บทที่ 2 ข้าเป็หัวหน้า
“ช้าก่อน! มีอะไรค่อยๆ พูด” ศิษย์รับใช้ร่างอ้วนยกมือทั้งสองข้างกุมใบหน้าพลางร้องะโเสียงดัง
ฉินชูหยุดมือลง “ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ข้าขอเป็หัวหน้าของที่นี่ได้หรือไม่”
“ได้ เ้าเป็หัวหน้าไปเลย” ศิษย์รับใช้ร่างอ้วนรีบตอบ
เมื่อเห็นท่าทีอีกฝ่ายยอมจำนน ฉินชูจึงยืนขึ้น หลังจากยืนขึ้น ศิษย์รับใช้ร่างอ้วนก็ยืนขึ้นตามและชี้นิ้วใส่ฉินชูคล้ายอยากจะพูดอะไร
ทันใดนั้น ฉินชูก็ซัดหมัดเข้าไปที่ราวบันไดข้างๆ จนแหลกละเอียด “เ้ายังมีอะไรอยากจะพูดอีก”
เห็นราวบันไดที่แตกละเอียด ศิษย์รับใช้ร่างอ้วนถึงกลับหน้าถอดสีรีบส่ายหัวทันควัน ฉินชูแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่มีทางสู้ไหวแน่นอน
“เ้าทำหน้าที่ดูแลงานได้เหมือนเดิม แต่ห้ามมายุ่งกับข้า แล้วก็สละที่พักของเ้าให้ข้าเสีย” ฉินชูเอ่ยปากพูด
ศิษย์รับใช้ร่างอ้วนพยักหน้าราวกับลูกเจี๊ยบจิกเมล็ดข้าว เขากลัวฉินชูต่อยมาที่หัวของเขา หากเขาโดนฉินชูต่อยมาที่หัว หัวเขาคงแหลกละเอียดเหมือนราวบันไดแน่
ในที่สุดแต่ละวันของฉินชูก็ดำเนินไปอย่างสุขสบาย หน้าที่ควบคุมและดูแลหอศิษย์รับใช้ก็ปล่อยให้เป็หน้าที่ของเอ้อพั่ง ตัวเขาไม่ต้องทำอะไรและอาศัยอยู่ในห้องเดี่ยวของตัวเอง
เอ้อพั่งเป็ชื่อที่ฉินชูตั้งให้ศิษย์รับใช้ร่างอ้วน ตัวเขาเป็ลูกพี่ใหญ่ ส่วนศิษย์รับใช้ร่างอ้วนเป็ลูกพี่รอง ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อว่าเอ้อ[1] พั่ง
สองวันผ่านไปอย่างผาสุก ฉินชูนึกอยากฝึกกระบี่ขึ้นมา จึงถามเอ้อพั่งไปและได้ความมาว่าเขาจำเป็ต้องสะสมแต้มคุณูปการ เพื่อแลกกับอาวุธและตำรายุทธ์ เมื่อมีแต้มคุณูปการมากพอก็จะสามารถแลกตำรายุทธ์ที่หอคัมภีร์และแลกอาวุธที่คลังศัสตราได้ โดยทั้งสองแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ยอดเขาหลักของเทือกเขาชิงหยุน
สถานที่ที่ฉินชูอยู่ในขณะนี้คือยอดเขาชิงจู๋ เป็หนึ่งในยอดเขาทั้งเจ็ดแห่งของสำนักชิงหยุนและเนื่องจากยอดเขาชิงจู๋ขาดแคลนคน ฉินชูจึงต้องมาเป็ศิษย์รับใช้ที่นี่
แต้มคุณูปการมาจากการที่ลูกศิษย์ของสำนักชิงหยุนปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จ อ้างตามกฎระเบียบของสำนัก ศิษย์คนใดมีความสามารถในด้านใด ทางสำนักก็มีหน้าที่รองรับ หากอุทิศตัวให้สำนักมากเท่าไร ก็จะได้รับการดูแลที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อว่างจากงานที่หอศิษย์รับใช้ ฉินชูก็มายังหอคุณูปการที่ยอดเขาชิงจู๋ เขาต้องทำภารกิจเท่านั้นถึงจะได้รับแต้มคุณูปการ เพื่อแลกกับตำรายุทธ์
เมื่อบรรดาลูกศิษย์สำนักชิงหยุนที่อยู่ภายในหอคุณูปการเห็นศิษย์รับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจทันที เหล่าลูกศิษย์ในสำนักชิงหยุนต่างคิดว่าเป็แค่ศิษย์รับใช้แต่ยังกล้าเสนอหน้ามาขอรับภารกิจได้เยี่ยงไร
เป็ที่รู้กันในสำนักชิงหยุน คำว่าศิษย์รับใช้เป็อีกชื่อเรียกของคำว่าสวะไร้ประโยชน์ เนื่องจากเป็ผู้ที่คุณสมบัติไม่ถึง จึงเป็ได้แค่ศิษย์รับใช้ มีคนสติดีที่ไหนที่อยากเป็ศิษย์รับใช้บ้าง
ฉินชูเดินยืดอกเข้ามาหยุดอยู่ด้านหน้ากระดานประกาศภารกิจ แล้วเอื้อมมือออกไปดึงป้ายภารกิจมาสองสามแผ่น
“หยุดเดี๋ยวนี้ เ้าจะทำอะไร” ผู้ดูแลหอคุณูปการตวาดขึ้นมาเสียงดัง
“ข้ามารับภารกิจ ศิษย์รับใช้ทำภารกิจไม่ได้หรือ” ฉินชูมองไปทางผู้ดูแลหอคุณูปการ
“ศิษย์รับใช้ทำภารกิจไม่ได้หรือ...” ผู้ดูแลหอคุณูปการทวนคำพูดของเขาอย่างตะลึงงัน ก็ถูกของเขา เพราะไม่มีกฎระเบียบของสำนักข้อไหนบัญญัติเอาไว้ว่าศิษย์รับใช้ห้ามทำภารกิจ ขอแค่ขึ้นชื่อว่าเป็ลูกศิษย์ก็สามารถทำภารกิจได้ทั้งนั้น
ฉินชูคลี่ยิ้มก่อนหันกลับไปดูภารกิจ “ดูเหมือนว่าศิษย์รับใช้จะทำภารกิจได้สินะ”
“เ้าหนู หากทำภารกิจไม่สำเร็จ ข้าคนนี้จะหักแต้มคุณูปการของเ้า” ผู้ดูแลหอคุณูปการะโไล่หลังฉินชู
“ท่านผู้ดูแล ศิษย์รับใช้ไม่มีแต้มคุณูปการอยู่แล้ว” ฉินชูตอบกลับ ทว่าเสียงของเขาบางเบาลงตามระยะที่เคลื่อนออกห่าง
“หากเ้าทำภารกิจไม่สำเร็จ ข้าจะไปถลกหนังเ้าที่หอศิษย์รับใช้” ผู้ดูแลหอคุณูปการะโไล่ตามหลังฉินชูอย่างเดือดดาล เขาไม่เคยเห็นศิษย์รับใช้ที่อวดดีแบบนี้มาก่อน
ฉินชูอ่านป้ายภารกิจจบ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่เขตด้านหลังยอดเขาชิงจู๋ ที่นั่นเป็ป่ารกร้างแต่กลับเต็มไปด้วยสมุนไพรและสัตว์อสูร
ภารกิจในมือของฉินชูคือการฆ่าสัตว์อสูรและเก็บรวบรวมสมุนไพร ซึ่งไม่ยากสำหรับเขาเลยสักนิด เขาโตมาในหุบเขาลึกและเคยฆ่าสัตว์อสูรขั้นสองและสามมาก่อน
ในยุทธภพ พลังของผู้ฝึกตนถูกแบ่งออกเป็ลำดับขั้น คือ ขั้นที่หนึ่งจวี้หยวน (ดูดซับอณูปราณ) ขั้นที่สองหนิงหยวน (หลอมอณูปราณ) ขั้นที่สามเจินหยวน (ก่อเกิดพลังปราณ) ขั้นที่สี่หลิงหยวน (ก่อเกิดพลังิญญา) ขั้นที่ห้าเทียนหยวน (ปราณฟ้า) ขั้นที่หกหวางเจ่อ (ราชัน) ขั้นที่เจ็ดจุนเจ่อ (ศาสดา) ซึ่งพวกสัตว์อสูรก็มีลำดับขั้นเช่นกัน โดยที่สัตว์อสูรั้แ่ระดับสองขึ้นไปจะมีผลึกพลังที่อุดมไปด้วยพลังงานและพลังชีวิต ทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูง
ฉินชูยังไม่เคยฝึกพลังปราณ แต่ร่างกายของเขากลับกำยำแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเหมือนผู้อื่น อีกทั้งตัวเขาก็พอมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง
ครั้นเข้าไปในพื้นที่หุบเขาลึก ฉินชูก็ไล่เก็บสมุนไพรไปเรื่อยๆ
เขามุ่งหน้าเข้าไปในหุบเขาลึกกว่าครึ่งวัน แต่แล้วเขาก็ััได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาได้กลิ่นคาวเื นี่เป็กลิ่นเืของสัตว์อสูร
เมื่อมองไปทางต้นลม ฉินชูถึงกับผงะ หมาป่าดำฝูงหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้า พวกมันเป็สัตว์อสูรขั้นสอง
ฉินชูไม่คิดจะหนี แต่ตัวเขากลับพุ่งเข้าไปทันที เขากำกำปั้นแน่นแล้วระรัวหมัดใส่หมาป่าดำ จนเกิดเสียงดังตุบตับ หัวหมาป่าดำพลันถูกเขาอัดจนเละไปตามๆ กัน
หมาหมู่...ฉินชูเคยผ่านการต่อสู้เช่นนี้มาแล้ว ดังนั้นเขาไม่กลัว
ใช้เวลาต่อสู้อยู่พักหนึ่ง หมาป่าดำยี่สิบกว่าตัวที่เป็สัตว์อสูรขั้นสอง และหมาป่าดำจ่าฝูงที่อยู่ขั้นสามล้วนถูกฉินชูจัดการ การต่อสู้ครั้งนี้เหมือนเป็การเตะต่อยเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเขาเท่านั้น
เขาควักมีดสั้นสำหรับการล่าสัตว์ที่ตัวเองใช้เป็ประจำออกมา จากนั้นก็ชำแหละเอาผลึกพลังของฝูงหมาป่าดำออกมา ก่อนจะเดินหน้าไปต่อ
ต่อสู้อยู่ในหุบเขาลึกอยู่สองวันเต็ม ถุงย่ามบนตัวของฉินชูสองใบก็ถูกเติมเต็มจนไม่อาจยัดสิ่งใดลงไปได้อีก ฉินชูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังและมุ่งหน้ากลับสำนักชิงหยุน ตอนนี้เป็ยามพลบค่ำแล้ว แต่ความมืดก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี
เมื่อกลับมาถึงสำนักชิงหยุนก็เป็่สายของเช้าอีกวันไปเสียแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดก็คือพลาดเวลาอาหารเช้าไป แต่สิ่งที่ทำให้เขาดีใจก็คือผลประกอบการของภารกิจครั้งนี้สามารถแลกแต้มคุณูปการได้ไม่น้อย ซึ่งอีกไม่นานเขาคงสามารถแลกตำราวิชากระบี่ได้แล้ว
ครั้นฉินชูมาถึงหอคุณูปการ เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ภายในห้องโถงจำนวนไม่น้อยต่างพากันรายงานผลของภารกิจ
เมื่อฉินชูมาถึง บรรดาลูกศิษย์สำนักชิงหยุนต่างพากันหลีกทางให้ พวกเขาล้วนยกมือปิดจมูกตัวเอง เพราะทั่วร่างกายของฉินชูเต็มไปด้วยคราบเืเกรอะกรัง คนอื่นใช้กระบี่ต่อสู้ แต่ฉินชูกลับใช้แค่หมัด จึงทำให้ตัวเขามีเือาบทั่วทั้งตัว
“เ้าหนูอวดดี นี่เ้ายังกล้าเสนอหน้ามาที่นี่อีกหรือ” ผู้ดูแลหอคุณูปการโผล่ขึ้นมาพร้อมกับเอื้อมมือไปบีบคอฉินชู เขาจำฉินชูได้เป็อย่างดี
“คิดจะทำอะไร มีอะไรก็พูดคุยกันดีๆ ข้ามาเพื่อรายงานภารกิจ” ฉินชูคว้ามือผู้ดูแลหอคุณูปการพลางเอ่ย
“รายงานภารกิจ?” ผู้ดูแลหอคุณูปการปล่อยมือออก ก่อนกวาดมองฉินชูด้วยสายตาแปลกใจ
ฉินชูเดินไปด้านหน้ากระดาษประกาศภารกิจ ก่อนดึงป้ายรายชื่อสมุนไพรและผลึกพลังของสัตว์อสูรมาอีกสองสามใบ จากนั้นก็มาหยุดด้านหน้าโต๊ะยาวพร้อมกับควักผลประกอบการออกมา
ผู้ดูแลหอคุณูปการมองพินิจฉินชู พลางลงบันทึกแต้มคุณูปการไปด้วย
เมื่อรับผลประกอบการเสร็จ ผู้ดูแลหอคุณูปการก็จ้องมองฉินชู “เ้าชื่ออะไร สถานภาพอะไร เดี๋ยวข้าจะออกบัตรสะสมแต้มคุณูปการให้เ้าหนึ่งใบ”
“ฉินชู ศิษย์รับใช้ที่ยอดเขาชิงจู๋” ฉินชูยืดอกอย่างผ่าเผยราวกับภาคภูมิใจในสถานภาพศิษย์รับใช้ของตัวเอง
ผู้ดูแลหอคุณูปการส่งบัตรสะสมแต้มที่ระบุชื่อฉินชูให้เขา เป็อันว่าฉินชูมีชื่ออยู่ในระบบของหอคุณูปการแล้ว
“แต้มคุณูปการของข้าสามารถแลกตำรายุทธ์ได้หรือไม่” ฉินชูเอ่ยปากถาม
“ตำรายุทธ์แต่ละเล่มใช้แต้มสะลมแลกเปลี่ยนไม่เหมือนกัน เ้าไปดูเองที่หอคัมภีร์ก็แล้วกัน แต่ว่าต้องจ่ายค่าผ่านประตูยี่สิบแต้ม” ท่าทีของผู้ดูแลหอคุณูปการเปลี่ยนไปแล้ว ตัวเขาเองก็เห็นว่าฉินชูนั้นเป็ผู้มีความสามารถ ภายในยุทธภพนี้ คนที่มีพลังความสามารถเท่ากับเป็ที่น่าเคารพ
“เช่นนั้นข้าขอตัว” ฉินชูประสานหมัดให้ผู้ดูแลหอคุณูปการ
“ข้าขอแนะนำให้เ้าเปลี่ยนชุดก่อน ขืนเ้าไปในสภาพนี้ มีหวังเ้าคงโดนไล่ตะเพิดออกมาแน่” ผู้ดูแลหอคุณูปการพูดเตือน
ฉินชูจึงกลับมาที่หอศิษย์รับใช้เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนพกบัตรสะสมแต้มคุณูปการมุ่งหน้าไปที่ยอดเขาชิงหยุน เขาอยากรู้ว่ามีตำรายุทธ์แบบไหนที่เหมาะสมกับตัวเอง หากแต้มคุณูปการไม่ถึง เขาก็ค่อยไปทำภารกิจเพิ่ม
คิดไว้เสียดิบดี แต่ความเป็จริงกลับโหดร้ายนัก เมื่อมาถึงหอคัมภีร์ ฉินชูกับถูกขวางไม่ให้เข้า เหตุผลหาใช่สิ่งใดอื่น แต่เป็เพราะศิษย์รับใช้ไม่ควรมีฐานะตัวตนในที่แห่งนี้
[1] เอ้อ หมายถึงเลข 2 ในภาษาจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้