แต่พวกเขาเหมือนจะคิดไม่ถึงว่า ความอยากจะเอาชนะเหลียวหานเพื่อจะได้เป็คนที่โดดเด่น สุดท้ายแล้วต้องกลับกลายมาเป็หินให้เหลียวหานเหยียบเพื่อให้ตัวเขาสูงขึ้นแทน!
“พักการแข่งหนึ่งนาที เชิญผู้ลงสมัครที่้าประลองแจ้งความประสงค์เพื่อเตรียมตัว” เสียงของผู้าุโที่เป็กรรมการดังขึ้นอีกครั้ง
“ผู้าุโ ข้าไม่ต้องพัก เมื่อครู่ข้าแค่อุ่นร่างกายเท่านั้น ท่านประกาศเริ่มการประลองรอบต่อไปได้เลยขอรับ” เหลียวหานทำท่า “เชิญ” ให้กับผู้าุโด้วยท่าทีที่สงบ
น้ำเสียงของเหลียวหานเรียบเฉยมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความโอหัง!
ทุกคนดูตื่นเต้นมากแต่ไม่มีการโห่ร้องะโใดๆ ขึ้นมา เพราะแม้เหลียวหานจะโอหังแต่เขาก็มีสิทธิ!
“ขอให้พี่น้องที่จะขึ้นมาเป็คนต่อไปคิดให้ดี หากถูกข้าเล่นงานจนตกเวทีไปภายในสองสามกระบวนท่ามันขายหน้านะ ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุด ใครกล้า ขึ้นมาเลย!”
คำพูดของเหลียวหานเหมือนทุบลงกลางใจของผู้ชมทุกคน ทำให้เกิดเสียงซุบซิบขึ้นอีกครั้ง
เหลียวหานไม่อยากสู้กับผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นหนึ่งแล้ว เลยเรียกผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดให้ขึ้นมา ความโอหังนี้ทำให้ทุกคนเดือด!
ผู้าุโกรรมการยิ้มอย่างจนใจ เขามองไปที่เหลียวหานแล้วคิดถึงตัวเองว่าเคยเดือดเืร้อนแบบนี้เหมือนกัน!
“ผู้กล้าท้าประลองคนต่อไป เชิญขึ้นเวทีได้” เสียงของผู้าุโกรรมการดังขึ้นทั่วลานประลอง แต่ผ่านไปแล้วหลายนาทีก็ยังไม่มีใครขึ้นมา
ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดต่างก็มองออกว่าเหลียวหานนั้นแข็งแกร่ง ต่อให้พวกเขาขึ้นไปประลองก็จะต้องคิดให้รอบคอบ เพราะการเอาชนะขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งนั้นมันไม่ได้เป็เื่ที่น่าภูมิใจ
ส่วนผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งหลายคนต่างคิดว่าตัวเองนั้นไม่ธรรมดา จึงอยากจะออกโรงไปตอนท้ายๆ ดังนั้นพวกเขาเลยค่อนข้างที่จะลังเลว่าควรจะขึ้นไปบนลานประลองหรือไม่
แต่ในเวลานี้ กลับมีคนะโขึ้นมาบนลานประลองเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งร้อยเมตร เขายืนอยู่ขอบเวทีแล้วพูดขึ้นมาว่า
“ข้าจะประลองเอง”
คนๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่น เขาคือิอวี่!
ในเมื่อตั้งใจจะมารับศึกอยู่แล้ว แล้วจะรอไปเพื่ออะไร!
ในเวลานี้ สายตาของผู้าุโใหญ่ทั้งแปดคนต่างหันมามองที่ิอวี่ หลังจากััได้ว่าิอวี่นั้นมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งซ่งหยวนหยวนก็ขมวดคิ้ว คิดหนัก มีผู้าุโใหญ่อีกคนที่อยู่ด้านหลังทางซ้ายมือของนาง และชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังกระซิบข้างหูของเขาอยู่ ผู้าุโใหญ่คนนั้นมีท่าทีที่เปลี่ยนไปในทันที!
แม้แต่ในห้องพักทางทิศเหนือก็มีชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่จ้องมาที่ิอวี่อย่างไม่กะพริบตา ลมปราณในร่างกายของเขานั้นเพิ่มพูนมากขึ้นทันที!
เขาคนนั้นก็คือเซินถูเจ๋อ!
ก่อนหน้านี้เขาตามหาิอวี่มาตลอดทั้งเดือน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าิอวี่จะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
และยังมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งแล้วด้วย? สาเหตุที่กล้าขึ้นเวทีก็คงเป็เพราะแบบนี้ ท่าทีของเซินถูเจ๋อไม่พอใจอย่างมาก รู้สึกว่าเื่นี้น่าตลกสิ้นดี!
เมื่อสามวันก่อนซ่งหยวนหยวนเคยให้คนไปบอกเซินถูเจ๋อว่า ให้เขาเลือกท้าประลองกับผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สองนางถึงจะเลือกเซินถูเจ๋อ มีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงจะคู่ควรจะเป็ “ศิษย์ของซ่งหยวนหยวน”
ดังนั้น ตอนนี้เซินถูเจ๋อจึงพยายามกักเก็บพลังอยู่ เพื่อแสดงความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป และยังมีกฎเกณฑ์กำหนดเอาไว้อีก เขาคงต้องยกโอกาสสังหาริอวี่ให้กับเหลียวหานแล้ว
ในเวลานี้ สายตาของผู้ชมห้าหมื่นคนล้วนแต่มองมาที่ิอวี่
หลังจากที่พวกเขาััถึงลมปราณขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งของิอวี่ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ผิดหวัง
เดิมมีชายหนุ่มเืร้อนองอาจกล้าหาญขึ้นท้าประลอง แต่วินาทีที่ขึ้นไปบนเวที มันกลับทำให้ทุกคนรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
“นี่มันอะไรกัน? ไหนบอกว่าจะให้ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งสูงสุดขึ้นไปประลองไง ทำไมถึงเป็แบบนี้ล่ะ?”
“เ้านี่มันไม่มีสมองหรือไง มีแต่ความกล้าแต่ไม่มีสมอง คงเป็แค่พวกบุ่มบ่ามเท่านั้นแหละ”
“เฮ้อ บ่นอะไรกันนักหนา ดูเป็เื่ตลกให้มันผ่านไปไม่ได้หรือไง?”
“เงียบเถอะ ให้เกียรติเขาหน่อย อย่างไรก็ได้ดูเหลียวหานต่อสู้นะ”
ทุกคนในลานประลองล้วนแต่เป็ศิษย์ทั่วไป ส่วนมากก็เป็ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าไม่ก็ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง หากแต่ละคนเป็เหมือนเหลียวหาน คือมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งก็สามารถไร้เทียมทานแบบนี้ได้ แล้วจะมีการคัดเลือกศิษย์ชั้นยอดไปเพื่ออะไร? ทุกคนคงสามารถลงสมัครคัดเลือกไปแล้ว และแต่ละคนก็คงสามารถลงต่อสู้ได้ทุกครั้ง
แต่ในความเป็จริงมันไม่ได้เป็แบบนั้นเลย มันเป็การประลองระหว่างบุคคลที่มีความสามารถ มันไม่ใช่การประลองที่ใครก็ได้จะลงสมัครกัน!
บนลานประลอง เหลียวหานมองมาที่ิอวี่ด้วยความประหลาดใจ พูดกันตามจริง เขาไม่ได้อยากจะเปลืองแรงกับคนในระดับเดียวกันแล้ว เขาอยากเก็บแรงเอาไว้ให้กับผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุด
เพราะหากเหลือกำลังมากขึ้นอีกหน่อย การรับมือกับผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดก็น่าจะมีโอกาสชนะมากขึ้น แต่การปรากฏตัวของิอวี่มันลดโอกาสในการชนะผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งไปอีก นั่นก็หมายความว่าเขาจะไม่สามารถแสดงความสามารถที่น่าทึ่งที่สุดของเขาได้ และอาจไม่สามารถทำให้ผู้าุโใหญ่ยอมรับได้
มันเลยทำให้เหลียวหานนั้นโกรธมาก
“เ้ามันตัวอะไรถึงกล้าขึ้นมาบนลานประลองนี่?”
เหลียวหานจ้องิอวี่ตาเขม็ง ท่าทางของเขาดุดันมาก แล้วก็พูดออกมาเสียงเข้มว่า “ไสหัวไป”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ... ”
คำพูดของเหลียวหานทำให้ชายหนุ่มหญิงสาวนอกลานประลองนั้นหัวเราะขึ้นมา แล้วก็มองไปที่ิอวี่ด้วยสายตาที่แปลกประหลาด เพื่อดูว่าบนหน้าของเขานั้นมีความอับอายบ้างหรือเปล่า
แต่พวกเขากลับต้องผิดหวังอีกครั้ง เพราะิอวี่นิ่งมาก ไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรใดๆ เลย จึงทำให้ทุกคนรู้สึกหมดสนุก
“ข้าบอกให้เ้าไสหัวไป เ้าไม่ได้ยินหรือไง? ข้าจะให้โอกาสเ้าเป็ครั้งสุดท้าย ไม่อย่างนั้นข้าจะซัดเ้าจนกระดูกเละแล้วโยนเ้าลงจากเวทีไป!”
น้ำเสียงของเหลียวหานนั้นเน้นหนักขึ้น ดวงตาของเขาจ้องมาที่ิอวี่แบบไม่กะพริบตาและดูดุมาก
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าท่าทางของิอวี่ก็เปลี่ยนไป เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เ้ารู้ตัวหรือเปล่า ท่าทางของเ้ามันทำให้ข้าไม่พอใจ”
“เหอะๆ เ้านี่มันบ้าจริงๆ เลยนะ เ้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ? เ้าไม่พอใจก็ทนไปสิ! หากเ้ายังไม่ไสหัวไป อีกเดี๋ยวเ้าจะแค้นข้าไม่ทันเลยนะ!”
เหลียวหานหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “เอาอย่างไร จะไสหัวไปไหม?”
การที่ิอวี่ขึ้นมามันทำให้เขาเสียแผน และคำพูดของิอวี่ยังล้ำเส้นของเหลียวหานอีก ตอนนี้เขากำลังข่มอารมณ์โกรธแล้วพูดอยู่
แต่ิอวี่กลับไม่ได้กลัวท่าทางการข่มขู่ของเหลียวหานเลย “เ้าต่อเลย เ้าผายลมเสร็จเมื่อไหร่ เราก็มาเริ่มกัน”
“อย่างนั้นเ้าก็ตายซะเถอะ!”
คำพูดนี้ของิอวี่ทำให้เหลียวหานถึงจุดะเิ เหลียวหานพุ่งเข้าจู่โจมิอวี่ในทันที เขาเริ่มใช้ทักษะพลังกายเสวียนระดับต้น “เมฆพายุหมุน” ที่เขาเชี่ยวชาญในทันที เพื่อเอาชนะิอวี่ในทีเดียว!
เงาเหลียวหานขยับเข้ามาอย่างรวดเร็วเหมือนกับพายุที่พุ่งผ่านเมฆ กระแสการเคลื่อนไหวก็คืออากาศ แล้วตัวเขาก็คือเมฆ
ยามมีลมพัดมา เมฆก็สลายหายไป ทำให้คนจับทางเขาไม่ได้เลย!
เพราะทักษะพลังกายเมฆพายุหมุนทำให้เหลียวหานมีมิติการต่อสู้ที่ดี เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่เชี่ยวชาญการโจมตีระยะใกล้ก็เว้นระยะห่างออกไปได้ เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เชี่ยวชาญระยะไกลก็ขยับเข้าใกล้ได้ พูดได้เลยว่า เขามีข้อได้เปรียบในการต่อสู้โดยธรรมชาติ!
แต่เขากลับไม่รู้เลยว่า ิอวี่นั้นจับทางการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างชัดเจน
“ััแห่งิญญา”
น้ำสีดำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลเข้าสู่จุดเซินถิงอย่างต่อเนื่อง ดวงตาสีดำเป็ประกายคู่นั้นเริ่มเล็กแหลมราวกับเข็ม ระดับสมาธิสูงขึ้นจนมองเห็นการเคลื่อนที่ของเหลียวหานอย่างชัดเจน
ในขณะเดียวกัน ใต้เท้าของเขาก็เกิดลมแล้วก็หลบหมัดสังหารของเหลียวหานไปได้ นั่นคืออสรพิษหลงทาง!
“หนีหรือ!”
ลมปราณในร่างกายของเหลียวหานพุ่งทะยานขึ้นมา ลมปราณในดวงจิตเทวะเริ่มแผ่ออกมาแล้วไหลไปตามแขนและขา และทำการโจมตีใส่ิอวี่อย่างต่อเนื่อง แต่ิอวี่ก็สามารถหลบได้ตลอด เขาหลบกระบวนท่าสังหารของเหลียวหานได้อย่างสุขุมทุกครั้ง ราวกับดอกบัวที่อยู่เหนือตม!
หลังจากมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง ร่างกายของิอวี่ก็พัฒนาแบบก้าวะโอีกครั้ง เมื่อมีลมปราณที่แข็งแกร่งคอยหนุน กำลังของิอวี่ก็เพิ่มมากขึ้น มีความเร็วที่มากขึ้น มีปฏิกิริยาที่ว่องไวขึ้น เขาเดินลมปราณลงไปที่ขาทั้งสองข้าง อสรพิษหลงทางเองก็เริ่มคล่องขึ้นและใช้ได้ดีมากขึ้น
คุณภาพของพลังและดวงจิตเทวะของิอวี่เดิมก็เหนือกว่าเหลียวหานอยู่แล้ว ถึงแม้ พลังกายจะแตกต่างกันอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เมื่ออยู่บนตัวคนที่แตกต่างออกไปผลมันก็จะได้ออกมาเป็อีกแบบ!
เหลียวหานเองก็น่าทึ่ง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าิอวี่เองก็มีทักษะพลังกายที่ล้ำลึกเหมือนกัน!
เหลียวหานเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเพื่อลองไล่ล่าิอวี่ดู แต่เขาก็พลาดเป้าทุกครั้ง เหมือนจะแตะต้องิอวี่ได้แล้ว แต่ทุกครั้งหมัดของเขาก็ชกโดนแต่ลม ร่างกายของิอวี่ไปทางซ้ายทีขวาที!
เมื่อโจมตีพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า เหลียวหานก็เริ่มร้อนใจ เหงื่อของเขาเริ่มไหลออกมาทางหน้าผาก
“เหนื่อยแล้วหรือ? ถ้าเหนื่อยแล้ว ตาข้าบ้างนะ”
ิอวี่เคลื่อนที่ไปโผล่ด้านหลังของเหลียวหานในทันที
“เ้าสวะ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวมารนหาที่ตายแล้วหรือ!”
ดวงตาของเหลียวหานเป็ประกาย เขาบิดเอวและวาดขาขวาของเขาเข้าไปที่ซี่โครงของิอวี่ราวกับดาบเล่มใหญ่
แต่ครั้งนี้ิอวี่ไม่ได้หลบ เขาใช้ฝ่ามือของเขารับขาขวาของเหลียวหาน จากนั้นก็จิกมือเป็กรงเล็บแล้วจับข้อขาของเหลียวหานเอาไว้ เขาบิดตัวไปด้านหลังและใช้มือขวายกเหลียวหานขึ้นก่อนจะกระแทกตัวเขาลงกับพื้นอย่างแรง
“ตึง!”
ร่างกายของเหลียวหานกระแทกพื้นอย่างแรง เขาร้องออกมาด้วยความเ็ปและกระอักเืออกมา
แต่ิอวี่ไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขาบิดตัวอีกครั้งแล้วยกขาเหลียวหานขึ้นมาแล้วทุบลงพื้นด้านหลัง สลับไปมาอยู่อย่างนี้โดยไม่หยุด!
“ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! … ”
เหลียวหานรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก เขารู้สึกปวดตัวไปหมด อวัยวะในร่างกายเหมือนแผดเผา เขาได้ยินเสียงกระดูกในร่างกายของตนเองกำลังแตกหัก!
หลังจากนั้นิอวี่ก็หันตัวกลับมา เขาไม่ได้ทุบเหลียวหานกับพื้นอีก แต่จับที่ข้อขาของเหลียวหานแล้วปล่อยพลังเทียบเท่าราชสีห์สองหมื่นตัวเพื่อโยนเขาให้ไกลออกไปสุดฟ้า
“ไสหัวไป”
เหลียวหานกลิ้งหมุนอยู่บนท้องฟ้าหลายตลบ การต่อสู้ในครั้งนี้กลายเป็ที่ตกตะลึงภายในพริบตาเดียว เหลียวหานก็กลายเป็แค่จุดเล็กๆ สีดำ และสุดท้ายก็หายไปเลย
