
ชายหนุ่มโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนทบทวนความหลัง “ตอนที่เ้าอายุแปดขวบ มาร่ำร้องอยากได้จิ้งหรีดของข้า ข้าก็เลยขอขนมหวานเป็การแลกเปลี่ยน เ้าตอบตกลง แต่เมื่อได้จิ้งหรีดแล้วกลับวิ่งหนี ไม่ยอมให้ขนมหวาน ร้ายกาจนัก”
ได้ยินเื่นี้ หนีเจียเอ๋อร์ก็ยกยิ้มบางๆ “เ้าเองก็ไม่น้อยหน้า เอาการบ้านของข้าไปซ่อน ข้าเลยถูกท่านพ่อทำโทษให้คัดคัมภีร์ตั้งห้าสิบจบ”
โจวชิงหวาคลี่ยิ้ม “แต่การเขียนพู่กันในวันนั้น ก็ทำให้เ้ามีทุกอย่างในวันนี้ ต้องขอบคุณข้านะ”
หญิงสาวหัวเราะเสียงต่ำ “ใช่! ขอบคุณความใจดำของเ้า มิฉะนั้น ข้าคงไม่เชี่ยวชาญในการเขียนอักษร”
ความทรงจำในอดีตช่างงดงาม และประทับใจไม่รู้ลืม...
ทั้งสองหลับตา จมลงสู่ห้วงแห่งความทรงจำ ปล่อยให้ความอบอุ่นของน้ำพุช่วยชโลมจิตใจ
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม โจวชิงหวาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วยกมือเคาะหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ “เสี่ยวเอ๋อร์ ไปกันเถอะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว” หากแต่ไร้การตอบรับจากคนที่อยู่ข้างกาย “เสี่ยวเอ๋อร์... เสี่ยวเอ๋อร์! ”
ยังคงปราศจากเสียงตอบกลับ เขาจึงรีบเข้าไปตรวจดูทันที
บัดนี้ หนีเจียเอ๋อร์กำลังนั่งพิงขอบสระ ดวงหน้าแดงก่ำ
โจวชิงหวาแตะนิ้วไปที่ข้อมือหญิงสาวเบาๆ เพื่อตรวจชีพจร ก่อนจะอุ้มนางขึ้นจากน้ำ แต่ยังไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อคลุมมาพันร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วรีบวิ่งไปหาเถ้าแก่ร้านทันที “เถ้าแก่ นำทางไปห้องพัก!”
ชายชราหันมามองด้วยความฉงน...
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
แต่ชายหนุ่มไม่มีเวลาจะมาอธิบาย เพียงจับจ้องจนอีกฝ่ายขนลุกซู่
ชายชราหลบสายตา แล้วรีบพาไปห้องพักทันที “นายท่าน โปรดตามมาเถิด”
พอถึงห้อง โจวชิงหวาก็ค่อยๆ วางร่างหนีเจียเอ๋อร์ลงบนเตียง ดวงตาคมหันไปมองเถ้าแก่ที่ยืนตัวลีบอยู่ข้างประตู “ออกไป!”
ชายชราสะดุ้งโหยง รีบปลีกตัวไปทันใด
โจวชิงหวาหลับตา ก่อนลงมือถอดเสื้อผ้าที่เปียกโชกของหญิงสาว ปลดเชือกที่คอและเอวของเสื้อตู้โตว[1] แล้วคลุมผ้าห่มให้
หน้าต่างทุกบานถูกเปิดกว้างเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก จากนั้น ชายหนุ่มก็ไปนั่งพัดวีอยู่ไม่ห่าง
สีแดงก่ำบนใบหน้าค่อยๆ จางหาย เผยให้เห็นผิวขาวนวลราวกับหยก ขนตาหนางอนงาม ทำให้สตรีตรงหน้าดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก
นิ้วของโจวชิงหวาเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากอมชมพูช้าๆ ประหนึ่งต้องมนต์ กว่าจะรู้ตัว ก็เกือบััผิวนุ่มเสียแล้ว...
หนีเจียเอ๋อร์ส่งเสียงงึมงำ พยายามพลิกตัวเพื่อหาท่านอนที่สบาย คล้ายจะกึ่งหลับกึ่งตื่น ดวงตาที่เคยปิดสนิทค่อยๆ ลืมขึ้น แล้วก็พบว่าภาพที่เห็นตรงหน้า เป็หน้าอกเปลือยเปล่าของบุรุษผู้หนึ่ง!
โจวชิงหวาคลี่ยิ้ม ก่อนเอ่ยถาม “เสี่ยวเอ๋อร์ ตื่นแล้วหรือ?”
สีแดงบนใบหน้าที่เพิ่งจางหาย กลับมาแดงก่ำอีกครั้ง หญิงสาวรีบพลิกตัวหันไปมองทางอื่นทันที “ทำอะไรของเ้าเนี่ย!”
ชายหนุ่มตอบเบาๆ “ที่เป็แบบนี้ก็เพราะเ้านั่นแหละ รู้หรือไม่ ว่าตัวเองเป็ลมเพราะแช่น้ำนานเกินไป แต่ไม่ต้องห่วง ตื่นขึ้นมาได้เช่นนี้ แสดงว่าอาการคงจะดีขึ้นแล้ว”
หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้า พยายามจะพยุงตัวขึ้นมานั่ง แต่ทันใดนั้น ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ... ตอนนี้บนร่างของนาง มีเพียงเสื้อตู้โตวและกางเกงชั้นในบางๆ เท่านั้น!
หญิงสาวดึงผ้าห่มมาพันรอบตัวแน่น พลางมองไปยังโจวชิงหวาด้วยสายตาคาดโทษ “เ้า! มาถอดเสื้อผ้าของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“หากปล่อยให้สวมเสื้อผ้าเปียกๆ เ้าจะเป็หวัดเอาได้” นอกจากจะไม่สำนึกผิดแล้ว เขายังโน้มหน้าเข้ามาใกล้ “อีกอย่าง เป็ข้าต่างหากที่เสียเปรียบ เพราะกำลังเปลือยอกอยู่”
ใบหน้าของหนีเจียเอ๋อร์ร้อนผ่าว “โจว... โจวชิงหวา...!!!”
ชายหนุ่มรีบเอานิ้วอุดหูทั้งสองข้าง ก่อนเบะปากประท้วง “จะะโเสียงดังทำไม ข้ามิได้หูหนวกเสียหน่อย”
หนีเจียเอ๋อร์ผลักเขาออกห่าง “ไปให้พ้นหน้าข้าเลย!”
“ได้!” โจวชิงหวาลุกขึ้น แต่งกายให้เรียบร้อย ก่อนแตะนิ้วลงที่ปลายจมูกอีกฝ่าย พลางพูด “ข้าไปแล้วนะ”
กล่าวจบ ก็หมุนตัวเดินไปที่ประตูห้อง แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้น เสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้น “เดี๋ยวก่อน!”
ชายหนุ่มหันมามองยิ้มๆ “เปลี่ยนใจไม่อยากให้ข้าไปแล้วหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์เม้มปากแน่น “เื่ในวันนี้ ห้ามบอกใครเด็ดขาด มิฉะนั้นข้าจะตัดลิ้นเ้าเสีย!”
โจวชิงหวากะพริบตาปริบๆ ก่อนกระซิบตอบ “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่แพร่งพรายเื่นี้แน่ นี่จะเป็ความลับของเราสองคน”
หญิงสาวจ้องเขาไม่วางตา แล้วหมุนตัว ฝังใบหน้าลงกับผ้าห่ม
หลังหาอะไรกินกันแล้ว ชายหนุ่มก็ส่งหนีเจียเอ๋อร์กลับไป
พอมาถึงห้องรับรอง เมื่อเห็นเว่ยอี๋เหนียงกับนายท่านสกุลหนี หญิงสาวก็วิ่งเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ท่านพ่อ อี๋เหนียง”
นายท่านสกุลหนีโพล่งขึ้นมาทันควัน “เว่ยอี๋เหนียงเป็ห่วงเ้าแทบแย่ เอาแต่บ่นว่าเ้าอยากจะมาเที่ยว แต่กลับหายไปดื้อๆ”
เว่ยอี๋เหนียงเม้มริมฝีปาก “นางก็เป็ลูกสาวท่านเช่นกัน ไม่ห่วงเลยหรือ?”
มองดูพวกเขาโต้เถียงกันอย่างกับเด็กๆ หนีเจียเอ๋อร์ก็อดยิ้มมิได้ พอมาที่นี่ สีหน้าของเว่ยอี๋เหนียงก็ดูดีขึ้นมาก มิได้อมทุกข์เหมือนตอนอยู่ในจวน ว่าแล้วก็นึกเสียดายที่กลับมาช้า มิเช่นนั้น ตนคงมีเวลาอยู่กับบิดามารดามากกว่านี้... นางรู้ดี ว่าโอกาสเช่นนี้มีไม่มากนัก
ขณะรับประทานอาหารเย็น จู่ๆ นายท่านสกุลหนีก็กล่าวขึ้นมาว่า “เสี่ยวเอ๋อร์ ที่ผ่านมามีเื่วุ่นวายเกิดขึ้นหลายอย่าง ข้าก็มิได้อยากจะซักถามเ้าให้มากความ เพียงแต่สงสัยว่าตอนนี้ เ้าคิดอย่างไรกับสวีเพ่ยหราน?”
เว่ยอี๋เหนียงวางตะเกียบในมือ พลางขมวดคิ้วด้วยความใคร่รู้ “ใช่แล้ว เสี่ยวเอ๋อร์ ที่นี่ไม่มีใครอื่นนอกจากพวกเรา บอกความจริงมาเถอะ ว่าเหตุใดถึงปฏิเสธคำขอแต่งงานของคุณชายสวี? ทั้งๆ ที่เขารักเ้าสุดหัวใจเช่นนั้น”
มีหรือที่พวกเขาจะดูไม่ออก ว่าก่อนหน้านี้ ความรู้สึกที่บุตรสาวมีต่อสวีเพ่ยหราน เป็ความรักระหว่างชายหญิง หาใช่พี่น้องตามที่กล่าวอ้าง
ดังนั้นทั้งสองจึงอยากรู้ ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งทำให้หนีเจียเอ๋อร์ปฏิเสธคุณชายสวี?
--------------------------------
[1] ตู้โตว (肚兜) คือ เสื้อชั้นในของผู้หญิง หรือเด็กเล็กในสมัยโบราณ มีลักษณะคล้ายผ้ากันเปื้อนตัวสั้นแค่เอว ใช้สวมเพื่อปิดหน้าอก มีสายผูกที่คอและเอว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้