ข่าวคราวในหมู่บ้านมักแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งเป็ข่าวฉาวเกี่ยวกับผู้หญิงสองคนแย่งผู้ชายคนเดียวกัน พอพ้น่บ่ายคล้อย เื่ก็มาถึงขั้นที่ทุกคนต่างรู้กันหมดแล้ว
ชื่อเสียงของเจิ้งสยาป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี ทุกคนรู้ว่าเธอแอบชอบว่าที่คู่หมั้นของลูกพี่ลูกน้อง แถมยังจงใจทำให้ชื่อเสียงลูกพี่ลูกน้องแปดเปื้อนด้วย
“เธอยังไม่รู้จักครอบครัวพวกเขาอีกเหรอ ถ้าไม่มีครอบครัวหัวหน้ากองของพวกเราคอยจุนเจือตลอด ไม่รู้จะอดตายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
“ครอบครัวพวกเขาเอารัดเอาเปรียบบ้านหัวหน้ากองจนชินชาแล้วมั้ง อยากแย่งกระทั่งการแต่งงานของคนอื่นแล้วจงใจทำลายชื่อเสียงอีก ช่างจิตใจสกปรกนัก”
“ทำไมหัวหน้ากองของพวกเราถึงมีญาติแบบนี้ได้นะ?”
“ยิ่งลูกชายบ้านนั้นนะ โอ๊ย อายุตั้งเท่าไรล่ะ ทำงานในทุ่งนายังต้องให้ผู้หญิงทำมากกว่า”
“เธอว่าเจิ้งสยาคิดยังไงถึงกล้าแย่งงานแต่งของเจิ้งหยวนได้? ไม่ดูหน้าตาตัวเองเอาเสียเลย”
“ฉันได้ยินว่าเป็เพราะคุณแม่เธอจะขายเธอให้คนขาพิการแซ่หลิวนะ ตั้งสองร้อยหยวนแน่ะ!”
“หา เยอะจัง? คนขาพิการแซ่หลิวรวยมากขนาดนั้นเชียว?”
“เธอไม่เห็นครอบครัวเขามีเขาแค่คนเดียวเหรอ เก็บหอมรอบริบมาหลายปี จะไม่มีเงินเลยหรือไง?”
“…”
บ้างนินทาว่าครอบครัวเจิ้งสยานิสัยเสีย บ้างสงสัยว่าทำไมครอบครัวคนขาพิการแซ่หลิวมีเงินขนาดนั้น สรุปคือเื่นี้ติดโผ ‘ประเด็นร้อน’ อันดับหนึ่งในกองหยางหลิวไปเรียบร้อยแล้ว
กระทั่งทางเฉินชุ่ยอวิ๋นที่ไม่ได้ไปทำงานยังได้ยิน
เจิ้งหยวนอัมพาตกินทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เธอทรุดนั่งลงบนเก้าอี้กราวกับคนตายแล้วะโ “เสี่ยวเจวียน เสี่ยวเจวียน? เทน้ำมาให้ฉันหน่อย ฉันหิวน้ำจะตายแล้ว!” เจิ้งเจวียนรับคำและเดินเข้าไปเทน้ำในครัว
ก่อนเจิ้งหยวนจะถูกเฉินชุ่ยอวิ๋นดึงหูขึ้นมาบ่น
เจิ้งหยวนกุมหูตัวเองแล้วร้องโอดโอยทันที “โอ๊ย แม่ ทำอะไรเนี่ย?”
“แกบอกฉันมา เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวสยา?” เฉินชุ่ยอวิ๋นปล่อยหูของเธอแล้วนั่งบนเก้าอี้ตัวถัดไป
ตอนเธอได้ยินเหล่าแม่เฒ่าและลูกสะใภ้ในหมู่บ้านกำลังว่าร้ายเจิ้งสยาวันนี้
เธอโกรธแทบบ้าเลยทีเดียว ไม่ต้องคิดอะไรให้เยอะแยะ
เธอก็เดาได้ว่าต้องเป็ฝีมือบุตรสาวตนเองอย่างแน่นอน เวรกรรมแล้วไหมเล่า
เจิ้งสยาเป็เด็กสาวที่แสนดีขนาดนั้น! สาดโคลนใส่คนเขาลงได้อย่างไรกัน?
แต่ทว่าเจิ้งหยวนกลับทำหน้าเหมือนทองไม่รู้ร้อน เธอพยายามอธิบาย “เธอว่าฉันต่อหน้าคนอื่นๆ ก่อน ถ้าฉันไม่ตอบโต้ ชื่อเสียงฉันไม่เสียหายเอาหรอกเหรอ? แม่ รอบนี้จะมาโทษฉันไม่ได้นะ พี่เสี่ยวสยาหาเื่ฉันก่อนเอง”
ถึงกระนั้น เฉินชุ่ยอวิ๋นก็ยังคงสงสัย “เธอว่าแกก่อนเหรอ? เป็ไปได้ยังไง? เจิ้งสยาไม่ใช่เด็กผู้หญิงแบบนั้นนะ”
เจิ้งหยวนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น่เที่ยงทุกรายละเอียดให้เฉินชุ่ยอวิ๋นฟัง แล้วค่อยเอ่ยว่า “เธอตั้งใจแน่นอน แม่ แม่ไม่รู้อะไรแล้ว ป้าสะใภ้ใหญ่อยากขายเธอให้คนขาพิการแซ่หลิว เธอไร้หนทางแล้ว การแต่งงานของสกุลเฝิงเลยเป็เหมือนความหวังสุดท้ายสำหรับเธอ สุนัขจนตรอกทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว กระต่ายเข้าตาจนยังรู้จักกัดคน เพียงแต่เธอร้อนใจแล้วดันไม่กัดแม่ตัวเอง มากัดฉันแทน ก็ต้องดูด้วยสิว่าฉันจะยอมปล่อยเธอกัดไหม?”
เมื่อรู้ต้นสายปลายเหตุของเื่ราวทั้งหมด เฉินชุ่ยอวิ๋นก็ถอนหายใจสองเฮือกใหญ่ “แกก็ไม่เห็นต้องแต่งเื่ว่าเธอชอบเฝิงเจี้ยนเหวินเลยนี่”
เจิ้งหยวนยักไหล่ ขณะนั้นเจิ้งเจวียนที่เทน้ำเสร็จ ก็เดินออกมาวางชามตรงหน้าเจิ้งหยวน แล้วหาเก้าอี้พับข้างๆ มานั่งกินแตงด้วย เจิ้งหยวนยกชามขึ้นดื่มอึกหนึ่งแล้วบอก “บางทีเธออาจจะชอบเฝิงเจี้ยนเหวินจริงๆ ก็ได้นะ?”
เจิ้งเจวียนรับไม้ต่อเหมือนสุนับรับใช้ “ฉันเป็พยานได้ พี่เสี่ยวสยาอาจจะชอบพี่เขยเฝิงจริงๆ ฉันเคยได้ยินเธอบอกอิจฉาพี่สาวหลายครั้ง แล้วชมพี่เขยเฝิงด้วย”
เฉินชุ่ยอวิ๋นมองเจวียนจื่ออย่างเหลือเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน “จริงเหรอ?”
เจิ้งเจวียนพยักหน้า ก่อนแบนิ้วมือนับเลข “จริงค่ะ เธอบอกว่าพี่เขยเฝิงทั้งหน้าตาดี นิสัยดี พื้นฐานครอบครัวก็ดี แถมยังหาเงินได้ ดีไปเสียทุกอย่างเลย!” พูดจบ
ยังถือโอกาสขยิบตาใส่เจิ้งหยวนตอนเฉินชุ่ยอวิ๋นไม่ได้สังเกต
เจิ้งหยวนเม้มปากกลั้นยิ้มแล้วลอบชูนิ้วโป้งให้เธอ น้องสาวคนนี้เป็คนเฮฮาทีเดียว แต่ก่อนทำไมไม่เคยเห็นนะ เดี๋ยวต้องหาเวลาว่างเข้ามิติไปค้นของดีๆ มาตกรางวัลให้สักหน่อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้