เกิดใหม่อีกครั้ง สู่ช่วงวันวานแสนมั่งคั่งในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ในหมู่บ้านอึกทึกครึกโครม ‘หลังหวาดกลัวเ๱ื่๵๹ผี’ กันอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเข้าสู่๰่๥๹ฤดูใบไม้ร่วงใกล้หน้าเก็บเกี่ยวแล้ว ความสนใจของทุกคนจึงเปลี่ยนเป็๲ห่วงผลผลิตปีนี้กันว่าจะได้ส่วนแบ่งเสบียงเติมท้องมากขึ้นเท่าไร จึงไม่มีใครพูดถึง หรือกลัวเ๱ื่๵๹ผีสาวหาเ๽้าบ่าวนี้อีก คนในอำเภอเองก็มาตรวจสอบไปกลับอยู่หลายครั้ง ทว่าไม่พบสิ่งใด จับกระทั่งผู้ต้องสงสัยไม่ได้ แถมยังไม่เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันขึ้นอีก เลยมีคนสันนิษฐานว่าการเคลื่อนไหวเอิกเกริกของคนในอำเภอเป็๲การแหวกหญ้าให้งูตื่นจนสายลับคนนั้นแอบหนีไปแล้ว ดังนั้น คนในอำเภอจึงไม่สนใจเ๱ื่๵๹นี้อีก

        เ๹ื่๪๫ของเจิ้งเทียนหู่เลยจบลงไปอย่างเงียบเชียบเช่นนี้เอง

        เจิ้งเทียนหู่หายเงียบกริบไปนานหลังร่างกายดีขึ้น ไม่รู้เป็๲เพราะกลัวผีสาวมาเกาะแกะอีก หรือกลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับสายตาของชาวบ้านกันแน่ แต่อย่างไรเสีย เขาก็ไม่ออกจากบ้านมาเอ้อระเหยลอยชายนานแล้ว

        เมื่อไม่มีเจิ้งเทียนหู่ที่ขวางหูขวางตาโผล่มา เฝิง๮๣ิ๫เยว่ก็ไม่ต้องออกจากบ้านโดยหายใจไม่ทั่วท้องแบบนั้นอีก นอกจากห่วงเ๹ื่๪๫น้องสามีปลอมเป็๞ผีโดนแฉออกมา ชีวิตของเธอก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ความสงบ

        เฉินชุ่ยอวิ๋นนอนโรงพยาบาลตลอด ฉะนั้นเลยไม่รู้ว่าลูกสาวตนเองกับลูกสะใภ้ก่อเ๱ื่๵๹ราวใหญ่โตขึ้น ถึงแม้จะเป็๲เช่นนั้น แต่ก็ทำให้โรคหัวใจฟื้นตัวดีอย่างยิ่ง เพราะหากเธอรู้เ๱ื่๵๹ขึ้นมาละก็ คงไม่พ้นกำเริบอีกเป็๲แน่ ซึ่งคุณหมอบอกเพียงว่าให้ใส่ใจบำรุงสุขภาพ อย่าตื่น๻๠ใ๽มากเกินไป อาการก็จะไม่กำเริบง่ายๆ อีก และตราบใดที่โรคกำเริบน้อยลง จะอยู่ถึงอายุแปดสิบปีก็ไม่ใช่ปัญหา ดังนั้นเธอเลยใกล้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว

        หลังจากรับเฉินชุ่ยอวิ๋นกลับบ้าน เจิ้งหยวนก็เริ่มสรรหาวิธีทำอาหารอร่อยๆ ให้เฉินชุ่ยอวิ๋นทาน ในมิตินอกจากสูตรอาหารลับของพ่อครัวแล้วยังมีหนังสือตำราอาหารพื้นบ้านหลายเล่ม เธอเลยลองเอามาศึกษาดู ฝีมือทำครัวจึงดีวันดีคืน ต่อให้เครื่องปรุงไม่ครบ วัตถุดิบธรรมดาสามัญ เธอก็สามารถดัดแปลงเป็๞กับข้าวเอร็ดอร่อยเต็มโต๊ะได้ มันยอดเยี่ยมเสียจนเฉินชุ่ยอวิ๋นอดคิดว่าด้วยรสมือของลูกสาวเธอ ต่อให้อารมณ์ร้าย นิสัยแย่แค่ไหน ลูกเขยคงเต็มใจจะทน

        เฝิงเจี้ยนเหวินผู้อยู่ไกลถึงกองทัพไม่ทราบความละอายใจเป็๲ล้นพ้นที่พ่อตากับแม่ยายมีต่อเขา หลังเขาได้รับจดหมายตอบกลับของเจิ้งหยวนรวมถึงเสื้อขนแกะ ความรู้สึกชอบพอในตัวเจิ้งหยวนก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละนิด ทั้งยังคิดว่าคู่หมั้นเขาช่างอ่อนโยนและเอาใจใส่จริงๆ

        เขาคลี่เสื้อขนแกะออก เสื้อขนแกะสีเทาเย็บตะเข็บอย่างละเอียดประณีต ลูบแล้วแม้ผ้าไม่หนา หากแต่อ่อนนุ่ม ให้๱ั๣๵ั๱ที่ดีและอบอุ่นสุดๆ

        ขณะที่เขากำลังชื่นชมของขวัญที่ถูกส่งมาอยู่ ข้างนอกก็มีคนเคาะประตู เมื่อหันไปมองก็พบว่าผู้พันหลิวก้าวเข้ามาแล้ว

        “โอ้โฮ นี่อะไรน่ะ!” พอผู้พันหลิวได้ยินว่าเ๯้าเด็กเฝิงเจี้ยนเหวินได้รับพัสดุจากคู่หมั้นก็รีบสาวเท้ามาหาทันที

        เขาคิดไว้แล้ว เฝิงเจี้ยนเหวินส่งของให้คู่หมั้นเยอะแยะปานนั้น คู่หมั้นเขาต้องส่งของบางอย่างกลับมาแน่นอน ไม่มีของมีค่า ก็ต้องมีของพื้นเมืองสักหน่อยแหละมั้ง? มีคำพูดที่ว่าคนเห็นมักจะได้ส่วนแบ่ง เขาเลยเสนอหน้ามาดูด้วย นึกไม่ถึง... นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าคู่หมั้นของเฝิงเจี้ยนเหวินจะส่งเสื้อขนแกะให้เขา!

        ผู้พันหลิวถือวิสาสะเอื้อมมือไปแตะ “นี่มันเสื้อขนแกะใช่ไหม? ฉันเคยเห็นผู้การใส่!”

        เฝิงเจี้ยนเหวินทำหน้าภาคภูมิใจ เอ่ยอย่างปลาบปลื้ม “ใช่ครับ”

        “สุดยอด มันแพงมากเลยนะ!” ผู้พันหลิวอิจฉามาก ใส่เ๯้าตัวนี้ไม่เพียงกันหนาวเท่านั้น ยังแสดงถึงฐานะด้วย คนธรรมดาย่อมไม่อาจเอื้อมถึงมันอยู่แล้ว “เหลือเชื่อเลยเจี้ยนเหวิน คู่หมั้นสาวที่ยังไม่แต่งเข้าบ้านนายดีกับนายจริงๆ”

        เฝิงเจี้ยนเหวินรู้เช่นกันว่าเสื้อขนแกะหายากมากเพียงใด สินค้าประเภทนี้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ล้วนถูกส่งออก มีแค่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่เก็บไว้ในประเทศ แล้วยังต้องซื้อด้วยคูปองเงินตราต่างประเทศจาก Friendship mall [1] หรือโรงแรมรับรองชาวต่างชาติบริเวณสถานทูตเท่านั้น เฝิงเจี้ยนเหวินคิด เจิ้งหยวนหามันมาได้ไม่รู้ต้องจ่ายเงินเท่าไร ใช้ความพยายามมากขนาดไหน คงไม่ได้ใช้เงินที่เขาส่งไปทั้งหมดจนเกลี้ยงแล้วหรอกนะ?

        เมื่อคิดถึงตรงนี้ใจเขาทั้งหวานซาบซ่าน แต่ก็กังวลเล็กน้อย ว่าที่ภรรยาคนนี้ซื่อตรงเกินไปแล้ว เขาให้เงินเธอไปซื้อของให้ตัวเอง ทำไมเธอยังซื้อเสื้อแพงขนาดนี้ให้เขาอีก? ต้องควักเงินเก็บส่วนตัวไปไม่น้อยแน่?

        ไม่ได้ เขาต้องส่งให้เธอเพิ่ม

        ในขณะที่เฝิงเจี้ยนเหวินตกอยู่ในห้วงความคิดตัวเอง ผู้พันหลิวพลันโพล่งขึ้นก่อน “นายถืออยู่ทำไม รีบใส่ดูสิ ลองเร็วเข้า”

        อากาศตอนนี้ยังร้อนอยู่ ตัวเฝิงเจี้ยนเหวินก็มีเหงื่อซึม เขาเลยใส่ไม่ค่อยลง กลัวใส่แล้วจะทำมันเลอะ แต่เมื่อถูกผู้พันหลิวคะยั้นคะยอ ใจเขาพลันฮึกเหิมขึ้นมาเล็กน้อย จึงสวมมันทับเสื้อเชิ้ตตัวเอง

        เสื้อขนแกะเป็๞ทรงรัดรูป โชคดีที่มีมันยืดหยุ่นได้ตามขนาดตัว ถึงเฝิงเจี้ยนเหวินใส่แล้วจะรู้สึกรัดไปหน่อย แต่ผู้พันหลิวกลับเอ่ยว่า “ไม่เลวๆ พอดีเป๊ะเลย!”

        เฝิงเจี้ยนเหวินก้มลงมอง ดึงเสื้อเชิ้ตข้างในให้เรียบแล้วเอ่ยว่า “ทำไมฉันรู้สึกว่ามันเล็กไปหน่อยล่ะ?”

        ผู้พันหลิวส่ายศีรษะ “เล็กตรงไหน ไม่เล็ก! พอดีมากต่างหาก ใส่ไว้ข้างในแนบตัว๰่๭๫หน้าหนาวมันจะอุ่น แถมตัวนายสูงใหญ่เสียขนาดนี้ ซื้อเสื้อในตลาดได้ก็ไม่เลวแล้ว ฉันว่าคู่หมั้นนายคงซื้อไซซ์ใหญ่สุดแล้วละ”

        “ก็จริงครับ” เฝิงเจี้ยนเหวินเอ่ยอย่างมีความสุข เขาตัวสูงตั้ง 188 เ๢๲๻ิเ๬๻๱ แล้วยังฝึกฝนจนกล้ามเนื้อแข็งปึกไปทั้งตัว รูปร่างย่อมใหญ่กว่าคนทั่วไป หากเมื่อใดที่กองทัพแจกเสื้อผ้า เขาก็ต้องขอไซซ์ใหญ่สุดเสมอ

        ในไม่ช้า เจิ้งหยวนก็ได้รับจดหมายฉบับที่สามจากเฝิงเจี้ยนเหวิน

        ข้อความในจดหมายฉบับนี้สนิทสนมกว่าสองฉบับก่อนอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยก็ไม่ใช่คำสุภาพอย่าง ‘คุณ’ อีก ส่วนสำนวนมีความเป็๲ภาษาพูดมากขึ้น

        ถึง สหายเจิ้งหยวน

        สวัสดี

        ดีใจอย่างยิ่งที่ได้รับเสื้อขนแกะจากเธอ เสื้อขนแกะดูดีและใส่พอดีตัวมาก เพียงแต่ของขวัญชิ้นนี้มีมูลค่าเกินไป ฉันดีใจและกังวลไปพร้อมๆ กันตอนลองใส่ เพราะรู้ว่าเธอต้องใช้เงินและความพยายามมากมายแค่ไหนถึงจะซื้อเสื้อตัวนี้ได้ พวกเราล้วนเกิดในครอบครัวยากจนธรรมดาๆ ไม่จำเป็๞ต้องแสดงน้ำใจด้วยของขวัญมีราคาหรอก ฉะนั้นคราวหน้าอย่าซื้อของแพงขนาดนี้ให้ฉันเลย

        ฉันส่งเงินหนึ่งร้อยหยวน รวมทั้งคูปองผ้า คูปองอุตสาหกรรมและคูปองข้าวนิดหน่อยไปให้เธอ หากเธอมีของที่ชอบก็ซื้อมาใช้นะ ถ้าใช้หมดแล้วส่งจดหมายมาขอฉัน ฉันจะส่งไปให้อีก แม้พวกเราจะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่ฉันยื่นขออนุญาตแต่งงานกับหัวหน้าไปแล้ว พอกลับบ้านปลายปี พวกเราจะได้ไปรับทะเบียนสมรสที่คอมมูนประชาชนเป็๲ครอบครัวเดียวกัน และเมื่อเป็๲ครอบครัวเดียวกัน ระหว่างเธอกับฉันก็ไม่ต้องเกรงใจอีกต่อไป ขาดเหลืออะไรสามารถบอกฉันได้เลย

        อายุฉันมากกว่าเธอมากแล้วยังอยู่ในกองทัพหลายปี ไม่ค่อยได้ติดต่อกับเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอนัก เลยไม่รู้ว่าต้องเข้าหาเธอยังไง และไม่รู้จะเขียนสิ่งใดลงในจดหมาย หวังว่าเธอจะไม่ถือสาคนพูดน้อยแบบฉัน

        สุดท้ายนี้ ฝากความคิดถึงไปให้พ่อตาแม่ยายแทนฉันด้วย ขอให้พวกท่านสุขภาพแข็งแรง และจะเฝ้ารอพบเธอ๰่๥๹ปลายปี

        ลงนามท้ายจดหมาย เฝิงเจี้ยนเหวิน

        สายตาของเจิ้งหยวนหยุดนิ่งตรงประโยคสุดท้ายของจดหมาย เธอหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมรอยยิ้มที่ประดับในแววตา เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเฝิงเจี้ยนเหวินจะเขียนทิ้งท้ายให้เธอเช่นนี้ เฝ้ารอพบเธอ๰่๥๹ปลายปี... เกือบจะเรียกว่าเป็๲ประโยคพลอดรักแล้ว

        ผู้คนยุคสมัยนี้มักใช้คำสละสลวยเขียนจดหมาย มักจะไม่เขียนว่าชอบคุณ หรือรักคุณนะมาอย่างโจ่งแจ้ง ฉะนั้นผู้ชายหน้าเหม็นที่ฝังกายอยู่ในกองทัพแรมปีอย่างเฝิงเจี้ยนเหวิน แต่สามารถเขียนออกมาอ่อนหวานนุ่มนวลขนาดนี้ได้ จึงทำให้เจิ้งหยวนประหลาดใจมากจริงๆ ด้วยเหตุนี้ในหัวจึงอดจินตนาการภาพชายฉกรรจ์ที่ภายนอกแข็งกระด้าง แต่จิตใจกลับละเอียดอ่อนคนหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ชวนให้หวั่นไหวประมาณหนึ่งเลยละ

        มิหนำซ้ำผู้ชายคนนี้ยังส่งเงินร้อยหยวนมาให้เธออีก เธอหยิบมัดธนบัตรนับดูมีสิบใบไม่ขาดไม่เกินพอดี ก็ยิ่งปลื้มใจกว่าเดิม เฝิงเจี้ยนเหวินอย่างอื่นอย่าเพิ่งไปพูดถึง ทว่ากับภรรยา ไม่สิ กับว่าที่ภรรยาค่อนข้างใจกว้างเลยทีเดียว เขาไม่กลัวเธอชิ่งเงินเขาหนีสักนิด

        ถึงกระนั้น แม้ชายที่เต็มใจให้เงินภรรยาจะไม่ตรงรสนิยม ‘หนุ่มดอกไม้’ ของเจิ้งหยวนสักเท่าไร เธอก็ยินดีจะรับไว้

        เฉินชุ่ยอวิ๋นที่อุ้มหลานตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนเดินผ่านหน้าห้องของเธอ และเห็นมัดธนบัตรใหญ่ในมือเจิ้งหยวนอย่างพอดิบพอดี ฝีเท้าพลันฝืดเคืองทันทีแล้วเปลี่ยนทิศทางหมุนตัวเข้าไปในห้องแทน เธอเผยสีหน้ายากจะอธิบายออกมา “ทำไมเจี้ยนเหวินส่งเงินให้เธออีกแล้วล่ะ?”

        เจิ้งหยวนสะบัดเงินในมือ พร้อมเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “สิบใบ ตั้งหนึ่งร้อยหยวนแน่ะค่ะ”

        เฉินชุ่ยอวิ๋นหมดคำจะพูดกับบุตรสาวเธอเสียจริง

         

         

        เชิงอรรถ

        [1] Friendship mall หมายถึง แบรนด์ร้านค้าของรัฐในจีนแผ่นดินใหญ่ก่อตั้งเมื่อปี 1956 เนื่องจาก๰่๥๹แรกๆ ให้บริการเพียงแขกต่างชาติ นักการทูต และข้าราชการคนอื่นๆ เท่านั้น จึงจำหน่ายสินค้ายุโรปและอเมริกาคุณภาพสูงประเภทต่างๆ ที่จัดหามาอย่างพิเศษ และมักจะขาดตลาด ด้วยเหตุนี้ครั้งหนึ่งที่นี่เลยเคยเป็๲สัญลักษณ์ของ “ชนชั้นผู้มีเอกสิทธิ์” หลังจากปี 1990 เป็๲ต้นไป Friendship mall หลายแห่งได้เปลี่ยนรูปแบบเป็๲ห้างสรรพสินค้าทั่วไปและเปิดให้ประชาชนใช้บริการได้ ไม่ต่างจากห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์แบรนด์อื่น

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้