หลังจากตระกูลเหยียนเปิดยุ้งฉางช่วยคนทุกสิ้นปี ทั้งจวนต่างก็ยุ่งอยู่กับการเปลี่ยนใหม่เข้ามาแทนที่ของเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่ ทุกปีก่อนหน้านี้เป็มารดาที่คอยจัดการ ปีนี้เหยียนชิงคิดจะจัดงานกับเว่ยซูหาน แม้ว่าจะเหนื่อย แต่น่าสนุกไม่น้อย แม้แต่อาหารก็ยังจัดกับเว่ยซูหาน
ทำความคุ้นเคยกับมันให้ชิน ลงมือทำด้วยตัวเอง ถึงจะค้นพบเหตุผลที่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อ
เดิมทีเหยียนลั่วบอกว่าจะกลับบ้านมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน แต่ก่อนจะถึงวันตรุษจีนกลับบอกว่าเจอเื่ที่ไม่อาจปลีกตัวออกมาได้ เหยียนชิงไม่ได้บังคับเขา เพียงแต่กำชับเขาว่าให้ระวังตัวดีๆ ส่วนฮูหยินเหยียนคงจะเคยชินกับนิสัยสำมะเลเทเมาของเหยียนลั่วแล้ว จึงบ่นเขาเพียงไม่กี่ประโยคก็หยุดไป
อาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าคือวันรวมญาติ ครอบครัวของฮูหยินถังยังไม่มีใครมาสักคน เพราะปีนี้มีเว่ยซูหานคอยช่วยจัดการเื่นี้ เื่ในจวนก็ถูกจัดเตรียมมาล่วงหน้าแล้ว ฮูหยินเหยียนอนุญาตให้เหล่าบ่าวไพร่กลับบ้านของตัวเองไปฉลองปีใหม่กับครอบครัว ส่วนคนที่ไม่กลับไปหาครอบครัวก็อยู่กินข้าวส่งท้ายปีเก่าด้วยกันที่เรือน
กระดาษคำกลอนฤดูใบไม้ร่วงแปะไว้บนหน้าต่าง โคมไฟสีแดงแขวนที่หน้าประตู คนกลุ่มหนึ่งล้อมวงกันกินข้าวรอบโต๊ะขนาดใหญ่ในห้องโถง เป็บรรยากาศที่ครึกครื้นยิ่งนัก กินข้าวเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากเรือนไปเดินชมดอกไม้ไฟ แม้แต่เหล่าสาวใช้ก็ยังแต่งตัวงดงามออกจากเรือนด้วย
“ซูหาน เ้ากับชิงเอ๋อร์ก็ออกไปด้วยกันสิ กว่าจะได้ชมดอกไม้ไฟและโคมไฟดอกไม้ไม่ง่ายเลย ไม่ต้องอยู่เป็เพื่อนข้าแล้วล่ะ”
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย พวกบ่าวไพร่ได้รับอนุญาตให้ออกไปเล่นนอกจวน พวกเขาไปกับเหยียนหานเด็กสาวที่ร่าเริงตลอดทาง คนหนุ่มสาวออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงคนแก่ที่ไม่ชอบงานรื่นเริงกับฮูหยินเหยียนอยู่ในจวน
“อากาศหนาวเกินไป ข้าอยากอยู่ผิงไฟเป็เพื่อนท่านแม่”
เหยียนชิงรู้สึกเขินอายเมื่อมารดากล่าวต่อหน้ากลุ่มคน ขณะที่กล่าวก็ก้มหน้าดื่มชาเพื่อปกปิด ท่านลุงฝูและป้าจิ่วยังมีเฉินเซียง พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็คนแก่ที่อยู่ในจวน แม้ว่าจะมีฐานะเป็บ่าวรับใช้ แต่บ่อยครั้งที่เหยียนชิงปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนผู้าุโ ขอบคุณพวกเขาที่อยู่ในจวนตระกูลเหยียนมาตลอด และอยู่เป็เพื่อนมารดามาเสมอ
เมื่อเทียบกับความเขินอายของเหยียนชิง เผชิญหน้ากับรอยยิ้มที่คลุมเครือของผู้อื่น เว่ยซูหานดูสงบอย่างผิดปกติ โอบไหล่เหยียนชิงพลางกล่าวว่า
“อือ หนาวเกินไป คืนนี้พวกเราจะอยู่กันทั้งคืนเพื่อต้อนรับปีใหม่ที่เรือนก็แล้วกัน แล้วก็จะกินเกี๊ยวด้วยกัน ส่วนพวกดอกไม้ไฟ ข้าจะให้คนเตรียมการไว้ พวกเราจุดในเรือนก็พอแล้ว ท่านแม่มาดูด้วยกันนะขอรับ”
“ฮูหยินน้อยช่างใส่ใจจริงๆ รู้ว่าคุณชายชอบดูดอกไม้ไฟแต่ี้เีออกจากเรือน ทำเช่นนี้พวกเราก็จะได้ชมดอกไม้ไฟด้วยกัน”
ลุงฝูหัวเราะเฮฮา เมื่อถึงเวลาส่งท้ายปีเก่าในปีที่ผ่านมาทุกคนต่างก็งานยุ่ง ไม่มีใครว่างพอมาจัดการเื่เหล่านี้
คุณชายรองไม่สนใจ คุณชายใหญ่ ่ใกล้สิ้นปีก็มักจะยุ่งในระหว่างวัน ตอนเย็นก็มักจะออกไปกินข้าวสํามะเลเทเมาอยู่นอกเรือน ฮูหยินเป็คนจัดการเื่ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก ปีนี้เป็คุณชายรองและฮูหยินน้อยคอยจัดการ ต่อให้มีงานเลี้ยงตอนค่ำ คุณชายก็ปฏิเสธไปอย่างไม่ลังเล ใช้เวลาในการเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับปีใหม่ที่จวนของตัวเอง กว่าจะมีงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าที่สบายๆ เช่นนี้นั้นหาได้ยากยิ่งนัก
“จริงอย่างที่ว่า”
ฮูหยินเหยียนเองก็เอ่ยคล้อยตามด้วยรอยยิ้ม
“เพราะปีนี้มีเว่ยซูหาน พวกเราถึงได้สบายเช่นนี้ ไม่อย่างนั้น คงเหนื่อยล้าเพราะเตรียมงานเหมือนทุกปี แม้แต่กินข้าวก็ยังไม่ครึกครื้นเหมือนปีนี้”
เหยียนชิงได้เห็นทุกคนมีใบหน้าเบิกเบิกบาน จิตใจของเขาก็สงบ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาเหลือบมองทุกคนแล้วพูดว่า
“ท่านแม่ ทุกปีต่อจากนี้ไป พวกเราจะครึกครื้นเช่นนี้”
เมื่อก่อนไม่เข้าใจ ชาติที่แล้วก็ไม่เข้าใจ ตอนนี้เขาจะต้องชดเชยให้ดีที่สุด
มือที่โอบไหล่เหยียนชิงของเว่ยซูหาน โลกนี้ยากจะคาดเดา เขาไม่อาจพูดอะไรได้มาก แต่ถ้าเขาทำได้เขาก็จะพยายามอยู่เป็เพื่อนเหยียนชิงให้มากที่สุด
ทุกคนนั่งล้อมวงพูดคุยกัน ฮูหยินเหยียนเอ่ยถึงเื่ที่อิ้งหลีจะออกจากจวนเดินทางไปเมืองหลวงในปีหน้า นางจึงใช้โอกาสดีๆ แบบนี้ ลบสถานะทาสของอิ้งหลีทิ้งไป แล้วเผาสัญญาทาสของเขา ทำสัญญารับเขาเป็บุตรชายบุญธรรม ในอนาคตทุกคนต้องปฏิบัติกับเขาเหมือนคุณชายของตระกูลเหยียนคนหนึ่ง ทุกคนต่างก็ดีใจมาก ฐานะของอิ้งหลีไม่ใช่บ่าวรับใช้ ทุกคนก็รู้สึกว่าเขาคู่ควรจะได้รับแล้ว
“ขอบคุณฮูหยิน...””
อิ้งหลีคุกเข่าลงแล้วขอบคุณด้วยเสียงสะอื้น ฮูหยินเคยบอกเขาว่า้าลบสถานะบ่าวรับใช้ของเขา แต่ตนไม่ยอมเอง ตอนนี้เพื่อให้เขาเข้าเมืองหลวงด้วยฐานะที่ดีจึงช่วยเขาเช่นนี้ ทำให้เขาซาบซึ้งใจยิ่งนัก
ฮูหยินเหยียนพยุงเขาขึ้นมาแล้วมอบจี้หยกทรงกลมที่เตรียมไว้ล่วงหน้าพร้อมสลักชื่อของเขาเอาไว้ใส่มือของเขาพร้อมกล่าว
“อิ้งหลี เ้าเองก็เรียนหนังสือเป็เพื่อนชิงเอ๋อร์มาั้แ่เด็ก ไม่ว่าจะบุ๋นหรือบู๊เ้าก็ชำนาญ เ้าดูแลชิงเอ๋อร์มาเต็มที่ ก่อนที่นายท่านเหยียนจะตาย เขาฝากฝังให้ข้าหาโอกาสลบสถานะบ่าวรับใช้ของเ้า และอย่าให้พร์ของเ้าถูกหลงลืม ตอนนี้เป็เวลาที่เหมาะสมแล้ว ต่อไปนี้ไม่ว่าเ้าจะเลือกทางไหน ตระกูลเหยียนก็จะเป็ปลายทางสุดท้ายของเ้าเสมอ หยกนี้ นายท่านเตรียมไว้ให้”
อิ้งหลีดวงตาแดงก่ำ ประคองจี้หยกไว้ในมือ “ขอบคุณฮู... ขอบคุณท่านแม่เลี้ยง... ท่านพ่อเลี้ยง”
ตอนเด็กๆ เขาจำบุรุษรูปงามที่ดูภูมิฐานคนนั้นได้ เขาผู้นั้นอุ้มตนนั่งบนตักแล้วมองเหยียนชิงที่หลับอยู่ จากนั้นก็กำชับเขาว่า
อิ้งหลี เ้าต้องเติบโตไปพร้อมกับชิงเอ๋อร์คุณชายน้อยคนนี้ และเป็เด็กดี อิ้งหลีเวลาที่สมควรจากไปค่อยไป
เขาไม่เข้าใจคำพูดของนายท่านเหยียน แต่ก็จำมาตลอด
ฮูหยินเหยียนยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่หางตาแล้วกล่าวว่า
“จะขอบคุณทำไม เด็กที่นายท่านพาเข้าจวน เขาก็รักอย่างสุดซึ้ง”
หลังจากกล่าวเสร็จ ก็เอาสัญญาทาสออกมาจากกล่องที่ป้าจิ่วถืออยู่ออกมา มองดูเฉินเซียงและหลินชวน
“แล้วก็พวกเ้าที่นั่งอยู่ที่นี่ เฉินเซียง หลินชวน ไป๋เส่า หงเย่า ชื่อของพวกเ้าล้วนแต่เป็นายท่านที่ตั้งให้เหมือนอิ้งหลี พวกเ้าเองก็โตมากับชิงเอ๋อร์ ตอนนี้ชิงเอ๋อร์มีครอบครัวมีกิจการแล้ว ข้าเองก็ซาบซึ้งใจต่อพวกเ้ามาก วันนี้ขอยืมใช้โอกาสวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เผาสัญญาทาสของพวกเ้า ต่อไปใครอยากจะออกจากตระกูลเหยียนใช้ชีวิตใหม่ก็ได้ตลอดเวลา คนที่ไปจะได้รับทองคำหนึ่งร้อยตำลึง ร้านค้าหนึ่งแห่ง”
สามีของนางบอกนางมากกว่าหนึ่งครั้งว่าให้เมตตาเด็กๆ เหล่านี้
พรึ่บๆๆ...
หลังจากที่ฮูหยินเหยียนกล่าวจบ คนที่มีชื่อเ่าั้ต่างก็คุกเข่าลงพร้อมกัน และเอ่ยออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายว่า
“ขอบคุณฮูหยิน แต่พวกเราจะไม่ไปไหนจากตระกูลเหยียน พวกเรายอมรับใช้อยู่ข้างกายคุณชายไปตลอดชีวิต”
หงเย่า สาวน้อยคงนี้ดวงตาแดงก่ำ แก้มป่องพยายามจะไม่ร้องไห้ออกมา ั้แ่เข้ามาในตระกูลเหยียนก็อยู่กับคุณชายมาตลอด คุณชายปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างอ่อนโยน สำหรับพวกเขาก็เหมือนครอบครัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนางจะไม่ออกจากตระกูลเหยียนเด็ดขาด
ฮูหยินเหยียนโยนสัญญาลงในเตาถ่านทีละใบแล้วพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
จะไปหรือไม่ไปก็เป็สิทธิของพวกเ้า ข้าก็แค่บอกพวกเ้าไว้ ตอนนี้พวกเ้าเป็อิสระแล้ว หากวันหน้ายังอยู่ดูแลคุณชายและฮูหยินน้อยต่อ ก็นับว่าเป็ผู้มีพระคุณของตระกูลเหยียน ต้องได้รับของขวัญจากตระกูลเหยียน เทียบเท่ากับคุณหนูคุณชายในจวนนี้ ต่อไปหากได้แต่งงาน ตระกูลเหยียนก็จะเป็บ้านแม่ของพวกเ้า สินสอดทองหมั้นตระกูลเหยียนก็จะรับผิดชอบ”
เด็กเหล่านี้ล้วนแต่เป็เด็กกำพร้า นายท่านเก็บกลับมาที่จวนเลี้ยงดูให้โตมาพร้อมกับเหยียนชิง หลายปีมานี้พวกเขาจงรักภักดีมาตลอด และสมควรจะได้รับการดูแลเช่นนี้
เหยียนชิงลุกขึ้นมาประคองพวกเขาขึ้นทีละคน
“พวกเ้าไป ตระกูลเหยียนก็ไม่โทษพวกเ้า พวกเ้าอยู่ วันหน้าก็เติบโตไปพร้อมกับข้า ข้าจะยังเรียกใช้พวกเ้าเหมือนเดิม”
ทุกคนกล่าวพร้อมกัน “ขอบคุณคุณชาย”
ฮูหยินเหยียนโบกมือ
“เอาล่ะ นั่งลงเถอะ อิ้งหลี เมื่อกี้เ้าเรียกข้าว่าอะไร?”
อิ้งหลียกมือคำนับด้วยใบหน้าแดงเรื่อ “ฮู... ท่านแม่เลี้ยงขอรับ”
ฮูหยินเหยียนขมวดคิ้ว “เรียกท่านแม่ได้หรือไม่ แบบนี้รื่นหูกว่า”
อิ้งหลีเหลือบมองนาง แล้วมองไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มของทุกคน ก่อนจะพยักหน้ากล่าวด้วยความเคารพ “ขอบคุณท่านแม่ขอรับ”
อยู่ๆ เหยียนชิงก็เอ่ยขึ้นมาหยอกล้อ “เฮ้ งั้นก็ข้ามีน้องชายเพิ่มแล้วสิ”
เหยียนชิงหัวเราะเบิกบาน จึงถูกฮูหยินเหยียนตำหนิ “เป็พี่ชายต่างหาก เด็กโง่ ต่อไปชิงเอ๋อร์ เ้าจะเป็คุณชายสามแล้ว”
เมื่อก่อนนางก็เคยเอ่ยกับนายท่านเหยียนขอรับอิ้งหลีเป็ลูกบุญธรรม แต่นายท่านเหยียนกลับกลัวว่าเขาจะโชคร้ายเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งของตระกูลจึงปฏิเสธคำขอของนางไป
ต่อไปค่อยคิดเื่นี้ ถ้ารับอิ้งหลีเป็ลูกบุญธรรม กลัวว่าเด็กคนนี้จะถูกกีดกันหรือกระทั่งถูกใส่ร้าย เหตุผลที่ตระกูลเหยียนสงบสุข ก็เพราะว่าคนน้อย เหยียนลั่วเป็คุณชายคนโต เหยียนชิงเป็คุณชายสายตรง มีเพียงชายาแต่ไร้อนุ คนที่มีเจตนาร้ายก็ไม่กล้าล่วงเกิน ถ้ามีลูกชายเพิ่มขึ้นหนึ่งคนนั่นย่อมแตกต่างแล้ว
นายท่านเหยียนให้ความสำคัญกับอิ้งหลีมาก ดังนั้นเขาจึงให้อิ้งหลีเรียนหนังสือพร้อมกับเหยียนชิง และให้เด็กๆ ในเรือนของเหยียนอ่านหนังสือออก เห็นได้ชัดว่านายท่านของนางมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง สามีที่นางรักในชาตินี้ ถือว่าเป็คนฉลาดที่สุด
“ท่านแม่...”
เหยียนชิงมองมารดาด้วยความคับข้องใจ แต่คิดไม่ถึงว่าท่านแม่ของตนจะยิ้มอย่างเบิกบาน คนอื่นๆ ก็ยังอยู่ด้วย ท่านแม่กล้าตำหนิเขาได้อย่างไร เอาเถอะ ต่อไปเขาก็มีพี่ชายเพิ่มอีกคนก็แล้วกัน
“บ่าวคารวะคุณชายรอง”
อยู่ๆ ไป๋เส่าที่ความคิดเฉียบไวก็ก้าวขึ้นมาคารวะอิ้งหลี คนอื่นๆ ก็ก้าวเท้าขึ้นมาคารวะเขาเช่นเดียวกัน แม้แต่ป้าจิ่วลุงฝูเองก็เข้าร่วมด้วย ทำให้อิ้งหลีทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ หลังจากประคองพวกเขาลุกขึ้นมาทีละคนก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“พวกเ้าทำตัวปกติสิ”
เหยียนชิงเองก็ก้าวขึ้นมา “คารวะพี่รอง”
อิ้งหลี “...”
ทุกคน “ฮ่าๆๆ...”
เหยียนชิงซาบซึ้งและมีความสุขกับการกระทำของมารดามาก และรู้สึกพอใจไม่น้อย ชาติที่แล้วคนเหล่านี้จนกระทั่งตายก็ยังจงรักภักดีต่อเขา ขณะที่เขาอยากจะชดเชยให้กับคนเหล่านี้ ตอนนี้มารดาของเขาก็ช่วยทำแทนเขาแล้ว ช่างดีเหลือเกิน
เว่ยซูหานจับมือเหยียนชิงอย่างอ่อนโยน มองไปที่ขี้เถ้าสัญญาทาสในเตาถ่านและถอนหายใจ ไม่แปลกใจที่ตระกูลเหยียนจะได้ใจคนไปไม่น้อย ฮูหยินเหยียนควรค่าแก่การเป็ผู้นำรุ่นแรกของตระกูล การทำเช่นนี้ถือเป็เื่ที่ไร้ที่ติ
สัญญาทาส มันเป็กุญแจมือควบคุมคนที่ได้เปรียบที่สุด ฮูหยินเหยียนเป็เหมือนที่พึ่งพาของอิ้งหลีเฉินเซียงและคนอื่นๆ แต่ตอนนี้ เมื่อรู้ว่าฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับอิ้งหลี จึงรีบกำจัดฐานะทาสของพวกเขาทันที นอกจากความอดทนแล้ว ยังมีความมุ่งมั่น นี่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้
แน่นอนว่านายท่านเหยียนคือคนที่วางแผนการนี้ น่าเสียดายที่ชาติที่แล้ว ทุกอย่างมันผิดพลาดเพราะเขาแต่งงานกับเหยียนิฮ่วน ทุกอย่างเลยไปผิดทาง
