“วิ่งเร็วเข้า!” นี่คือคำติดปากของเสิ่นิในเวลาต่อมา
จากคำอธิบายอย่างสั้นและกระชับของเขา เซี่ยวอี๋ได้รับรู้ว่าอันฉีคือผู้หญิงที่พัวพันกับเขา และผู้หญิงคนนี้ก็เป็หนึ่งในนิรวาน แต่เธอยังไม่พ้น่นิรวานของตัวเอง นิรวานทุกคนล้วนมี่เวลานิรวานที่แตกต่างกัน เริ่มั้แ่สั้นๆ เป็เวลา 5 ปีจนกระทั่งลากยาวถึง 50 ปี นิรวานแต่ละคนเป็ภัยต่อสังคมในระดับที่แตกต่างกัน ดังนั้น่ระยะเวลานิรวานจึงไม่เท่ากัน
ดั่งเช่นเสิ่นิ เขาออกจากนิรวานได้หลังจาก 10 ปีถัดมา แต่อันฉีนั้นต้อง 15 ปี ตอนที่เสิ่นิถูกพาตัวไปที่ “ค่าย” อันฉีก็เป็ทหารเดิมของนิรวานมาแล้ว 4 ปี
จับพลัดจับผลู พวกเขาทั้งสองก็ได้ร่วมภารกิจกันครั้งหนึ่ง ทั้งสองตกอยู่ในอันตราย อันฉีบังเอิญได้รับาเ็ ในขณะที่คิดจะปลิดชีพตนเองนั้น เสิ่นิผู้มีจิติญญาบอดี้การ์ดในสายเื ก็ยืนยันว่าจะแบกร่างอันบอบช้ำของอันฉีฝ่าอันตรายกลับไปยังค่ายให้ได้
หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น เสิ่นิได้รับสมญานามในนิรวานว่า “าาเสิ่นิ” และยังได้รับความรักอันลึกซึ้งจากอันฉี
นับแต่นั้นเป็ต้นมา อันฉีก็ตั้งตนเป็คุณนายเสิ่น เพศตรงข้ามที่เข้าใกล้เสิ่นิมีอันต้องเป็ไป
เสิ่นิประลองฝีมือกับอันฉีอยู่หลายหน ถึงขนาดไม่ลังเลที่จะสู้ด้วยชีวิต แม่มดอันฉีเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิดและการแปลงกาย ทุกครั้งที่สู้กันแบบระยะประชิดเล่นเอาเสิ่นิกลายเป็ลูกสุนัข
อย่างเสิ่นิซึ่งเป็สัตว์ประหลาด ร่างรับแรงะเืเป็ศูนย์ อันฉีเกิดมาพร้อมกับร่างกายซึ่งควบคุมระบบกล้ามเนื้อได้โดยสมบูรณ์ สามารถแปรงสภาพของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ด้วยสติ บรรลุทักษะแปลงกายได้ในพริบตาราวกับมีเวทมนตร์
ตราบจนปัจจุบัน นอกจากพันเอกคาร์ลแล้ว ก็ยังไม่มีใครเคยได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอันฉีเลย...
“ไม่น่าฆ่าคนได้น่ากลัวขนาดนั้นมั้ง?” เซี่ยวอี๋ยิ้มอย่างลังเล ในขณะที่จับจ้องไปยังเสิ่นิซึ่งกำลังเก็บข้าวของ
“ั้แ่อันฉีเริ่มเรียกตัวเองว่า ‘คุณนายเสิ่น’ พยาบาลสาวในค่ายเราทั้งหมดก็ถูกเปลี่ยนตัวเป็ผู้ชาย ตลอด 10 ปีที่ผมอยู่ที่นั่น ไม่มีสาวหน้าไหนกล้ากล่าวทักทายผม มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมดันไปเหยียบหางสุนัขเข้า มันเป็สุนัขเพศเมีย...พอผมปฏิบัติภารกิจเสร็จ อาหารจานหลักในค่ำคืนนั้นก็คือหม้อไฟเนื้อสุนัข...” เสิ่นิกล่าวพลางน้ำตาเอ่อล้น ถึงตอนนี้เขายังจำได้อยู่เลยว่าสุนัขตัวนั้นชื่อ “เคลลี่”
“ทำไมเราไม่นั่งลงคุยกันดีๆ ล่ะ? ที่จริงแล้วเราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันในเชิงชู้สาว ยิ่งหนีแบบนี้ ก็จะยิ่งไม่ชัดเจนไม่ใช่หรือ?” เซี่ยวอี๋ผงกศีรษะ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นางสนมซึ่งถูกพระมเหสีจับได้ว่าเป็เมียน้อย และเพลงก็ได้บรรเลงมาถึงท่อนของการหลบหนีแล้ว
“ถ้าจะพูดให้ชัดเจนก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ผมรู้จักอันฉีดี เธอสามารถนั่งลงบนศพคุณแล้วขอให้ผมยกโทษให้ได้ แต่เธอจะไม่มีวันปล่อยให้คุณมีชีวิตรอด เพื่อยอมรับว่านี่เป็เพียงแค่เื่เข้าใจผิดหรอก” เสิ่นิรีบเคลียร์กระเป๋าเป้และดึงเซี่ยวอี๋ไปที่ประตู
“ฉันไม่ไป! บ้านเมืองปกครองด้วยกฎหมาย มีอย่างที่ไหนบอกจะฆ่าก็จะฆ่ากันได้ง่ายๆ? ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะเป็เมียนายหรือเปล่า แล้วก็ไม่สนด้วยว่าเธอจะร้ายกาจแค่ไหน ถ้ากล้าลงมือ ฉันแจ้งความจับแน่!” เซี่ยวอี๋ดื้อด้าน
“เซี่ยวอี๋ ฟังผมหน่อยได้ไหม? ผมแค่อยากปกป้องคุณ ถ้าอันฉีอยากให้คุณตาย อย่าว่าแต่ตำรวจเลย ทั้งกองทัพก็ปกป้องคุณไว้ไม่ได้ แต่ผมปกป้องคุณได้ ต่อให้ชีวิตนี้ต้องตาย ผมก็จะไม่มีวันปล่อยให้เธอทำร้ายคุณ” เสิ่นิจับจูงมือของเซี่ยวอี๋พร้อมกับหันกลับมาให้คำสัตย์อย่างหนักแน่น
ความหัวแข็งของเซี่ยวอี๋ ความดื้อรั้นของเซี่ยวอี๋ ต้องยอมศิโรราบให้กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ คนที่เอ่ยอ้างว่า้าปกป้องตน ตำรวจหญิงผู้ซึ่งต้องแข่งขันกับผู้ชายอยู่ตลอด จนมีนิสัยเช่นเดียวกับบุรุษเพศ จู่ๆ ก็กลายสภาพมาเป็น้องสาวที่นุ่มนิ่มผู้ขวยเขิน
ตามที่เสิ่นิเล่า อันฉี ชาวนิรวาน ไม่มีวันจบเื่แน่ ที่จริงเธอไม่สามารถมาปรากฏตัวในเมืองหลวงได้ คำอธิบายเดียวนั่นก็คือเธอกำลังปฏิบัติภารกิจลับอยู่ จู่ๆ เธอก็แวบหายตัวไปจากตารางงานอันยุ่งเหยิง ถึงจะหายตัวไปไม่นาน อาจจะแค่ไม่กี่ชั่วโมง หรือว่าหนึ่งหรือสองวัน
ถ้าหายหน้าไปนานเกินไป ทางสำนักงานใหญ่ของนิรวานก็จะเข้ารหัส APP จับผีเพื่อล็อกตำแหน่งของพวกเขา และถูกตัดสินว่าประพฤติตนฐานละเมิดกฎของนิรวาน
การละเมิดกฎของนิรวานเป็เื่ที่ร้ายแรงมาก คนที่ถูกจับกลับไปอย่าได้หวังว่าจะกลับมาใช้ชีวิตในเมืองเฉกเช่นคนปกติอีกเลย
ตราบใดที่เธออยู่ที่นี่แค่เพียง 1 หรือ 2 วัน เสิ่นิก็จะสามารถช่วยให้เซี่ยวอี๋รอดพ้นจากภัยคุกคามของแม่มดอันฉีได้ ถึงเวลานั้นค่อยติดต่อเธอกลับไป หาเวลาก็อธิบายแก้ต่างให้เธอเข้าใจมากขึ้น บางทีนี่อาจจะช่วยรักษาชีวิตของเซี่ยวอี๋เอาไว้ได้
“ฟังให้ดี ั้แ่นี้เป็ต้นไป จะไว้ใจใครไม่ได้ รวมถึงผมด้วย” เสิ่นิโอบไหล่เซี่ยวอี๋ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังถนนซึ่งมีผู้คนสัญจรไปมา ดวงตาอันแหลมคมกวาดตามองทุกผู้ทุกคนบนท้องถนนอย่างกับเรดาร์ “ผมจะตั้งรหัสลับให้คุณ เมื่อผมอยู่นอกสายตาคุณ แม้เพียงไม่กี่วินาที หากพบกันอีกครั้งคุณจะต้องส่งสัญญาณลับให้ผม ถ้าผมตอบไม่ได้ ก็อย่าลังเล ยิงผมซะ ยิงติดกัน 3 นัด ตามท้อง หน้าอก แล้วก็ศีรษะ
ด้วยความเร็วของอันฉีคุณอาจยิงไม่ถูก แต่การยิงในแนวตั้งจะช่วยชะลอการไล่ตามของเธอให้ช้าลงได้ ถ้าโชคดี ผมก็จะออกโรงได้ทัน แต่ถ้าโชคร้าย สิ่งเดียวที่คุณต้องทำก็คือ วิ่ง วิ่งไปยังสถานที่ที่คนพลุกพล่าน”
“ทักษะการปลอมตัวของเธอร้ายกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?” เซี่ยวอี๋ยังรู้สึกเหมือนว่าเธออยู่ในหนัง Action
“อันฉีเป็ปรมาจารย์ด้านการปลอมตัวที่เก่งที่สุดในค่ายนิรวาน เธอสามารถออกลีลาขยับกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายได้จนผิดรูปผิดร่างอย่างกับไม่ใช่มนุษย์
เธอถึงขั้นสามารถปรับกล้ามเนื้อส่วนหลังและกล้ามเนื้อส่วนขาได้ ยืดช่องว่างระหว่างกระดูกเพื่อให้ได้ความสูงที่เปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์ ปัจจุบันความสูงที่เธอสามารถปลอมได้ก็คือ 1.55 เมตรถึง 1.75 เมตร ใครก็ตามที่อยู่ใน่ความสูงนี้คุณอาจจะต้องระวังไว้” เสิ่นิให้ความรู้เกี่ยวกับ “อันตรายของอันฉี” เพื่อที่จะหาวิธีรับมือ
“จะว่าไป ถ้าเธออยากให้ฉันตายขึ้นมาจริงๆ แล้วนายจะทำยังไง? นายจะฆ่าเธอหรือเปล่า?” เซี่ยวอี๋ดูออกว่าเสิ่นิกลัวผู้หญิงคนนี้มาก แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอเป็เพื่อน
“ผมไม่รู้ ผมกับเธอเคยร่วมหลั่งเืด้วยกันในสนามรบ เรียกได้ว่าเธอเป็คู่หูที่ผมหันหลังให้ได้อย่างสบายใจ แต่...นี่ก็ไม่อาจเป็เหตุผลที่เธอจะใช้เพื่อทำร้ายคุณได้” เสิ่นิยืนกราน
เซี่ยวอี๋มีวิธีคิดอันแปลกประหลาด บางทีเธอเองอาจจะมีตัวตนอยู่ภายในใจของเสิ่นิสักนิดก็ได้มั้ง?
เมื่อเคลื่อนไปตามกระแสผู้คน เซี่ยวอี๋กับเสิ่นิก็ยืนอยู่ที่หน้าสัญญาณไฟจราจร เมื่อคนรอบตัวเยอะขึ้น เสิ่นิก็สวมกอดเซี่ยวอี๋เอาไว้แน่น เซี่ยวอี๋เหมือนกับถูกห่ออยู่ในร่างของเขาทั้งตัว
ทันใดนั้น ที่ฝั่งตรงข้ามของทางม้าลาย แม่ของเซี่ยวอี๋ซึ่งอยู่ในชุดลำลอง ในมือถือตะกร้ากับข้าว เมื่อเธอเห็นเซี่ยวอี๋กับเสิ่นิ เธอก็โบกมือให้อย่างเริงร่า “เซี่ยวอี๋!”
“แม่?” แม้ว่าไฟแดงจะยังไม่สิ้นสุด แต่เซี่ยวอี๋กลับยกขาพร้อมกับก้าวไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณ แต่เธอก็ถูกเสิ่นิดึงตัวกลับมา ปืนพกรุ่น 92 ที่หลังเอวถูกดึงออกมาไว้ในมือเขา
“ปัง!” เสิ่นิยิงเข้าไปที่ล้อหน้าของรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งกำลังวิ่งผ่านมาบนทางม้าลาย คนขับถูกบังคับให้บิดพวงมาลัยเพื่อรักษาสมดุล แต่ตัวรถก็ยังพลิกถลาไปกับพื้น ลื่นไถลไปปิดกั้นทางแยก ผู้คนที่สัญจรไปมาและยานพาหนะโดยรอบต่างพากันแตกตื่น เสิ่นิกลับรีบดึงตัวของเซี่ยวอี๋ไว้และมุ่งหน้าไปทางอื่น
“เวร! สามีปกป้องนังเมียน้อยนั่นจริงๆ จะมากน้อยก็แสดงว่าต้องรู้สึกอะไรบ้าง...” ‘แม่ของเซี่ยวอี๋’ แตะหน้าผากพลางถอนหายใจ ใบหน้าของเธอกลับมาเป็อันฉีผู้อ่อนเยาว์ในพริบตา “รอไว้จัดการกับนางเมียน้อยเสร็จแล้ว ฉันจะต้องลากสามีไปพบที่ปรึกษาด้านชีวิตคู่ซะหน่อย”
“นายทำอะไรน่ะ?” เสิ่นิทำเอาเซี่ยวอี๋ตกอกใหมด
“นั่นไม่ใช่แม่คุณ แม่เจอคุณทีไรก็จะเรียกคุณว่ามุ้งมิ้ง แต่เมื่อครู่เธอเรียกคุณว่าเซี่ยวอี๋ เห็นชัดๆ ว่าเป็อันฉี...” เสิ่นิสอดปืนกลับเข้าในซองปืนที่หลังเอวของเซี่ยวอี๋ เขาปรับเปลี่ยนเป็โหมดรักษาความปลอดภัยขั้นรุนแรง
เซี่ยวอี๋รู้สึกเป็ห่วงจึงโทรศัพท์หาแม่ แต่เพราะโทร.ไปรบกวนการเล่นไพ่นกกระจอกของแม่เฒ่าเธอจึงโดนด่ากลับมาหนึ่งยก เซี่ยวอี๋รู้สึกโล่งใจ ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ได้เห็นความร้ายกาจของอันฉี คุณแม่เซี่ยวที่เธอปลอมตัวเป็ แม้กระทั่งลูกสาวที่เติบโตมาด้วยก็ยังดูไม่ออก แล้วจะมีอะไรที่เธอไม่สามารถแปลงกายได้อีกล่ะ?
นับแต่นี้เป็ต้นไป เซี่ยวอี๋จะมอบกายมอบใจให้กับเสิ่นิ บอดี้การ์ดร่างโตคนนี้ หญิงสาวก้าวเท้าตามเขาไปเบื้องหน้า
“ขึ้นรถไฟใต้ดิน” พอมาถึงปากทางเข้าสถานี จู่ๆ เสิ่นิก็คิดขึ้นมาได้ เขาจูงมือเซี่ยวอี๋เดินลงไป ผ่านด่านตรวจและเดินมาถึงชานชาลา
พอดีกันกับที่เป็สถานีสับเปลี่ยนขบวนรถ จึงมีผู้คนมากมายบนชานชาลา เซี่ยวอี๋มองไปรอบๆ โดยสัญชาตญาณ เธอรู้สึกว่าทุกคนช่างน่าสงสัย แต่ใครก็ไม่ใช่อันฉี อารมณ์อันซับซ้อนปรากฏขึ้นบนใบหน้า
เสิ่นิหยิบะเิขนาดเล็กซึ่งทำขึ้นเองอย่างเย็นใจ ก่อนจะทิ้งมันลงในถังขยะด้านข้าง
“นายทำอะไรน่ะ?” เซี่ยวอี๋ใ แต่เสิ่นิกลับบอกให้เธอลดเสียงลง
ตูม! เสียงะเิดังขึ้น ถังขยะอะลูมิเนียมลอยปลิวขึ้นมา ผู้โดยสารบนชานชาลาพากันแตกตื่นและหมอบคลานลงกับพื้น มีเพียงเด็กหญิงตัวน้อยน่ารักที่อยู่ห่างจากพวกเขาไป 10 เมตรที่ยังคงยืนตัวตรงแน่วอยู่
“เดิน” เสิ่นิดันให้เซี่ยวอี๋เดินไปยังทางออก
“จับได้อีกแล้ว สามีนะสามี...ไม่ต้องเก่งกาจขนาดนี้ไม่ได้หรือไง?” อันฉีอดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้ เห็นอยู่ว่าเวลาเสิ่นิอารักขานั้นช่างหล่อจนทำให้เธอหลงใหลสุดๆ แต่เขากำลังโอบผู้หญิงคนอื่นอยู่
เหล่านิรวานได้รับการฝึกอบรมมาเป็อย่างดี ดังนั้นปฏิกิริยาต่อการะเิจะแสดงความตื่นตระหนกได้น้อยกว่าคนทั่วไปมาก
“การเคลื่อนไหวของอันฉีว่องไวกว่าที่ผมคิดไว้ อัตราความถี่ในการลงมือรวดเร็วที่สุดในปัจจุบัน” เพียง 15 นาที เธอแปลงกายไปแล้วสองหน เสิ่นิไม่เคยเห็นอันฉีอยากฆ่าคนขนาดนี้มาก่อน
“แจ้งตำรวจดีไหม? บอกผู้กองจ้าว เขาจะต้องช่วยพวกเราแน่” เซี่ยวอี๋เสนอ
“เปล่าประโยชน์ เมื่อตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว เธอก็จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ให้ไปก็จะไป นี่แหละที่อันตรายที่สุด หิวแล้ว กินข้าวกันเถอะ” เสิ่นิเห็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่ริมทาง เขาดึงประตูเปิดและเดินเข้าไป
“สวัสดีครับคุณผู้ชาย...” บริกรส่งเมนูให้พร้อมกับกล่าวต้อนรับด้วยความสุภาพ แต่เขากลับถูกเสิ่นิปฏิเสธอย่างหยาบคาย
“ฟิเลมิยองความสุกระดับ 8 ซอสพริกไทยดำ 2 ที่ ด่วนจี๋เลย ยิ่งเร็วยิ่งดี” เสิ่นิลากเซี่ยวอี๋เดินพลางสั่งอาหารไปด้วย ก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งตรงปากทางออกโดยปลอดภัย
พนักงานเสิร์ฟไม่รู้ว่าทั้งคู่กำลังทำอะไรกันอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปสั่งที่หลังครัวด้วยตนเอง
“ตอนนี้เพิ่งจะ 10 โมง นายทานสเต๊กลงแล้วเหรอ?” เซี่ยวอี๋กล่าวเขินๆ
“เวลานี้ร้านอาหารลูกค้าน้อยที่สุด อัตราความปลอดภัยก็ยิ่งสูง เราไม่รู้ว่ามันจะเป็แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ความคล่องแคล่วใช้พลังงานมาก จำเป็ต้องเสริมอาหารที่มีโปรตีนสูง ฉวยทุกโอกาสที่สามารถทานได้ ฉวยทุกโอกาสที่สามารถพักผ่อนได้” เสิ่นิว่าแล้วก็หยิบซองน้ำตาลบนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะฉีกปากซองและเทมันลงไปในปาก คนที่่นี้ทานแต่หมั่นโถวโหยหาโปรตีนมากกว่าคนอื่นๆ ผู้ชายคนนี้เริ่มใช้แิเหมือนกับตอนที่อยู่ในสนามรบ