เดิมทีฮูหยินสวี่คิดว่าต้องเสียหน้าเป็แน่ แต่เมื่อได้ยินบุตรชายด่าทอเช่นนั้น ในใจก็มีความสุขไม่น้อย ในที่สุดบุตรชายของนางก็โตเสียที
นางมองไปที่หานอวิ๋นซีอย่างเยาะเย้ย และรอให้หานอวิ๋นซีตอบโต้กลับมา!
และหานรั่วเสวี่ยเองที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเื่นี้ขึ้น นางก็รู้สึกยินดีอย่างมาก “ไอ้หยา ฮูหยินสวี่ คุณชายใหญ่ด่าใครกันนะ? ช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย”
“ด่าคนที่สมควรถูกด่า ผู้ใดทำความผิด ผู้ใดที่เป็หัวขโมยก็สมควรถูกด่าแล้ว” ฮูหยินสวี่พูดด้วยรอยยิ้ม โดยหวังว่าจะมีคนมาเห็นด้วยกับนาง
“อย่างนี้นี่เอง ฮ่าฮ่า เป็ขโมยก็ควรถูกด่า ทำตัวเหม็นยิ่งกว่าหนูในคูน้ำ ไร้ยางอาย!” หานรั่วเสวี่ยพูด
“ไม่หรอก น่าเสียดายที่่นี้มีคนแบบนี้เยอะ”
…
ฮูหยินสวี่และหานรั่วเสวี่ยใช้โอกาสนี้พูดเยาะเย้ย เดิมทีคิดว่าหานอวิ๋นซีจะโกรธ แต่ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขาสองคนก็รู้สึกเหมือนการเอากำปั้นไปต่อยกับฝ้าย ต่อให้ออกแรงทั้งหมดก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน
หานรั่วเสวี่ยไม่ยอม ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด หานอวิ๋นซีก็พูดขึ้นมาว่า “อี๋เหนียงสอง ท่านเชิญทุกคนมาที่นี่ เพื่อมาฟังคุณชายใหญ่ด่าทอในที่สาธารณะอย่างนั้นหรือ?”
ขณะที่นางพูด ก็ปล่อยเสี่ยวอี้เอ๋อร์ลงและยื่นให้อี๋เหนียงเจ็ด จากนั้นก็พูดว่า “เป็ถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหาน ทำไมถึงได้มีฝีปากเหมือนกับหญิงปากร้ายเช่นนี้ล่ะ?”
ฮูหยินสวี่ที่กำลังจะตอบ จู่ๆ ก็มีแจกกันถูกขว้างออกมา “ออกไป สารเลว! ออกไปจากที่นี่เสีย!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าที่พึงพอใจของฮูหยินสวี่ก็เปลี่ยนไปทันที เ้าเด็กอวี้ฉีนี่เป็อะไรไป สมองเลอะเลือนไปแล้วหรือไร? ทำไมถึงด่าทุกคนแบบนั้น?
หานอวิ๋นซีชำเลืองมองเศษแจกันบนพื้น นางยิ้มเบาๆ พร้อมกับยกยิ้มอย่างเยาะเย้ยและไม่พูดอะไร
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มประชดประชันนั้นเหมือนเข็มทิ่มแทงหัวใจของฮูหยินสวี่ ทำให้นางรู้สึกขายขี้หน้าเหลือเกิน
หากให้ทุกคนรอที่นี่ นางไม่รู้ว่าบุตรชายของนางจะทำเื่อะไรที่น่าอายไปมากกว่านี้อีกหรือไม่ เห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมาะสม และหานอวิ๋นซีเองก็จะไม่มีความสุข หากให้ทุกคนเข้าไปด้วยกัน พระเ้าต่างรู้ดีว่าห้องถูกอวี้ฉีทำลายจนเละขนาดไหน ถึงเวลานั้นคงถูกหานอวิ๋นซีหัวเราะเยาะเป็แน่?
ฮูหยินสวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อกำลังคิดว่าจะไปที่ลานหน้าบ้านดีกว่าหรือไม่ ในขณะเดียวกัน หานรั่วเสวี่ยก็พูดว่า “ฮูหยินสวี่ เช่นนั้น เราอย่าเข้าไปข้างในกันเลย คุณชายใหญ่ต้องพักฟื้น ท่านแม่ของข้าก็ยังไม่มา ไปที่ลานบ้านของท่านแม่ข้าจะดีกว่า ห่างจากที่นี่เพียงนิดเดียว แค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว”
หานรั่วเสวี่ยไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ เช่นนี้! นางรอแทบไม่ไหวที่จะเห็นฮูหยินสวี่โจมตีหานอวิ๋นซีเื่กุญแจห้องเก็บของ!
ฮูหยินสวี่รู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่งเมื่อหานรั่วเสวี่ยพูดเช่นนี้ นางพยักหน้าซ้ำๆ “เอาสิๆ”
“หวังเฟย เชิญไปทางนั้น ท่านแม่ของข้ามีชาฤดูใบไม้ผลิดีๆ มากมายเลยล่ะ” หานรั่วเสวี่ยอารมณ์ดีอย่างมาก
ชาฤดูใบไม้ผลิ?
หานอวิ๋นซีงุนงง อาณาจักรเทียนหนิงยังเป็ฤดูหนาวและอีกหนึ่งเดือนกว่าที่จะถึงฤดูใบไม้ผลิ จะไปหาชาฤดูใบไม้ผลิมาจากที่ไหนกัน?
“ไปกันเถอะ ดื่มชาฤดูใบไม้ผลิในฤดูหนาว ต่อให้ไกลแค่ไหน ข้าก็จะต้องไป” นางยิ้มเบาๆ
“แม้ว่าอี๋เหนียงสามจะมาจากทางเหนือ แต่ก็เป็ผู้เชี่ยวชาญด้านชา ข้าว่าชาฤดูใบไม้ผลินี้ต้องซื้อมาจากชายแดนทางตอนใต้ในราคาสูงแน่ๆ” ฮูหยินสวี่หัวเราะ
ที่แท้ก็มาจากชายแดนทางตอนใต้นี่เอง และชายแดนทางตอนใต้ก็คงเป็ฤดูใบไม้ผลิสินะ
เื่ที่น่าภาคภูมิใจเช่นนี้ หานรั่วเสวี่ยไม่เคยอ่อนน้อมเลยแม้แต่น้อย นางพูดโอ้อวดสิ่งต่างๆ มากมายที่เกี่ยวข้องกับชาตลอดทาง หานอวิ๋นซีฟังอย่างเงียบๆ นางไม่รู้จริงๆ ว่าอี๋เหนียงสามและหานรั่วเสวี่ยจะมีความรู้เกี่ยวกับพิธีชงชามากขนาดนี้
เรือนลั่วเสียของอี๋หนียงสามอยู่ใกล้ลานบ้านของฮูหยินสวี่มากจริงๆ แค่ข้ามสนามหญ้าไปก็ถึงแล้ว
เมื่อหานอวิ๋นซีและคนอื่นๆ มาถึง หลี่ซื่อก็กำลังจะออกไปข้างนอกพอดี
เมื่อเห็นผู้มาเยือน หลี่ซื่อก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรีบเร่ง โค้งคำนับหานอวิ๋นซี “หลี่ซื่อถวายบังคมหวังเฟยเพคะ”
ต้องบอกว่าหลี่ซื่อให้ความรู้สึกที่ดีกว่าอี๋เหนียงเจ็ดอยู่มาก อี๋เหนียงเจ็ดนั้นถ่อมตัวและขี้อายเกินไป ส่วนหลี่ซื่อก็ไม่ได้ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่งเช่นนั้น มันจึงทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจมาก
สำหรับหลี่ซื่อแล้ว หานอวิ๋นซีไม่ได้มีความทรงจำอย่างลึกซึ้งกับนางมากสักเท่าไร ในความทรงจำ อี๋เหนียงสามคนนี้ไม่เคยมีความขัดแย้งใดๆ กับคนอื่น ไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุนาง และนางจะไม่ยั่วยุผู้อื่นก่อนเช่นกัน
เมื่อปรากฏตัวในโอกาสสำคัญๆ ก็มักจะใจกว้างและวางตัวเหมาะสมเสมอ ไม่ถูกเพิกเฉยหรือดึงดูดความสนใจมากเกินไป
หานอวิ๋นซีคิดว่าถ้าหานรั่วเสวี่ยเป็ผู้ชาย บางทีหานฉงอันอาจจะพิจารณาสละตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับนางก็เป็ได้
แม้ว่าหานรั่วเสวี่ยจะสามารถหาลูกเขยได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่ายินดีมากนัก นอกจากนี้ ตระกูลหานก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ชาย
“ทำตัวตามสบายเถิด” หานอวิ๋นซีโบกมือและสั่งให้อี๋เหนียงสามยืนขึ้น
อี๋เหนียงสามลุกขึ้นและไม่ลืมที่จะทักทายฮูหยินสวี่กับอี๋เหนียงเจ็ด นางสุภาพและมีมารยาทดี ทั้งยังยิ้มให้เสี่ยวอี้เอ๋อร์ ในสายตาของหานอวิ๋นซี นางก็ดูเป็คนที่สงบและเยือกเย็น
ฮูหยินสวี่อธิบายจุดประสงค์ของนาง และอี๋เหนียงสามก็เชิญทุกคนเข้าไปในลานบ้าน
ทันทีที่เข้าไปในลาน ก็จะได้กลิ่นหอมของชา ว่ากันว่าน้ำชาในบ้านของอี๋เหนียงสามนั้นมีอยู่ตลอดไม่เคยขาดเลย
เมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว อี๋เหนียงสามก็นำชาฤดูใบไม้ผลิมาหนึ่งกระป๋องมาให้ด้วยตนเองและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเพิ่งได้ชานี้มาเมื่อไม่กี่วันก่อน และกำลังคิดว่าจะส่งให้ทุกคนได้ชิม วันนี้ทุกคนก็มาที่นี่พอดี ฮูหยินสวี่ ไม่ว่าจะมีเื่อะไร ในเมื่อมาแล้วเรามาชิมชานี้กันก่อนเถอะ”
แน่นอนว่าฮูหยินสวี่ตอบตกลง เพียงแต่ใจเหม่อลอยและกระดกชาไปหลายถ้วย ส่วนอี๋เหนียงเจ็ดนั้น ประการแรกนางไม่ได้เข้าใจเื่ชา และประการที่สอง นางก็ไม่ได้มีอารมณ์จะดื่มชา ทั้งยังมีแต่ความกังวลปรากฏอยู่ทั่วใบหน้าของนาง หลายครั้งที่นางอยากจะเตือนหานอวิ๋นซี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเตือนอย่างไรดี
ในทางกลับกัน หานอวิ๋นซีที่ไม่ได้รีบร้อน ก็ค่อยๆ ลิ้มรสชาอย่างเพลิดเพลิน ไม่ต้องพูดเลยว่า ชาฤดูใบไม้ผลินี้อร่อยกว่าชาที่นางใช้ในการทดลองมาก!
ชาที่คนรับใช้ให้นางคือชาฤดูใบไม้ร่วง แม้ว่ามันจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี แต่หลังจากนั้นไม่นาน สีและกลิ่นก็เสื่อมสภาพลงมาก
ขณะที่ดื่มหานอวิ๋นซีก็ครุ่นคิดไปพลาง ถึงจะมาจากชาต้นเดียวกัน แต่รสชาติของชาฤดูใบไม้ผลิและชาฤดูใบไม้ร่วงนั้นแตกต่างกันมาก สันนิษฐานว่าส่วนผสมในใบชาก็แตกต่างกันมากเช่นกัน!
หรือว่านางต้องทดสอบชาฤดูใบไม้ผลิอย่างนั้นหรือ?
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “อี๋เหนียงสาม ทำไมชาฤดูใบไม้ผลินี้ถึงอร่อยกว่าชาฤดูใบไม้ร่วงล่ะ?”
อี๋เหนียงสามยิ้มและพูดว่า “ความหมายที่แท้จริงของชาฤดูใบไม้ผลินั้น ไม่ใช่ชาที่ผลิตในฤดูใบไม้ผลิ แต่เป็ชาที่ทำมาจากใบชาที่แตกหน่อครั้งแรกหลังจากฤดูหนาว ใบชาฤดูใบไม้ผลิจะใบหนา ในใบชามีสารที่มีกลิ่นหอมและสารอื่นๆ มากมาย ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับชาฤดูร้อนและชาฤดูใบไม้ร่วงแล้ว รสชาติจะมีชีวิตชีวามากกว่าและมีกลิ่นหอมที่สุด”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานอวิ๋นซีก็ตื่นตัว สารที่มีกลิ่นหอมและสารอื่นๆ อย่างนั้นหรือ?
อี๋เหนียงสามหมายถึงอะไรกัน? หรือเป็ธาตุต่างๆ ในใบชางั้นหรือ?
ต้องรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ได้รับการค้นคว้าศึกษาอย่างประณีตในยุคปัจจุบันเท่านั้น ในสมัยโบราณนั้น ต่อให้เป็ส่วนประกอบของสารต่างๆ ที่อยู่ในยาจีนก็ยังไม่ละเอียดมากมายนัก และมีหน่วยนับไม่กี่หน่วย ไม่ได้ถึงหน่วยทศนิยมอย่าง “เงิน”
ไม่คาดคิดว่าอี๋เหนียงสามจะศึกษาอย่างละเอียดเช่นนี้!
เป็เพราะผู้เชี่ยวชาญในยุคนี้ศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนไว้แล้ว หรืออี๋เหนียงสามค้นคว้าเป็พิเศษกันนะ?
หานอวิ๋นซีรู้สึกใอยู่ในใจ ทว่าก็ไม่ได้แสดงออกมา นางถามต่อไปว่า “พูดเช่นนี้ ชาฤดูใบไม้ผลิก็แตกต่างจากชาอื่นในแง่ของการเก็บรักษาด้วยใช่หรือไม่?”
อี๋เหนียงสามที่ดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างได้ แววตาของนางก็ฉายแววระแวดระวังและยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้ว ชาฤดูใบไม้ผลิที่แท้จริงมีไม่กี่ชนิด และส่วนใหญ่สามารถดื่มได้ภายในหนึ่งเดือน ดังนั้นเราไม่ต้องให้ความสำคัญกับเก็บรักษามากขนาดนั้น”
หานอวิ๋นซีถามคำถามอีกสองสามข้อด้วยความสงสัย แต่อี๋เหนียงสามก็ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า นางยังคงยิ้มและอดทนอย่างมาก อย่างไรก็ตาม คำตอบที่นางพูดออกมานั้น ล้วนเป็สิ่งที่หานอวิ๋นซีรู้อยู่แล้ว และไม่ใช่เื่ใหม่อะไร
หลังจากดื่มชาไปสองสามถ้วย ในที่สุดฮูหยินสวี่ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป ขยิบตาให้อี๋เหนียงสามเพื่อบอกให้นางหยุดพูด
อี๋เหนียงสามปิดปาก เปลี่ยนใบชาและชงอีกครั้ง
ฮูหยินสวี่พอใจอย่างมาก นางวางถ้วยชาลงและถอนหายใจเล็กน้อย “หวังเฟย หลังจากที่นายท่านถูกคุมขัง มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในครอบครัวนี้ อี๋เหนียงหลายคนเอาเงินไปเป็จำนวนมากแล้วหนีไป ตอนนี้เหลือแค่เราสามพี่น้อง เฮ้อ...”
ฮูหยินสวี่พูดไป ก็ตั้งใจหันไปมองหลี่ซื่อ จากนั้นก็มองไปที่อี๋เหนียงเจ็ดและพูดต่อว่า “โทษของนายท่านคือจำคุกตลอดชีวิต แม้กระทั่งการเข้าเยี่ยมก็เป็สิ่งต้องห้าม ในตอนนี้ตระกูลหานที่เป็ตระกูลใหญ่ ทว่าไม่มีแม้แต่ผู้นำ คนในตระกูลหลายคนก็ต่างจ้องจะแย่งสมบัติ เมื่อวานลุงซานถังมาถามข้า โดยบอกว่าถ้าคุณชายใหญ่ในตระกูลขึ้นมาดูแลไม่ได้ ก็จงรีบมอบกุญแจห้องเก็บของให้เขา บอกว่ากุญแจห้องเก็บของและตำราทางการแพทย์ของตระกูลหานเป็ของตระกูลหานทั้งตระกูล ไม่ใช่ของพวกเรา เ้าว่าคำพูดนี้มันน่าโกรธหรือไม่ล่ะ?”
ทันทีที่พูดจบก็เกิดความเงียบขึ้น ทุกคนรู้ว่าหานอวิ๋นซีมีกุญแจห้องเก็บของ อี๋เหนียงเจ็ดก้มหน้าลง ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ อี๋เหนียงสามที่กำลังง่วนอยู่กับการชงชาก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน
คนฉลาดต่างฟังออกว่าคำพูดของฮูหยินสวี่นั้นช่างสวยงาม และนางไม่ได้ชี้นิ้วไปที่หานอวิ๋นซีแต่อย่างใด ทว่าก็เห็นได้ชัดว่านางบอกเป็นัยว่าหานอวิ๋นซีมีคุณสมบัติน้อยที่สุดในการที่จะได้รับกุญแจห้องเก็บของ
หานอวิ๋นซีเองก็ไม่เปิดปากพูดใดๆ นางอุ้มเสี่ยวอี้เอ๋อร์ด้วยมือข้างหนึ่ง และรินชาด้วยมืออีกข้าง สงบและผ่อนคลาย ชาฤดูใบไม้ผลินี้อร่อยแต่ก็ไม่เลี่ยน รสชาติดีมากจนนางตกหลุมรักมัน
ในตอนนี้มีเพียงเสี่ยวอี้เอ๋อร์ที่มีสีหน้าจริงจังที่สุด ดวงตาดำกลมโตนั้นจดจ่อราวกับว่ากำลังพยายามค้นหาความหมายเื้ัคำพูดของฮูหยินสวี่
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบกลับ ฮูหยินสวี่ก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไร การมาหาอี๋เหนียงเจ็ดและอี๋เหนียงสามในวันนี้ นางไม่ได้คาดหวังว่าสองคนนี้จะพูดแทนนาง นางแค่้าให้พวกเขาอยู่ด้วยเท่านั้น เพื่อให้รู้ว่ากุญแจห้องเก็บของตกอยู่ในมือของหานอวิ๋นซี และทั้งสองคนไม่ยอมรับในสิ่งนี้
ฮูหยินสวี่ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดอีกครั้งว่า “เมื่อวานนี้ลุงซานถังมา เช้าวันนี้ลุงซื่อถังก็มาด้วย และพูดเหมือนกับลุงซานถัง พวกเ้าว่าพวกเขาไม่ได้กำลังรังแกตระกูลหานของเราอยู่หรือไร?”
แม้จะไม่มีใครตอบ ฮูหยินสวี่กลับยังพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “จะว่าไป อวี้ฉีของเราก็เป็ผู้ใหญ่แล้ว ทั้งยังเป็ถึงคุณชายใหญ่เสียด้วยซ้ำ พวกเขาทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
ในขณะเดียวกัน หานรั่วเสวี่ยที่นั่งถัดจากอี๋เหนียงสามก็ทนไม่ได้อีกต่อไปและถามว่า “ฮูหยินสวี่ ท่านพ่อของข้าติดคุกมาระยะหนึ่งแล้ว ทำไมพวกเขาถึงเพิ่งมาที่นี่ตอนนี้?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา อี๋เหนียงสามก็เหยียบเท้าหานรั่วเสวี่ยใต้โต๊ะอย่างแรงทันที หานรั่วเสวี่ยที่เ็ป ทว่าก็ต้องทนเอาไว้
ทันทีที่มีการตอบสนอง ฮูหยินสวี่ก็ดีใจและถอนหายใจ “เฮ้อ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินข่าวมาจากไหนว่ากุญแจห้องเก็บของอยู่กับหวังเฟย เป็เพราะคุณชายใหญ่ของเราดูแลตระกูลไม่ได้ อำนาจเลยตกไปอยู่ในมือของหวังเฟย กุญแจห้องเก็บของเลยไปอยู่ในมือหวังเฟยอย่างไรล่ะ!”
ทันทีที่ฮูหยินสวี่พูดจบ ในที่สุดนางก็หันไปมองหานอวิ๋นซี “หวังเฟย ท่าน...หากเื่นี้จะแพร่กระจายออกไป ตระกูลหานจะเสียหน้าหรือไม่มันไม่สำคัญหรอก แต่มันจะส่งผลเสียต่อท่านด้วย! หากอี้ไท่เฟยรู้เข้า คงไม่มีความสุขอย่างแน่นอน”
หากอี้ไท่เฟยรู้ แน่นอนว่าต้องไม่มีความสุขอยู่แล้ว! แม้ว่าตระกูลหานจะมีกิจการใหญ่ แต่ก็ไม่มากเท่ายอดูเาน้ำแข็งในจวนฉินอ๋อง แล้วอี้ไท่เฟยจะไปสนใจทรัพย์สินเล็กน้อยของตระกูลหานได้อย่างไร?
หากเื่นี้แพร่ออกไป ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่นหรอก แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วที่ฉินหวังเฟยจะกลับมาที่ตระกูลเพื่อแย่งชิงทรัพย์สินของตระกูล และเพียงพอที่จะทำให้หานอวิ๋นซีกลายเป็ข่าวพาดหัวในเมืองหลวงอีกครั้ง!
พูดมาถึงตรงนี้แล้ว คงมีแค่จวนฉินอ๋องที่ขายหน้าเท่านั้น!
