อินจิ่วโมโหจนแทบจะะเิ
เคอโยวหรานที่กลับถึงเรือนได้ลงกลอนประตูอย่างมีความสุข จากนั้นแทรกกายเข้าไปในมิติวิเศษของหมาป่าเงิน
หลังโบกมือหนึ่งครั้ง นางใช้ความคิดร่ายม่านหมอกที่ลอยขึ้นมาให้กลายเป็ผนึกก่อนจะแช่น้ำอย่างสุขกายสบายใจ
จากนั้นกลับมายังหอเล็กฝานหวา พาหมาป่าน้อยทั้งสองตัวเข้านอนอย่างมีความสุข
......
ต้วนเหลยถิงกับต้วนเอ้อร์หลางมุ่งหน้าไปยังบ้านสวนเป็อันดับแรก จัดการคัดเลือกสตรีที่คล่องแคล่วสะอาดสะอ้าน เอาการเอางาน และไม่พูดมากมาห้าคน
“อิ่งอู่ อิ่งลิ่ว ฟังคำสั่ง” ต้วนเหลยถิงเอามือไพล่หลังพลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
“ขอรับ” อิ่งอู่กับอิ่งลิ่วต่างพากันคุกเข่าลงหนึ่งข้างโดยพร้อมเพรียง
เสียงออกคำสั่งของต้วนเหลยถิงดังขึ้น “วันพรุ่งพวกเ้าสองคนจงพาสตรีเหล่านี้ไปยังเรือน คอยฟังคำสั่งของท่านแม่กับโยวหราน
ส่วนพวกเ้าสองคนก็รั้งอยู่ในเรือน คอยปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยของบรรดาสตรีภายในเรือนกับอิ่งอี ให้อิ่งซื่อรับหน้าที่ดูแลการฝึกฝนภายในบ้านสวน ส่วนเื่อื่นๆ จะมีหลี่จงเฉวียนเป็ผู้ดูแล”
“ข้าน้อยรับคำสั่งขอรับ” อิ่งซื่อกับอิ่งอู่ต่างรับคำสั่งโดยพร้อมเพรียง
หลังออกมาจากบ้านสวน สองพี่น้องพาอิ่งชีกับอิ่งปามุ่งหน้าไปทางหุบเขาที่พวกพั่วหุนอาศัยอยู่
ระหว่างทางต้วนเหลยถิงเอ่ยว่า “พี่รองขอรับ หุบเขาที่พวกพั่วหุนอาศัยอยู่มีชื่อว่าหุบเขาลั่วสยา ภายในนั้นมีคนอาศัยอยู่กว่าสี่หมื่นคน
พวกเราแยกกันเคลื่อนไหว อิ่งชีกับอิ่งปาอยู่ในหุบเขาเพื่อคอยปกป้องท่าน พาคนหนุ่มภายในหุบเขาบุกเบิกที่ดินทำนาขั้นบันได เพาะต้นกล้า และสร้างอาคารบ้านเรือน
ส่วนข้ากับพั่วหุนจะพาคนไปช่วยเหลือคนครอบครัวของพวกเขาออกมา เป็อย่างไรขอรับ?”
“ได้” ต้วนเอ้อร์หลางขานรับ เขารู้ถึงฝีมือของต้วนเหลยถิง จึงไม่กังวลว่าจะอีกฝ่ายจะเป็อันตรายแต่อย่างใด
พวกเขาเพิ่งมาถึงหุบเขาลั่วสยา พั่วหุนก็เหลือบมาเห็นต้วนเหลยถิงทันที
พั่วหุนรีบเดินเข้ามา จากนั้นคุกเข่าลงหนึ่งข้างพลางประสานมือคารวะ “ข้าน้อยคารวะนายน้อยขอรับ”
“ลุกขึ้นเถิด!” ต้วนเหลยถิงโบกมือ ตามด้วยโยนถุงย่ามใบใหญ่ใส่ยาถอนพิษที่โยวหรานปรุงขึ้นตามตัวอย่างเืของพั่วหุนไปให้พั่วหุนที่กำลังลุกขึ้น
ยาถอนพิษเหล่านี้คือยาที่ถูกเร่งทำขึ้นโดยใช้สมุนไพรกับน้ำสระบัวในมิติหมาป่าเงินภายใต้คำชี้แนะของเซียนพิษ
ต้วนเหลยถิงเอ่ยกับพั่วหุนว่า “พิษภายในร่างกายของพวกเ้าจำต้องกินยาถอนพิษระยะหนึ่งจึงจะสามารถขจัดพิษได้ทั้งหมด นี่คือยาถอนพิษรอบแรก แจกจ่ายลงไปคนละหนึ่งเม็ด หลังผ่านไปอีกไม่กี่วันข้าจะให้คนนำยาถอนพิษรอบสองมาให้พวกเ้า”
“ขอบพระคุณนายน้อยขอรับ” พั่วหุนเปิดถุงย่ามออก หยิบขวดยาหนึ่งขวดออกมาจากข้างในแล้วดึงจุกปิดออก จากนั้นกินยาถอนพิษลงไปหนึ่งเม็ดเป็คนแรก
ต้วนเหลยถิงดูออกว่าพั่วหุนทำเช่นนี้เพราะระแวดระวังตน ที่ทำไปก็เพื่อทดสอบพิษแทนเหล่าสหาย
การรับคนที่เห็นแก่มิตรไมตรีเช่นนี้ไว้ใต้บังคับบัญชา ภายหน้าจะต้องกลายเป็แรงสนับสนุนอย่างแน่นอน ต้วนเหลยถิงรู้สึกพึงพอใจในการกระทำของพั่วหุนอย่างยิ่ง
ทางด้านพั่วหุนที่กินยาถอนพิษเข้าไปรู้สึกได้ว่าร่างกายเบาสบายกว่าเดิมไม่น้อยอย่างชัดเจน จุดตันเถียนที่ลอบรู้สึกเจ็บเริ่มสะสมพลัง นี่จะต้องเป็ยาถอนพิษโดยมิต้องสงสัย
เขาพยักหน้าไปทางต้วนเหลยถิงด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นเรียกสหายทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อแจกจ่ายยาถอนพิษ
ไม่ว่าอย่างไรพั่วหุนก็นึกไม่ถึงว่าคำสัญญาของเคอโยวหรานกับต้วนเหลยถิงจะกลายเป็ความจริง เวลาเพิ่งจะผ่านไปเท่าใดกัน เหล่าสหายในหุบเขาลั่วสยาก็ได้ยาถอนพิษเสียแล้ว
ครั้นคนกว่าสี่หมื่นคนััได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย ทุกคนต่างพากันคุกเข่ากู่ร้องเป็เสียงเดียวกันว่า “ขอบพระคุณนายท่านที่มอบยาให้ขอรับ!”
ความซาบซึ้งใจของพวกเขาไม่น้อยไปกว่าพั่วหุน คนเหล่านี้ถูกกักขังอยู่ที่นี่เป็เวลาเนิ่นนานแล้ว
กระทั่งหลับฝันทุกคนก็ยังอยากจะถอนพิษในกายแล้วออกไปตามหาครอบครัวของตน
ในที่สุดวันนี้ก็สำเร็จไปหนึ่งขั้นแล้ว ยามนี้พวกเขามองเห็นแสงสว่างของชีวิต ไม่ต้องดิ้นรนอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวังอีกต่อไป
ชีวิตความเป็อยู่ระหว่างอพยพตลอดทั้งสองปีทำให้ต้วนเหลยถิงเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาราวกับประสบพบเจอด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน รวบรวมกำลังภายในเปล่งเสียงดังก้องหุบเขาลั่วสยาว่า
“พั่วหุนฟังคำสั่ง”
“พั่วหุนพร้อมรับคำสั่งขอรับ”
“เลือกคนหนึ่งร้อยคนที่รูปร่างปราดเปรียวและคุ้นชินสถานที่ วันพรุ่งนี้เช้ามุ่งหน้าไปช่วยครอบครัวของพวกเ้าพร้อมกับข้า”
สิ้นคำกล่าวของต้วนเหลยถิง ท่ามกลางหุบเขาพลันมีเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีดังขึ้นในเสี้ยววินาที เพราะทุกคนในหุบเขาลั่วสยาต่างรอวันนี้มาเนิ่นนานแล้ว
ในยามนี้ พวกเขาล้วนถูกต้วนเหลยถิงทำให้รู้สึกอบอุ่นจนหัวใจละลาย ความรู้สึกซาบซึ้งที่เมื่อก่อนไม่เคยมีเข้าโจมตีหัวใจของทุกคน ผู้คนกว่าสี่หมื่นคนต่างะโเสียงดังโดยพร้อมเพรียงว่า
“ขอบพระคุณนายน้อย! ขอสาบานว่าจะภักดี ไม่คิดทรยศไปชั่วชีวิตขอรับ!”
“ขอบพระคุณนายน้อย! ขอสาบานว่าจะภักดี ไม่คิดทรยศไปชั่วชีวิตขอรับ!”
“ขอบพระคุณนายน้อย! ขอสาบานว่าจะภักดี ไม่คิดทรยศไปชั่วชีวิตขอรับ!”
......
เสียงกล่าวขอบคุณดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า กินเวลาเนิ่นนานกว่าจะสงบลง การยอมสวามิภักดิ์จากใจจริงเช่นนี้ สามารถกุมใจผู้คนยิ่งกว่าการใช้ยาพิษ ทำให้ผู้คนรวมเป็หนึ่งเดียวโดยยอมสละกระทั่งชีวิต
ต้วนเอ้อร์หลางทอดมองน้องชายของตนเอง มุมปากอดมิได้ที่จะหยักยิ้มและรู้สึกภาคภูมิใจในตัวของอีกฝ่ายจากใจจริง นี่ก็คือซานหลางของพวกเขา ยังคงโดดเด่นสะดุดตาเช่นนี้ตลอดกาล
รอกระทั่งทุกคนสงบสติอารมณ์ลง ต้วนเหลยถิงจึงเอ่ยแนะนำว่า “นี่คือพี่รองของข้า พวกเ้าจะต้องเคารพเขาเช่นที่เคารพข้า ทำตามคำสั่งและการชี้แนะของเขา
นับแต่วันนี้เป็ต้นไป พี่รองของข้าจะพาพวกเ้าบุกเบิกที่ดิน เพาะกล้า และหว่านพืชพรรณ พวกเราจะได้มีเสบียงอาหารให้กินอิ่มและมีเสื้อสำหรับอุ่นกาย ไม่ต้องถูกผู้อื่นควบคุม”
“ขอรับ...” คนสี่หมื่นคนต่างซาบซึ้งใจจนน้ำตาอุ่นร้อนคลอเบ้า
พวกเขาถูกความเป็อยู่บีบบังคับจนขึ้นเขาไปเป็โจร แต่ละวันต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดหวั่น
ภายหลังถูกบีบบังคับให้ขึ้นเขา อาศัยการล่าสัตว์และเสบียงอาหารที่อั้นจิ่วส่งมาประทังชีวิต อยู่ในสภาพหิวแต่ไม่ตายมาเป็เวลาเนิ่นนาน ไม่เคยได้กินอิ่มท้องแม้แต่ครั้งเดียว
คนทั้งสี่หมื่นนี้แม้หลับฝันก็ยังไม่กล้าคิดว่าจะได้กินอิ่มและมีเสื้อผ้าอาภรณ์อุ่นกาย
คำกล่าวของต้วนเหลยถิงเป็การฉีดยาบำรุงหัวใจให้กับทุกคน ยามนี้เวลานี้ แต่ละคนล้วนหาเป้าหมายพบและเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้
คืนวันนั้น ต้วนเหลยถิงหาถ้ำที่ค่อนข้างลับตา จากนั้นเอาน้ำสระบัวที่เคอโยวหรานผสมเอาไว้ล่วงหน้าแล้วออกมา
เช้าตรู่วันต่อมา ต้วนเหลยถิงพาพั่วหุนรวมถึงคนหนึ่งร้อยคนเตรียมตัวออกเดินทาง
ก่อนออกเดินทาง ต้วนเหลยถิงเอ่ยกับต้วนเอ้อร์หลางว่า “พี่รองขอรับ ข้าเอาน้ำสำหรับแช่เมล็ดพันธุ์ไว้ในถ้ำของหุบเขาลั่วสยาเป็จำนวนไม่น้อยและสั่งให้อิ่งปาคอยเฝ้าดูเอาไว้แล้ว อย่าปล่อยให้ผู้ใดแตะต้องเป็อันขาด หากน้ำไม่พอใช้ ท่านก็ส่งคนไปหาโยวหรานเป็พอขอรับ”
ต้วนเอ้อร์หลางพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว เดินทางครั้งนี้ระวังตัวด้วย ดูแลตนเองให้ดี”
“พี่รองโปรดวางใจ ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไรขอรับ” ต้วนเหลยถิงขานรับ จากนั้นพาพวกพั่วหุนไปจากหุบเขา
......
เช้าตรู่ของวันต่อมา เรือนผู้เฒ่าเคอภายในหมู่บ้านเถาหยวนเริ่มประดับประดาด้วยผ้าไหมและกวาดล้างทำความสะอาดครั้งใหญ่
ั้แ่เช้าตรู่ของวัน หลิวชุนฮวาผู้เป็สะใภ้สามก็ถูกแม่เฒ่าเคอชี้นิ้วสั่งการจนหัวหมุน
เพราะหลิวชุนฮวาน้ำลายไหลจึงถูกคนสกุลเคอรังเกียจและไม่ให้นางร่วมโต๊ะอาหารด้วย หลังจากผ่านพ้น่เวลาอันยาวนานของการกินไม่อิ่มท้อง ร่างกายที่แต่เดิมค่อนข้างอวบถึงกับซูบผอมลงไม่น้อย ยังคงมิอาจบำรุงจนกลับมาเป็เช่นเดิม
มิใช่เื่ง่ายกว่าอาการน้ำลายไหลจะดีขึ้นบ้างและผ่อนคลายจากการไถคลาด ทว่ายังไม่ทันได้พักหายใจก็ถูกเคี่ยวกรำเื่การแต่งงานของเคอก่วงเถียนอีกแล้ว
เมื่อก่อนตอนยังไม่แยกครอบครัวของเคอโยวหรานออกไป การทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในเรือนล้วนแต่มีถงซื่อเป็คนพาสามพี่น้องจัดการ
ยามนี้กลับกลายเป็หน้าที่ของหลิวชุนฮวาทั้งหมด แม่เฒ่าเคอรู้จักเพียงยืนเท้าเอวชี้นิ้วสั่งอยู่ด้านข้าง ส่วนเคอก่วงเถียนเอาแต่แต่งหน้าแต่งตัวอยู่ภายในห้อง
ภายในใจของหลิวชุนฮวายังจะรู้สึกยุติธรรมได้อย่างไร? นางถึงขั้นบริภาษแม่เฒ่าเคอกับเคอก่วงเถียนอยู่ในใจจนแทบตาย
แต่นางมิอาจสร้างความขุ่นเคืองให้แม่เฒ่าเคอกับเคอก่วงเถียนได้ งานในมือมีมากมายเกินไป อีกทั้งตนยังทำไม่รู้จักเสร็จสิ้น ควรจะทำเช่นไรดี?
หลิวชุนฮวาทั้งทำงานทั้งกลิ้งกลอกดวงตาเล็กหรี่ไปมา ทันใดนั้นพลันนึกบางสิ่งขึ้นมาได้แล้วเอ่ยกับแม่เฒ่าเคอว่า
“ท่านแม่เ้าคะ ถงซื่อยังเป็ลูกสะใภ้ของท่านใช่หรือไม่เ้าคะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้