หากออกไปตอนนี้ต้องถูกจับได้แน่ เซี่ยโม่จึงรีบเข้าไปแอบในโกดังสินค้า
เธอยกมือลูบอกเพื่อปลอบประโลมจิตใจที่กำลังตื่นตระหนก คิดในใจว่าที่ผ่านมาเธอโชคดีมาตลอด แต่พอคิดจะทำเื่ชั่วร้ายทำไมกลับอับโชคเสียได้
ดูท่าต่อไปเธอคงทำเื่ไม่ดีไม่ได้อีกแล้ว!
เซี่ยโม่นิ่งฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก เป็เสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเข้ามา
ไม่นานก็มีเสียงออดอ้อนของผู้หญิงดังขึ้น “ที่รัก คุณไม่กลัวเมียคุณเหรอ”
“ทำไมต้องกลัว เธอก็แค่พยาบาลตัวเล็กๆ ทำอะไรผมไม่ได้หรอก” เสียงตอบกลับของผู้ชายเต็มไปด้วยความคุยโม้โอ้อวด
แม้เธอจะแอบอยู่ในโกดังสินค้า แต่ประสาทััทั้งห้าก็ยังทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน
เธอมั่นใจว่าเสียงผู้หญิงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงมารดาของเซี่ยวฉางเซิงอย่างแน่นอน
เรียกฝ่ายชายว่าที่รัก ตามฝ่ายชายมาที่บ้าน อีหรอบนี้ไม่แคล้วเป็หญิงชู้
นึกไม่ถึงเลยว่าเธอที่เข้ามาทำเื่ไม่ดีกลับต้องมาเจอเข้ากับนกยวนยางคู่หนึ่ง
เซี่ยโม่ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับเื่ของอีกฝ่าย เธอแค่อยากรู้ว่าสองคนนั้นอยู่ส่วนไหนของตัวบ้าน จะได้แอบหนีออกจากบ้านไปโดยไม่ถูกใครจับได้
ไม่นานก็ได้ยินเสียงเปิดและปิดประตูห้อง เดาเอาว่าทั้งคู่น่าจะเข้าไปในห้องนอนใหญ่
เธอรู้สึกว่าเวลาระหว่างนี้ผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกิน เวลาแค่นาทีเดียวรู้สึกเหมือนผ่านไปเป็ปี
ไม่นานก็มีเสียงหอบหายใจและเสียงครวญครางดังมาจากห้องนอน เสียงพวกนี้เธอเคยได้ยินจากในหนังในละครเมื่อชาติที่แล้ว เลยรู้ดีว่าทั้งคู่กำลังทำอะไรกันอยู่
โอกาสมาถึงแล้ว
เซี่ยโม่เดินออกจากโกดังสินค้า มองไปทางประตูห้องนอนใหญ่อย่างดูแคลน เดิมทีเธอคิดจะกลับไปตามทางเดิมที่เข้ามา แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว เธอเดินออกไปทางหน้าบ้านแทน
ประตูหน้าบ้านลงกลอนเอาไว้ หากใครจะเข้ามาต้องเคาะประตูก่อน ทีนี้คนในบ้านก็จะรู้ตัวและหลบได้ทัน
เพียงแค่นี้ก็ไม่สามารถจับหญิงชู้ได้แล้ว
ด้วยความที่กลัวว่าจะทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ เธอหยิบถุงมือจากโกดังสินค้าออกมาสวม ก่อนจะค่อยๆ ปลดกลอนประตูอย่างระมัดระวัง
หลังเดินออกจากบ้าน เธอเปิดประตูให้แง้มเอาไว้เล็กน้อย พร้อมกับคิดในใจว่า ระหว่างนี้ถ้ามีคนกลับมาแล้วเห็นภาพในบ้านคงจะดีไม่น้อย
ไม่ว่าจะเป็คนในบ้านหรือแขกที่บังเอิญมาเยี่ยมล้วนดีทั้งนั้น หรือต่อให้ไม่มีใครเข้าไปเห็น แต่ในเมื่อเธอแง้มประตูเอาไว้แบบนี้ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะต้องได้ยินเสียงอย่างแน่นอน
เสียงร้องของผู้หญิงคนนั้นดังมาก เหมือนเสียงร้องของไก่ที่ถูกบีบคออย่างไรอย่างนั้น ทั้งแหลมทั้งสูงจนเธออยากจะยกมือขึ้นปิดหู ถือว่าเป็มลพิษทางเสียงอย่างยิ่ง
เซี่ยโม่เดินออกจากบ้านตระกูลเซี่ยวไปยังซอยที่เธอจอดรถจักรยานเอาไว้ จากนั้นก็ขี่จักรยานกลับไปที่โรงเรียน
เธอคิดอย่างแค้นเคืองใจ ขอให้นกยวนยางคู่นั้นเข้าไปหาน้ำดื่มในห้องครัวจนท้องเสียกันไปเลย
พอคิดว่าหลังจากนี้คนในบ้านเซี่ยวจะต้องท้องเสียจนหมดเรี่ยวหมดแรง เธอก็ยกยิ้มอย่างสาแก่ใจ
น่าเสียดายที่จะไม่ได้เห็นภาพนั้นกับตา
เช้าวันต่อมา ตอนเซี่ยโม่ขี่จักรยานไปโรงเรียน เธอไม่กล้าประมาทเลยแวะปลอมตัวเป็คนชราท่าทางอ่อนแอ
ทว่าวันนี้เซี่ยวฉางเซิงไม่ได้มาดักรอเธอเหมือนเช่นทุกวัน
เธอมีความสุขอย่างยิ่ง อีกฝ่ายคงท้องเสียจนมาไม่ไหวแน่นอน
คิดแต่จะเล่นงานคนอื่น พอถูกเล่นงานบ้างรู้สึกเป็อย่างไร?
ไหนจะเื่ฉาวโฉ่ของบิดาอีก อีกฝ่ายต้องอับอายขายหน้าเป็แน่
เซี่ยโม่ขี่จักรยานไปยังซอยใกล้ๆ โรงเรียนเพื่อลบเครื่องสำอาง ขณะกำลังจะขี่จักรยานออกจากซอย ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกลับจูงจักรยานมายืนขวางเธอตรงหน้าปากซอยเสียก่อน
เธอมีสีหน้าใ ทำไมถึงเป็เขาไปได้
แย่แล้ว! ถูกจับได้แล้ว! ทำอย่างไรดีล่ะทีนี้?!
คนที่มาคือซ่งมู่ไป๋
ชายหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด ราวกับมีเื่ที่คิดไม่ตก ซ่งมู่ไป๋จ้องมองมาด้วยแววตาคมกริบ ประหนึ่งจะมองทะลุให้เห็นถึงความคิดในใจเธอ
เธอรีบหลบตา ในใจนึกประหวั่น หรือว่าที่เธอปลอมตัวเมื่อครู่นี้พี่ซ่งจะจำได้?
ไม่อย่างนั้นทำไมหน้าตาถึงได้ถมึงทึงเช่นนี้
ชาติที่แล้ว ไม่ว่ามีเื่หรือปัญหาอะไร เธอมักจะจัดการด้วยตัวคนเดียวอยู่เสมอจึงเกิดเป็ความเคยชิน มาชาตินี้หากพบปัญหาใด เธอก็จะคิดและจัดการด้วยตัวเองคนเดียว
พอถูกจับได้แบบนี้ เธอจึงไม่ทราบว่าตัวเองทำผิดที่ตรงไหน
“พี่ซ่ง ฉันใกล้จะไปเรียนสายแล้ว พี่มีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ ไว้ตอนพักหลังจบคาบสอง ฉันค่อยไปหาพี่ดีไหมคะ” เด็กสาวพูดเสียงแ่เบา
ชายหนุ่มยังคงจ้องมองมาที่เธอนิ่ง ไม่ทั้งพยักหน้าหรือส่ายหน้า
จนเธอสงสัยว่า หรือที่เห็นตรงหน้าจะเป็ภาพลวงตา
หลายวันมานี้เธอปลอมตัวเป็คนโน้นคนนี้อยู่ตลอด เธอจึงเคยชินกับสายตาที่มองมาอย่างพินิจพิเคราะห์
ชายหนุ่มยื่นมือมาลูบศีรษะเธอพร้อมกับตัดพ้อ “ทำไมเธอชอบผลักไสฉันอยู่เรื่อย เวลามีอะไรทำไมถึงชอบแบกรับเอาไว้คนเดียว ทำไมกัน”
พอได้ยินเสียงอันอ่อนโยนที่แสนจะคุ้นเคย เธอถึงได้มั่นใจว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่ภาพลวงตา
ต่อมาไม่นานเธอก็ได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจนปัญญา “รีบไปเรียนเถอะ ฉันจะรอ”
วันนี้ซ่งมู่ไป๋เข้ามาทำธุระในตำบล เนื่องจากอยากเจอหน้าเด็กสาวจึงไปดักรอระหว่างทาง แต่ปรากฏว่าคนที่ขี่จักรยานผ่านมากลับเป็คนชราท่าทางอ่อนแอคนหนึ่ง
เขารู้สึกฉงนยิ่งนัก จักรยานที่คนชราคนนั้นขี่มาดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก
ซ่งมู่ไป๋มีท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขี่จักรยานตามอีกฝ่ายไป กระทั่งไปถึงซอยหนึ่งซึ่งเป็ซอยตัน อีกฝ่ายเข้าไปทำอะไรในนั้น?
ผ่านไปไม่กี่นาทีเขาก็เห็นเซี่ยโม่ขี่จักรยานออกมา ถึงได้เข้าใจว่าที่แท้คนชราก่อนหน้านี้ก็คือเด็กสาวนั่นเอง
เซี่ยโม่มองนาฬิกาในโกดังสินค้า อีกแค่ไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว
“ค่ะ” พูดจบเธอก็รีบขี่จักรยานไปโรงเรียน ระหว่างนั้นไม่วายหันกลับไปมองด้านหลัง พบว่าพี่ซ่งขี่จักรยานตามมาอย่างเงียบๆ โดยเว้นระยะห่างไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกล ตาคอยมองมาที่เธออย่างเป็ห่วง คล้ายกลัวว่าเธอจะหายตัวไปอย่างไรอย่างนั้น
อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าเธอปลอมตัวเป็คนแก่? หรือเป็เื่บังเอิญ?
คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก เช่นนั้นก็อย่าไปคิดเลย เธอโยนเื่นี้ทิ้งไป พอไปถึงโรงเรียนก็นั่งฟังคุณครูสอนอย่างตั้งใจ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเสียงออดบอกเวลาหมดคาบสองก็ดังขึ้น
เธอนึกถึงพี่ซ่งที่ยังรออยู่ข้างนอก เซี่ยโม่รีบวิ่งออกไปที่หน้าประตูโรงเรียน ที่นั่นชายหนุ่มยังคงจูงจักรยานยืนรอเธออยู่ เขายืนสงบนิ่งไม่ขยับราวกับรูปปั้น
อย่าบอกนะว่าหนึ่งร้อยนาทีที่ผ่านมาพี่ซ่งยืนนิ่งอยู่แบบนี้ตลอด? คงไม่หรอกกระมัง?
“พี่ซ่ง พี่ยืนรอแบบนี้ตลอดเลยเหรอคะ ไม่มีธุระต้องไปทำระหว่างที่รอเหรอคะ”
ซ่งมู่ไป๋ยกยิ้มมุมปาก “เื่ของเธอสำคัญที่สุด หากยังจัดการเื่ของเธอไม่จบ ฉันจะมีกะจิตกะใจไปทำธุระอื่นได้ยังไง”
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเป็แบบนี้นะ ทำเอาเธอไปต่อไม่ถูก
“ตามฉันมา…”
ทั้งคู่เดินไปหาที่เงียบๆ คุยกัน เซี่ยโม่เป็ฝ่ายเล่าเื่ทั้งหมดให้ฟังก่อน
“ตอนเรียนม.ต้นมีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งชื่อว่าเซี่ยวฉางเซิง เห็นฉันข้ามชั้นขึ้นไปเรียนม.ปลายได้เขาคงอิจฉา เลยมาดักรอฉันระหว่างทางทุกเช้า ถนนจากโรงเรียนประถมไปโรงเรียนมัธยมในตำบลที่ดีๆ ก็มีแค่เส้นเดียว ฉันไม่อยากยุ่งด้วยก็เลยต้องปลอมตัวเพื่อหลบเขา”
เซี่ยโม่ไม่ได้เล่าเื่ที่เธอวางยาคนในบ้านตระกูลเซี่ยวให้ฟัง และพยายามเล่าเื่นี้ให้เป็แค่เื่ธรรมดาให้มากที่สุด
ซ่งมู่ไป๋ถอนหายใจ ก่อนจะมองเด็กสาวอย่างตำหนิ “แล้วทำไมไม่บอกฉัน ก่อนหน้านี้ฉันก็มาหาเธอ”
“ฉันจัดการเขาได้ค่ะ ในเมื่อฉันจัดการเขาได้ทำไมฉันต้องบอกพี่ด้วย ถ้าฉันหวังให้พี่ช่วยฉันทุกเื่ พี่จะมีเวลาทำธุระส่วนตัวได้ยังไงคะ” เด็กสาวตอบอย่างมั่นใจ
“เธอนี่มันน่าตีก้นจริงๆ ต้องตีให้แรงๆ จะได้จำได้สักที!” สีหน้าของซ่งมู่ไป๋ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
เธอถอยห่างด้วยสีหน้าหวาดกลัว พร้อมกับเอามือกุมก้นตัวเองอย่างนึกระแวง
ต่อมาถึงค่อยคิดขึ้นมาได้ว่าตรงนี้อยู่ห่างจากหน้าโรงเรียนไม่ไกล อีกฝ่ายไม่มีทางทำอะไรแน่ เขาก็แค่ขู่เธอเท่านั้น เซี่ยโม่จึงรวบรวมความกล้าพูดออกไปด้วยน้ำเสียงถือดี “พี่กล้าเหรอคะ”
ซ่งมู่ไป๋เดินเข้าไปใกล้เด็กสาว พร้อมกับยื่นมือออกไป
เธอรีบก้าวถอยหลังด้วยความใ
ครั้นเห็นอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินเข้ามา เธอรีบอธิบายเพิ่มทันที “พี่ซ่ง พี่ไม่ต้องเป็ห่วงเื่นี้แล้วละค่ะ เมื่อเช้าฉันไม่เห็นเขาแล้ว ่เช้าฉันได้ยินเพื่อนในห้องพูดกันว่า เมื่อวาน่ใกล้ค่ำ มีการจับชู้ที่บ้านตระกูลเซี่ยวบนถนนเซิ่งลี่ ฉันเดาว่าน่าจะเป็บ้านของเขา เพราะเคยได้ยินเขาโม้ให้เพื่อนๆ ฟังว่าบ้านเขาอยู่ที่ถนนเซิ่งลี่”
