หลังจากองครักษ์คนนั้นไปแล้ว เสี่ยวอวี่ก็มองหลิงชวนด้วยใบหน้าร้อนรน นางเคยเจอหลิงชวนอยู่หลายครั้งจึงคิดว่าเชื่อถือได้ “ข้ามีเื่สำคัญจะมาพบเ้านายของเ้า เกิดเื่กับคุณหนูแล้ว”
หลิงชวนพอได้ยินว่าเกิดเื่กับซูิเยว่คิ้วก็ขมวดเข้าหากัน เขาหมุนตัวเคาะประตูแล้วพูดเสียงเข้ม “ฝ่าา สาวใช้ข้างกายของคุณหนูซูิเยว่มาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงเย็นของบุรุษดังมาจากด้านในประตู “เข้ามา”
หลิงชวนผลักประตูเข้าไปแล้วพาเสี่ยวอวี่เข้าไป ภายในประตู จี๋โม่หานกำลังนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือ บนโต๊ะกางกระดาษเอาไว้ บนกระดาษมีดอกเหอฮวานสีแดงดอกหนึ่งอยู่
จี๋โม่หานมือถือพู่กัน หลับตาวาดก้านดอกไม้ ถึงแม้จะตาบอด แต่ก็เหมือนจะไม่ส่งผลอะไรต่อการเคลื่อนไหวของเขา
เสี่ยวอวี่เดินเข้าไปแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าโต๊ะ “หนูปีมาขอร้องให้องค์ชายสามโปรดช่วยคุณหนูด้วยเพคะ”
มือของจี๋โม่หานชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าเองก็เข้มขึ้นมาทันที เขาวางพู่กันลงแล้วหันไปทางที่เสี่ยวอวี่อยู่ก่อนจะพูดเสียงเข้ม “คุณหนูของเ้าเป็อะไร?”
เสี่ยวอวี่จึงเล่าเื่ที่เจอกับองค์หญิงสีให้ฟังคร่าวๆ เื่พวกนี้จี๋โม่หานรู้อยู่แล้ว จากนั้นเสี่ยวอวี่ก็เล่าเื่ที่ซูิเยว่ถูกหลันจาวอี้เรียกเข้าวังไป
“คุณหนูบอกว่าหากนางไม่เป็อะไรก็จะกลับมาภายในสองชั่วโมง แต่หากภายในสองชั่วโมงยังไม่กลับมาก็ให้หนูปีนำแผ่นป้ายนี้มาหาท่านเพคะ ตอนนี้ผ่านไปสองชั่วยามกว่าแล้ว ยังไม่มีข่าวคราวคุณหนูมาเลย จะต้องเกิดเื่อะไรแน่นอนเพคะ ขอองค์ชายสามได้โปรดช่วยคุณหนูด้วยเพคะ”
น้ำเสียงของเสี่ยวอวี่สะอึกสะอื้นขึ้นมาแล้วเอาหัวโขกพื้นอยู่หลายครั้ง
จี๋โม่หานไม่ได้พูดอะไร หลิงชวนมองต่อไปไม่ไหวจึงพูดขึ้น “แม่นาง เ้าลุกขึ้นก่อนเถิด”
เสี่ยวอวี่มองจี๋โม่หานแล้วก็มองไปทางหลิงชวน นางยังไม่ขยับ
“เ้าลุกขึ้นมาเถิด” จี๋โม่หานพูดเสียงเย็น “หลิงชวนเตรียมรถ ข้าจะเข้าวัง”
เสี่ยวอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ นางรีบลุกขึ้นมา “ขอบพระทัยเพคะองค์ชายสาม”
จื๋อหลันเตรียมรถม้าเอาไว้สองคัน จี๋โม่หานนั่งอยู่บนรถคันหน้า จื๋อหลันเป็คนขับ หลิงชวนนั่งอยู่คันด้านหลังกับเสี่ยวอวี่
ระหว่างทางไปวัง เสี่ยวอวี่นั่งอยู่บนรถม้าด้วยใจที่ไม่สงบ สีหน้าร้อนใจ นางกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูของตัวเองในวัง
ปกติแล้วใต้เท้าซูเ็าและไม่ได้รักใคร่คุณหนูมาแต่ไหนแต่ไรอย่างที่คุณหนูบอก หากเกิดอะไรขึ้นกับนางจริงๆ คาดว่าเขาก็คงไม่คิดจะสนใจ
“แม่นางอย่ากังวลใจมากไปเลย” หลิงชวนทนมองต่อไปไม่ไหวจริงๆ ถึงได้เอ่ยปลอบใจ “คุณหนูของเ้าทำอะไรรอบคอบ อีกทั้งหลันจาวอี้ก็ไม่มีทางทำอะไรคุณหนูของเ้าได้หรอก”
เพียงครู่เดียวรถม้าก็มาหยุดหน้าประตูวัง จี๋โม่หานกลับไม่ได้รีบร้อนเข้าวัง แต่ส่งจื๋อหลันไปสอบถามข่าวคราวมาก่อน
เสี่ยวอวี่เปิดผ้าม่านดูด้านนอกอย่างร้อนรนแล้วเอ่ยถาม “เหตุใดยังไม่เข้าไปในวังหรือเ้าคะ?”
“เ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป” หลิงชวนอธิบาย “ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่แน่ชัด องค์ชายสามได้ส่งคนไปสอบถามแล้ว หากพวกเราไม่รู้ว่าด้านในสถานการณ์เป็อย่างไรแล้วบุกเข้าไปช่วยเลย เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสม”
เสี่ยวอวี่จึงได้เบาใจลง
จื๋อหลันที่ถูกส่งออกไปสอบถามสถานการณ์เพียงครู่เดียวก็กลับมา เขารายงานสถานการณ์ภายในวังให้จี๋โม่หานฟัง “ท่านอ๋อง คุณหนูซูไม่เป็อะไรพ่ะย่ะค่ะ คนของพวกเราในวังบอกว่า หลันจาวอี้อยากจะรังแกคุณหนูซูจริงๆ แต่โชคดีที่ฮองเฮาเวินเยว่ออกหน้าช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ทันเวลา ตอนนี้นางอยู่กับฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม” จี๋โม่หานตอบรับเสียงเรียบ อารมณ์ที่เคร่งเครียดตลอดก็เริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย “เช่นนั้นก็รอตรงนี้แล้วกัน”
“ขอรับ!”
จื๋อหลันไปที่รถม้าด้านหลังแล้วบอกเื่ราวในวังให้พวกหลิงชวนฟัง พวกเขาถึงได้วางใจลงได้
เสี่ยวอวี่ฟังจบแล้วก็ตะลึงตาค้างเล็กน้อย “เ้าบอกว่า...คุณหนูไม่เป็อะไร เพียงแต่ตอนนี้อยู่กับฮองเฮาหรือ?”
“ใช่ ตอนนี้แม่นางก็วางใจได้แล้วล่ะ คุณหนูของเ้าไม่เป็อะไรจริงๆ”
ที่แท้ก็ใเก้อไป โชคดีที่คุณหนูของนางไม่เป็อะไร
เสี่ยวอวี่ถอนหายใจแรง จนกระทั่งอารมณ์เริ่มสงบลงแล้วก็รู้สึกเขินขึ้นมาเล็กน้อย ตนยังไม่รู้สถานการณ์ให้ดีก่อน หากจี๋โม่หานเข้าไปจริงๆ เช่นนั้นไม่แน่อาจจะกลายเป็เื่ใหญ่ไปแล้ว
เสี่ยวอวี่มองหลิงชวนด้วยแววตารู้สึกผิด นางพูดเสียงเบา “ขอโทษจริงๆ เ้าค่ะ ยังไม่ทันได้รู้สถานการณ์ชัดเจนก็ร้อนใจไปก่อนแล้ว อีกทั้งทำให้เ้านายของเ้าต้องมาลำบากไปด้วยเลย”
“ไม่เป็ไรหรอก เ้าเองก็เป็ห่วงความปลอดภัยของคุณหนู” หลิงชวนปลอบ อีกทั้งเขาเองก็มองออกว่าตอนที่นางบอกว่าเกิดเื่กับคุณหนู ที่จริงแล้วเ้านายของเขาเองก็เป็ห่วงเช่นกัน เป็ครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นเ้านายห่วงใยสตรีเช่นนี้
ถึงแม้สีหน้าจะไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก แต่เขาที่ติดตามข้างกายจี๋โม่หานมาหลายปี แค่มองก็รู้แล้ว
“เช่นนั้นตอนนี้....” เสี่ยวอวี่อ้ำอึ้งพูดเสียงเบา “พวกเ้าจะกลับกันเลยหรือไม่?”
หลิงชวนส่ายหน้าแล้วเปิดผ้าม่านออกมองออกไปด้านนอก “ท่านอ๋องไม่ได้มีรับสั่งอะไร ก็รออยู่ที่นี่แหละ”
เสี่ยวอวี่ได้ยินก็ถอนหายใจ ถึงแม้ซูิเยว่จะไม่เป็อะไร แต่พอจี๋โม่หานอยู่ที่นี่แล้ว นางถึงได้ค่อนข้างวางใจ จากนั้นพวกเขาก็รออยู่ตรงนี้ตลอด ผ่านไปสี่ชั่วยามกว่าถึงได้เห็นร่างเพรียวบางเดินออกมาจากประตูวัง
เดิมทีซูิเยว่คิดว่าระยะทางจากจากวังมู่หว่านกับหน้าประตูวังคงจะใกล้ ใครจะไปรู้ว่าเส้นทางที่ดูเหมือนไม่ไกล พอเดินทีก็เดินอยู่นานกว่าจะถึง
เมื่อออกจากประตูวังแล้วเดินหน้าไปได้่หนึ่งก็เจอถนนใหญ่ของเมืองหลวง ตอนแรกนางวางแผนจะจ้างรถม้ากลับไป แต่พอเดินออกจากประตูวังแล้ว นางก็เห็นรถม้าสองคันจอดอยู่
ซูิเยว่ไม่ได้สนใจแล้วเดินหน้าต่อ แต่นางเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงของเสี่ยวอวี่
“คุณหนู” ฝีเท้าของซูิเยว่หยุดลงแล้วหันไปมอง เสี่ยวอวี่ที่ลงมาจากรถม้าคันด้านหลัง นางวิ่งมาหาซูิเยว่ด้วยสีหน้าดีใจ
“คุณหนู”
ซูิเยว่ใ “เสี่ยวอวี่ เหตุใดเ้าถึงอยู่ที่นี่?”
เสี่ยวอวี่ยังไม่ทันได้ตอบ หลิงชวนก็ลงจากรถแล้วเดินมาทางนี้ “คุณหนูซู”
ซูิเยว่เบิกตากว้างเล็กน้อย นางมองเสี่ยวอวี่แล้วก็มองหลิงชวน ตอนนั้นนางก็เข้าใจอะไรขึ้นมา
“คุณหนู” เสี่ยวอวี่พูดอธิบายเสียงเบา “ท่านบอกกับข้าไม่ใช่หรือ ว่าหากเลยสองชั่วยามแล้วท่านยังไม่กลับมาก็ให้ข้านำป้ายของท่านไปหาองค์ชายสาม ข้าก็ไปมาแล้วเ้าค่ะ”
ซูิเยว่กุมหน้าผากเงียบๆ แล้วมองรถม้าที่อยู่ด้านหลังเสี่ยวอวี่ ซึ่งจื๋อหลันเองก็ได้เปิดผ้าม่านเดินออกมาพอดี “คุณหนูซู”
งานยากแล้วจริงๆ ในใจของซูิเยว่ตอนนั้นมีแต่ความหน่ายใจ นางเองก็คิดไม่ถึงว่าในวังจะเกิดเื่ขึ้นมากมาย หากรู้มาก่อนนางก็คงไม่กำชับเสี่ยวอวี่ไว้
“คุณหนู ท่านไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?” เสี่ยวอวี่เดินวนรอบนาง สายตาก็มองนางจากบนลงล่างอยู่หลายครั้ง