เช้าวันต่อมาเฉียวลู่ตื่นั้แ่เช้ามืดเพื่อพาจางหย่งไปส่งกุ้งให้กับจีหม่านโหรว นางจะไปด้วยเพียงครั้งแรกเท่านั้นเพื่อให้พวกเขาจำหน้าจางหย่งได้จะได้รู้ว่าครั้งหน้าเขาคือผู้ที่จะมาส่งกุ้งให้จีหม่านโหรวทุกวัน นอกจากส่งกุ้งแล้วเฉียวลู่ก็มีเื่ที่้าทำอีกอย่างคือหาคนมาสร้างเรือนให้นางนั่นเอง และอุปกรณ์บางอย่างก็ต้องมาหาซื้อที่อำเภอเป่ยจิงเท่านั้น
เมื่อเ้าวัวแก่หยุดลงที่หน้าจีหม่านโหรว เฉียวลู่ะโลงมาจากเกวียน นางเดินตรงไปที่ผู้ดูแลที่กำลังตรวจดูผักและเนื้อของชาวบ้านที่นำมาขายให้พวกเขา
“อรุนสวัสดิ์เ้าค่ะผู้ดูแลเหวิน”
เหวินซงที่กำลังยุ่งอยู่กับการตรวจวัตถุดิบที่จะนำมาทำอาหารรีบหันตามเสียงทักทายที่แสนหวานของเฉียวลู่ทันที
“อ้อแม่นางเฉียวนั่นเอง เ้ามาแล้วหรือข้ากำลังรอเ้าอยู่เลย”
เฉียวลู่พยักหน้ารับ
“ดูเหมือนท่านกำลังยุ่งอยู่ ข้ารอได้เ้าค่ะ”
เหวินซงส่ายหน้าไปมา
ไม่เป็ไรวัตถุดิบของเ้าสำคัญกว่า มาเถอะข้าจะให้คนชั่งกุ้งของเ้าก่อน”
เหวินซงเรียกพนักงานของจีหม่านโหรวสองคนให้มาช่วยเขาชั่งกุ้งไม่นานกุ้งสามร้อยสามจินก็ถูกชั่งเรียบร้อย
“สามจินนี้ถือว่าเป็กำไรที่ข้ามอบให้พวกท่านนะเ้าคะ”
เฉียวลู่ยิ้มตาหยีให้เหวินซง ถึงแม่ตอนนี้จะยังไม่สว่างดีนักแต่เหวินซงก็มองเห็นเฉียวลู่ได้อย่างชัดเจน เขาไม่นึกเลยว่าอยู่มาสี่สิบกว่าปีจะมานึกเขินอายแม่นางน้อยที่อายุยังไม่พ้นยี่สิบปีคนนี้ เหวินซงยอมรับว่าเฉียวลู่นั้นทั้งงดงามและมีเสน่ห์ที่สตรีทั่วทั้งดินแดน้ามี แต่ดูเหมือนว่านางนั้นจะไม่รู้ตัวเอาเสียเลยเพียงแค่นางพยักหน้าบุรุษทุกคนย่อมต้องยอมทำตามความ้าของนางอย่างแน่นอนนางไม่จำเป็จะต้องมาทำงานที่หนักหนาเช่นนี้เลย แต่ที่นางเลือกที่จะยืนด้วยตัวเองยอมรับความลำบากนั่นหมายความว่าหาได้ใส่ใจเื่รูปลักษณ์ของตน เขารู้สึกยอมรับและนับถือนางจากใจจริง
“ผู้ช่วยเหวินน้ำจิ้มหม่าล่าสี่ไหนี้ท่านจะต้องเก็บให้ดี จะให้ดีเก็บในอุณหภูมิที่เย็นจะดีมากเลยเ้าค่ะ”
เฉียวลู่เห็นผู้ช่วยเหวินที่กำลังเหม่อลอยนางจึงเรียกเขาซ้ำอีกครั้ง
“ผู้ช่วยเหวิน”
เหวินซงได้สติกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเฉียวลู่ เขารีบยกกำปั้นขึ้นปิดปากกระแอมไอออกมาอย่างเก้อเขิน
“แม่นางเฉียวเ้าว่าอย่างไรนะ”
เฉียวลู่ถอนหายใจออกมาเบาๆ นี่ท่านกำลังเหม่อลอยอันใดของท่านอยู่กันแน่ถึงไม่ได้ฟังที่ข้าพูด นางได้แต่เหน็บแนมเขาในใจ
“ท่านต้องเก็บซอสหม่าล่านี้ในอุณหภูมิที่เย็นเ้าค่ะ”
เฉียวลู่ไม่อยากคุยกับเขาแล้ว หลังจากการที่ส่งกุ้งเสร็จนางก็ขอร้องให้จางหย่งแนะนำคนที่สามารถสร้างบ้านในแบบที่นาง้าได้ จางหย่งที่เคยทำงานช่างไม้มาก่อนหลังจากที่หมดหน้าเก็บเกี่ยวเขาก็ไปสมัครงานเป็ช่างไม้สร้างบ้านอยู่หลายครั้งจึงรู้เื่นี้เป็อย่างดี ดังนั้นเขาจึงพาเฉียวลู่ไปที่บ้านของนายช่างใหญ่ที่เขาเคยทำงานด้วย
“ที่นี่แหละอาลู่บ้านนายช่างอู๋ ข้าเคยมาสมัครงานที่นี่ข้ารับรองได้ว่านายช่างอู๋จะต้องสร้างเรือนในแบบที่เ้า้าได้อย่างแน่นอน”
เกวียนจอดที่หน้าเรือนขนาดกลางหลังหนึ่งมีรั้วรอบขอบชิดประตูสีแดงบานใหญ่ปิดสนิท จางหย่งเดินไปเคาะประตูสักพักสตรีวัยกลางคนก็เดินมาเปิดประตู
“อ้าวจางหย่ง เ้ามาพบนายช่างหรือเขาอยู่ด้านในพอดีเข้ามาก่อนสิ”
หญิงวัยกลางคนผู้นั้นต้อนรับขับสู้จางหย่งเป็อย่างดีบ่งบอกว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก่อน
“พี่สะใภ้ขอรับที่ข้ามาวันนี้ข้ามีงานมาให้พี่ใหญ่อู๋ท่านรอข้าสักประเดี๋ยว ....อาลู่ลงมาเถอะ”
จางหย่งหันมาะโเรียกเฉียวลู่ที่นั่งอยู่ในเกวียน เฉียวลู่ะโลงจากเกวียนอย่างคล่องแคล่ว วันนี้นางสวมชุดสีเขียนใบไผ่ชุดใหม่ขับเน้นให้รูปร่างที่อรชรของนางให้ดูอ้อนแอ้นบอบบางยิ่งกว่าเดิม เฉียวลู่เดินตรงไปที่จางหย่งยืนอยู่
“นี่คือฮูหยินของนายช่างอู๋”
จางหย่งแนะนำง่ายๆ ให้กับนาง
“คารวะอู๋ฮูหยินเ้าค่ะ”
เฉียวลู่ย่อตัวคารวะนางอย่างงดงาม ฮูหยินอู๋มองเฉียวลู่ด้วยความตะลึง จากนั้นจึงหันไปมองจางหย่งที่เรียกเฉยวลู่อย่างสนิทสนม ด้วยความสงสัยนางจึงดึงจางหย่งมาอีกด้านเพื่อสอบถาม
“นี่จางหย่งเ้าแต่งงานใหม่แล้วหรือ ได้แม่นางน้อยที่งดงามเพียงนี้เชียว”
เป็คราวที่จางหย่งต้องตกตะลึงกับคำถามของฮูหยินอู๋บ้าง
"จะใช่ได้อย่างไรขอรับพี่สะใภ้นางเป็เด็กที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับข้าทั้งยังเป็คนที่ข้าและฮูหยินอยากจะรับเป็บุตรบุญธรรม ข้าเคยเล่าให้พวกท่านฟังแล้วไม่ใช่หรือ"
อู๋ฮูหยินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“โธ่!!!ไอ้เราก็นึกว่า....ช่างเถอะๆ เป็ข้าที่สงสัยมากไปไม่ได้แต่งงานใหม่ก็ดีแล้วข้าก็นึกตำหนิเ้าอยู่ในใจอยู่ว่าไม่สงสารภรรยาที่แสนดีของเ้าบ้างหรือที่แท้เื่ก็เป็เช่นนี้เอง”
เฉียวลู่ยังยืนอยู่ที่เดิมนางไม่ได้มองไปที่ฮูหยินอู๋ที่ดึงจางหย่งไปคุยกัน ถึงพวกเขาจะซุบซิบกันอย่างไรเฉียวลู่ก็ยังได้ยินอยู่ดี ถึงคำถามแรกจะทำเอานางถึงกับสำลักน้ำลายไปเลยทีเดียว ฮูหยินอู๋พาคนทั้งสองเข้าไปในเรือนขนาดกลางที่ถูกทำขึ้นอย่างปราณีตสมกับเป็เรือนของตระกูลช่างไม้ใหญ่ เฉียวลู่สำรวจรอบๆ ด้วยความสนใจ เมื่อพวกเขาเดินมาถึงห้องโถง ชายวัยกลางคนที่รูปร่างสูงใหญ่กำลังนั่งดื่มชาอยู่ตอนนี้พึ่งจะสว่างได้ไม่นานดูเหมือนว่าพวกเขาพึ่งจะทานอาหารเช้าเสร็จ
“คารวะพี่ใหญ่อู๋”
จางหย่งและเฉียวลู่คารวะชายวัยกลางคนที่เขาเรียกว่าพี่ใหญ่
“อ้าวอาหย่งเ้ามากันแต่เช้าขนาดนี้เชียวมีธุระอะไรหรือ หรือว่าเ้าจะกลับมาทำงานกับข้า”
จางหย่งส่ายหน้าปฏิเสธทันที จะมาทำงานกับท่านได้อย่างไรในเมื่องานที่ข้ามีอยู่ก็ล้นมือแล้ว
“เปล่าขอรับที่ข้ามาวันนี้คือข้ามีงานมาให้ท่าน นี่คือเฉียวลู่นางเป็ญาติของข้านาง้าสร้างเรือนไม่ทราบว่า่นี้พี่ใหญ่อู๋ว่างอยู่หรือไม่”
เฉียวลู่พยักหน้าให้ช่างใหญ่อู๋เล็กน้อย
“สวัสดีตอนเช้าเ้าค่ะ ตามที่ท่านอาหย่งบอกท่านข้าอยากให้ท่านสร้างเรือนให้ข้าและข้าก็มีแบบเอาไว้อยู่ในใจอยู่แล้วไม่ทราบว่านายช่างพอจะมีกระดาษพู่กันให้ข้ายืมสักหน่อยได้หรือไม่”
นายช่างอู๋พยักหน้าจากนั้นเขาจึงเดินหายไปทางห้องอีกด้าน ฮูหยินอู๋ยกน้ำชามาต้อนรับพวกเขาอย่างใจดี เมื่อนายช่างอู๋กลับมาเฉียวลูก็วาดแบบบ้านให้เขาทันที
แบบบ้านที่เฉียวลู่วาดออกมาช่างดูแปลกตาสำหรับคนยุคโบราณเช่นเขานัก เฉียวลู่นึกถึงเมื่อยามหน้าหนาวที่แสนจะลำบากของยุคโบราณที่ไม่มีฮีตเตอร์ นางจึงออกแบบเรือนของนางให้เหมือนกับบ้านซุงของทางยุโรปที่ใช่ไม้ทั้งต้นผ่าครึ่งสร้างออกมา คือยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยมีระเบียงด้านหน้ามีห้องโถงขนาดใหญ่ภายในยังทำเตาผิงเอาไว้เผื่อหน้าหนาวและทำห้องนอนห้าห้อง ห้องนอนของนางและลูกน้อยทั้งสองนั้นนางวาดด้านในให้มีเตาผิงเล็กๆ เอาไว้ด้วยด้านข้างเรือนมีห้องครัวหนึ่งห้องห้องน้ำส่วนตัวสามห้องและห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกเรือนหนึ่งห้อง ห้องน้ำที่เฉียวลู่ออกแบบแตกต่างจากห้องน้ำของที่นี่โดยสิ้นเชิงนางทำห้องอาบน้ำกับห้องน้ำแยกกันกั้นเอาไว้ครึ่งหนึ่งทำให้เมื่ออีกคนอาบน้ำจะมองไม่เห็นอีกคนที่กำลังนั่งส้วมอยู่
ห้องส้วมของนางก็ยังให้นายช่างใหญ่อู๋ทำให้คล้ายกับชักโครกของยุคปัจจุบันที่สุด นางไม่ชอบการต้องนั่งยองๆ ทุกวันนี้เฉียวลู่ต้องทำใจทุกครั้งที่นางไปปลดทุกข์ต้องอั้นจนถึงที่สุดนางถึงจะไป จนตอนนี้เฉียวลู่แทบจะกลัวว่าตนเองจะท้องผูกแล้ว ห้องนอนแยกอีกสองห้อง หนึ่งห้องเฉียวลู่คิดจะทำเป็ห้องนอนแขกส่วนอีกห้องเอาไว้เก็บของด้านล้างนางยังทำห้องใต้ดินเอาไว้เก็บอาหารใน่หน้าหนาว เฉียวลู่ส่งกระดาษที่นางวาดแบบออกมาอย่างละเอียดส่งให้นายช่างอู๋ดู เขามองแบบที่เฉียวลู่วาดจากนั้นจึงหันไปมองเ้าของฝีมือที่วาดออกมาได้อย่างละเอียด
“แม่นางเ้ามีความรู้เื่ออกแบบเช่นนั้นหรือ”
เฉียวลู่ส่ายหน้า
“ข้าวาดออกมาจากจินตนาการของข้าเท่านั้นเ้าค่ะ ข้าแค่คำนึงถึงตนเองและบุตรชายทั้งสองเมื่อยามที่ต้องทนหนาวในกระท่อมผุพัง ดังนั้นที่วาดออกมาทั้งหมดนั้นก็แค่คำนึงถึงความสะดวกในยามหน้าหนาวก็เท่านั้น”
นายช่างอู๋พยักหน้าเห็นด้วยกับนางจากนั้นเขาก็ตีราคาบ้านให้เฉียวลู่คือหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงรวมค่าอุปกรณ์การสร้างทั้งหมด เรือนของนางใช้ไม้ทั้งหลัง ดังนั้นเื่หลักคือต้องไปตัดไม้ให้พอกับบ้านทั้งหลังของนาง เฉียวลู่นึกอยากล้อมรั้วขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยของนางและลูกน้อยทั้งสองแต่ว่าที่ดินของนางมีขนาดเท่าไหร่นั้นนางยังไม่รู้เลย เอาเถอะกลับไปค่อยไปถามท่านยายแล้วกัน
เมื่อคุยตกลงทำสัญญาเรียบร้อยแล้วเฉียวลู่จ่ายเงินหกสิบตำลึงเป็ค่ามัดจำจากนั้นนางจึงขอตัวลา เมื่อเกวียนวัวย้อนกลับมาที่อำเภอเป่ยจิงเฉียวลู่ให้จางหย่งพานางไปที่จีหม่านโหรวอีกครั้ง นางขอเข้าพบเถ้าแก่จีและเสนอขายสูตรอาหารแก่เขาสองสามสูตรที่ทำจากกุ้ง ที่นางทำเช่นนี้เพราะนางกลัวว่าเงินที่นางเก็บเอาไว้จะไม่พอสำหรับค่าสร้างบ้านของนาง รั้วก็ต้องทำบ่อน้ำก็ต้องขุดนางต้องหาเงินไว้มากๆ เผื่อเอาไว้ยามหน้าหนาวที่กำลังใกล้เข้ามาด้วย
