เยว่เฟิงเกอควบคุมตัวละครในเกมให้ค่อยๆ ร่อนลงบนพื้น หลังจากเอาชนะบอสได้สำเร็จก็รุดเข้าไปช่วยองค์หญิงทันที
นางลากมือองค์หญิงแล้วพาวิ่งออกไปนอกหอคอยิญญา
เมื่อองค์หญิงคนนั้นถูกเยว่เฟิงเกอจูงมือออกมา ก็ส่งยิ้มน้อยๆ ให้แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณเ้ามาก ราชทูตของข้า เ้าช่วยข้าออกมาจากหอคอยิญญาได้ เพื่อเป็การตอบแทนน้ำใจเ้า ข้ายินดีขับกล่อมบทเพลงเพื่อเพิ่มพูนพละกำลังให้เ้า”
ทันทีที่องค์หญิงกล่าวจบก็นั่งลงบนพื้นแล้วเริ่มขับขานบทเพลงอันไพเราะเสนาะหู
เสียงดนตรีนั้นส่งผลให้ตัวละครในเกมของเยว่เฟิงเกอได้รับการฟื้นฟูและเพิ่มพูนกำลัง อีกทั้ง เกราะของนางยังมีแสงสีน้ำเงินเรืองรองอยู่รอบๆ
กระทั่งองค์หญิงร้องเพลงจบแล้ว ร่างของนางถึงได้แวบหายไปจากตรงนั้นทันที
เยว่เฟิงเกอรู้ทันทีว่าภารกิจดันเจี้ยนหอคอยิญญาในเกมได้เริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว ส่วนองค์หญิงที่เพิ่งได้รับการช่วยเหลือออกมาเมื่อครู่ ตอนนี้ก็ได้กลับไปอยู่บนหอคอยชั้นสิบแปดอีกครั้ง
ในตอนนี้เกราะของเยว่เฟิงเกอได้รับพลังเพิ่มขึ้น ทำให้หนาขึ้นอีกหนึ่งชั้น เพียงเท่านี้นางก็กดออกจากเกมได้อย่างพออกพอใจแล้ว
ทว่า ใจของเยว่เฟิงเกอยังคงคำนึงถึงพี่ชายทั้งสองอยู่ จึงโทรหาพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง
แต่ผลลัพธ์กลับยังคงเหมือนเดิม พวกเขาทั้งสองยังคงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เยว่เฟิงเกอถอนใจ ก่อนจะมองดูเวลา ตอนนี้เป็เวลาเที่ยงคืนแล้วสมควรนอนได้แล้ว นางจึงเก็บโทรศัพท์ไว้ใต้หมอน หลับตาลงเพียงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
สองวันต่อมา
เยว่เฟิงเกออุ้มจิ๋วปิ่ง เดินนำชิงจื่อและฉิงเอ๋อร์ออกจากจวนอ๋อง
ยามนี้ม่อหลิงหาน ถานอี้ และเฉียวเฟยได้รออยู่นอกจวนแล้ว
ม่อหลิงหานถลึงตามองจิ๋วปิ่งในอ้อมแขนของเยว่เฟิงเกอไปทีหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรก็จับมือนางไว้แล้วพาขึ้นนั่งบนรถม้า
ส่วนชิงจื่อและฉิงเอ๋อร์นั้นถูกจัดไว้ให้นั่งในรถม้าอีกคันหนึ่ง
เฉียวเฟยเป็คนขับรถม้าคันที่ม่อหลิงหานและเยว่เฟิงเกอนั่ง ส่วนถานอี้นั้นขับรถม้าคันที่ชิงจื่อและฉิงเอ๋อร์นั่ง
เดิมทีเยว่เฟิงเกออยากจะนำของไปมากกว่านี้ เพียงแต่นางกังวลว่าหากนำของไปมากเกินอาจจะทำให้เดินทางได้ไม่ค่อยสะดวกนัก จึงนำอาภรณ์ไปแค่สองสามชุดเท่านั้น ซึ่งมีทั้งอาภรณ์ของบุรุษและสตรี นอกจากนี้ยังมีหน้ากากหนังมนุษย์ที่นางตั้งอกตั้งใจทำขึ้นใหม่เมื่อสองวันก่อนด้วย
ขณะที่เยว่เฟิงเกอนั่งอยู่ในรถม้า ใจของนางกลับโบยบินไปถึงแคว้นเฟิงหลันนานแล้ว
นางอยากรู้มากว่าแคว้นเฟิงหลันเป็อย่างไร จะงดงามกว่าเป่ยชวนหรือไม่?
ก่อนหน้านี้ได้ยินม่อหลิงหานบอกว่า ที่แคว้นเฟิงหลันแห่งนั้น นอกจากที่ราบสูงแล้วก็มีแต่แอ่งกระทะ ไม่มีทิวทัศน์งดงามอะไรให้ดูให้ชมนัก
กระนั้นนางก็ยังคาดหวังอยู่ดีด้วยคิดว่าเป็เพราะม่อหลิงหานเห็นทิวทัศน์ ณ ที่แห่งนั้นจนชินตาไปแล้ว ถึงได้บอกว่าไม่น่าสนใจอะไร
แต่นางเพิ่งจะได้ไปแคว้นเฟิงหลันเป็ครั้งแรก ต่อให้ที่นั่นจะไม่มีทิวทัศน์อะไรให้ดูให้ชมเป็พิเศษ ก็คงไม่ได้ถึงขั้นรกร้างตามที่ม่อหลิงหานบอกเป็แน่
รถม้าค่อยๆ เคลื่อนไปทางประตูเมือง ตอนที่พวกเขากำลังจะออกไปนอกเมืองหลวง กลับเห็นรถม้าคันหนึ่งแล่นเข้ามา
รถม้าคันนั้นเหมือนตั้งใจจะขวางพวกเขาไว้ ตอนที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ขบวนของจวนจั้นอ๋อง จู่ๆ ก็ดึงสายบังเหียนให้รถม้าหยุดเป็แนวขวางอยู่ตรงหน้า
เฉียวเฟยรีบกระตุกสายบังเหียนอย่างกะทันหัน เขาขมวดคิ้วมองรถม้าตรงหน้า ไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง
“ใครกล้าขวางรถม้าของจวนจั้นอ๋อง? ” เฉียวเฟยะโใส่รถม้าตรงหน้า
เมื่อสารถีของรถม้าคันนั้นได้ยินว่ารถม้าคันที่ตนขวางอยู่นี้เป็ของจวนจั้นอ๋อง ก็ใจนหนังศีรษะชา ตอนที่คิดจะอธิบายอะไร กลับถูกเสียงที่ดังมาจากในรถม้าหยุดไว้
ซ่างกวานม่อิมุดออกมาจากรถม้า ะโใส่รถม้าคันที่เยว่เฟิงเกอนั่งอยู่ “เยว่เฟิงเกอ ข้าจะติดตามพวกเ้าไปแคว้นเฟิงหลันด้วย”
เมื่อเยว่เฟิงเกอได้ยินเสียงของซ่างกวานม่อิ นางก็รีบเลิกม่านรถม้าขึ้นด้วยความแปลกใจ
เดิมนึกว่าซ่างกวานม่อิกลับแคว้นเสวี่ยอวี้ไปแล้ว คิดไม่ถึงคนจะยังไม่ไป
เมื่อม่อหลิงหานได้ยินซ่างกวานม่อิบอกว่าจะติดตามเยว่เฟิงเกอไปที่แคว้นเฟิงหลันด้วย เขาก็ขมวดคิ้วแน่นทันที จากนั้นเลิกม่านขึ้นก็เห็นว่าอีกฝ่ายะโลงมาจากรถม้าแล้ว และกำลังเดินก้าวยาวๆ มาที่รถม้าของพวกเขา
เยว่เฟิงเกอเองก็เห็นว่าตอนนี้ซ่างกวานม่อิกำลังสบตากับนางอย่างตรงไปตรงมา นางคิดในใจว่า ซ่างกวานม่อิคนนี้ช่างน่ารำคาญยิ่ง เหตุใดเขาถึงทำตัวราวกับเป็แผ่นแปะหนังสุนัข [1] ที่ไม่ว่าจะสลัดอย่างไรก็ไม่หลุด
“ซ่างกวานม่อิ เ้าไม่รู้สึกว่าตัวเองน่ารำคาญบ้างเลยหรือ? ยามนี้มู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วออกไปจากเมืองหิมะลุ่มหลงแล้ว เ้ายังมัวอยู่ที่นี่ทำอันใด? ” เยว่เฟิงเกอะโใส่ซ่างกวานม่อิด้วยความโมโห
เมื่อซ่างกวานม่อิได้ยินเยว่เฟิงเกอพูดว่ามู่เหยียนเฉินมู่เหยียนรั่วออกมาได้แล้ว เขาก็อึ้งไปเป็อันดับแรก เพียงไม่นานสีหน้าก็ปรากฏความยินดี
ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของเยว่เฟิงเกอแล้ว เพราะหากดูจากความสามารถของนาง การที่นางจะช่วยมู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วออกมาได้หาใช่เื่ยากเลยสักนิด
ซ่างกวานม่อิเกาหลังศีรษะเบาๆ พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “เยว่เฟิงเกอ ให้ข้าขึ้นไปรถม้าเ้าก่อนได้หรือไม่ แล้วจะค่อยๆ อธิบายให้เ้าฟัง”
เยว่เฟิงเกอไม่แม้แต่จะคิดก็ตอบกลับไป “ไม่ได้”
ซ่างกวานม่อิมองเยว่เฟิงเกอด้วยสีหน้าลำบากใจแล้วจึงเปลี่ยนไปมองม่อหลิงหานแทน
“จั้นอ๋อง ก่อนนี้ข้าคอยหาเื่เยว่เฟิงเกอก็เพราะความแค้นส่วนตัวบางอย่าง แต่ตอนนี้เราเข้าใจกันแล้ว ระหว่างพวกเราย่อมไม่นับเป็ศัตรูกันอีกต่อไป ดังนั้น ท่านจะให้ข้าขึ้นรถม้าไปแคว้นเฟิงหลันกับพวกท่านด้วยได้หรือไม่? ”
ซ่างกวานม่อิฝากความหวังทั้งหมดที่เหลืออยู่ไว้ที่ม่อหลิงหานด้วยคิดว่า จะอย่างไรม่อหลิงหานก็เป็ถึงจั้นอ๋อง คงไม่ใช่คนใจแคบอะไร
อีกอย่างเขาเองก็พูดอย่างชัดเจนแล้วว่า เมื่อก่อนเขาและเยว่เฟิงเกอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันเท่าไร แต่ตอนนี้ความเข้าใจผิดทั้งหลายได้รับการแก้ไขแล้ว จึงคิดว่าม่อหลิงหานน่าจะเข้าใจ
มิคาดม่อหลิงหานจะโหดร้ายกว่าเยว่เฟิงเกอ เพียงเปิดปากก็พูดออกมาแค่คำสั้นๆ ไม่กี่คำ “ไสหัวไป”
ซ่างกวานม่อิถูกท่าทีของคนทั้งสองทำให้ปวดใจยิ่งนัก
เขาแค่อยากหนีออกจากบ้านเพราะไม่อยากแต่งกับคุณหนูรองจวนราชครูคนนั้น
ตอนนี้เขามีบ้าน แต่กลับไปไม่ได้
และในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นแคว้นเป่ยชวนนี้ เขาก็รู้จักแค่เยว่เฟิงเกอและม่อเสวียนเช่อ ซึ่งม่อเสวียนเช่อเป็ถึงองค์ชายที่อยู่ในวังหลวง เขาจะเข้าวังไปหาอีกฝ่ายบ่อยๆ ก็ไม่ได้ จึงได้แต่ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เยว่เฟิงเกอ
หวังว่านางจะเห็นแก่ที่เขาเองก็เป็คนแคว้นเสวี่ยอวี้เหมือนกัน และก่อนหน้านี้ก็ยังเคยได้พบกันบ่อยๆ เหตุผลเหล่านี้ก็น่าจะเพียงพอให้นางรับเขาเอาไว้
แต่เยว่เฟิงเกอกลับเด็ดขาดยิ่ง สิ่งนี้ทำให้จิตใจของซ่างกวานม่อิชอกช้ำเล็กน้อย
ม่อหลิงหานเองก็ไม่สนใจซ่างกวานม่อิอีกต่อไป เขากล่าวกับเฉียวเฟยว่า “ออกเดินทางต่อ”
เฉียวเฟยน้อมรับคำสั่ง ตั้งใจขับรถม้าพุ่งเข้าใส่ซ่างกวานม่อิ
เมื่อเ้านายสะบัดแส้ เ้าม้าก็ทำได้แค่ปฏิบัติตาม มันพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงแค่เพราะตรงหน้ามีคนคนหนึ่งยืนอยู่
ซ่างกวานม่อิเห็นว่าม้ากำลังพุ่งมาหาตน ก็รีบะโถีบตัวหนีไปอยู่บนหลังคาของอาคารด้านข้าง
ส่วนรถม้าอีกคันที่พาเขามาส่งนั้นได้หนีหายไปนานแล้วั้แ่ได้ยินว่า นี่คือรถม้าของจวนจั้นอ๋อง
ซ่างกวานม่อิเห็นว่ารถม้าของเยว่เฟิงเกอกำลังเคลื่อนผ่านไป ส่วนตัวเขายังต้องอยู่อย่างเดียวดายที่แคว้นเป่ยชวนนี้
เขายังไม่ยอมแพ้ บอกคนทั้งสองว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะติดตามพวกเขาไปที่แคว้นเฟิงหลันให้ได้
เยว่เฟิงเกอหันไปถลึงตาใส่ซ่างกวานม่อิ ก่อนจะปล่อยม่านลงแล้วไม่สนใจเขาอีก
กระนั้นเยว่เฟิงเกอก็ยังรับรู้ได้ว่า เขาจะต้องไล่ตามพวกนางมาแน่ เดิมนางคิดจะให้เฉียวเฟยไล่ซ่างกวานม่อิไป แต่กลับถูกม่อหลิงหานยั้งไว้
“ไม่ต้องไปสนใจเขา ปล่อยให้เขาไปเถอะ” ครั้งนี้ม่อหลิงหานไม่กินน้ำส้มสายชู ช่างเป็เื่ที่น่าตกตะลึงเสียยิ่งกว่าฟ้าถล่มดินทลาย
อย่างไรก็ตาม เขามองออกว่าเยว่เฟิงเกอไม่ได้มีความรู้สึกใดต่อซ่างกวานม่อิ กลับกันนางดูเหมือนจะไม่ชอบซ่างกวานม่อิอย่างยิ่ง
ดังนั้น ต่อให้ซ่างกวานม่อิจะติดตามไปตลอดทางจนถึงแคว้นเฟิงหลัน ระหว่างเยว่เฟิงเกอและอีกฝ่ายก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อในใจคิดได้เช่นนี้ ม่อหลิงหานก็ไม่แม้แต่จะสนใจซ่างกวานม่อิอีก
ในเมื่อม่อหลิงหานยังหมดความสนใจในตัวซ่างกวานม่อิแล้ว เยว่เฟิงเกอเองก็เอาอย่าง ไม่คิดสนใจอีกฝ่ายอีก
ถึงแม้เ้านั่นจะน่ารำคาญอยู่บ้าง แต่ั้แ่ที่เขารู้ว่ามู่เหยียนเฉินปลอดภัยดี ก็ไม่เข้ามาหาเื่นางเช่นก่อนหน้านี้แล้ว
เยว่เฟิงเกอเองก็พอใจที่จะได้อยู่อย่างสงบ
ในเวลาเดียวกันนี้ ซ่างกวานม่อิเห็นว่าเขาขี่ม้าไล่ตามหลังรถม้าของพวกนางมาได้พักหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครออกมาขับไล่ เขาจึงยิ่งมีความกล้า ขี่ม้าขนาบไปด้านข้างรถม้า ติดตามไปกับขบวนของจวนจั้นอ๋องด้วย
รอจนทั้งคณะออกไปนอกเมืองอวิ๋นจิงแล้ว ซ่างกวานม่อิถึงได้ะโคุยกับเยว่เฟิงเกอที่อยู่ในรถม้า “เยว่เฟิงเกอ วันนี้เ้าต้องพาข้าไปแคว้นเฟิงหลันด้วย ตอนนี้ข้าเป็คนที่ไม่มีบ้านให้กลับแล้ว ในสถานที่ที่ไม่คุ้นตาเช่นนี้ ข้ารู้จักแค่เ้าคนเดียว จะอย่างไรข้าก็ต้องติดตามเ้าไป”
เยว่เฟิงเกอนั่งเอนกายอยู่ในรถม้า หลับตาลงไม่สนใจซ่างกวานม่อิ
ขณะเดียวกันพอม่อหลิงหานได้เห็นว่าเยว่เฟิงเกอไม่มีท่าทีว่าจะสนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย มุมปากเขาก็โค้งขึ้นน้อยๆ ในองศาที่น่ามอง
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] แผ่นแปะหนังสุนัข(狗皮膏药)หมายถึง แผ่นกอเอี๊ยะปลอมๆ ที่ทำขึ้นมาหลอกขายเอาเงินคน ติดหนึบแต่ไร้ประโยชน์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้