บทที่ 62 ไม่อยากเห็นเธอได้ดี
ลู่หวยเหรินโกรธจัดจนแทบจะเท้าสะเอว ชี้หน้าลู่จิ่งซานและลู่ซือหยวนอยู่นาน แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
แต่ละคนนี่มันช่างสร้างปัญหาเสียจริง!
ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
ลู่ไห่เสียรีบร้อนจนแทบไม่ได้จอดจักรยาน พิงกำแพงรั้วแล้ววิ่งเข้ามา โพล่งออกมาอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ซือหยวน เกิดอะไรขึ้นกับแก? เมื่อกี้ฉันเจอเจี้ยนเซ่อระหว่างทาง แกเป็แบบนี้แล้วยังจะหย่าอีก!”
นี่มันเป็บ้าอะไรไปแล้ว? หรือว่าโดนผีเข้าสิง?
“แกกลับมาทำไม?” คุณนายลู่หน้าดำคล้ำ “ถ้ากลับมาพูดเื่นี้ รีบกลับบ้านแกไปเลยไป”
“คุณแม่” ลู่ไห่เสียพูดอย่างอัดอั้น “หนูก็หวังดีกับซือหยวนทั้งนั้นแหละ ได้ยินว่าทะเลาะกับเจี้ยนเซ่อแล้วกลับมาบ้านก็รีบมาดู นี่หนูทำเพื่อใคร? ก็เพราะซือหยวนเป็หลานสาวหนูไง”
“เจี้ยนเซ่ออาจจะอารมณ์ไม่ดีไปบ้าง แต่เขายังมีเงินเดือนตั้งยี่สิบหยวน” ลู่ไห่เสียกล่าว “อดทนเป็สะใภ้อยู่นาน เดี๋ยวก็ได้เป็แม่ผัว แกก็แค่ลำบากอีกไม่กี่ปี หลังจากนี้บ้านตระกูลจ้าวก็เป็ของแกหมดนั่นแหละ
ถ้าพวกแกหย่ากันวันนี้ พลิกตัวไปจ้าวเจี้ยนเซ่อก็หาเมียสาวๆ ได้ แต่แกจะเหลืออะไร?
แกก็มีลูกไม่ได้ ใครจะอยากแต่งกับแก?
ถึงจะมีคนอยากแต่ง แต่เราจะกล้าแต่งไหม? แกก็ต้องไปเป็เมียเลี้ยงลูกติดชาวบ้าน แล้วในโลกนี้มีเมียหลวงคนไหนเลี้ยงลูกติดผัวดีๆ บ้าง?”
จริงสิ ครอบครัวเขาก็มีอยู่คนนึงนี่นา
ตอนนี้ลู่ไห่เสียยังไม่รู้ว่าลู่จิ่งซานแยกบ้านออกไปแล้ว
“น้องรอง แกเป็พ่อ ทำไมไม่ห้ามปรามหน่อยล่ะ?” ลู่ไห่เสียตำหนิไปที่ลู่หวยเหริน
“ดูสิ” ลู่หวยเหรินจ้องลู่ซือหยวน “แม้แต่ป้าแกยังพูดแบบนี้”
“อย่ามาอาละวาดเลย” ลู่หวยเหรินกล่าว “วันนี้แกพักอยู่ที่บ้านก่อน เดี๋ยวฉันกับป้าแกจะไปบ้านตระกูลจ้าว คุยกับคนบ้านตระกูลจ้าวให้ดีๆ
รออีกสองสามวัน ค่อยให้เจี้ยนเซ่อมารับแกกลับไป อยู่ด้วยกันดีๆ อย่าทะเลาะกันแล้วจะหย่าเลย”
“นั่นสิ” ลู่ไห่เสียว่า
“นั่นสิเหลวไหลอะไร” คุณนายลู่ขว้างไม้เท้าไปทันที “ไปให้พ้น แกไปให้พ้น อย่าเข้าบ้านตระกูลลู่ของฉันอีก”
“มีพ่อมีป้าแบบพวกแกด้วยเหรอ?” คุณนายลู่ชี้ไปที่ลู่ซือหยวน “พวกแกตาบอดเหรอ? เขาทำร้ายแกขนาดนี้แล้ว ยังจะให้กลับไปเป็วัวเป็ควายให้บ้านตระกูลจ้าวอีกเหรอ?”
“คุณพ่อ คุณป้าคะ” สวี่จือจือยิ้มมองทั้งสองคนแล้วกล่าว “ที่จริงพวกคุณกังวลเกินไปแล้วค่ะ คุณพ่อก็เป็หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงงานหม้อแปลงไฟฟ้านี่คะ แบ่งเงินเดือนมาให้พี่ซือหยวนกับลูกบ้างก็พอเลี้ยงชีพแล้วค่ะ”
“เงินเดือนอะไร!”
ในขณะนั้นเอง เสียงแหลมๆ ก็ดังขึ้นที่หน้าประตูอีกครั้ง
เหอเสวี่ยฉินกลับมาแล้ว
สวี่จือจือคิดในใจ: คราวนี้มากันครบแล้วสินะ
“การหย่าร้างครั้งนี้ยอมไม่ได้!” เหอเสวี่ยฉินโกรธจนตัวสั่น “สวี่จือจือ ฉันรู้แล้วว่าเธอไม่มีเจตนาดี อยากจะยุแหย่ให้บ้านตระกูลลู่แตกแยกถึงจะพอใจใช่ไหม?
พวกเราตระกูลลู่ไปมีเวรกรรมอะไรกับเธอ เธอถึงต้องมาทำร้ายพวกเราแบบนี้?
ทีแรกก็ยุยงให้จิ่งซานแยกบ้าน ตอนนี้ก็จะให้ซือหยวนหย่า เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?” เหอเสวี่ยฉินร้องโวยวาย “แบ่งเงินเดือนให้หล่อน? มีลูกสาวบ้านไหนแต่งออกไปแล้วยังจะกลับมาแบ่งเงินเดือนพ่อตัวเองบ้าง! นี่มันกฎบ้านไหน!”
ลูกสาวที่แต่งออกไปก็เหมือนน้ำที่ถูกเททิ้ง! กลับมาบ้านก็เป็แค่แขก!
สีหน้าของลู่ซือหยวนซีดเผือด
“งั้นก็ไม่มีพ่อแม่ที่ยังทำงานกินเงินเดือนอยู่ แล้วให้ลูกจ่ายค่าเลี้ยงดูหรอกค่ะ” สวี่จือจือกล่าวอย่างเฉยเมย
เหอเสวี่ยฉินถึงกับพูดไม่ออก
ตอนที่ลู่จิ่งซานจะแยกบ้านออกไป เธอไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน แต่ลู่จิ่งซานยอมจ่ายเงินให้พวกเขาเดือนละยี่สิบหยวน เธอถึงตกลง
สีหน้าของลู่จิ่งซานดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด
เขารู้สึกผิดต่อสวี่จือจืออยู่บ้าง ตอนนั้นคิดแต่จะแยกบ้านออกไป ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนี้
“ถ้าพวกคุณไม่ดูแล พวกเราจะดูแลเอง” สวี่จือจือกล่าว “พี่ซือหยวนวางใจได้เลย ต่อไปถ้าพวกเรามีอะไรกิน ก็จะไม่ให้พี่กับลูกขาดแน่นอน
ในเมื่อวันนี้ทุกคนก็อยู่กันครบ พูดกันตรงนี้เลยดีกว่า ถือโอกาสนี้ให้จิ่งซานแยกทะเบียนบ้านของเราออกมาเลย แล้วเอาชื่อพี่ซือหยวนกับเสี่ยวอวี่ใส่เข้าไปในทะเบียนบ้านพวกเราด้วย”
“ได้สิ” ลู่จิ่งซานมองภรรยาด้วยความซาบซึ้งใจ
“แต่ว่า” ลู่จิ่งซานรับ่ต่อ “เมื่อกี้สิ่งที่น้าเหอก็เตือนสติผมเหมือนกัน มันไม่มีกฎแบบนี้จริงๆ
เมื่อก่อนผมมีเบี้ยเลี้ยงคนเดียว เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ผมมีครอบครัวต้องเลี้ยงดู นอกจากส่วนที่ให้คุณย่าแล้ว ที่เหลือก็คงพอเลี้ยงพวกเราได้ แต่คุณพ่อวางใจเถอะ” ลู่จิ่งซานกล่าว “รอคุณพ่อเกษียณแล้ว ผมจะทำหน้าที่ลูกอย่างเต็มที่ จะเลี้ยงดูคุณพ่อเอง”
เหอเสวี่ยฉินโกรธจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
หมายความว่ายังไง?
ก็คือถึงแม้เธอจะแก่ตัวไป ลู่จิ่งซานก็จะเลี้ยงดูลู่หวยเหรินเท่านั้น ส่วนเธอก็แล้วแต่เวรแต่กรรม?
ที่จริงเหอเสวี่ยฉินคิดมากไปเอง ลูกชายคนโตของเธอโจวเป่าเฉิงอายุเท่ากับลู่จิ่งซาน แถมยังมีลูกชายคนเล็กที่เรียนอยู่ในตัวอำเภอและยังไม่ได้กลับบ้านอีก
ลูกชายสองคน ลูกสาวหนึ่งคน เื่เลี้ยงดูคงไม่ถึงคิวของลู่จิ่งซานหรอก
“เหล่าลู่” เหอเสวี่ยฉินคำรามชี้หน้าลู่จิ่งซานด้วยมือที่สั่นเทา “พี่...พี่จะปล่อยให้พวกเขามาข่มเหงพวกเราอย่างนี้เหรอ?”
ชีวิตอยู่กันไม่ได้แล้ว!
“การอบรมสั่งสอนลูกหลานเป็หน้าที่ของพ่อแม่อยู่แล้ว ตอนนี้พวกเราจะรับหน้าที่นั้นมาทำ แล้วทำไมถึงกลายเป็ว่าพวกเราข่มเหงคนอื่นล่ะคะ?” สวี่จือจือยิ้มแล้วกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเื่ไม่แยกบ้านก็ไม่เป็ไร แต่เบี้ยเลี้ยงของจิ่งซานบ้านพวกเราก็คงให้ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะค่ะ”
สีหน้าของลู่ซือหยวนซีดแล้วซีดอีก อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกลู่ซืออวี่ดึงเอาไว้
‘จิ่งซานบ้านพวกเรา’?
มุมปากของลู่จิ่งซานอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นเล็กน้อย ฟังดูแล้วก็ไม่เลวนี่
“พวกเราจะไม่พูดถึงเื่ที่บ้านอื่นๆ ในหมู่บ้านทำกันเลย เอาแค่เหมือนบ้านลุงใหญ่ก็พอ” สวี่จือจือพูดถึงตรงนี้ก็หันไปถามจ้าวลี่เจวียน “ป้าสะใภ้คะ ลูกชายคนโตกับคนรองของป้าสะใภ้ให้เงินที่บ้านเดือนละเท่าไหร่คะ?”
“ให้เงินอะไรกัน?” จ้าวลี่เจวียนมองเหอเสวี่ยฉินอย่างประชดประชัน “ฉันกับลุงเธอยังมีเรี่ยวแรงทำงานได้ พวกเขาก็มีครอบครัวมีลูกต้องเลี้ยง ดูแลครอบครัวตัวเองก็พอแล้ว”
พวกเขาอยู่ในชนบท ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ อาหารการกินก็ปลูกเองในไร่นา แถมทั้งสองคนยังทำคะแนนแรงงานได้อีก
“ก็แค่เงินที่ยืมไปแต่งเมียให้ลูกชายสองคน สองปีนี้ฉันกับลุงเธอก็ใช้หนี้หมดแล้ว”
การแต่งเมียให้ลูกชายก็เป็สิ่งที่พ่อแม่ควรจะทำอยู่แล้ว
แต่ตอนที่ลู่จิ่งซานกับสวี่จือจือแต่งงานกัน ถึงแม้ว่าลู่จิ่งซานจะไม่ได้กลับมา แต่เงินทั้งหมดก็เป็เบี้ยเลี้ยงของเขาทั้งนั้น
คำพูดเ่าั้ ทำให้เหอเสวี่ยฉินรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก อยากจะเข้าไปข่วนหน้าของจ้าวลี่เจวียนให้เป็รอย
ผู้หญิงคนนี้ไม่อยากเห็นเธอได้ดี!
สวี่จือจือไม่พูดอะไรอีก มองเหอเสวี่ยฉินด้วยรอยยิ้ม
เมื่อก่อนเธอคิดว่าจะหย่ากับลู่จิ่งซาน ดังนั้นเื่การแบ่งเบี้ยเลี้ยงของเขาจึงเป็เื่ของเขา ไม่ได้เข้าไปยุ่ง แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว พอคิดว่าเดือนหนึ่งจะต้องให้เงินตั้งยี่สิบห้าหยวนแก่ผู้หญิงอย่างเหอเสวี่ยฉิน
ขอโทษที เธอแค่คิดก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว!
อย่าหวังว่าจะได้เงินแม้แต่อีแปะเดียว!
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้