หลิ่วจิ้งตัดสินใจแน่วแน่แล้วมองไปทางเด็กหนุ่ม“เ้าหนุ่มน้อย ตรงหน้าเ้าตอนนี้มีหนทางสองเส้นให้เลือกเดินหนึ่งคือข้าปล่อยเ้าออกไปจากจวน”
เด็กหนุ่มยังไม่ทันรอจนหลิ่วจิ้งพูดจบ แค่ได้ยินนางบอกว่าจะปล่อยเขาออกจากจวนดวงตาก็มีแววสว่างไสวขึ้นมาแล้ว
หลิ่วจิ้งมองเห็นอยู่ในสายตา นางเอ่ยต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า“หลังจากออกจวนไปแล้ว ไม่ว่าเ้าจะเป็หรือตายล้วนไม่เกี่ยวข้องอันใดกับข้าถือว่าพวกเราเป็สะพานส่วนสะพาน ถนนส่วนถนน [1] นับั้แ่นี้ไปไม่ข้องแวะกันอีกคิดเสียว่าเ้าและข้าไม่เคยพบกันมาก่อน”
เอ่ยถึงตรงนี้หลิ่วจิ้งก็หยุดพูดเด็กหนุ่มกลับมามีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนก่อนนี้อีกครั้ง แต่นางก็ไม่สนใจน้ำแข็งหนาสามฉื่อใช่เพราะลมหนาวเพียงหนึ่งวัน นางไม่หวังว่าคำพูดไม่กี่คำจะสามารถแก้ปมในใจของเด็กหนุ่มได้ขอแค่ไปกระทบจิตใจเขาบ้างสักน้อยเป็พอแล้ว
“ทางที่สอง” หลิ่วจิ้งจ้องตาเด็กหนุ่มเขม็ง เอ่ยต่อว่า“หากเ้ามั่นใจว่าเมื่อไม่มีจวนแม่ทัพคอยคุ้มหัวเ้าก็จะสามารถมีชีวิตต่อไปเหมือนคนคนหนึ่ง ฟาดฟันกับอริของเ้าด้วยมือเ้าเอง เช่นนั้นข้าจะไม่ให้เ้าอยู่ต่อในทางกลับกัน หากเ้ายินยอมเห็นจวนแม่ทัพเป็ไม้กระดานข้ามเรือให้เ้าไปล้างแค้นเป็ที่พึ่งพิงของเ้าได้ ข้าก็จะให้เ้าอยู่ต่อ”
หลิ่วจิ้งเอ่ยจบก็ไม่พูดสิ่งใดอีก นางปล่อยมือให้เด็กหนุ่มเป็อิสระ
หนนี้เด็กหนุ่มไม่ได้หลบสายตาของหลิ่วจิ้งหากแต่จ้องหลิ่วจิ้งตาเขม็ง ประหนึ่ง้าเห็นบางสิ่งจากดวงตาของนาง
เนิ่นนานหลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็ขยับตัว เขามองหลิ่วจิ้งก่อนหนหนึ่งแล้วค่อยหันหน้าไปมองท่านหมอหวัง จากนั้นก็ลงมือถอดเสื้อบนตัวออกเอง
“อึก…” หลิ่วจิ้งเห็นรอยแผลบนตัวของเด็กหนุ่ม โดยเฉพาะแผ่นหลังซึ่งไม่มีผิวที่อยู่ครบสมบูรณ์เลยสักส่วนและมีแผลเปื่อยเน่าหลายแห่งที่มีหนอนสีขาวไต่ไปมาบนิัของเขา ดวงตาของนางพลันเปียกชื้นขึ้นมาทันที
“ท่านหมอหวัง” หลิ่วจิ้งทนดูต่อไปไม่ไหว จึงส่งสัญญาณให้ท่านหมอหวังรีบรักษาเขา
“ฮูหยิน ข้าจะรักษาเขาสุดกำลังขอรับ” ท่านหมอหวังพยักหน้าให้หลิ่วจิ้งเต็มแรงเป็การรับประกันอย่างเป็มั่นเหมาะ เขาเป็หมอมานานปีคนเจ็บที่อยู่ในสภาพยับเยินไม่น่าดูที่สุดที่เขาเคยพบมาก็เพียงมือขาดเท้าขาด แต่กลับไม่เคยเห็นคนเจ็บที่าเ็หนักหนาแต่กลับไม่ยอมให้ทำการรักษาเช่นนี้
นั่นเพราะต้องรู้เสียก่อนว่าเจ็บนานนั้นแย่กว่าเจ็บแค่่สั้นๆมือขาดแล้ว เท้าไม่มีแล้ว เพียงร่างกายได้รับการรักษาก็จะดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วแต่หากาแไม่ได้รับการรักษา นานไปก็จะเน่าเปื่อยและทำให้เกิดการอักเสบาแเช่นนี้แม้ท่านหมอหวังที่เคยพบเห็นการตายมามากก็ยังรู้สึกะเืใจ
หลิ่วจิ้งพยักหน้าให้ท่านหมอหวังอีกครั้งก่อนจะออกไปนางไม่้าทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกลำบากใจไปมากกว่านี้ ลำตัวท่อนบนยังเป็ถึงขนาดนี้นางไม่เชื่อว่าลำตัวท่อนล่างของเด็กหนุ่มจะเป็ปกติไร้าแใด
ค่ำคืนมืดราวสีหมึก มีเพียงตะเกียงน้ำมันที่อยู่ใกล้ๆ คอยส่องสว่างคืนนี้ราตรีช่างสงัดเงียบดั่งน้ำนิ่งในธารน้ำลึกท้องฟ้ายามรัตติกาลไร้ซึ่งดวงดาราแต้มแต่ง ดั่งกำลังกดทับจิตใจคนให้อึดอัดยิ่ง
หั่วอี้ไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าและคงถูกฮูหยินผู้เฒ่ารั้งตัวไว้ให้ทานอาหารเย็นด้วย ป่านนี้จึงยังไม่กลับมา
หลิ่วจิ้งเอาแต่เป็ห่วงอาการาเ็ของเด็กหนุ่มจึงไม่มีแก่ใจจะทานอาหารอวี้จิ่นคอยปรนนิบัติอยู่ข้างนอกห้อง ส่วนอิ๋งเหอไปที่ห้องครัวนางเกิดความสงสารและอยากทำอาหารอร่อยๆ ให้เด็กหนุ่มกินเป็เื่ที่ไม่ใช่จะพบเห็นได้ง่ายเลย
อวี้จิ่นเห็นว่าหลิ่วจิ้งออกมาแล้วและปิดประตูห้องด้านข้างจนสนิท ปล่อยให้เด็กหนุ่มผู้นั้นกับท่านหมอหวังอยู่ด้านในเพียงลำพังนางอยากเข้าไปเชิญหลิ่วจิ้งมาทานอาหารแต่กลับเห็นว่าในแววตาของหลิ่วจิ้งเต็มไปด้วยความร้อนรนและเ็ป จึงล้มเลิกความคิดนั้นเสีย
หลิ่วจิ้งรออยู่หน้าประตูตลอดเวลานางทั้งหิวทั้งเหนื่อยอยู่นานแล้ว แต่กลับไม่อยากอาหารเลยสักนิด กระทั่งแม้ยามหลับตานางก็ยังคงมองเห็นหนอนคืบคลานผ่านตานางไปนางจึงไม่มีแก่ใจจะทานอาหาร
นางรออยู่จนเป็เวลาเกือบหนึ่งก้านธูปประตูห้องจึงเปิดออกและท่านหมอหวังเดินออกมาจากห้องข้าง
หลิ่วจิ้งชะโงกหัวไปดูก็ไม่เห็นว่าเด็กหนุ่มจะออกมาพร้อมกับท่านหมอหวังนางอดรนทนไม่ไหว “ท่านหมอหวัง คนผู้นั้นเป็เช่นใดบ้างมีโรคภัยใดหลบเร้นอยู่ในร่างกายหรือไม่?”
ท่านหมอหวังอ่อนล้าไปทั้งร่าง เขาส่ายหน้าให้หลิ่วจิ้ง กล่าวว่า“เรียนฮูหยิน บนตัวของเ้าเด็กหนุ่มนั่นนอกจากมีแผลสองแห่งที่ถูกหนอนกัดแทะค่อนข้างสาหัสแล้วนอกนั้นกลับเป็เพียงาแภายนอก มิได้าเ็ไปถึงร่างกายภายใน ซึ่งก็นับว่าเป็ความโชคดีในความโชคร้ายแล้วขอรับ”
“จริงหรือ เช่นนั้นก็ดีนัก” หลิ่วจิ้งเองก็ดีใจมาก ในที่สุดความตึงเครียดที่มีอยู่ก็ผ่อนคลายลงในเมื่อเขาไม่เป็ไรก็ดีแล้ว าแภายนอกอย่างไรก็สามารถรักษาได้
“ลำบากท่านหมอหวังแล้วข้าจะจัดให้เด็กหนุ่มนั่นไปอยู่ที่เรือนมู่หยวน ต้องขอให้ท่านหมอหวังช่วยไปตรวจดูเขาทุกวันด้วยได้ช่วยชีวิตคน แม้แต่์ก็ยังมองเห็น”
ท่านหมอหวังพยักหน้าพลางว่า “ฮูหยินขอรับ นี่เป็รายการยาที่ข้าจัดให้เจ็ดวันนี้ยามเด็กหนุ่มผู้นั้นอาบน้ำ ให้เอายาผสมกับน้ำอุ่นแช่ตัววันละหนึ่งห่อจะสามารถกำจัดหนอนบนตัวเขาไปได้จนหมดแน่นอนขอรับ”
หลิ่วจิ้งขอบคุณท่านหมอหวัง จากนั้นจึงเข้าห้องไปดูเด็กหนุ่ม
ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเืและกลิ่นเน่าหลิ่วจิ้งได้กลิ่นแล้วต้องขมวดคิ้วแน่นนางบอกให้อวี้จิ่นรีบเปิดหน้าต่างออกเพื่อให้ระบายอากาศ
เด็กหนุ่มกำลังนั่งนิ่งอยู่บนพื้นพร้อมสวมเสื้อผ้ากลับเข้าไปใหม่แล้วมองไม่ออกแม้แต่น้อยว่าเคยเกิดเื่ใดขึ้นกับเขา
“หากเ้าเปลี่ยนใจก็สามารถออกไปได้ทุกเมื่อแต่ตอนนี้เ้าจงตามข้ามา”
หลิ่วจิ้งว่าพลางหันหลังเดินออกจากห้องข้างไป เด็กหนุ่มลังเลครู่หนึ่งแต่ที่สุดแล้วก็ตามนางออกไป
“อวี้จิ่น จุดตะเกียง ไปเรือนมู่หยวนกัน”
“ฮูหยิน มีเื่ใดต้องไปเรือนมู่หยวนเ้าคะ?” อวี้จิ่นเอ่ยอย่างประหลาดใจ
“ต่อไปให้คนผู้นี้อาศัยอยู่ที่เรือนมู่หยวน”หลิ่วจิ้งไม่รอให้อวี้จิ่นเตรียมตะเกียงจนเสร็จก็ก้าวเท้าเดินออกไปก่อนแล้ว
“ฮูหยิน ฮูหยินเ้าคะ…” อวี้จิ่นร้อนรนให้เด็กหนุ่มนี่อยู่ก็ไม่เป็ไร อย่างมากก็แค่มีเด็กรับใช้มาเพิ่มในจวนอีกคนเชื่อว่าท่านแม่ทัพก็คงมิได้เคลือบแคลงใดๆ แต่หากให้คนผู้นี้ไปอยู่ที่เรือนมู่หยวนกลับไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพจะคิดเห็นเช่นใด
“เฮ้อ ฮูหยินผู้นี้ ใจดีเกินไปจริงๆ”อวี้จิ่นรีบถือตะเกียงตามไปอย่างไม่พอใจ
เรือนมู่หยวนเป็เรือนเดี่ยวที่อยู่ห่างจากหอหั่วเยี่ยนออกไปค่อนข้างไกลที่นั่นเคยเป็ที่พักของจิ่นเส้อซึ่งเป็หนึ่งในสตรีจำนวนมากของหั่วอี้
ภายในเรือนมู่หยวนขุดทะเลสาบเอาไว้หนึ่งแห่งปลูกดอกบัวมากมายไว้รอบทิศ งดงามนัก เหมาะจะเอาเก้าอี้เอนหลังไปจัดวางนอนสูดกลิ่นหอมของดอกไม้พลางชมดวงดาวบนท้องฟ้า
่เวลาหนึ่งในที่แห่งนี้มักพบเห็นภาพของหั่วอี้และจิ่นเส้อพะเน้าพะนอกันจนวันหนึ่งที่หั่วอี้ออกจากจวนไปทำศึก จู่ๆ จิ่นเส้อก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุซ้ำยังะโลงทะเลสาบจนจมน้ำตาย
ที่น่าแปลกก็คือสาวใช้สองคนที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายจิ่นเส้อก็ไม่รู้ว่าหายสาบสูญไปั้แ่เมื่อใดจนเมื่อมีคนมาพบจิ่นเส้อเข้า ศพของนางก็เน่าเปื่อยจนไม่เหลือสภาพเดิมแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าคิดว่าที่แห่งนี้อัปมงคลจึงไม่ยอมมาที่นี่จากนั้นก็ไม่มีใครเข้ามาอาศัยอยู่อีก ตอนแรกพ่อบ้านหวังยังส่งคนมาทำความสะอาดอยู่บ่อยครั้งแต่ภายหลังเมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมมาอยู่ พวกบ่าวจึงพากันแอบี้เีแม้จะมาทำความสะอาดแต่ก็ทำไม่ละเอียดถี่ถ้วน ทำให้เรือนมู่หยวนยิ่งดูรกร้างมากขึ้นไปอีก
ตอนที่หลิ่วจิ้งเพิ่งเข้ามาที่จวน นางยังคงมีความคิดอยากจะหนีอยู่จึงเดินเล่นไปทั่วอย่างทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ เพื่อจะได้รู้จักสถานที่ต่างๆภายในจวนแม่ทัพ และบังเอิญมาพบที่แห่งนี้เข้า
ยามนั้นนางยังเคยคิดว่าอาจมีสักวันที่นางจะได้ใช้สอยเรือนมู่หยวนซึ่งเป็ที่ที่ผู้คนพากันหลีกหนีแห่งนี้แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้ใช้รวดเร็วเช่นนี้
เมื่อมารดามาตายไปต่อหน้า และเมื่อลานบ้านแสนอบอุ่นกลายเป็นรกอเวจีนางก็ไม่รู้ว่าสิ่งใดเรียกว่าความกลัวอีกแล้ว
สถานที่ที่ถูกคนเรียกขานว่าเป็บ้านผีสิงในจวนแม่ทัพแห่งนี้ ในสายตาของหลิ่วจิ้งกลับเป็สถานที่เงียบสงบเหมาะกับการพักรักษาตัวเป็ที่สุด
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] สะพานส่วนสะพาน ถนนส่วนถนน หมายถึง ทางใครทางมันไม่เกี่ยวข้องกันอีก
