“นี่ สวี่เยว่ เธอเป็คนเหยียบไส้เดือนพวกนั้นตายเองไม่ใช่เหรอ ตอนนี้กลับออกหน้าทำมาเป็คนดี เหอะ ๆ !”
ป้าอวี๋ที่อยู่บ้านข้าง ๆ เดินออกมามองสวี่เยว่ด้วยสายตาเหยียดหยาม
แม้ป้าอวี๋จะบอกว่าเห็นกับตาตัวเอง สวี่เยว่ก็ยังดึงดันไม่ยอมรับ
เธอใช้มุกนี้ได้อย่างคล่องแคล่ว
“ป้าอวี๋ หนูรู้ว่าหลิงหลิงลูกสาวป้าก็เรียนพิเศษฟรีกับพี่หนู แต่ป้าจะมาใส่ร้ายหนูเพื่อเอาใจพี่ไม่ได้นะคะ” พูดจบ สวี่เยว่ก็ร้องไห้คร่ำครวญ
สวี่เยว่ถนัดที่จะแกล้งทำตัวสงสารและทำเป็เด็กไร้เดียงสา
ปกติแล้วในเวลาแบบนี้ ขอแค่เธอร้องไห้ทำหน้าเศร้านิดหน่อย ผู้คนก็จะเข้าข้างเธอที่พูดโกหกเต็มปากทันที
กู่ซิ่วช่วยลูกสาวสุดที่รักของตัวเอง “ฉันว่านะพี่อวี๋ พี่เป็ถึงผู้ใหญ่ ไม่ควรมาใส่ร้ายป้ายสีใส่ลูกสาวฉันปาว ๆ สิ ถ้าพี่เห็นเยว่เยว่เหยียบไส้เดือนพวกนั้นจริง แล้วทำไมตอนนั้นถึงไม่ห้ามล่ะ?”
ป้าอวี๋โกรธจนหน้าดำหน้าแดงเมื่อได้เห็นพฤติกรรมและท่าทางที่แสนจะไร้ยางอายของแม่ลูกคู่นี้ “ฉันไม่ได้ใส่ร้ายลูกสาวเธอสักหน่อย ฉันเห็นจริง ๆ แต่ไม่คิดว่าเยว่เยว่จะเหยียบไส้เดือนของฮุ่ยฮุ่ย เื่ชั่วช้าแบบนี้ใครจะไปทำกัน มีแค่เยว่เยว่ลูกสาวเธอนี่แหละที่กล้าทำ! ถ้าเมื่อกี้ฮุ่ยฮุ่ยไม่พูดว่าวางไส้เดือนไว้ตรงมุมนั้น ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านี้เยว่เยว่เหยียบอะไรอยู่!”
สวี่เยว่ทำหน้าใ เหมือนตนเองถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็ธรรม “หนูไม่ได้ทำนะ!”
แต่เพื่อนบ้านที่มามุงดูไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ เหมือนกับเธอพูดจาไร้สาระยังไงยังงั้น
มีคนพูดเชิงประชดประชันขึ้นมาว่า “ขนาดยืมมือคนอื่นฆ่าคนยังกล้าทำ มีเหรอที่เื่แค่นี้จะไม่กล้าทำ? ”
ไม่พอ ยังมีอีกคนพูดกระแหนะกระแหน “บางคนเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ทำเื่ชั่วอีกแล้ว หัวใจคนน่ะมันเสียมันพังไปแล้ว ต่อให้ใช้เงินมากแค่ไหนก็รักษาไม่หายหรอก!”
กู่ซิ่วกังวลเื่อาการป่วยของสวี่เยว่จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ พอได้ยินเพื่อนบ้านพูดจาแช่งสวี่เยว่ก็เกิดความไม่พอใจ จึงถามด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง “นี่เธอว่าใคร?”
เพื่อนบ้านคนนั้นถามกลับ “แล้วเธอคิดว่าฉันว่าใครล่ะ?”
มีเพื่อนบ้านหัวเราะเยาะ “มีคนร้อนตัวแล้ว ฮ่า ๆ”
เสียงหัวเราะเ่าั้เสียดแทงจนกู่ซิ่วหน้าแดงก่ำ
เพื่อนบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง “ฮุ่ยฮุ่ย ตอนนี้ความจริงก็ปรากฏแล้ว เป็น้องสาวเธอเองเหยียบไส้เดือนพวกนั้นตาย ทีนี้เธอก็อย่ามาคาดโทษพวกเรานะ!”
เพื่อนบ้านหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
สวี่ฮุ่ยพยักหน้ารับ “ค่ะ อย่างนั้นก็สามารถมาเรียนพิเศษกับหนูได้ตามเดิมค่ะ”
เดิมทีเธอก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์อยู่แล้ว แค่้าสร้างความเกลียดชังให้สวี่เยว่เท่านั้น
เพื่อนบ้านเห็นแบบนี้ก็โล่งใจ
ลูก ๆ หลาน ๆ ของพวกเขาไปเรียนพิเศษกับสวี่ฮุ่ยมาหลายวันแล้ว ต่างก็รู้สึกว่ามีพัฒนาการดีขึ้นเยอะมาก
ถ้าสวี่ฮุ่ยไม่สอนพิเศษให้ลูก ๆ หลาน ๆ ของพวกเขา พวกเขาก็คงต้องเสียเงินส่งไปเรียนพิเศษที่ราคาแพงลิ่ว ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ผลดีเท่าสวี่ฮุ่ยสอนหรือเปล่าด้วย
สวี่ฮุ่ยหันไปมองสวี่ต้าซานด้วยสายตาเยาะเย้ย “พ่อบอกว่าว่าสวี่เยว่ดีกับหนูไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นนี่คือวิธีที่เธอดีกับหนูงั้นสิคะ?”
สวี่ต้าซานถึงกับพูดไม่ออก
สวี่ฮุ่ยนึกขึ้นได้ “จริงสิ พ่อเคยพูดที่โรงพยาบาลว่าพ่อจะให้ความเป็ธรรมกับหนู เื่ที่สวี่เยว่ใส่ร้ายหนู หาว่าหนูรังแกเธอลับหลัง ตอนนี้ทำตามสัญญาได้แล้วนะคะ”
สวี่ต้าซานมองลูกสาวคนเล็กที่หน้าซีดเผือดและตัวสั่นระริกด้วยในใจก็รู้สึกสับสน
เด็กคนนี้ใจคอโเี้ คิดไม่ซื่อ แต่เธอเป็โรคหัวใจ
นึกถึงลูกสาวคนเล็กที่ต้องต่อสู้อยู่ในห้องฉุกเฉินมาหลายวันกว่าจะรอด สวี่ต้าซานก็มีแต่ความรู้สึกสงสารสวี่เยว่
เยว่เยว่สุขภาพไม่ค่อยจะดี ร่างกายอ่อนแอ ฮุ่ยฮุ่ยเป็ถึงพี่สาว ทำไมถึงไม่เห็นใจน้องบ้าง ต้องคอยกดดันบีบคั้นน้องแบบนี้ด้วย!
คิดได้ดังนั้น สวี่ต้าซานก็โกรธขึ้นมากะทันหัน พูดเสียงเข้ม “เื่นี้ค่อยว่ากันทีหลัง!”
หัวใจของสวี่ฮุ่ยเย็นเยียบ “พ่ออยากเข้าข้างสวี่เยว่ก็พูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ ต่อไปก็ไม่ต้องพูดถึงเื่นี้อีกแล้ว!”
สิ้นเสียง เธอก็ย่อตัวลงเก็บไส้เดือนที่ถูกเหยียบจนเละบนพื้น
ไส้เดือนแบบนี้ยังใช้ตกปลาไหลและตะพาบได้อยู่
เพื่อนบ้านหลายคนเดินเข้ามาช่วยเธอเก็บซากไส้เดือนที่ตายแล้วใส่ถุงพลาสติกใบใหม่ที่ไม่ขาด
สวี่ต้าซานอยากจะช่วยเก็บ แต่สวี่ฮุ่ยปฏิเสธเด็ดขาด บอกให้เขาดูแลเยว่เยว่ลูกสาวสุดที่รักของเขาให้ดี ๆ ก็พอ
สวี่ฮุ่ยออกไปตกปลาไหล กู่ซิ่วกับครอบครัวสามคนถึงได้เข้าบ้านกัน
สวี่เยว่สีหน้าบูดบึ้ง
ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ก็ไม่มีเพื่อนบ้านคนไหนเข้าข้างเธอแล้ว เห็นทีชื่อเสียงของเธอในบ้านพักพนักงานคงฉาวโฉ่ไปแล้ว
เธอกัดฟันแน่น
ทั้งหมดเป็ความผิดของยัยสวี่ฮุ่ย
ถ้าไม่ใช่เพราะยัยนั่นลากเธอเข้าไปเอี่ยวต่อหน้าโจร เธอก็คงไม่ต้องขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อนบ้านก็คงไม่มองเธอเปลี่ยนไปแบบนี้!
เพราะเื่อื้อฉาวบนหน้าหนังสือพิมพ์ เธอถึงไม่กล้าติดต่อกับเพื่อนร่วมชั้น เพราะกลัวโดนถามเื่นั้น
โดยเฉพาะสวีกั๋วชิ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่ง ฐานะครอบครัวดี เรียนเก่ง หน้าตาหล่อเหลาที่กว่าเธอจะอ่อยติด แต่เขาก็มาเยี่ยมเธอแค่วันแรกที่เธอเข้าโรงพยาบาล
พอเื่อื้อฉาวของเธอขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ สวีกั๋วชิ่งก็ไม่มาเยี่ยมเธออีกเลย
ยิ่งคิดสวี่เยว่ก็ยิ่งแค้น อยากจะฆ่าสวี่ฮุ่ยให้ตายเสียตอนนั้น!
กู่ซิ่วโมโหสุดขีด ยุยงสวี่ต้าซาน “ฮุ่ยฮุ่ยจะใจร้ายเกินไปแล้ว เยว่เยว่ป่วยหนักขนาดนี้ เธอยังไม่ยอมปล่อยวางอีก!”
สวี่ต้าซานตีหน้านิ่งไม่พูดอะไร
ในใจคิดว่า ลูกสาวคนโตที่ไม่เคยแก่งแย่งชิงดีอะไรกับใคร ท่าทางเงียบเรียบร้อย ไม่เคยก่อเื่วุ่นวายในบ้าน ใน่ไม่กี่เดือนนี้กลับเธอเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน กลายเป็คนเอาแต่ใจ คิดเล็กคิดน้อย ทำให้บ้านไม่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว
สวี่เยว่ทำหน้าสำนึกผิด “ทั้งหมดเป็ความผิดของหนูเอง ทำให้พี่ต้องโกรธพ่อไปด้วย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สวี่เยว่พูดแบบนี้ สวี่ต้าซานเคยได้ยินมาหลายครั้งแล้ว
ครั้งแรกที่ได้ยินไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอได้ยินเข้าบ่อย ๆ เขาก็รู้สึกว่าลูกสาวคนโตโกรธเขาเข้าแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อกี้นี้ ที่ลูกสาวคนโตปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาต่อหน้าเพื่อนบ้านมากมาย ไม่ให้เกียรติเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
สวี่ต้าซานรู้สึกอึดอัดใจมาก
พูดจบ สวี่เยว่ก็ร้องไห้น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ ช่างน่าสงสารจับใจ
สวี่ต้าซานเห็นดังนั้นก็รีบปลอบทันที “เยว่เยว่ ลูกอย่าโทษตัวเองเลย พี่ลูกเขาใจแคบ ถ้าพี่เขาจะโกรธเกลียดพ่อก็ปล่อยให้เธอเกลียดไป แต่ลูกอย่าปล่อยให้อาการกำเริบอีกนะ ถ้าลูกเป็อะไรไป พ่อกับแม่จะอยู่ยังไง?”
สวี่เยว่ยิ้มอย่างเข้มแข็ง “พ่อ หนูไม่เป็ไรหรอกค่ะ สบายใจได้ หนูไปนอนพักสักหน่อยเดี๋ยวก็หายแล้วค่ะ”
กู่ซิ่วพาสวี่เยว่ไปนอนพักที่ห้อง แล้วเดินมานั่งข้าง ๆ สวี่ต้าซานที่ห้องนั่งเล่น พูดเสียงสั่นเครือ “หมอบอกว่า ทุกครั้งที่โรคหัวใจของเยว่เยว่กำเริบ อาการก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้หมอยังบอกว่า เยว่เยว่สามารถทนได้จนถึงอายุสามสิบ แล้วถึงค่อยผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ตอนนั้นเทคโนโลยีการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจคงพัฒนาไปไกลมากแล้ว ในตอนนั้นไม่เพียงแต่ผลการผ่าตัดจะดีขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายจะถูกลงด้วย แต่ตอนนี้ หมอบอกว่า… การผ่าตัดของเยว่เยว่อาจต้องเลื่อนมาเร็วขึ้น เป็ตอนอายุยี่สิบห้า ถ้าผ่าตัดตอนอายุสามสิบ เรายังมีเวลาค่อย ๆ เก็บเงินอีกสิบเอ็ดปี แต่…ถ้าเลื่อนมาเป็ตอนอายุยี่สิบห้า เราจะมีเวลาแค่หกปี เราจะหาเงินหลายหมื่นหยวนมาผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้เยว่เยว่ทันได้ยังไง?”
สวี่ต้าซานได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเหมือนมีูเาลูกใหญ่ทับอยู่บนอก จนหายใจไม่ออก
แม้เขาจะเป็ผู้จัดการโรงงานผลิตอาหาร แต่ผลประกอบการของโรงงานกลับย่ำแย่ ใกล้จะปิดตัวลงเต็มที เงินเดือนที่เขารับกลับบ้านแต่ละเดือนจึงแทบไม่เหลือพอเลี้ยงครอบครัว
แม้กู่ซิ่วจะเป็ข้าราชการ เงินเดือนไม่ได้น้อย
แต่ฝากลูกสาวคนเล็กให้บ้านพ่อตาแม่ยายเลี้ยงมาหลายปี ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ต้องจ่ายเดือนละสามสิบหยวน
เทศกาลต่าง ๆ ยังต้องซื้อของกำนัลราคาแพงไปฝากบ้านพ่อตาแม่ยายอีก สวี่เยว่ยังต้องกินยา… ล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น
คนนอกมองว่าครอบครัวพวกเขามีรายได้สองทาง มีทั้งผู้จัดการโรงงานและข้าราชการ อิจฉาที่ครอบครัวเขาฐานะดี แต่หารู้ไม่ว่าพวกเขาก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นกัน ในแต่ละเดือนก็มีเงินเก็บแค่ไม่กี่หยวน
อย่าว่าแต่จะเก็บเงินให้พอสำหรับค่าผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้ลูกสาวคนเล็กตอนอายุยี่สิบห้าเลย ต่อให้อายุสามสิบก็คงเป็แค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ
กู่ซิ่วเมื่อนึกถึงอาการป่วยของลูกสาวคนเล็กก็ร้อนใจจนร้องไห้ออกมาไม่หยุด สะอื้นพลางพูดว่า “ฉันเข้าใจ ฮุ่ยฮุ่ยสอบได้ที่หนึ่ง คุณคงดีใจ แต่ก็ไม่ควรเพิกเฉยต่อชีวิตของเยว่เยว่สิ”
สวี่ต้าซานเงยหน้าขึ้นมาเถียง “ผมไม่ได้เพิกเฉยต่อชีวิตของเยว่เยว่”
ครั้งนี้ที่สวี่เยว่เข้าโรงพยาบาล หมดเงินไปหกร้อยเจ็ดร้อยหยวน เขาก็จ่ายโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
“ถ้าคุณใส่ใจชีวิตของเยว่เยว่จริงก็เอาเงินที่ฮุ่ยฮุ่ยขายปลาไหลได้ใน่นี้ รวมถึงเงินรางวัลทั้งหมดมาให้ฉัน ฉันจะเก็บไว้ผ่าตัดให้เยว่เยว่ในอนาคต”
“แล้วก็ปากกาสลักทองนั่นด้วย พ่อฉันใกล้จะอายุครบเจ็ดสิบแล้ว ถ้าคุณเอาปากกาหมึกซึมฮีโร่สลักทองด้ามนั้นไปเป็ของขวัญวันเกิดให้พ่อฉัน พ่อฉันต้องดีใจแน่ ๆ”
สวี่ต้าซานได้ยินแบบนั้นก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
กู่ซิ่วเห็นปฏิกิริยาของสวี่ต้าซาน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็ไม่สบอารมณ์ ร้องไห้หนักกว่าเดิม
“คุณพูดปาว ๆ ว่าจะไม่ทอดทิ้งเยว่เยว่ พอพูดถึงเื่เอาเงินของฮุ่ยฮุ่ย คุณก็ไม่ยอมแล้ว!”
สวี่ต้าซานอธิบายอย่างอดทน “นั่นมันเงินของฮุ่ยฮุ่ย เราเป็พ่อแม่จะไปเอาได้ยังไง?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงสวี่รั่วเฉินลูกชายที่เพิ่งกลับจากการเดินทางไปทำงานพูดคุยกับเพื่อนบ้านอย่างร่าเริงดังมาจากนอกประตู
สองนาทีต่อมา สวี่รั่วเฉินก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
พอเข้ามาก็ถามตื่นเต้น “พ่อ แม่ ได้ยินเพื่อนบ้านบอกว่าน้องสาวคนโตสอบได้ที่หนึ่ง จริงเหรอ?”
จนถึงตอนนี้เขายังรู้สึกเหมือนฝัน ไม่กล้าเชื่อว่าน้องสาวคนโตจะสอบได้ที่หนึ่ง
คนเรียนห่วยอย่างน้องสาวคนโตจะพลิกกลับมาเป็ที่หนึ่งได้ยังไง?
ถ้าบอกว่าน้องสาวคนเล็กสอบได้ที่หนึ่ง เขายังเชื่อมากกว่า
กู่ซิ่วไม่สนใจสักนิด ลูกสาวคนโตสอบได้ที่หนึ่ง ลูกชายตื่นเต้นขนาดนี้ เธอรู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก
สวี่ต้าซานครางรับในลำคอ
สวี่รั่วเฉินทำหน้าฉงน “น้องสาวสอบได้ที่หนึ่ง ทำไมพวกคุณถึงไม่มีความสุขเลยล่ะ?”
กู่ซิ่วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เยว่เยว่เพิ่งป่วยหนักเกือบตาย แม่กับพ่อเป็ห่วงอาการของเยว่เยว่จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ จะมีความสุขได้ยังไง?”
สวี่รั่วเฉินรู้สึกสับสน
น้องสาวคนเล็กร่างกายไม่แข็งแรง ทุกคนในครอบครัวต่างทะนุถนอมเธอราวกับตุ๊กตากระเบื้อง ดูแลเธออย่างระมัดระวัง
ต่อให้ป่วยก็ไม่น่าถึงขั้นปางตาย
สวี่รั่วเฉินถามอย่างตกตะลึง “ทำไมถึงร้ายแรงขนาดนั้น?”
กู่ซิ่วเล่าเื่ที่สวี่เยว่ยืมมือคนอื่นฆ่าคน โดยที่ไม่ได้ไม่ลงรายละเอียดเยอะ
แต่เน้นไปที่สวี่เยว่สำนึกและรู้สึกผิดอย่างไร จนโรคหัวใจกำเริบ ตกอยู่ในสภาพตายแหล่มิตายแหล่
จากนั้นก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง “ถึงเยว่เยว่จะผิด แต่เธอก็สำนึกผิดแล้ว ฮุ่ยฮุ่ยกลับไม่ยอมเลิกรา ไม่อย่างนั้นเยว่เยว่คงไม่เป็หนักขนาดนี้”
หน้าของสวี่รั่วเฉินดำคล้ำ “แล้วฮุ่ยฮุ่ยล่ะ เธออยู่ไหน? ผมจะไปคุยกับเธอ ต่อให้เยว่เยว่ทำผิดกับเธอ เธอก็ไม่มีสิทธิ์บังคับให้เยว่เยว่ไปตาย!”
กู่ซิ่วพูด “ฮุ่ยฮุ่ยออกไปตกปลาไหลแล้ว”
เธอโบกมือ “ไม่ต้องไปพูดกับเธอหรอก ขอแค่เธอยอมเอาเงินที่ขายปลาไหลกับเงินรางวัลที่ได้จากการสอบได้ที่หนึ่งทั้งหมดมาให้เยว่เยว่รักษาตัวก็พอ”
หยุดไปครู่หนึ่ง เธอเสริมว่า “ตอนนี้ฮุ่ยฮุ่ยมีเงินอยู่อย่างน้อยก็สี่พันหยวน เงินจำนวนนี้อยู่กับเธอก็ไม่มีประโยชน์อะไร เอามารักษาเยว่เยว่ดีกว่าค่ารักษาเยว่เยว่ครั้งนี้ก็หมดไปหกเจ็ดร้อยหยวนแล้ว”
สวี่รั่วเฉินเห็นด้วยกับคำพูดของกู่ซิ่วเป็อย่างยิ่ง เขาพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ “งั้นรอน้องกลับมา เดี๋ยวผมไปขอเงินจากเธอเอง พ่อกับแม่เป็พ่อแม่ ไม่เหมาะจะไปขอเงินจากน้อง”
สวี่ต้าซานพรูลมหายใจโล่งใจ