ฉินหว่านคนนี้ ช่างไม่เข็ดหลาบ
เยว่เฟิงเกอเป็คนที่หวงคนของตนเป็อย่างมาก ซึ่งยามนี้นางเห็นจิ๋วปิ่งเป็สัตว์เลี้ยงของตนเองไปแล้ว ดังนั้น เื่ที่ฉินหว่านโยนจิ๋วปิ่งลงไปในสระบัวจนเกือบตาย ทำให้นางไม่อาจปล่อยฉินหว่านไปได้
ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังขบคิด จิ๋วปิ่งก็สังเกตเห็นปากบวมเป่งของนาง
“ริมฝีปากเ้าเป็อันใดไป กินพิษอะไรเข้าไปหรือ”
เยว่เฟิงเกอกลอกตา “เ้าสิกินยาพิษ บ้านเ้ากินยาพิษทั้งบ้านนั่นแหละ”
“เช่นนั้นริมฝีปากเ้าเป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร? ” จิ๋วปิ่งยังคงสงสัยเื่ปากของนาง
“เ้าไม่ต้องสนใจ” เยว่เฟิงเกอพูดพลางปล่อยจิ๋วปิ่งลงบนพื้น “เ้าเล่นคนเดียวไปก่อนนะ ข้ายังมีเื่ให้ต้องไปจัดการ”
จิ๋วปิ่งหมอบลงเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง เมื่อเสร็จแล้วถึงได้จากไปอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ
เยว่เฟิงเกอกลับไปที่เรือนเยว่เหยา หลังจากรีบร้อนเปลี่ยนอาภรณ์เปียกชื้นแล้วก็มุ่งหน้าไปยังเรือนหานโยวอีกครั้ง
เมื่อนางไปถึงประตูเรือนก็เห็นม่อหลิงหานกำลังเดินออกมาพอดี
“ม่อหลิงหาน” เยว่เฟิงเกอโกรธมาก ชี้นิ้วไปที่ริมฝีปากตัวเอง ะโถาม “เมื่อคืนท่านทำอะไรกับข้ากันแน่ เหตุใดริมฝีปากข้าถึงได้บวมเช่นนี้? ”
ม่อหลิงหานมองริมฝีปากเยว่เฟิงเกอที่ทั้งบวมทั้งแดง มุมปากเขาก็ยกขึ้นสูง
“เปิ่นหวางจะทำอันใดกับพระชายาได้อีก แค่จุมพิตพระชายาไปนิดหน่อยก็เท่านั้น” ม่อหลิงหานพูดเื่นี้ออกมาด้วยท่าทีสบายๆ
เยว่เฟิงเกอยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธ “จุมพิตแค่นิดหน่อย? แล้วมันจะบวมได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ? ท่านไปหลอกผีเถอะ”
ม่อหลิงหานไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของเยว่เฟิงเกอ เขายังกล่าวด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทต่อ “พระชายาต้องระวังภาพลักษณ์ของตนหน่อย อย่าลืมสิว่าเมื่อคืนยังเอาอกเอาใจเปิ่นหวางอยู่เลย ยังเรียกร้องจะให้เปิ่นหวางชมเชยเ้า หากเ้าทำให้เปิ่นหวางโกรธขึ้นมา เกรงว่าเปิ่นหวางจะไม่ให้เ้าได้สมปรารถนา”
เมื่อม่อหลิงหานพูดจบ เยว่เฟิงเกอก็นิ่งไป
เหตุใดนางถึงลืมเื่นี้ไปได้
เช้านี้เป็เพราะริมฝีปากบวมๆ นี่ทำเอานางโกรธจนเป็บ้าไปแล้ว ในสมองนางคิดแต่จะมาเค้นหาความจริงจากปากม่อหลิงหาน โดยหลงลืมไปว่ายังมีภารกิจเอาอกเอาใจม่อหลิงหานอยู่
เมื่อได้ยินถ้อยคำเอ่ยเตือนของม่อหลิงหาน เยว่เฟิงเกอก็เรียกฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ ใบหน้าเกรี้ยวกราดของนางแปรเปลี่ยนเป็แย้มยิ้มแทบจะในทันที
“แหะแหะ ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่กล้าทำให้พิโรธหรอกเพคะ”
“อ้อ? ” ม่อหลิงหานมือกอดอก เอนกายพิงประตู “เช่นนั้นที่พระชายามาเค้นเอาความจากเปิ่นหวางเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร”
เยว่เฟิงเกอยิ้มเอียงอาย “แหม ท่านอ๋องกล่าวอันใดกันเพคะ หม่อมฉันมาเค้นเอาความจากพระองค์ที่ใดกัน หม่อมฉันเพียงตื่นเช้ามาแล้วไม่เห็นพระองค์ ก็เลยคิดถึงพระองค์ จึงได้แวะมาหาแต่เช้า ทั้งหมดนี้ก็เพราะอยากเห็นหน้าท่านอ๋องไม่ใช่หรอกหรือ ตอนนี้หม่อมฉันได้เห็นหน้าพระองค์แล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”
เยว่เฟิงเกอพูดแล้วหมุนกายทำท่าจะจากไปทันที
“ในเมื่อพระชายาคิดถึงเปิ่นหวางถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดจึงต้องรีบร้อนจากไปด้วยเล่า ไม่ใช่ว่าควรอยู่กับเปิ่นหวางอีกสักหน่อย ดูหน้าเปิ่นหวางให้นานกว่านี้อีกหน่อยหรือ? ” ม่อหลิงหานกลั้นหัวเราะ หยอกล้อเยว่เฟิงเกอต่อไป
เยว่เฟิงเกอก้มหน้ากลอกตา
นางคิดถึงม่อหลิงหาน? นี่มันเื่น่าขำที่สุดในโลกแล้ว
ตอนนี้นางรู้เื่ที่ม่อหลิงหานจุมพิตนางเมื่อคืนแล้ว เช่นนั้นจะยังรั้งอยู่ที่นี่ทำอันใดอีก อยู่ให้เขาทำให้นางโกรธยิ่งกว่าเดิมหรือ
“ท่านอ๋อง ถึงเวลารับสำรับเช้าแล้วกระมังเพคะ หม่อมฉันเองก็หิวจนใจสั่น ถ้าอย่างไรขอตัวไปรับอาหารก่อน ท่านอ๋องค่อยๆ เดินนะเพคะ” เยว่เฟิงเกอพูดพลางหัวเราะเก้อเขินแล้วรีบไปจากเรือนหานโยว
ขณะนั้นม่อหลิงหานเห็นเยว่เฟิงเกอมีท่าทีเร่งรีบราวกับโดนสุนัขวิ่งไล่ ก็ทนต่อไปไม่ไหว หัวเราะออกมา
เฉียวเฟยกับถานอี้ที่แอบซ่อนอยู่เห็นท่าทีของท่านอ๋องและพระชายาในเช้านี้ บนใบหน้าของพวกเขาต่างก็เผยรอยยิ้มออกมาให้ได้เห็น
นี่เป็ครั้งแรกในรอบหลายปีที่พวกเขาได้เห็นท่านอ๋องหัวเราะอย่างไม่ปิดบัง
ดูท่าท่านอ๋องจะตกหลุมรักพระชายาจริงๆ ไม่ผิดแน่
เมื่อเยว่เฟิงเกอมาถึงห้องอาหารก็เห็นฉินหว่านนั่งตัวตรงกินโจ๊กอยู่
นึกถึงเื่ที่จิ๋วปิ่งถูกโยนลงสระบัว เยว่เฟิงเกอก็ไม่คิดอยากให้ฉินหว่านได้กินอย่างสบายอารมณ์อีกต่อไป นางก้าวฉับๆ เข้าไปแล้วกดหน้าของฉินหว่านลงไปในถ้วยโจ๊กตรงหน้าต่อหน้าต่อตาเฉี่ยวอวี้ที่กำลังตกตะลึงอยู่
ในถ้วยนั้นเป็โจ๊กเปล่าที่ยังร้อนอยู่
แน่นอนว่าเมื่อถูกกดลงไปเช่นนี้ หน้าของฉินหว่านย่อมต้องโดนโจ๊กร้อนๆ ลวกเข้าให้
“อ๊าย”
ฉินหว่านรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้า นางเจ็บจนร้องออกมาเสียงดังพลางดิ้นรนสุดกำลังด้วยหวังจะให้หลุดจากการควบคุมของเยว่เฟิงเกอ เพียงแต่เรี่ยวแรงของนางกลับไม่อาจสู้แรงของอีกฝ่ายได้
เดิมเฉี่ยวอวี้คิดจะเข้ามาช่วยหยุดเยว่เฟิงเกอ แต่กลับถูกสายตาแหลมคมราวใบมีดหยุดยั้งไว้
เยว่เฟิงเกอกดใบหน้าฉินหว่านลงไปในถ้วยโจ๊กร้อนอีกครั้ง จากนั้นถึงได้ยอมปล่อยฉินหว่าน
ฉินหว่านยืนขึ้นส่งเสียงร้องออกมา ซึ่งเสียงร้องของนางนี้เป็การเรียกให้บรรดาสาวใช้ทั้งหลายแตกตื่นเข้ามา
ทุกคนต่างได้เห็นว่าบนใบหน้าของฉินหว่านมีโจ๊กขาวติดอยู่ ส่วนเฉี่ยวอวี้ที่อยู่อีกด้านกำลังนำผ้าเช็ดหน้ามาช่วยเช็ดให้
“เกิดอะไรขึ้น? ” เสียงเ็าดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเงาร่างของม่อหลิงหานที่ค่อยๆ ย่างกรายเข้ามา
ฉินหว่านเห็นว่าม่อหลิงหานมาแล้วก็รีบร้อนพุ่งเข้าไปฟ้องเขา “เป็เยว่เฟิงเกอเพคะ นางมาถึงก็คิดจะทำร้ายหม่อมฉันให้ตาย เมื่อครู่นางกดหน้าหม่อมฉันลงกับถ้วยโจ๊ก เกรงว่าใบหน้าของหม่อมฉันคงจะถูกทำลายสิ้นแล้ว”
ฉินหว่านพูดจบก็กุมใบหน้าของตนไว้ ร้องไห้โฮออกมา ทว่า เสียงร้องอันน่าอนาถของนางกลับทำให้ม่อหลิงหานยิ่งได้ฟังก็ยิ่งขมวดคิ้วมุ่น
เขามองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาล้ำลึก จากนั้นเดินไปนั่งลงบนตำแหน่งของตน
เช่นเดียวกับเมื่อก่อนที่ม่อหลิงหานไม่เคยช่วยพูดแทนฉินหว่าน
แม้ฉินหว่านจะทึกทักไปว่านางถูกทำร้ายสาหัสเพียงนี้ จะอย่างไรท่านอ๋องก็ต้องช่วยพูดให้นางบ้างสักเล็กน้อย
แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็ความเงียบงันของเขา
เยว่เฟิงเกอเดินก้าวยาวๆ ไปตรงหน้าฉินหว่าน กล่าวด้วยความโมโห “ฉินหว่าน เ้ากล้ารังแกกระทั่งสัตว์เลี้ยงของเปิ่นกง ทำให้เขาเกือบจมน้ำตาย เมื่อครู่เปิ่นกงก็แค่สั่งสอนเ้าเล็กน้อย หวังว่าเ้าจะไม่ความจำสั้น เอาแต่มาหาเื่เปิ่นกง”
เมื่อฉินหว่านได้ยินเยว่เฟิงเกอพูดถึงสัตว์เลี้ยง ในสมองนางก็นึกไปถึงแมวสีขาวสลับดำตัวเมื่อเช้าทันที
ฉินหว่านที่ไม่ชอบสัตว์ตัวเล็กๆ มาแต่ไหนแต่ไร เห็นแมวน้อยยืนกินน้ำอยู่ริมสระบัว นางก็เกิดความขยะแขยงจึงโยนมันลงไปในสระบัว
เพียงแต่นางคิดไม่ถึงว่าแมวน้อยตัวนั้นจะเป็สัตว์เลี้ยงของเยว่เฟิงเกอ
เมื่อม่อหลิงหานได้ยินเยว่เฟิงเกอพูดถึงสัตว์เลี้ยงอีกครั้งก็อดเงยหน้ามองนางไม่ได้
ที่แท้เมื่อคืนนางไม่ได้โกหก นางกำลังพูดกับแมวตัวหนึ่งอยู่จริงๆ
ทว่า แมวตัวนั้นมาจากไหนกัน พวกเขาเข้าวังไปรอบหนึ่ง กลับไม่เห็นว่าคนจะพาแมวกลับมาด้วย
ในเวลานี้เสียงร่ำไห้ของฉินหว่านยังทำให้ม่อหลิงหานยิ่งรู้สึกรำคาญใจ
“พอแล้ว อย่าเอาแต่ฟูมฟายต่อหน้าเปิ่นหวาง ในเมื่อใบหน้าเ้าได้รับาเ็ ก็ไปให้หมอประจำจวนช่วยรักษา” ม่อหลิงหานกล่าวเสียงเ็า ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อไป
ฉินหว่านถลึงตามองเยว่เฟิงเกออย่างดุร้ายแล้วจึงกุมหน้าตน รีบร้อนวิ่งจากไป
ทางด้านเยว่เฟิงเกอ ยามนี้นางหายแค้นแล้วจึงคิดจะนั่งลงกินข้าว แต่กลับเหลือบเห็นม่อหลิงหานตบพื้นที่ว่างข้างๆ ตัว ท่าทางแสดงออกชัดว่า้าให้เยว่เฟิงเกอนั่งลงข้างกายเขา
เยว่เฟิงเกอเดินไปนั่งลงข้างกายเขาด้วยความยินดี เช่นนี้นางจะได้มีโอกาสเอาอกเอาใจม่อหลิงหาน เพื่อให้ภารกิจนั้นสำเร็จเสร็จสิ้นได้เสียที
ครั้งนี้ระหว่างที่เยว่เฟิงเกอกำลังกินโจ๊ก นางไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาอีก เหตุที่ครั้งก่อนนางกินแล้วมีเสียงล้วนเป็เพราะตั้งใจทำ ตอนนั้นนางอยากแกล้งให้ม่อหลิงหานโกรธ
แต่ตอนนี้ทุกอย่างต่างออกไป นาง้าเอาอกเอาใจม่อหลิงหาน จะปล่อยให้เขาโกรธไม่ได้อีก