ทั้งตู้ิและหวังิชงต่างก็ปฏิบัติตัวดีกับหลินหยางโดยไม่ถือตัวตู้ิยังให้เงินรางวัลกับหลินหยางอีกสองพันตำลึงเงินด้วยโดยให้เป็รางวัลสำหรับความสำเร็จในการสร้างโล่เหล็กอักขระเมฆชิ้นนี้
แต่ในขณะที่บรรยากาศในการพบปะครั้งนี้กำลังเป็ไปด้วยดีอยู่นี่เองอยู่ๆ หวังิชงพูดโพล่งขึ้นมาโดยน้ำเสียงไม่เปลี่ยนเลยว่า
“ในเมื่อนเราได้เห็นโล่ป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นไปแล้วท่านแม่ทัพตู้ ิชงอยากให้ท่านได้เห็นของสิ่งนี้ด้วยเช่นกันมันคือสุดยอดอาวุธที่เหมาะสำหรับใช้บนสนามรบ เชิญรับชมได้”
เอ๋?
ผู้คนต่างก็ยืนอึ้งไปเมื่อได้เห็นหวังิชงส่งมอบหน้าไม้ขนาดเล็กที่ส่องประกายแวววับนั่นให้กับตู้ิ
ตู้ิถึงกับตาลุกวาว
ด้วยประสบการณ์ทางการทหารอันเปี่ยมล้นของเขาพริบตาแรกที่ได้เห็นหน้าไม้ระดับนิลกาฬชิ้นนี้เขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่ามันต้องไม่เป็อาวุธที่ไม่ธรรมดาแน่ๆเขาโบกมือเรียกพลทหารจากด้านนอกให้นำเอาโล่เหล็กที่กองกำลังพิทักษ์เมืองกำลังใช้อยู่ณ ปัจจุบันเข้ามา
เปรี้ยง
ลูกศรถูกยิงออกไปโล่เหล็กชิ้นนั้นก็ถูกลูกศรพุ่งทะลุผ่านไปได้อย่างง่ายดายอำนาจทำลายล้างของมันทำให้พวกของเวินติ่งเทียนถึงกับหน้าซีดไปเลย
เป็หน้าไม้ที่ทรงพลังมาก!!
“ท่านหวังหน้าไม้สั้นชิ้นนี้ใครเป็คนสร้างขึ้นรึ!” สีหน้าของตู้ิตอนนี้ดูจะกำลังตื่นเต้นอยู่อย่างเห็นได้ชัด
เขาไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมีโอกาสได้เห็นอาวุธชั้นยอดถึงสองชิ้นพร้อมกันชิ้นหนึ่งเป็อาวุธโจมตี อีกชิ้นหนึ่งเป็โล่ป้องกันถ้าหากสามารถผลิตออกมาได้จำนวนมากละก็ จะต้องยกระดับความสามารถของกองทัพแห่งอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นได้อีกมหาศาลแน่
หวังิชงยิ้มตอบอย่างใจเย็นว่า“นี่เป็ตัวอย่างอาวุธที่พวกตระกูลเฉินสร้างขึ้นแล้วมอบให้ฝ่ายดูแลกิจการภายในของเราปัจจุบันเพิ่งผลิตออกมาได้เพียงหนึ่งร้อยชิ้นเท่านั้นวันนี้ข้าเลยนำตัวอย่างมาให้ท่านทดลองใช้ดูก่อนเพื่อจะได้ดูว่ามันเหมาะที่จะใช้ในกองกำลังพิทักษ์เมืองของพวกเราหรือเปล่า”
“ตระกูลเฉิน?”
ตู้ิเองก็เป็ยอดคนผู้มากประสบการณ์ท่านหนึ่งเหมือนกันพอได้ยินชื่อของตระกูลเฉินแล้วก็เหลือบมองไปทางเวินติ่งเทียนทีหนึ่งแต่ถ้าเพื่อยกระดับความสามารถของกองทัพแล้ว ไม่ว่าใครจะเป็คนผลิตก็ตามขอแค่สามารถผลิตเ้าหน้าไม้นี่ออกมาได้ในปริมาณที่มากพอละก็ เขาจะสั่งซื้อกับคนๆ นั้นทันทีโดยไม่ลังเล
“ทหารไปเตรียมหุ่นซ้อมยิงเอาไว้เสีย แล้วส่งคนไปทดสอบหน้าไม้นี่ดูหน่อย”
ในขณะที่ตู้ิกำลังออกคำสั่งอยู่นั้นก็ได้ยินหวังิชงกล่าวเสริมเพิ่มมาอีกประโยคหนึ่งว่า
“ท่านแม่ทัพตู้หน้าไม้ชิ้นนี้มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งด้วยก็คือถ้าเราเอายาชาที่มีฤทธิ์รุนแรงมาทาไว้ตรงปากของมัน มันจะช่วยให้ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นกว่าเดิมนอกจากจะใช้จับศัตรูแบบเป็ๆ ได้แล้ว มันยังสามารถใช้จับพวกสัตว์ประหลาดได้อีกด้วยถ้าอย่างนั้นพวกเรา...”
“น่าสนใจขนาดนั้นเลยหรือ?”ตู้ิแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขารู้สึกสนใจในอุปกรณ์ชิ้นใหม่นี่มากเขาหัวเราะด้วยเสียงอันดังแล้วกล่าวว่า “อย่างนั้นก็ยอดไปเลยกองทัพแห่งนี้อยู่ห่างเทือกเขาเมฆมรกตไม่ถึงสิบลี้หลังจากพวกเราทานมื้อเที่ยงกันเสร็จแล้ว ่บ่ายเราออกไปล่าพวกสัตว์ประหลาดที่เทือกเขาเมฆมรกตกันเราจะได้เห็นพลังของหน้าไม้นี้กันชัดๆ ไปเลย!”
ออกล่า?
เวินติ่งเทียนและหลินหยางหันมาสบตากันทีหนึ่งพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นจนเป็ปม
รู้สึกว่าสถานการณ์จะเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว...
แต่เวินชิงชิงที่อยู่ข้างๆกลับทำหน้าตื่นเต้น เหมือนจะรู้สึกสนใจในการล่าสัตว์เป็พิเศษ
ตู้ิโบกมือเรียกให้ทหารมาจัดเตรียมอาหารเที่ยงให้อาหารเที่ยงในกองทัพทหารแห่งนี้เป็แบบที่เรียบง่ายสุดหลังจากทานมื้อเที่ยงกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็เตรียมเนื้อเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินทางออกไปล่าสัตว์กันที่เทือกเขาเมฆมรกต
เวินติ่งเทียนไม่มีทางสามารถปฏิเสธการออกล่าครั้งนี้ได้อยู่แล้วความสัมพันธ์นับสิบปีระหว่างเขากับตู้ินั้นขึ้นอยู่กับการออกล่าครั้งนี้อีกทั้งยังมีนายทหารชั้นสูงอีกกว่าพันคนร่วมออกเดินทางไปด้วยเื่ความปลอดภัยนั้นเรียกได้ว่าหายห่วงเลยซึ่งเวินติ่งเทียนและหลินหยางเองก็มองไม่เห็นปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเลยสักนิด
แต่ในใจของหลินหยางนั้นกลับมีความรู้สึกที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการออกล่าครั้งนี้อยู่
ถ้าว่ากันตามเหตุผลแล้วทั้งตู้ิและท่านหวังนั่นไม่มีเหตุจูงใจให้เป็ศัตรูกับตระกูลเวินเลยแต่เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถึงมันจะราบลื่นดีก็ตามแต่ดูมันจะราบรื่นมากเกินไปหน่อย...
เขาเลื่อนสายตามองไปที่เทือกเขาเมฆมรกตที่อยู่ไกลๆนั่น หรือว่า ภายในป่าทึบสีเขียวมรกตที่อยู่บนูเาลูกนั้น จะมีภัยอันตรายบางอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้กำลังรอเขาอยู่?
หลินหยางกำลังขี่ม้าพลางลูบแหวนพระสุเมรุในมือไปพลางด้วยสีหน้าเคร่งขรึมท่ามกลางกลุ่มคน
เพียะ
มีคนมาตบเข้าที่หลังของหลินหยางอย่างแรง
หลินหยางถึงกับสะดุ้งขึ้นมาทันทีจนเกือบจะดีดตัวออกจากหลังม้าแล้วเมื่อครู่เขากำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ เลยไม่ได้ระวังตัวอะไรมาก
“ฮ่า! หลินอี้ เ้าเองก็ใแบบนี้เป็เหมือนกันหรือ?”
ยัยหนูนี่!
หลินหยางนิ่งเงียบพลางจ้องเขม็งไปที่สาวน้อยที่ไม่ได้รู้เื่อะไรกับเขาเลย
“อะไร?เ้าจะตื่นเต้นขนาดนี้ทำไมนี่ หรือว่าเ้าจะไม่กล้าเข้าไปในเทือกเขานั่น?ฮิฮิ ไม่เป็ไรหรอก เดี๋ยวข้าจะปกป้องเ้าเองในเทือกเขาเมฆมรกตนั่นน่ะ ข้าชำนาญทางมากเลยนะจะบอกให้!”
ล้อเล่นรึเปล่า!
หลินหยางแอบบ่นในใจก่อนหน้านี้ตัวเขาเคยมาสำรวจเพื่อเก็บรวบรวมวัตถุดิบสำคัญในที่แห่งนี้นานถึงห้าวันเต็มๆเขาแทบจะจำได้หมดแล้วว่ารอบนอกของเทือกเขาเมฆมรกตมีลิงกี่ตัว คนอย่างข้ายังต้องให้สาวน้อยหัวทึบอย่างเ้ามาปกป้องอีกหรือ
เพียงแต่หลินหยางก็ไม่ได้คิดที่จะเอาเื่อะไรกับเวินชิงชิงอยู่แล้วจึงตีหน้าซื่อพูดตอบไปว่า “อย่างนั้นอีกเดี๋ยวข้าก็ขอรบกวนคุณหนูช่วยดูแลข้าหน่อยก็แล้วกัน”
ปากบอกไปอย่างนั้นแต่ในใจเขากลับหวังว่าลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นเป็เพียงแค่เื่ที่เขาคิดมากไปเอง...
..................................
หลังจากเวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยามตู้ิก็นำทหารกว่าพันคน รวมไปถึงเหล่าคนของตระกูลเวินมาถึงบริเวณป่าทึบตรงส่วนนอกสุดของเทือกเขาเมฆมรกตแล้ว
พื้นที่บริเวณนี้เป็จุดที่ตู้ิและพวกคุ้นเคยมากที่สุดพอมาถึงเหล่าทหารนับพันก็รีบเข้าไปจัดการเคลียร์พื้นที่อย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานฐานทัพเฉพาะกิจก็ถูกสร้างขึ้นจนเสร็จเรียบร้อย เหล่านักล่าเองก็เตรียมตัวกันเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
การออกล่าครั้งนี้จุดประสงค์หลักคือ้าที่จะทดสอบศักยภาพและความสามารถในการทำให้ศัตรูอัมพาตของหน้าไม้สั้นที่หวังิชงนำมาโดยตู้ิได้คัดเลือกเอามือดีทั้งหมดหนึ่งร้อยคนออกมาร่วมล่าครั้งนี้ โดยที่แต่ละคนต่างก็พกหน้าไม้ไว้คนละชิ้นชายชาติทหารเหล่านี้ยืนตรงเข้าแถวกันเป็ระเบียบอยู่ตรงหน้าของตู้ิจนดูคล้ายกับหอกยาวที่ตั้งตรงอยู่บนพื้นอย่างองอาจ
“พวกเ้าทั้งหมดจงฟังข้าจำกัดเวลาไว้ที่สองชั่วโมง พอหมดเวลาแล้วให้กลับมารวมกันที่นี่และจะต้องออกล่าอยู่ภายในขอบเขตรอบนอกเท่านั้น ห้ามเข้าไปลึกกว่านั้นเด็ดขาด! เอาละ ไปได้!”
ตู้ิออกคำสั่งอย่างชัดเจนโดยไม่ได้พูดพล่ามอะไรที่ไร้สาระเหล่าทหารนับสิบคนก็ส่งเสียงพูดคุยกันเบาๆ ราวกระซิบ จากนั้นก็แบ่งเป็หน่วยย่อยๆ หลายหน่วยแล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าทึบ
พอสั่งการเสร็จตู้ิก็หันมาพูดคุยกับเวินติ่งเทียนและหวังิชงที่อยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้มว่า “พวกท่านจะเอาอย่างไรกันดีเล่าท่านประมุขเวิน ท่านหวัง สนใจเข้าไปเล่นด้วยกันกับข้าไหม?”
“ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านแม่ทัพตู้มานานแล้วว่ามีฝีมือสะท้านภพในที่สุดข้าก็มีโอกาสได้เปิดหูเปิดตาเสียที” หวังิชงแย้มยิ้มอย่างสบายใจราวกับว่าเทือกเขาเมฆมรกตแห่งนี้ปลอดภัยเหมือนสวนหลังบ้านของเขาอย่างไรอย่างนั้น
เวินติ่งเทียนเองก็ต้องตามน้ำไปอย่างนั้นด้วยเช่นกัน“ข้าก็ต้องตามท่านเข้าไปเล่นด้วยอยู่แล้ว!”
ตู้ิรู้สึกยินดีเป็อย่างมากทันใดนั้นเขาก็นึกถึงหลินหยางขึ้นมาด้วย จึงเอ่ยปากชวนว่า “ผู้าุโหลิน! อายุน้อยยังน้อยแต่ก็มากพร์ ข้าว่าพลังฝีมือเองก็คงไม่ธรรมดา ถ้าอย่างนั้นให้ข้าได้เห็นทักษะด้านเกาทัณฑ์ของท่านหน่อยเป็อย่างไร?”
แต่หลินหยางก็เลือกที่จะปฏิเสธกลับไปด้วยรอยยิ้ม“หลินอี้ขอรอท่านแม่ทัพอยู่ในฐานดีกว่า”
“ฮ่าฮ่าได้!!” ตู้ิเองก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากเขาพาพวกเวินติ่งเทียนและเหล่าพลทหารอีกจำนวนหนึ่งเข้าไปในป่าลึกนั่นอย่างร่าเริง
ก่อนจะเข้าไป เวินติ่งเทียนก็ได้พาผู้าุโระดับเซียนเทียนสองคนและเหล่านักรบของตระกูลเวินบางส่วนตามเข้าไปด้วยส่วนหลินหยางและผู้าุโถังหงก็รออยู่ภายในฐานทัพเฉพาะกิจแห่งนี้โดยเขาได้ฝากให้จัดการเื่ทุกอย่างพร้อมกับดูแลลูกสาวของเขาด้วย โดยที่เขาไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาเลย
และในตอนที่กลุ่มของพวกตู้ิเข้าไปในป่าได้ไม่นานเวินชิงชิงก็ดีดตัวลุกออกมา
“หลินอี้ไปล่าสัตว์กันเถอะ!”
‘เพลาเพลาหน่อยเถอะคุณหนู’
หลินหยางปฏิเสธกลับไปด้วยการส่ายหน้า
ตอนนี้มีคนของตระกูลเวินเหลืออยู่ที่ฐานทัพเฉพาะกิจนี่อยู่เพียงหกสิบคนถ้ารวมกับถังหงและผู้าุโระดับเซียนเทียนอีกท่านหนึ่งที่มีชื่อว่าผู้าุโหลิ่วชิง เขามีความสามารถด้านการต่อสู้ที่สูงไม่เป็รองใครแน่นอน
ส่วนเหล่าทหารของกองกำลังพิทักษ์เมืองมีคนเหลืออยู่ประมาณหกสิบคนคอยเฝ้าดูแลความปลอดภัยของฐานทัพอยู่ทั่วทุกทิศ
พอได้อยู่ในฐานทัพแล้วหลินหยางก็พอรู้สึกอุ่นใจได้บ้าง หากให้เขาพาสาวน้อยแบบนี้ออกไปล่าสัตว์ละก็เขาไม่มีทางยอมออกไปเด็ดขาด
“เชอะน่าเบื่อชะมัด”
เวินชิงชิงดูท่าทางเหมือนจะเคยชินท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบนี้ของหลินหยางแล้วจากนั้นนางก็พาสาวใช้ประจำตัวของนาง อวิ๋นเอ๋อร์และเหล่านักรบของตระกูลเวินอีกสิบกว่าคนเตรียมจะออกไปล่าสัตว์ด้วยหลินหยางคิดจะเข้าไปหยุดไว้ แต่ผู้าุโถังหงที่อยู่ข้างๆ กลับเดินเข้ามาพูดกับเขาแบบยิ้มๆว่า
“พวกเราตามคุณหนูไปอย่าให้คาดสายตาไปไกลก็พอแล้ว...” ขณะเดียวกันผู้าุโท่านนี้ก็เข้ามากระซิบเบาๆที่ข้างหูว่า “ถ้าเ้าไม่ตามใจนางไม่แน่ว่าฐานทัพแห่งนี้อาจโดนนางป่วนจนเละเทะก็ได้นะ”
หลังจากนั้นก็มีนายทหารยอดฝีมือระดับเซียนเทียนอีกคนหัวเราะด้วยเสียงอันดังพร้อมกับกล่าวว่า“ฮ่าฮ่า ผู้าุโหลินอายุยังน้อยแต่กลับรอบคอบมากขนาดนี้แต่ท่านไม่ต้องห่วงหรอกพื้นที่บริเวณนี้ถูกพวกข้ากวาดล้างแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แม้แต่หมาล่าเนื้อก็ไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียวคุณหนูเวินสามารถออกไปเที่ยวเล่นได้ตามใจเลย!”
“ใช่แล้วใช่แล้วหลินอี้ ทำไมวันนี้เ้าขี้ขลาดจังเลยฮะ!!” เวินชิงชิงเบะปากแล้วจึงวิ่งมาลากหลินหยางออกไปข้างนอกด้วยกัน
เฮ้ออ...
“ถ้าอย่างนั้นห้ามออกห่างจากฐานทัพแห่งนี้เกินห้าลี้”
สุดท้ายหลินหยางก็ถอนหายใจยาวออกมาแล้วกำหนดพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดเอาไว้
ระยะห่างห้าลี้จากฐานทัพนี้เป็ระยะห่างที่เหล่าทหารมากฝีมือสามารถเข้าถึงได้แทบจะทันทีและเขายังได้เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้ในแหวนพระสุเมรุเพื่อเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเมื่อรวมกับผู้าุโถังหงด้วยแล้ว น่าจะปลอดภัยจากอันตรายๆ ต่างได้เกือบทั้งหมด...
“ก็ได้ๆ ทำไมเ้าเื่มากยิ่งกว่าพ่อข้าเสียอีกเล่ารีบไปกันได้แล้วน่า!”
เวินชิงชิงเตรียมตัวออกล่าอีกครั้งในที่สุด หลินหยางก็พาผู้าุโถังหง หลิ่วชิง พร้อมกับเหล่านักรบของตระกูลเวินอีกหกสิบกว่าคนเดินเข้าไปในป่าทึบของเทือกเขาแห่งนี้
ระหว่างนี้ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่า ตรงพื้นที่ที่อยู่ห่างจากฐานทัพไปหนึ่งลี้มีเงาร่างของคนๆหนึ่งที่ทั้งตัวเขาถูกทาไว้ด้วยสีสันอันแปลกประหลาดกำลังคลานแอบอยู่แบบเงียบๆ
เงาร่างนี้จับจ้องไปที่กลุ่มของหลินหยางที่กำลังเดินออกจากฐานทัพไปแบบเงียบๆมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยราวกลับหมาป่าที่หิวกระหายกำลังมองไปที่ฝูงแกะก็ไม่ปาน
“หึพวกโง่ของตระกูลเวินมันเดินออกมาจากฐานทัพเองแบบนี้ ก็ดีพวกข้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก...”
กล่าวจบ เงาร่างของคนๆ นี้อยู่ๆก็สลายหายไปอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ
..................................
“ฮิฮิฮิ หลินอี้เ้ารีบมาดูเร็ว ข้ายิงโดนอีกแล้วละ!”
เวินชิงชิงกำลังสนุกสนานร่าเริงราวกับกระต่ายน้อยที่หลุดออกจากกรงวิ่งะโดึ๋งๆ ไปหาลูกกวางน้อยที่นางเพิ่งยิงลูกศรโดนไปหมาดๆพร้อมกับร้องเรียกชื่อของหลินอี้ไปด้วย
ตรงจุดที่ไม่ห่างกันมากนักที่ปรึกษาผู้าุโตระกูลเวินทั้งสองคนคือถังหงและหลิ่วชิงต่างก็มองไปที่เงาร่างของหลินอี้ที่กำลังยิ้มแห้งๆพลางเดินตามเวินชิงชิงไปด้วย ถังหงแย้มยิ้มพลางสะกิดไหล่ของหลิ่วชิง
“หลิ่วเฒ่าเ้าคิดว่า ผู้าุโหลินนี่มีโอกาสได้เป็ลูกเขยของตระกูลเวินเราหรือเปล่า... ”
“หึหึ”ผู้าุโหลิ่วชิงท่านนี้อายุมากกว่าถังหงแต่ระดับฝีมือของเขาอยู่ที่ระดับเซียนเทียนขั้นต้นเท่านั้น เขายิ้มตอบกลัว่า “พวกหนุ่มสาวน่ะ แค่ได้อยู่ด้วยกันบ่อยๆ เดี๋ยวก็รู้สึกผูกพันกันไปเองข้าน่ะเห็นคุณหนูมาั้แ่เล็กๆ ข้าว่าหัวใจดวงน้อยๆ ของนางคงถูกผู้าุโหลินขโมยไปแล้วละ...”
ฮ่าฮ่าฮ่า
ผู้าุโทั้งสองท่านที่กำลังเดิมตามหลังพวกหลินหยางอยู่นั้นมองไปที่หนุ่มสาวทั้งสองจากด้านหลังด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
บรรยากาศในตอนนี้มันช่างอบอุ่นภาพของชายหนุ่มและหญิงสาวที่ดูเหมาะสมกันมากราวกิ่งทองใบหยกที่กำลังวิ่งเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานทำให้ทุกคนที่มองดูอยู่ต่างก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย
เพียงแต่ว่า...ความหายนะ มันมักจะมาใน่เวลาอันแสนสุขแบบนี้เสมอ...