บทที่ 141 พุ่งตัวเข้าสู่อ้อมอกของลู่จิ่งซาน
รถสองคันหยุดลง รถสีดำจอดขวางหน้ารถสีขาวอย่างทระนง
ทันใดนั้น ประตูรถสีดำถูกผลักเปิด ขาเรียวยาวคู่หนึ่งปรากฏต่อสายตา
ถึงฝีเท้าของชายหนุ่มจะไม่มั่นคงเหมือนก่อน แต่ในสายตาของสวี่จือจือกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เด็กสาวนั่งนิ่งในรถ มือปิดปากด้วยความซาบซึ้ง ขณะมองชายหนุ่มค่อยๆ เดินมาหาเธออย่างยากลำบากทีละก้าว
จากนั้น ประตูรถถูกเขาเปิดจากด้านนอก
เขาก้มลงพูดว่า “สวี่จือจือ ผมมารับคุณกลับบ้าน” เขาพูดต่อ “น่าเสียดาย ตอนนี้ผมอุ้มคุณไม่ได้”
ถึงเขาจะอยากอุ้มเธอมากก็ตาม
สวี่จือจือส่ายหัว น้ำตาคลอ ขณะมองขาคู่ยาวของเขา “ขาคุณ ขาคุณหายแล้วเหรอ?”
ชายหนุ่มหัวเราะ “สวี่จือจือ ถ้าคุณยังนั่งอยู่นี่ไม่ยอมออกมา ขาผมจะแย่แล้วนะ”
เขาฝืนเดินมาถึงตรงนี้ได้ ก็พยายามสุดตัวแล้ว
“อ้อ…” สวี่จือจือรีบเช็ดน้ำตา แล้วลงจากรถอย่างลนลาน “เมื่อกี้ฉันตื่นเต้นเกินไปหน่อยน่ะ”
เธอพูดพลางประคองแขนลู่จิ่งซาน ถามอย่างกังวล “เป็ยังไงบ้าง เจ็บมากไหม ถ้าอย่างนั้นคุณก็นั่งในรถดีๆ ก็พอ จะลงมาทำไม ฉันเดินไปเองได้อยู่แล้ว”
น้ำเสียงของเด็กสาวทั้งบ่นทั้งเป็ห่วง “รีบไปให้แพทย์แผนจีนโบราณดูอีกครั้งเถอะ”
“ไม่เป็ไร” ลู่จิ่งซานจับมือเธอ “ตราบใดที่คุณปลอดภัย ผมทำได้ทุกอย่าง”
ส่วนชายร่างใหญ่กับคนขับรถ ตอนจอดรถก็ถูกเอ้อร์เหมาและเซียวหังจัดการแล้ว
ตอนกลับ เอ้อร์เหมาขับรถคันสีขาว เซียวหังขับรถคันสีดำ
ตลอดทางก็ได้ยินเสียงของสวี่จือจือพูด “ขาคุณเป็ยังไงบ้าง?”
พอรถะเืนิดหน่อย เซียวหังก็ได้ยินเสียงสวี่จือจืออีก “เป็ยังไงบ้าง เจ็บไหม?”
เซียวหัง “…”
แค่ะเืปกติเล็กน้อย ทำไมลู่จิ่งซานกลายเป็กระดาษเปราะไปได้? ถนนไม่เรียบก็นั่งรถไม่ได้เลยเหรอ?
“ไม่ไหว ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาล” ไม่รอให้เซียวหังพูด สวี่จือจือก็พูดต่อ “คุณหมอไม่ได้บอกว่าคุณยังเดินไม่ได้เหรอ? ทำไมไม่เชื่อฟังเลยล่ะ?”
“ไปใช้เครื่องสแกนที่โรงพยาบาลดีกว่า” สวี่จือจือพูดจบก็หันไปบอกเซียวหัง “นายพาพวกเราไปโรงพยาบาลก่อนได้ไหม?”
“จือจือ” ลู่จิ่งซานจับมือเธอ อยากบอกว่าเขาไม่เป็ไร แต่เจอดวงตาที่กังวลและตื่นตระหนกของเธอ เขาก็ยิ้มเอ็นดู “ได้ พวกเราจะไปโรงพยาบาลกัน”
ชายชราตอนนี้ถูกเรียกตัวกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลทหารเมืองหลวง
“นายพาพวกเราไปโรงพยาบาลทหารก่อน แล้วค่อยไปจัดการงาน” ลู่จิ่งซานบอกเซียวหัง
เซียวหังลังเล
ตอนนี้พวกเขากำลังโจมตีแบบสายฟ้าแลบ เพื่อโยนหวงซานไปสถานีตำรวจและเก็บหลักฐานชิ้นแรก
ถ้าทำได้ หวงซานมาถึงก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าไปโรงพยาบาลก่อนไปสถานีตำรวจ จะเสียเวลาไปหน่อย
ถ้าเกิดว่า…
แต่เห็นสีหน้าลู่จิ่งซาน เซียวหังเคยเห็นเขาแบบนี้ที่ไหน อีกอย่าง สวี่จือจือก็เป็ห่วงลู่จิ่งซาน
เขากลืนคำพูดลงคอ แล้วบอกว่า “อืม ฉันจะบอกเอ้อร์เหมาหน่อย”
“ให้เอ้อร์เหมาพาพวกเราไปไปโรงพยาบาล ส่วนนายไปจัดการงาน” ลู่จิ่งซานบอก
เอ้อร์เหมาจัดการหวงซานไม่ได้
“คุณไม่เป็ไรจริงๆ เหรอ?” สวี่จือจือเข้าใจความหมายทั้งสองคน บอกว่า “ถ้าไม่เป็ไรจริงๆ พวกเราไปสถานีตำรวจกัน”
เธอถามเซียวหังอย่างเป็กังวล “คนที่ชื่อหวงซานนั่นเก่งมากเหรอ? พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันถูกขังที่นั่น?”
“พวกเราไม่รู้หรอก” เซียวหังยิ้ม “พูดแล้วเหมือนโชคชะตาของสามีภรรยาของพวกเธอ”
เื่บังเอิญขนาดนี้ พวกเขายังเจอกันได้
เดิมทีเพราะเขากับหวงซานไม่ถูกกัน ได้ยินว่าเขาขังคนไว้ เลยคิดจะช่วยออกมา
ไม่นึกว่าจะได้ช่วยภรรยาที่หายตัวไปจากบ้านเกิดของลู่จิ่งซาน
“ไปสถานีตำรวจเถอะ” ลู่จิ่งซานบอก
เขาจับมือเธอ แล้วตอบ “ขาผมไม่เป็ไร เดี๋ยวถึงสถานีตำรวจ ผมนั่งรถเข็นก็ได้”
“ได้” สวี่จือจือพยักหน้า แล้วพูดกับลู่จิ่งซาน “พวกเราจะฟ้องเขาได้ไหม?”
หวงซานอะไรนี่ดูเหมือนจะเก่งกาจ
คนแบบนี้ พวกเขาไม่มีอำนาจและฐานะ จะเอาผิดเขาได้เหรอ?
“นี่คือสังคมนิติธรรม” ลู่จิ่งซานบอก
“ใช่ ความยุติธรรมอาจจะมาช้า แต่ไม่เคยขาดหาย” สวี่จือจือพยักหน้าจริงจัง
คนเลวต้องถูกลงโทษ
ลู่จิ่งซานนิ่งอึ้ง ส่วนเซียวหังที่อยู่ข้างหน้าหัวเราะ “คำพูดของพี่สะใภ้ไม่ใช่แค่น่าสนใจ แต่ยังมีเหตุผลด้วย”
ความยุติธรรมไม่เคยขาด แค่ช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
พวกเขาไปสถานีตำรวจเขตตะวันตกของเมืองหลวง และลู่จิ่งซานนั่งรถเข็นตามที่สัญญาไว้กับสวี่จือจือ
“ลู่จิ่งซาน?”
เพิ่งเข้าสถานีตำรวจ สวี่จือจือก็ได้ยินเสียงหนึ่ง ตามด้วยชายวัยกลางคนเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เป็นายจริงๆ ด้วย”
“หัวหน้าหลิน” ลู่จิ่งซานแปลกใจ “คุณ…ย้ายมาที่นี่เหรอ?”
“ใช่ ตอนนี้ฉันเป็รองผู้กำกับการที่นี่” หลินิมองรถเข็น “าเ็เหรอ?”
“อืม” เขายิ้ม “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”
“นายมาทำอะไรที่นี่?” หลินิถาม
“พวกเรามาแจ้งความ” ลู่จิ่งซานบอก
หลินิมีสีหน้าจริงจัง “แจ้งความ? ไป ไปที่ห้องทำงานฉัน”
“พี่ซาน นายรู้จักเขาเหรอ?” เซียวหังถามเบาๆ
“จากหน่วยงานเก่าของพวกเราน่ะ” ลู่จิ่งซานบอก “รู้จักกันนิดหน่อย”
ถึงไม่ใช่เ้านายโดยตรง แต่ก็เคยทำงานด้วยกัน
ดีเลย เซียวหังคิดในใจ
เขามาที่นี่เพราะสถานีตำรวจเขตตะวันตกไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเซียวหรือหวงซาน ไม่นึกว่าจะมีเซอร์ไพรส์แบบนี้
พอถึงสถานีตำรวจ หัวใจของสวี่จือจือก็ค่อยๆ สงบ เธอเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
“เด็กสาวคนนั้นบอกว่าจะใช้ร่างกายฉันรักษาโรคให้เธอ” สวี่จือจือบอก “แต่ฉันไม่รู้เื่นี้เลย แถมฉันไม่ใช่ญาติอะไรกับเธอ ทำไมต้องใช้ร่างกายฉันรักษาเธอด้วย?”
เธอไม่ใช่คนโง่!
สีหน้าของหลินิยิ่งฟังยิ่งแย่ พอสวี่จือจือเล่าจบ เขาก็ตบโต๊ะด้วยความโมโห “เหลวไหล นี่มันฆ่าคนชัดๆ”
“ตอนนี้ฉันกลัวมากเลยค่ะ” สวี่จือจือร้องไห้ “ครั้งนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จ ใครจะรู้ว่าครั้งหน้าจะทำอะไร จิ่งซาน ฉันแค่อยากจะใช้ชีวิตดีๆ ทำไมต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย?”
สวี่จือจือตื่นเต้นจนรู้สึกเวียนหัว
จากนั้นเธอพุ่งตัวเข้าสู่อ้อมอกของลู่จิ่งซานแล้วสลบไป
.............................