เสี่ยหยวนไม่สามารถเข้าไปได้ ประการแรกก็เพราะเสี่ยหยวนไม่ได้มีสายเืของหยาจื้อจริงๆ เมื่อเข้าไปก็มีโอกาสที่จะต้องตายสูงมาก ยิ่งไปกว่านั้น การให้เขารออยู่ที่นี่ ฉินอวี่จะสบายใจมากกว่า
อันดับหนึ่งก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน ในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ เขาจึงไม่้าจะมีความขัดแย้งกับฉินอวี่เพียงเพราะเื่ของเสี่ยหยวน
“ข้าบอกแล้วหรือว่าจะไปตายกับพวกเ้า?” ในตอนนี้ อันดับสองก็พูดขึ้นมา เขาไม่ชอบให้ใครมาเ้ากี้เ้าการชีวิตของเขาเป็ที่สุด อีกทั้ง เมื่อเสี่ยหยวนไม่ได้เข้าไป เขาก็ไม่คิดจะเข้าไปอีก อันตรายในชั้นที่เจ็ดนั้น ปู่ของเขาได้เตือนเขาเอาไว้นานแล้ว ฉะนั้นเขาจึงไม่คิดจะยอมเข้าไปเสี่ยงง่ายๆ
“แล้วแต่เ้าเลย” อันดับหนึ่งเหลือบมองอันดับสอง และพูดอย่างเฉยเมย เขาไม่อยากจะให้อันดับสองไปด้วยอยู่แล้ว มีเพียงฉินอวี่ไปกับเขา ก็เพียงพอแล้ว ส่วนพวกฉือเซียวนั้น นับว่าไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก แม้ว่าอันดับสองจะพาพวกเขาไป ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อแผนของเขา
“ไม่ทราบว่า พวกเราสองพี่น้องสามารถไปด้วยได้หรือไม่?” ในเวลานี้ หยางเต้าที่นิ่งเงียบมาตลอด ได้เอ่ยปากพูดเื่การเข้าไปชั้นที่เจ็ด
“ได้” อันดับหนึ่งตอบทันที ขอเพียงอันดับสองไม่ไปด้วยเป็พอ ส่วนหยางเทียนหยางเต้าสองพี่น้อง เขาไม่เคยสนใจมาก่อนอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อพวกเขาอยากรนหาที่ตาย ทำไมไม่ทำตามที่พวกเขา้า
ฉินอวี่มองหยางเต้าด้วยความประหลาดใจ นี่เป็ความคิดเหมือนมารร้ายชัดๆ ในเวลาเช่นนี้ยังคิดจะเข้าไป หรือว่า พวกเขาสองพี่น้องจะมีพละกำลังที่จะเผชิญกับยอดฝีมือในรายนามระดับสามัญเหล่านี้? หรือพวกเขาก็้าสายเืหยาจื้อ?
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เมื่อทุกคนฟื้นฟูพลังดีแล้ว อันดับหนึ่งก็พูดขึ้น “ไปกันเถอะ” พูดจบ แสงสว่างก็สว่างวาบขึ้นทั่วทั้งร่าง และรวมตัวกันเป็เกราะป้องกันที่ปกคลุมร่างกาย ก่อนจะเดินออกจากเขตของค่ายกลนำส่ง
คนอื่นๆ ก็รีบตามไปทันที ขณะที่กำลังออกไปนั้น ฉินอวี่ได้มอบวงแหวนมิติวงหนึ่งให้กับเสี่ยหยวน และส่งสัญญาณเสียงให้เขานำไปให้ฉือเซียว จากนั้นจึงเรียกเพลิงมรณะออกมาปกคลุมร่างกายไว้ ก่อนเดินออกจากค่ายกลนำส่ง
อันตรายของชั้นที่เจ็ดในหอคอยขัดเกลา มีความน่ากลัวมากกว่าที่มองเห็นยิ่งนัก
ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไร หินหนืดที่อยู่ข้างใต้นั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้น หินหนืดร้อนระอุบางส่วนพุ่งสูงขึ้นไปกว่าสิบจ้าง ราวกับว่าิญญาอัคคีกำลังสร้างกระแสคลื่นปั่นป่วนอยู่ภายใน หินหนืดเหล่านี้มีวิถีอัคคีที่รุนแรงอย่างมาก ซึ่งเพียงพอที่จะเผาผลาญเกราะพลังป้องกันของทุกคน
เหนือไปบนท้องฟ้ามีพลังกดทับอันน่ากลัวปกคลุมลงมา ด้านล่างมีหินหนืดร้อน และความเร็วในการเหาะเคลื่อนที่ไปของทุกคนนั้นเริ่มช้าลงอย่างมาก
อันดับหนึ่งแบกรับพลังเ่าั้ไว้ ท่ามกลางเกราะพลังป้องกันสีแดงที่ปกคลุมไปทั่วร่างกาย ทำให้ฉินอวี่ต้องหันไปมองอยู่หลายครั้ง บนพลังป้องกันนี้มีภาพมายาคล้ายศีรษะัปรากฏอยู่ คาดว่าอันดับหนึ่งคงจะมีการรวบรวมกระบี่ัเอาไว้ และคงมีพละกำลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้!
เมื่อมีเพลิงมรณะอยู่กับตัว ฉินอวี่จึงไม่เกรงกลัวต่ออุณหภูมิที่สูงยิ่งของพื้นที่แห่งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจคือ หยางเทียนและหยางเต้าสองพี่น้อง หยางเทียนได้รวมเอาแก่นพลังปราณออกมาสร้างเป็พลังป้องกันราวกับทหาร์ กลืนกินลำแสงกระบี่สีน้ำเงิน ปกคลุมไปทั่วร่างกาย โดยพลังป้องกันของเขานี้สามารถต้านทานอุณหภูมิอันสูงลิบของหอคอยขัดเกลาชั้นที่เจ็ดได้เป็อย่างดี
ส่วนทั่วทั้งร่างของหยางเทียนเต็มไปด้วยแสงสว่างสีดำ ลำแสงสว่างนี้ดูเหมือนจะดูดซับพลังงานความร้อนของพื้นที่นี้ไป จนอันดับหนึ่งและยอดฝีมือในรายนามระดับสามัญบางส่วนถึงกับต้องเหลือบมองอยู่หลายครั้ง
“ทำไมพวกเ้าจึงอยากตามมา?” ฉินอวี่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ และส่งสัญญาณเสียงถามหยางเต้า ฉินอวี่รู้สึกงุนงงกับการที่ทั้งสองคน้าจะเข้าร่วมในครั้งนี้ หอคอยขัดเกลาชั้นที่เจ็ดนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ทั้งสองคนมั่นใจได้อย่างไรว่าจะมีชีวิตรอดออกไป?
“อยู่ที่นั่นก็เหมือนถูกจับเป็ตัวประกันมิใช่หรือ? สู้เอาเวลานั้นมาลองเสี่ยงโชค ว่าจะได้รับของดีไปไหมไม่ดีกว่าหรือ” หยางเต้าตอบอย่างเรียบเฉย เืของหยาจื้อที่สามารถทำให้อันดับหนึ่งของคนหนุ่มสาวเผ่าหยาจื้อปรารถนาได้ หยางเต้าก็ไม่อาจปล่อยไป หากได้มันมา พละกำลังของพวกเขาสองพี่น้องจะต้องเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าแน่นอน สิ่งสำคัญไปกว่านั้นคือ หากได้เืของหยาจื้อ ก็จะสามารถรวมมันออกมาเป็กระบี่ัในตำนานได้
ความมั่งคั่งไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยง่าย สำหรับเื่นี้แล้ว หยางเต้ามีความเข้าใจเป็อย่างดี ด้วยความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของเขาจะต้องคว้าโอกาสได้อย่างแม่นยำ และไม่มีวันปล่อยโชคอันใหญ่หลวงนี้ไปอย่างแน่นอน ถึงอย่างไร เืของหยาจื้อก็มีค่ามากยิ่งนัก
ฉินอวี่ไม่เชื่อในทันที ด้วยความรู้ของหยางเต้านั้น เขาไม่มีทางไม่รู้ถึงอันตรายของที่แห่งนี้ จะมาที่นี่เพื่อเสี่ยงโชคน่ะหรือ? คงจะสนใจในเืของหยาจื้อเสียมากกว่า แต่สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่สงสัยคือ ความรู้ระดับหยางเต้าไม่น่าจะทำอะไรที่ประมาทเลินเล่อเช่นนี้ นอกเสียจากพละกำลังของพวกเขาสามารถสู้กับยอดฝีมือในรายนามระดับสามัญได้ หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ฉินอวี่ก็ถามขึ้นอีกครั้ง “หากต้องสู้กับพวกเขา พวกเ้ามีความมั่นใจแค่ไหนกัน?”
หยางเต้าชำเลืองมองคนทั้งเก้าคนของอันดับหนึ่ง และนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่มั่นใจอยู่สามคน ส่วนอีกหกคนหากพวกข้าสองพี่น้องร่วมมือกันมีโอกาสชนะอย่างมาก” ในคนทั้งสิบเอ็ดคน มีเพียงฉินอวี่เท่านั้นที่มีน้ำใจกับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดปิดบังฉินอวี่
ฉินอวี่ใ นอกจากสามคน? หรืออาจพูดได้ว่า นอกจากอันดับหนึ่ง อันดับสาม และอันดับสี่แล้ว ร่างฝาแฝดสองคนนี้มั่นใจว่าจะเอาชนะ อันดับหกและอันดับเจ็ดได้อย่างนั้นหรือ? เป็ไปได้อย่างไร?
เพื่อสังหารอันดับห้า ฉินอวี่ยังต้องอาศัยพลังของวิชาปีศาจคลั่ง หากว่าเขาไม่ก้าวเข้าสู่สภาวะปีศาจคลั่ง ใครจะแพ้ใครจะชนะก็ไม่อาจบอกได้ชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น ตนเองก็ต้องแลกมาด้วยราคาอันหนักหน่วง แต่หยางเต้าบอกว่าสามารถเอาชนะอันดับหกได้ แล้วจะไม้ให้ฉินอวี่ใได้อย่างไร?
“ร่างฝาแฝดจัดเป็รักแห่งสรวง์ และไม่รู้ด้วยว่าคนทั้งสองนี้ได้รับพลังอะไรมากันแน่ หากพวกเขาสามารถเืของหยาจื้อได้ นั่นคงไม่ดีสักเท่าไร” ฉินอวี่พึมพำอยู่ในใจ หากหยางเต้าไม่พูดออกมาด้วยตนเอง ฉินอวี่ก็ยากที่จะเชื่อว่าทั้งสองคนจะสามารถเอาชนะอันดับหกในรายนามระดับสามัญได้!
กลุ่มคนทั้งสิบเอ็ดคนกำลังก้าวเข้าไปสู่ส่วนลึก
สามวันต่อมา
อันดับหนึ่งซึ่งเป็ผู้นำได้หยุดลงอย่างกะทันหัน ยกมือขวาขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดตาม จากนั้นจึงมองลงไปยังหินหนืดที่ร้อนระอุอยู่เบื้องล่าง หรี่ตาทั้งสองลง จากนั้นจึงหันกลับมามองทางหยางเทียนสองพี่น้อง ก่อนพูดอย่างเ็า “ิญญาอัคคีตนนี้มอบให้พวกเ้าสองคนจัดการก็แล้วกัน”
แม้ว่าอันดับหนึ่งจะมั่นใจว่าสามารถจัดการกับสองพี่น้องได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ด้วยความระมัดระวังของเขา เขายังคง้าดูเป้าหมายลึกๆ ของทั้งสองคน และในเวลาที่อันตรายเช่นนี้ เขาไม่้าให้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดต้องสูญเปล่า
หยางเทียนไม่ได้พูดอะไร แม้ว่าเขาจะเป็พี่ แต่โดยส่วนมากแล้วเขามักจะฟังหยางเต้า และหยางเต้าก็ได้คาดการณ์สิ่งนี้ไว้นานแล้ว ก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำ “ลงมือ” ยังไม่ทันพูดจบ ทั้งสองคนก็มีความคิดจะลงมือขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน หยางเทียนเรียกกระบี่สีครามเล่มหนึ่งออกมาและฟันตรงออกไปเบื้องหน้า ส่วนหยางเต้าประสานมือของเขา เกิดเป็กระแสวังวนพลังสีดำ โจมตีลงไปยังหินหนืดที่อยู่เบื้องล่าง
“โฮก!” อสูรร้ายสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นมาจากมวลหินหนืดที่ร้อนระอุ ปั่นป่วนมวลหินหนืดเบื้องล่าง ก่อนจะพ่นเปลวไฟสีทองออกมา เพื่อรับมือการโจมตีจากทั้งสองคน
แม้ว่าหยางเทียนจะบ้าบิ่น แต่ด้วยพละกำลังที่ไม่ธรรมดา ดูเหมือนว่ากระบี่ของเขาจะมีพลังระดับสูง ก่อนจะส่งเสียงออกไปเบาๆ กระบี่สีครามในมือก็เปล่งประกายออกไปกว่าร้อยเส้นสาย มุ่งหน้าเข้าไปทางิญญาอัคคีอย่างพร้อมเพรียงกัน
หยางเต้าในตอนนี้นั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ มือทั้งสองของเขารวบเข้าด้วยกันอีกครั้ง ด้วยการกระทำเช่นนี้ กระแสวังวนพลังสีดำได้ตรงเข้าใส่ิญญาอัคคีที่ถูกโจมตีจากลำแสงกระบี่ของหยางเทียน การโจมตีของทั้งคู่นั้นแทบไม่เปิดช่องว่างให้ิญญาอัคคีได้ตอบโต้กลับเลย
“ตายเสียเถอะ!” สีหน้าของหยางเต้านิ่งสงบ ดวงตาทั้งสองเป็สีดำสนิท เกิดรัศมีแสงส่องประกาย ตามมาด้วยเสียงะโดัง
เมื่อิญญาอัคคีถูกห่อหุ้มโดยวังวนพลังสีดำ มันก็ถูกแยกออกเป็สองส่วน ก่อนจะหายไปในวังวนพลังนั้นทันที
การต่อสู้กินเวลาไปไม่ถึงหนึ่งร้อยลมหายใจ ิญญาอัคคีตนหนึ่งก็ถูกสองพี่น้องสังหารในระยะเวลาไม่ถึงสิบลมหายใจ
สีหน้าของพวกของอันดับหนึ่งใขึ้นทันที พละกำลังของทั้งสองคนเกินความคาดหมายของพวกเขายิ่งนัก
หลังจากดูดซับพลังของิญญาอัคคีแล้ว สีหน้าของหยางเต้าก็ดูแดงก่ำเป็พิเศษ เขาชำเลืองมองอันดับหนึ่ง และพูดออกไปอย่างเรียบเฉย “การโจมตีของข้าได้ระงับิญญาพวกนี้เอาไว้ อีกอย่าง... สำหรับข้าแล้วพลังของพวกมันจัดว่าเป็ของชูกำลังที่ดียิ่งนัก”
“อย่างนี้นี่เอง” ฉินอวี่เหลือบมองหยางเต้า
คำอธิบายของหยางเต้าดูเหมือนปกปิดอะไรเอาไว้ และยังบอกกับอันดับหนึ่งว่าในหอคอยขัดเกลาชั้นที่เจ็ดมีิญญาอัคคีอยู่เป็จำนวนนับไม่ถ้วน เขาสามารถยับยั้งิญญาอัคคีได้ และปกป้องทุกคนได้ แต่ในประโยคสุดท้ายนั้น กลับแฝงไปด้วยเหตุผลที่พวกเขา้าติดตามมา
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเต้า อันดับหนึ่งก็มองสองพี่น้องด้วยความสนใจ เพียงเพราะพวกเขาสามารถกำจัดิญญาอัคคีได้ ก็นับว่ามีคุณสมบัติมากพอที่จะติดตามพวกเขา ทันใดนั้น อันดับหนึ่งก็พูดขึ้น “แม้ว่าจะมีิญญาอัคคีจำนวนมากในหอคอยขัดเกลาแห่งนี้ แต่ก็ยังมีสิ่งอื่นอยู่อีกมาก ทางที่ดีเ้าทั้งสองอย่าเพิ่งทำอะไรหากยังไม่อนุญาต ไม่เช่นนั้น เ้าต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา ไปกันเถอะ”
อันดับหนึ่งเน้นเสียงหนักไปที่คำว่า “หอคอยขัดเกลา” เป็การเตือนหยางเทียนและหยางเต้า ว่าที่นี่คือหอคอยขัดเกลา เป็ดินแดนในเขตของเผ่าหยาจื้อ หากอยู่นิ่งไว้จะดีสุด
พละกำลังของอันดับหนึ่งได้มาถึงจุดสูงสุดของขั้นกุมารทิพย์แล้ว ในครั้งนี้เกือบจะเป็ครั้งสุดท้ายแล้วที่เขาจะเข้ามายังหอคอยขัดเกลา ดังนั้นเขาต้องเตรียมการทุกอย่างไว้เป็อย่างดี เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับหอคอยขัดเกลาให้ได้มากที่สุด
ภายใต้การนำของเขา ในระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนที่ข้ามผ่านทะเลหินหนืดอันร้อนระอุมา จนตอนนี้ได้เข้ามาถึงแดนมรณะที่อันดับสองพูดถึง และทันทีที่เข้าสู่แดนมรณะ เพลิงมรณะในตันเถียนของฉินอวี่ก็เริ่มวุ่นวายขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับ้าจะพุ่งออกมา
